เครือข่ายประชาชนยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรียกร้องความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนในลุ่มน้ำกก–สาย–รวก–โขง
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 08.00 น. ที่ โรงแรมเลอ เมอริเดียน รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก สาย รวก โขง และเครือข่ายประชาชนไทยเพื่อแม่น้ำโขง นำโดยนางสาวเพียรพร ดีเทศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ ได้เข้าพบคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ซึ่งจัดประชุมเนื่องในวาระครบรอบ 30 ปี ข้อตกลงแม่น้ำโขง 1995 (Mekong Agreement) เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำกก สาย รวก และโขง

ภายหลังการหารือ เครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ผ่าน ดร.รัชดา ธนาดิเรก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณานำประเด็นผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพน้ำเข้าสู่กระบวนการหารือระดับภูมิภาคอย่างเร่งด่วน โดยมีใจความสำคัญดังนี้
ประชาชนในลุ่มน้ำกก สาย รวก และโขง มีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพน้ำและการปนเปื้อนสารโลหะหนัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำ การประมง ความมั่นคงทางอาหาร และสุขภาพของประชาชนในหลายจังหวัดของไทย รวมถึงพื้นที่ลุ่มน้ำโขงฝั่งตรงข้ามของประเทศเพื่อนบ้าน
เครือข่ายฯ เห็นว่าปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำโขงตอนบนเป็นประเด็นร่วมของภูมิภาค ที่ทุกประเทศควรร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ระบบนิเวศและการใช้ทรัพยากรน้ำเกิดความยั่งยืน

เครือข่ายฯ ขอเสนอให้ MRC พิจารณาเพิ่มความสำคัญในยุทธศาสตร์ด้านข้อมูล การติดตามคุณภาพน้ำ การคาดการณ์สถานการณ์ และการบริหารจัดการลุ่มน้ำในภาพรวม เพื่อให้สามารถเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอเสนอมาตรการเร่งด่วน อาทิ การตรวจคุณภาพน้ำตลอดลุ่มน้ำโขง การเผยแพร่ข้อมูลความปลอดภัยต่อสาธารณะ และการส่งเสริมการร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ
เครือข่ายฯ แสดงความหวังว่า การหารือครั้งนี้จะนำไปสู่การประสานงานที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกในลุ่มน้ำโขง และจะช่วยให้การจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปตามหลัก “Meeting the Needs, Keeping the Balance” และ “Empowering the Next Generation” เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนหลายสิบล้านคนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
การเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการกระตุ้นความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อรักษาความสมดุลของแม่น้ำโขงและลุ่มน้ำสาขาอย่างยั่งยืนต่อไป.