ปรึกษาปัญหาด้านกฎหมายเบื้องต้น หรือจากผู้มีประสปการณ์ในเคสแบบเดียวกัน

[Nutchakorn]

 เริ่มเรื่องเลยนะคะ เหตุเกิดเซเว่นฝั่งตรงข้ามหน้าตลาดฟ้าไทย เลยสามแยกไฟแดงเข้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขาขึ้น เราขับมอเตอร์ไซค์ออกจากซอยข้างวัดห้วยพลูมา  จะไปตลาดฟ้าไทย
ก่อนถึงยูเทิร์นหน้าตลาด บริเวณเซเว่นอีเลฟเว่น มีนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่ง
ออกจากเซเว่นมา แล้วได้วิ่งข้ามถนนตัดหน้ารถเรา ซึ่งในขณะนั้นเรากำลังอยู่ในเลนที่ 3 เพื่อที่จะเข้ายูเทิร์น ระยะประชิดมาก ประมาณ 1เมตรกว่าๆไม่ถึง2 เมตรแต่ไม่มากกว่านี้แน่นอนเราจำได้แม่น เราจึงเบรครถกระทันหัน
ทำให้รถเสียการทรงตัว รถเราล้มลงและไถลไปส่วนตัวเรา ล้มลงหัวฟาดกับ ขอบถนนเกาะกลาง ซึ่งในขณะนั้นเรามีอาการเบลอค่อนข้างมากแต่ยังพอมีสติอยู่ พอเห็นท่านร้อยเวรมายืนอยู่ตรงปลายเท้า เราจึงรีบบอกว่าให้เก็บข้อมูลของน้องคนนี้ไว้ด้วย (คู่กรณี) เพราะเรากลัวว่าจะหมดสติไปซะก่อน และคู่กรณีก็ยังอยู่ณ.ที่ตรงนั้น ไม่ได้หนีไปไหน จากนั้นเราถูกนำตัวส่งรพ.ชียงรายประชานุเคราะห์ ทางโรงพยาบาลได้ทำการรักษาเบื้องต้นให้ โดยการทำแผลเอกซเรย์และสแกนสมอง ทางคู่กรณีได้ตามมาที่โรงพยาบาล และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ หลังจากเราทราบผลแล้ว ว่าไม่กระทบกระเทือนสมองใดๆหรือ มีกระดูกหักส่วนไหน เราจึงขออนุญาตหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน เนื่องจากวันนั้นจะเป็นวันที่ลูกสาวกำลังจะบินกลับมาสอบ และมีเวลาอยู่เพียงแค่ 2 คืน จากการที่นางไปฝึกงานอยู่ทางภาคใต้ มันเป็นความตั้งใจของเราที่วันนี้จะต้องทำอะไรหลายๆอย่างแล้วไปรับลูกที่สนามบิน แต่มักเกิดเหตุซะก่อน เราจึงไม่ขอทำการไม่ขอแอดมิดทำการรักษาต่อหรือ พักฟื้นที่โรงพยาบาล โดยไม่ได้สนใจอาการตัวเอง หรือคิดจะเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีให้เป็นเรื่องเป็นราว
โดยในขณะนั้น คู่กรณีเป็นคนไปจ่ายค่ารักษาเบื้องต้นในวันนั้นให้ และเดินกลับมาบอกแค่ว่า หนูจ่ายไป4พันกว่าแล้วนะคะป้า เดี๊ยวคุณป้ามีนัดมาฉีดบาทยักอีก คุณป้าจ่ายเองได้ไหมคะ เราบอกได้ค่ะ เพราะยังไม่เห็นใบนัดที่นางบอก แต่เท่าที่สมองจะทำได้ขณะนั้น เป็นห่วงเรื่องรถลูก จึงบอกนางไปว่าแล้วเรื่องรถถ้าหากเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า จะยินดีรับผิดชอบหรือไม่ นางก็ตกลง แต่ขอให้เราเอารถไปประเมิณค่าซ่อมก่อนแล้วให้แจ้งนางไป โดยมีพยานได้ยินคือเพืีอนบ้าน2สามีภรรยาทึ่ทราบข่าวแล้วตามไปดูอาการเรา จากนั้นจึงตกลงกันว่าจะให้เรากลับรถเพื่อนชายคู่กรณี เพราะ2เพื่อนบ้านขับรถมอเตอร์ไซค์มา อึกอย่างอาการของเราตอนนั้น ยังไม่สามารถที่จะนั่งตัวตรงๆได้ เมื่อมาถึงที่พักแล้วได้มีการแลกเบอร์โทรเอาไว้เพื่อติดต่อกัน
   หลังจากเรากลับมา ก็ได้ทานข้าวเพื่อจะทานยา พอเปิดถุงยาดูมีเพียงยาแก้อักเสบ1แผง ยาพารา1แผง และผ้าพันเคล็ด1ห่อ พร้อมกับใบนัดหมอที่ให้ไปฉีดยากันบาทยัก แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เรราคิดในตอนแรก เพราะเป็นใบนัดฉีดทุกเดือนเป็นเวลา3เดือน เดือนละ1ครั้ง เราเลยคิดว่าช่างเถอะฉีดเองได้ แค่น้องเค้ารับปากยอมรับผิดชอบเรื่องรถก็พอแล้ว แต่ในคืนนั้นเราเกิดอาการอักเสบและนอนระบมทั้งคืน มีเลือดไหลออกมาทางจมูกบางครั้งบางคราว
