เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 22:25:47
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ---หยาดเหงื่อเพื่อลูกค้า--- (ราชาค้าปลีกเปิดใจ บริการอย่างไรผูกใจลูกค้า)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน ---หยาดเหงื่อเพื่อลูกค้า--- (ราชาค้าปลีกเปิดใจ บริการอย่างไรผูกใจลูกค้า)  (อ่าน 3664 ครั้ง)
Rainyday
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 01:27:42 »

การรับมือกับคำตำหนิ
จะเปลี่ยนจากคำตำหนิที่เป็นภาระด้านต้นทุน
ให้กลายเป็นโอกาสทำกำไร

ควินน์ ทำอย่างไร

1. ขอโทษทันที : เพื่อช่วยให้กระบวนการที่เหลือดำเนินต่อไปได้

2. เชื่อลูกค้า :
    ลูกค้าที่หาทางเอาเปรียบจากกระบวนการร้องเรียน มีอยู่จริง แต่น้อยมาก
    เราจึงไม่ควรระแวง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นลูกค้าที่จริงใจ
    ถ้าบรรยากาศระแวง ลูกค้าจะเลิกให้ข้อมูล

3. อย่าทำให้ลูกค้าคิดว่าเขาเป็นฝ่ายผิด
    เพราะเราจะไม่มีวันชนะใจลูกค้าได้เลย

    ลูกค้าอาจไม่เป็นฝ่ายถูกเสมอไป
    แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะไปบอกว่าเขาเป็นฝ่ายผิด

4.  อย่าโยนกลอง ยอมรับผิดชอบ
     ไม่มีอะไรทำให้ลูกค้าโกรธมากไปกว่า
     การปัดความรับผิดชอบ จากคนนี้ไปให้คนนั้น
     พยายามทำให้แน่ใจว่า ลูกค้าจะติเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
     เพราะการให้ลูกค้าเล่าเรื่องหลายครั้ง จะทำให้ทวีความโกรธมากขึ้น

     แม้บางครั้ง ไม่ใช่ความผิดของใครเลยก็ตาม  
     ก็ถือเป็นความรับผิดชอบที่เราต้องแก้ไขให้ได้

5. พยายามจัดการกับคำติ ให้เร็วที่สุด
    ถ้าไม่รีบแก้ไข   โอกาสที่ลูกค้าจะนำปัญหาที่เขาเจอ
    ไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อ ก็จะมากยิ่งขึ้น

6. เหนืออื่นใด ให้ลูกค้ารับรู้ว่าเรายินดีต้อนรับคำติด้วยความเต็มใจ
    ด้วยการ รับมือกับคำติอย่างถูกต้องเหมาะสม
    ลูกค้าจะบอกต่อกัน และรับรู้ในเวลาไม่นานัก

7. ท้ายสุด อย่าลืมขอบคุณลูกค้าที่ให้คำติโดยเด็ดขาด
    หากเราสร้างทัศนคติที่ดีต่อการติได้ เราจะรู้สึกชื่นชมลูกค้าที่มาติติงอย่างจริงใจ

ควินน์สรุปบทนี้ไว้ว่า
เราสามารถเปลี่ยนคำตำหนิให้เป็นผลประโยชน์ได้ และก็ควรจะทำด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 01:54:01 โดย Rainyday » IP : บันทึกการเข้า
Rainyday
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 01:54:53 »

วันหลังมาต่อเจ๊า
IP : บันทึกการเข้า
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 02 มิถุนายน 2011, 05:52:09 »

   เป็นกระทู้ที่ผู้ทำกิจการค้าปลีก ธุรกิจบริการต่างๆ น่าศึกษา นำไปประยุกต์ใช้ครับ ติดตามอ่านอยู่
แม้ตอนนี้ไม่ได้ทำกิจการค้าปลีก และธุรกิจบริการใดๆแล้ว (เลิกหมด)... ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 13:06:34 »

ผมขออาศัยพื้นที่ครับ  ยิงฟันยิ้ม

ชัยชนะที่ปลายจมูก
ผมชอบการตลาดนอกตำรา คำว่า “มาร์เก็ตติ้ง” ในการทำธุรกิจของผม เรียนรู้จากศาสตร์ชีวิตประจำวันรอบตัว ผมเรียกมันว่าวิชา “ตลาดกลิ้ง”


กลิ้งเข้าไปสัมผัสคลุกคลีกับลูกค้า กลิ้งไปดูทุกรายละเอียด เข้าไปนั่งอยู่ในใจลูกค้ารู้ว่าเขาต้องการอะไร

