เผยภาพกู้โบอิ้งนกแอร์ขวางรันเวย์สนามบินเชียงราย ล่าสุดยกหัวขึ้นเทรลเลอร์-ลุ้นลากขึ้นได้คืนนี้

วันนี้ (3 ส.ค.65) นาวาตรี ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) แถลงความคืบหน้าการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน Boeing 737-800 ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD-108 ที่ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง และขวางรันเวย์ ทชร. ตั้งแต่คืนวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา

และเมื่อหน่วยงานต่างๆ ระดมกำลังกันยกล้อหน้าที่จมดินและใช้อุปกรณ์ลากจูงเครื่องปรากฎว่าล้อ Main landing gear ด้านซ้ายได้เกิดการทรุดจมลึกในดินอีก ทำให้ต้องขยายระยะเวลาปิดรันเวย์จากเดิม 22.00 น.วันที่ 3 ส.ค.ไปเป็นเวลา 22.00 น.วันที่ 5 ส.ค.

นาวาตรี ดร.สมชนก เปิดเผยว่าหลังเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมพื้นที่ทรายหลุมหมายเลข 7 เป็นจุดลากเครื่องบินออกจากจุดเกิดเหตุมาจอดแล้ว ส่วนจุดที่เครื่องบินทรุดได้ใช้สายเคเบิ้ลและรถเครนวางตำแหน่งล้อหัวที่หักไปให้เข้าที่แล้วลากถอยหลังเพื่อดึงออกจากดิน เบื้องต้นจะใช้รถเทรลเลอร์วางแทนล้อหน้า ซึ่งสามารถลากจูงเครื่องเคลื่อนออกมาจากดินแล้ว แต่ปรากฎว่าเมื่อลากได้ระยะหนึ่งล้อ Main landing gear ด้านซ้ายได้ทรุดจมดินลงไปอีกเพราะฝนตกลงมาทำให้ต้องหยุดการลากจูงไว้ จากการตรวจสอบไม่พบความเสียหายของสายเคเบิ้ล ส่วนล้อขวาสามารถขึ้นจากดินและห่างจากจุดแรกประมาณ 4 เมตร

ณ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำเบาะลมวางสอดไว้เพื่อจะยกเครื่องบินที่เอียงซ้ายขึ้นสู่ระดับปกติ และอยู่ระหว่างปรับพื้นดินถมหินเข้าไปเพิ่มเติม โดยเฉพาะด้านซ้ายเพื่อป้องกันการไถลหรือดินทรุด จากนั้นมีแผนจะใช้เครนขนาด 50 ตัน ค่อยๆ ยกเครื่องบินขึ้น ดังนั้นจึงมีการขยายระยะเวลาการปิดรันเวย์ออกไปอีก 2 วัน คือวันที่ 4-5 ส.ค.นี้ เนื่องจากสายการบินต่างๆ ต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมเที่ยวบินรองรับที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง

ซึ่งถ้าหากสามารถยกและลากจูงเครื่องออกมาได้ก่อนวันที่ 5 ส.ค.ก็จะรีบแจ้งสายการบินต่างๆ เพื่อให้ยกเลิกการจัดเตรียมดังกล่าวได้ แต่ทุกขั้นตอนต้องใช้เวลาและต้องมีความปลอดภัย

ผู้อำนวยการ ทชร.กล่าวอีกว่าล่าสุดเช้าวันนี้ยังคงเตรียมการเพื่อจะลากเครื่องบินจากทางด้านหลังเช่นเดิม จะเริ่มทำการลากเครื่องบินอีกครั้งระยะทางประมาณ 200 เมตร โดยอาศัยบทเรียนจากการทรุดของดินที่ผ่านมาเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุดินทรุดอีก

แผนการคือลากจูงเครื่องกลับขึ้นไปบนรันเวย์ได้ด้วยวงเลี้ยวแคบๆ เพื่อนำไปยังพื้นที่จอดได้ต่อไป ซึ่งจะต้องรอข่าวดีที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 22.00 น.อีกรอบ จากนั้นจะมีการทำความสะอาดรันเวย์เพื่อให้สามารถเปิดทำการบินได้ในวันที่ 4 ส.ค.หรือเร็วกว่าที่กำหนดไว้ให้ได้

นาวาตรี ดร.สมชนก กล่าวด้วยว่าเนื่องจากเครื่องบินลำนี้มีน้ำหนักกว่า 41 ตัน ล้อหน้าแตกและเบี้ยว ส่วนล้อหลังยางแตก เมื่อมีการจมดินก็จะจมลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีน้ำใต้ดินทำให้ขุดขึ้นชักขึ้นมาได้ยากมาก ดังนั้นทุกอย่างต้องทำงานแข่งกันเวลาและสู้กับภัยธรรมชาติ พอฝนตกหนักลงมาก็ทำให้เป็นอุปสรรค แต่ยืนยันว่าเครื่องมืออุปกรณ์ในการปฏิบัติครบ 100% มาตั้งแต่ต้นแล้ว โดยมีการปรับใช้อุปกรณ์ตามความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ.

ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9650000073699

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
“กองทัพอากาศ” โชว์ขีดความสามารถสนามบินเชียงราย (ฝูงบิน 416) รองรับศูนย์กลางภารกิจการช่วยเหลือประชาชนภาคเหนือตอนบน
ตารางการบิน ประจำเดือนมกราคม 2567_ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
อัพเดท! ตารางเดินรถประจำทางสาธารณะ รับ-ส่งท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เข้าเมืองเชียงราย
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงขอความร่วมมือ “งดเว้น” การจุดพลุ ️การปล่อยลูกโป่ง ️การปล่อยโคมลอย การจายลำแสงขึ้นท้องฟ้า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง
สายการบินเวียตเจ็ท ฟื้นเส้นทางเชียงราย – ภูเก็ต จ่อขยายเส้นทางบินอาเซียนอีก
เส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ-ลำปาง-แม่ฮ่องสอน เริ่มไฟลท์แรกวันพุธที่ 2 สิงหาคม 2566 นี้