เราจึงเริ่มกังวล เลยนึกขึ้นได้ว่าทำไมรพ.ไม่จ่ายอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลให้ เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นไปไม่ได้ละ เพราะเราค่อนข้างมีแผลใหญ่(ดูตามรูปด้านล่างนะคะ) จึงคิดได่ว่าตอนที่คู่กรณีไปรับยาหรือจ่ายค่ายา อาจแคนเซิลรายการไหนไปรึป่าว(เป็นเพียงพอสัณฐาน ) เพราะขนาดลูกเราเป็นแผลไม่มาก อาการแบบนี้ต้องมีชุดทำแผลให้ และจากที่เคยผ่านๆมา ถ้าไม่ให้มาแบบนี้คือต้องมีนัดล้างแผล หรือแนะนำให้ไปล้างตามคลีนิคที่ใกล้
เราจึงคิดว่าคงมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง พอเช้าขึ้น จึงติดต่อสอบถามไปยังคู่กรณี พร้อมโทรปรึกษาคุณหมอที่รู้จัก
จึงเกิดรายการใหม่ขึ้น คือต้องไปล้างแผลทุกวันกันการติดเชื้อ
จึงได้โทรแจ้งไปยังคู่กรณี ว่าแบบนี้คงไม่ไหวละเพราะเราเองต้องปิดร้านรักษาตัวเองขาดรายได้เข้าบ้าน
ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่คิดจะไปเรียกร้องเอาส่วนนี้จากเขาหรอก เราเองก็อยากจะพักอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีโอกาสหยุดเป็นเรื่องเป็นราวเสียที เพราะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเงินเก็บไม่ค่อยมี จึงไม่ค่อยได้หยุด ลืมบอกไปค่ะ เราไม่ใช่คนเชียงราย แต่เราตามลูกมาเรียนม.แม่ฟ้า ตอนนี้ปี4แล้ว ไปฝึกงานกำลังจะจบ
เราเช่าบ้านอยู่ ทำอาหารตามสั่งส่งตามหอพักไม่มีหน้าร้าน
ส่วนคู่กรณีเป็นคนภาคเหนือ เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่__3
เราจึงไม่มีความคิดจะเรียกร้องแต่แรก เพราะในเบื้องต้นเขาก็ยังอยู่รับผิดชอบ
แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตในวันรุ่งขึ้น เมื่อนางบอกว่าค่าใช้จ่ายทุกอย่างขอแคนเซิล ในตอนที่เราโทรรำปแจ้งความจำเป็นของเรา ว่ามันมีรายการต่างๆเกี่ยวกับการรักษาตัวงอกขึ้นมานะ รวมถึวเรื่ิองรถที่จอดอยู่ป้อมตำรวจ ซึ่งหลังจากนั้นนางก็บอกอยากทราบค่าใช้จ่ายเรื่องรถ เราบอกว่ายังไม่ได้ออกไปดูเลย แต่เดี๊ยวจะหาคนพาไปดูและจะเอาไปให้ช่างประเมินความเสียหาย แล้วจะส่งรายละเอียดไปให้ ซึ่งในขณะนั้นเราก็ยังเดินไม่ค่อยไหว แต่บอกเพื่อนบ้านให้ช่วยพาไปอย่างทุลักทุเล เพราะเค้ามีแค่มอไซค์ไม่่ใช่รถใหญ่อะไร
แต่ด้วยความอยากให้มันจบๆและเป็นห่วงรถลูกจึงพยายามไป และได้มีการโทรติดดต่อร้อยเวรเจ้าของคดี
พร้อมรับนัดไปโรงพัก 9โมงเช้าวันจันที่จะถึงนี้ อ้อลืมบอก เราทำการสอบถามลูกแล้วเรื่องพรบ.รถมอไซค์ลูก
ได้ความว่าพรบ.ขาดปีที่แล้ว เราถึงได้ตัดสินใจโทรไปหาคู่กรณีแจ้งเรื่องค่ารักษาที่มีเพิ่มเติมขึ้นมาในขณะที่ต้องปิดกิจการรักษาตัว ตามที่แจ้งไว้ด้านบน สรุปเราเอารถไปให้เขาประเมินความเสียหาย ส่งค่าใช้จ่ายตามใบที่ร้านซ่อมออกให้ ประมาณ2พันเจ็ดร้อยกว่าบาท  สรุปคือเราขอค่ารักษาตัวเพิ่มเพียง1,000บ รวมค่าซ่อมรถที่ปัดเศษรวมเป็น4,000บาททั้งหมด แต่ได้รับการปฏิเสธ พร้อมกับเสียงท้าทายจากกองเชียร์ด้านหลังให้ดำเนินการทางกฎหมาย
แล้วมีการรคุยไลน์กับคู่กรณีดังภาพด้านล่าง เราจึงต้องแบกสาระร่างของเราเพืีอออกไปหาข้อมูลและหลักฐานพยานเพิ่มเติมในจุดเกิดเหต ว่ามิใช่การประมาทร่วมดังที่คู่กรณีพลิกลิ้นกล่าวหา ส่วนเรื่องหลักฐานพยานเราขออุปไว้ก่อนเพราะมันมีผลต่อคดี
  ถึงนาทีนี้เราเจอแบบนี้ เราขอยืนยันว่าเราจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะเรียกร้องทุกบาททุกสตางค์ที่เกิดดจากความเสียหายในครั้งนี้ ไม่ว่าคดีจะต้องยืดเยื้อไปอีกกี่10ปี เราก็จะรอ!!
เพื่อให้เค้าได้สำนึกและชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเรา
   ยาวมากนะคะ คือพยายามใส่รายละเอียดทุกขั้นตอนให้มากที่สุด
และอยากได้คำแนะนำจากผู้รู้ หรือผูัที่เคยเจอเคสแบบเดียวกัน มาช่วยแนะนำทีค่ะ ส่วนรูปภาพ เดี๊ยววจะกลับมาอัพโหลดให้นะคะสักครู่ค่ะ ขอพักแขนแป๊ป