รายละเอียดพวกนี้หาไม่ได้บนโต๊ะทำงานของคุณนะครับ แต่ถ้าคุณขยันเก็บรายละเอียด ยิ่งเก็บมากเท่าไหร่ โอกาสพัฒนาสินค้าให้โดนใจก็มีมากเท่านั้น





วิชาสามัญที่ผมใช้ตลอดทุกครั้ง คือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ใส่ใจทุกรายละเอียด ไม่มองข้ามแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย

เพราะความแตกต่างเพียง “นิดเดียว” นี่แหละครับ คือ ความสำเร็จปลายจมูกที่เฉือนเอาชนะคู่แข่ง

ผมได้บทเรียนนี้จากครั้งแรกและครั้งเดียวที่เข้าสนามม้าเสียท่าหมดเงิน 50 บาทเพราะอยากรู้อยากลองคราวนั้น สอนผมจดจำไปทั้งชีวิต ในสนามแข่งม้า ชัยชนะเขาวัดกันที่การถึง “เส้นชัย” ไม่ใช่ที่ “ปลายเท้า” แต่แพ้-ชนะกันที่ “ปลายจมูก” ระหว่างทางต่อให้โชว์ฟอร์มดิบดีแค่ไหน แต่ถ้าพลาดจังหวะสุดท้ายลืมพุ่งจมูกเข้าถึงเส้นชัยก่อนคู่แข่งก็เท่ากับตายตอนจบ..พุ่งไปไม่ถึงความสำเร็จ


การทำธุรกิจก็เหมือนกัน ไม่มีกติกาว่าใครคิดก่อน รู้ก่อน ทำก่อนแล้วจะสำเร็จ แต่มันขึ้นอยู่กับว่านาทีสุดท้ายคุณทำทันหรือเปล่าหรือทำถูกจังหวะเวลาหรือเปล่า ชีวิตจริงคนเราก็แบบนี้ บางทีมันอยู่ที่ “นิดเดียว” จริงๆ ครับ ใครเก่งกว่าใคร ใครสวยกว่ากันอาจเฉือนกันไม่ลง โค้งสุดท้ายสาวงามคนไหนตอบคำถามได้ชนะใจกรรมการก็อาจคว้ามงกุฎกับสายสะพายไปครอง

ยิงปืนจะโดนไม่โดน จังหวะลั่นไกอยู่แค่เสี้ยววินาที ระหว่างน้ำท่วมปากกับท่วมจมูก ความแตกต่างแค่เส้นยาแดงนิดเดียว แต่ผลลัพธ์แตกต่างไม่ใช่แค่หน้ามือกับหลังมือ ผมเชื่อว่าความลับความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ใครเก่งกว่า ดีกว่าเท่านั้นถึงจะเป็นที่หนึ่ง ตอนเริ่มต้นธุรกิจ ผมไม่ได้มีอะไรเหนือไปกว่าคนอื่นๆ แต่เพราะเชื่อในชัยชนะปลายจมูก ผมจึงแตกต่างด้วยวิธีคิดและทำมากกว่าคนอื่นอีก “นิดหนึ่ง” เสมอ

สมัยเริ่มธุรกิจแผงขายหนังสือเล็กๆ ร้านผมกับคู่แข่งทำเลก็พอๆ กัน แต่ขายดีกว่าเพราะผมได้เปรียบอีกนิดหนึ่งตรงที่ลูกขยัน ร้านเราเปิดก่อนแต่ปิดทีหลังสุด คนอื่นเฝ้าร้านนั่งอ่านหนังสือ แต่ผมใช้สายตาส่งยิ้มให้ลูกค้า คอยจดจำว่าใครเป็นแฟนหนังสือเล่มไหน หลายต่อหลายธุรกิจที่ผมชนะได้ก็เพราะ “ใจ” ล้วนๆ หลักการง่ายๆ คือ โดนใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำอะไรให้ลูกค้าเกิดความประทับใจสุดๆตอนทำแคมเปญรวยฟ้าผ่า 30 ฝา 30 ล้าน เราไม่ใช่เจ้าแรกที่กล้าแจกเงินล้าน แต่เราแตกต่างตรงที่แจกจริง แจกเร็ว ผมไปแจกเองทันทีใน 24 ชั่วโมง รุ่งเช้ากลายเป็นข่าวทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์


อะไรที่คนอื่นทำไม่ถึง ทำไม่ได้ ไม่เคยทำ แต่คุณทำได้ คุณจะได้ใจลูกค้าไปเต็มๆบางทีถึงไม่ได้เงิน แต่ก็ได้แบรนด์ แต่ถ้าทำดีๆ คุณก็อาจจะได้ทั้งแบรนด์ ได้ทั้งเงิน แคมเปญยอดนิยม “ไปแต่ตัว ทัวร์ยกแก๊ง” ที่เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ เพราะให้ในสิ่งที่ลูกค้าคาดไม่ถึง ปาฏิหาริย์ยอดขายจึงเกิดขึ้น


หลายแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ เพราะเราคิดมากกว่าเจ้าอื่นที่เคยทำเพียงนิดเดียวถ้าคิดจะทำแคมเปญ “ให้” แล้ว ผมชอบคำว่าสุดๆ จะถึงใจ..ใจต้องถึง อย่าทำครึ่งๆ กลางๆ ตัวอย่างเช่นแคมเปญแจกรถยนต์ มีแต่คนให้รถแต่ไม่รวมภาษี แต่ผมชอบแจกจริง ออกภาษีทำประกันทุกอย่างให้ฟรี แถมเติมน้ำมันให้อีกเต็มถัง คุณคิดว่าอย่างไหนลูกค้าประทับใจมากกว่ากันครับบางทีแค่ทำมากกว่าอีกนิดเดียว แต่ชัยชนะแค่ปลายจมูกอาจเทียบกันไม่ติด

คำว่า “มาร์เก็ตติ้ง” จึงหมายถึง “ตลาดกลิ้ง” ที่สอนให้ผมไม่เคยคิดอะไรแค่มุมเดียว ทุกโจทย์การแข่งขันต้องกลิ้งไปให้ลงลึกถึงรายละเอียดใครคิดและทำมากกว่าอีกด้านหนึ่ง พิชิตใจลูกค้าได้มากกว่าคู่แข่ง คนนั้นคือผู้ชนะครับ




* 60210n_2l.jpg (16.48 KB, 420x265 - ดู 128 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
annda
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 490


« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 25 กรกฎาคม 2011, 22:51:21 »

ขอบคุณ คำแนะนำดีดีค่ะ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
บจก.กิจเจริญป่าแดด
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 160



« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 01 สิงหาคม 2011, 21:34:43 »

ผมขออาศัยพื้นที่ครับ  ยิงฟันยิ้ม

ชัยชนะที่ปลายจมูก
ผมชอบการตลาดนอกตำรา คำว่า “มาร์เก็ตติ้ง” ในการทำธุรกิจของผม เรียนรู้จากศาสตร์ชีวิตประจำวันรอบตัว ผมเรียกมันว่าวิชา “ตลาดกลิ้ง”


กลิ้งเข้าไปสัมผัสคลุกคลีกับลูกค้า กลิ้งไปดูทุกรายละเอียด เข้าไปนั่งอยู่ในใจลูกค้ารู้ว่าเขาต้องการอะไร

รายละเอียดพวกนี้หาไม่ได้บนโต๊ะทำงานของคุณนะครับ แต่ถ้าคุณขยันเก็บรายละเอียด ยิ่งเก็บมากเท่าไหร่ โอกาสพัฒนาสินค้าให้โดนใจก็มีมากเท่านั้น





วิชาสามัญที่ผมใช้ตลอดทุกครั้ง คือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ใส่ใจทุกรายละเอียด ไม่มองข้ามแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย

เพราะความแตกต่างเพียง “นิดเดียว” นี่แหละครับ คือ ความสำเร็จปลายจมูกที่เฉือนเอาชนะคู่แข่ง

ผมได้บทเรียนนี้จากครั้งแรกและครั้งเดียวที่เข้าสนามม้าเสียท่าหมดเงิน 50 บาทเพราะอยากรู้อยากลองคราวนั้น สอนผมจดจำไปทั้งชีวิต ในสนามแข่งม้า ชัยชนะเขาวัดกันที่การถึง “เส้นชัย” ไม่ใช่ที่ “ปลายเท้า” แต่แพ้-ชนะกันที่ “ปลายจมูก” ระหว่างทางต่อให้โชว์ฟอร์มดิบดีแค่ไหน แต่ถ้าพลาดจังหวะสุดท้ายลืมพุ่งจมูกเข้าถึงเส้นชัยก่อนคู่แข่งก็เท่ากับตายตอนจบ..พุ่งไปไม่ถึงความสำเร็จ


การทำธุรกิจก็เหมือนกัน ไม่มีกติกาว่าใครคิดก่อน รู้ก่อน ทำก่อนแล้วจะสำเร็จ แต่มันขึ้นอยู่กับว่านาทีสุดท้ายคุณทำทันหรือเปล่าหรือทำถูกจังหวะเวลาหรือเปล่า ชีวิตจริงคนเราก็แบบนี้ บางทีมันอยู่ที่ “นิดเดียว” จริงๆ ครับ ใครเก่งกว่าใคร ใครสวยกว่ากันอาจเฉือนกันไม่ลง โค้งสุดท้ายสาวงามคนไหนตอบคำถามได้ชนะใจกรรมการก็อาจคว้ามงกุฎกับสายสะพายไปครอง