[Nutchakorn]

กำลังพยายามอัพโหลดรูปภาพ และข้อมูลสนทนากับคู่กรณีอยู่นะคะ รอสักครู่

[Nutchakorn]

ลงได้ทีละนิดค่ะ ไม่รู้ทำมัย

[Nutchakorn]

งั้นค่อยๆลงนะคะจะหมดแล้ว

[Nutchakorn]

สุดท้ายค่ะ

[alongkorn21]

   ไม่ต้องไปเถียงกันให้เสียเวลาครับ ในเมื่อนัดวันจันทร์ก็รอคุยวันนั้นเลย
แล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสิน ระหว่างนี้รวบรวมใบเสร็จค่ารักษากับใบนัดไว้ด้วย
   ถ้าเจ้าหน้าที่ตัดสินว่าคุณถูก อย่าลืมให้คู่กรณีเซ็นชื่อยอมรับว่าจะชดใช้ด้วย

เคสนี้ไม่อยากจะซ้ำเติมนะครับ
-หมวกต้องใส่ พรบหมดต้องรีบต่อถึงเวลาเกิดเหตุมา จะมาโทษตัวเองแบบนี้ล่ะ
-สะพานลอยมีไม่ข้าม มักง่าย เคสคนรู้จักผมโดนไป5แสนกว่านี่ล่ะครับ ชนคนข้ามถนนใกล้สะพานลอยเลย

[bkav]

...โดยรวมๆ ถ้ารถชนคนบาดเจ็บ กฎหมายมีความยุติธรรม ว่ากันเป็นกระทงๆ มีโทษปรับและชดใช้ค่าเสียหายกันไป

...ขับขี่ไม่มี พ.ร.บ.  - โทษปรับและจ่ายค่ารักษาเอง โชคดีที่ไม่เจ็บมาก ถ้าจ่ายเป็นหมื่นควักกระเป๋าเอง ต้องให้ศาลตัดสินใครผิดคนนั้นจ่าย

...ไม่สวมหมวกกันน๊อก - โทษปรับ.

...ไม่ชะลอทางร่วมทางแยก - โทษปรับ (ข้อหาละ 500 จำนวน 3 ข้อหา วันนั้นต้องจ่าย 1500 บาท)

...มีสะพานลอยไม่ข้าม -  โทษปรับ

...รถเสียหาย - ศาลสั่งคนผิดจ่ายกรณีรถชนเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย.

...กรณีคุณ..เบรกมอเตอร์ไซด์จนรถล้มคุณบาดเจ็บ ก็เหมือนกรณียางระเบิด ทับก้อนหินเสียการทรงตัว รถล้มเบรกกะทันหันเพราะจะชนกับสุนัข,แมววิ่งตัดหน้าจนคุณได้รับบาดเจ็บ (คุณจะฟ้องเจ้าของสัตว์หรือเปล่า)

...คิดว่ากรณีของคุณทุกอย่างไม่มีคู่กรณีเพราะไม่ได้ชน จึงต้องจ่ายค่ารักษาตัวเองทั้งหมด.