ยิงปืนจะโดนไม่โดน จังหวะลั่นไกอยู่แค่เสี้ยววินาที ระหว่างน้ำท่วมปากกับท่วมจมูก ความแตกต่างแค่เส้นยาแดงนิดเดียว แต่ผลลัพธ์แตกต่างไม่ใช่แค่หน้ามือกับหลังมือ ผมเชื่อว่าความลับความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ใครเก่งกว่า ดีกว่าเท่านั้นถึงจะเป็นที่หนึ่ง ตอนเริ่มต้นธุรกิจ ผมไม่ได้มีอะไรเหนือไปกว่าคนอื่นๆ แต่เพราะเชื่อในชัยชนะปลายจมูก ผมจึงแตกต่างด้วยวิธีคิดและทำมากกว่าคนอื่นอีก “นิดหนึ่ง” เสมอ

สมัยเริ่มธุรกิจแผงขายหนังสือเล็กๆ ร้านผมกับคู่แข่งทำเลก็พอๆ กัน แต่ขายดีกว่าเพราะผมได้เปรียบอีกนิดหนึ่งตรงที่ลูกขยัน ร้านเราเปิดก่อนแต่ปิดทีหลังสุด คนอื่นเฝ้าร้านนั่งอ่านหนังสือ แต่ผมใช้สายตาส่งยิ้มให้ลูกค้า คอยจดจำว่าใครเป็นแฟนหนังสือเล่มไหน หลายต่อหลายธุรกิจที่ผมชนะได้ก็เพราะ “ใจ” ล้วนๆ หลักการง่ายๆ คือ โดนใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำอะไรให้ลูกค้าเกิดความประทับใจสุดๆตอนทำแคมเปญรวยฟ้าผ่า 30 ฝา 30 ล้าน เราไม่ใช่เจ้าแรกที่กล้าแจกเงินล้าน แต่เราแตกต่างตรงที่แจกจริง แจกเร็ว ผมไปแจกเองทันทีใน 24 ชั่วโมง รุ่งเช้ากลายเป็นข่าวทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์


อะไรที่คนอื่นทำไม่ถึง ทำไม่ได้ ไม่เคยทำ แต่คุณทำได้ คุณจะได้ใจลูกค้าไปเต็มๆบางทีถึงไม่ได้เงิน แต่ก็ได้แบรนด์ แต่ถ้าทำดีๆ คุณก็อาจจะได้ทั้งแบรนด์ ได้ทั้งเงิน แคมเปญยอดนิยม “ไปแต่ตัว ทัวร์ยกแก๊ง” ที่เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้ เพราะให้ในสิ่งที่ลูกค้าคาดไม่ถึง ปาฏิหาริย์ยอดขายจึงเกิดขึ้น


หลายแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ เพราะเราคิดมากกว่าเจ้าอื่นที่เคยทำเพียงนิดเดียวถ้าคิดจะทำแคมเปญ “ให้” แล้ว ผมชอบคำว่าสุดๆ จะถึงใจ..ใจต้องถึง อย่าทำครึ่งๆ กลางๆ ตัวอย่างเช่นแคมเปญแจกรถยนต์ มีแต่คนให้รถแต่ไม่รวมภาษี แต่ผมชอบแจกจริง ออกภาษีทำประกันทุกอย่างให้ฟรี แถมเติมน้ำมันให้อีกเต็มถัง คุณคิดว่าอย่างไหนลูกค้าประทับใจมากกว่ากันครับบางทีแค่ทำมากกว่าอีกนิดเดียว แต่ชัยชนะแค่ปลายจมูกอาจเทียบกันไม่ติด

คำว่า “มาร์เก็ตติ้ง” จึงหมายถึง “ตลาดกลิ้ง” ที่สอนให้ผมไม่เคยคิดอะไรแค่มุมเดียว ทุกโจทย์การแข่งขันต้องกลิ้งไปให้ลงลึกถึงรายละเอียดใครคิดและทำมากกว่าอีกด้านหนึ่ง พิชิตใจลูกค้าได้มากกว่าคู่แข่ง คนนั้นคือผู้ชนะครับ




ชอบทั้งผนังสือ ชอบทั้งคำพูดคุณตันขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

เราขาย วัสดุก่อสร้างครบวงจร
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!