...ถ้างั้นต่อไปฉันไม่เบรกชนมันเลย คุณยิ่งจ่ายหนักเผลอๆ โดนข้อหาเจตนาฆ่า แต่ถ้าชน มีรอยเบรกของล้อรถ ถือว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดประมาท หรือประมาณร่วม จะดูที่ความเร็วรถเกินอัตราให้วิ่ง ทางตรง ทางร่วมทางแยก ข้ามถนนไม่ข้ามทางม้าลาย สะพานลอย ซึ่งศาลจะดูว่าคนขับรถผิดกฏจราจรข้อใด

...ที่เค้าช่วยนั้นถือว่ามีน้ำใจ มีจรรยาบรรณ มีศีลธรรม ส่วนรับปากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ตกใจ เบลอๆ ด้วยกัน พอตั้งหลักได้ก็ว่าไปตามกฎหมาย คำว่าประมาทร่วมเป็นกรณีทั้ง 2 ฝ่ายเสียหาย เช่น รถชนกัน

...แต่ถ้าคุณไม่เบรกชนนักศึกษาบาดเจ็บ(ความเร็วขั้นรถแฉลบ) เค้าอาจแข้งขาหัก นอนโรงพยาบาล รถคุณไม่มี พ.ร.บ.คุณต้องจ่ายทั้งหมดหลายหมื่นจนถึงแสน หรือเสียชีวิตเพราะเค้ากระเด็นหัวฟาดถนน เรื่องจะยาวถึงขั้นติดคุก(ดังต้วอย่างกระทู้ผู้มีประสบการณ์ข้างบน นั่นชนจริงๆ หมดไป 5 แสน) ถ้าไม่อยากนอนคุกคืนนั้น.ต้องมีเงินสด 1 แสนประกันตัว เค้าถึงบอกว่า การขับรถเหมือนเอาขาเข้าคุกไปแล้ว 1 ข้าง ที่สำคัญมีเงินสดไม่ต่ำกว่าแสนในธนาคาร หรือมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พร้อมจะค้ำประกันออกจากคุกแบบไม่ต้องจ่ายเงินสด.

... เหตุที่คุณจ่ายเพราะรถคุณไม่มี พ.ร.บ. และผิดข้อหาวิ่งทางร่วมทางแยกต้องชะลอรถ ซึ่งเป็นข้อหาขั้นต้นขับรถโดยประมาท

...สรุปเองละกันนะครับ ให้ความรู้ด้านกฎหมายเบื้องต้นเท่าที่รู้ มาแจกแจงให้ฟัง คดีแบบนี้ร้อยเวรพบเจอเป็นพันเป็นหมื่น ถามร้อยเวรคำเดียวรู้ใครผิดใครถูก ฟ้องร้องดีหรือไม่..ส่วนมากร้อยเวรจะแนะนำตกลงกันเอง เพราะขึ้นโรงขึ้นศาลจ่ายหนัก

...การขึ้นโรงขึ้นศาลคนค้าขาย(คนจีน)บอกว่ากินขี้หมาดีกว่า(เสียเวลาทำมาหากิน) ไหนจะเสียค่าทนายไม่ต่ำกว่าห้าพัน เสียเวลาขึ้นศาลปีละหลายครั้ง(มิใช่ครั้งเดียวจบ) ปิดร้านหาหลักฐานเอง(ตำรวจมีคดีเยอะ) วิ่งรอกขึ้นโรงพักติดตามคดีเอง.มีแต่รายจ่าย.

...ผมว่านะ หยวนๆ กันไป เริ่มต้นแก้ไขปัญหาปากท้องกันต่อไปดีกว่าครับ.

[มักเมี่ยง]

เบรคเพราะรถตัดหน้า ยูเทินออกมาไม่ดูรถที่วิ่งทางตรงเลย เบรคจนตัวเองรถล้ม กระเด็นออกจากรถ ขาหัก. คนตัดหน้าลงมาขอโทษ บลาฯฯฯฯฯ  รถกู้ภัยเข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลขั้นต้น พาไปส่งโรงบาล ตำรวจยังมาไม่ถึง ญาติตามมารถกู้ภัยพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงไม่กี่นาทีจากบ้านถึงที่เกิดเหตุไม่ไกล มองหามอเตอร์ไซค์ที่ล้มอยู่ก็ไม่เห็นละ อยู่โรงพัก .สุดท้ายตำรวจบอกไม่มีรอยชน ไม่มีรอยเกี่ยว ขอดูกล้องวงจรปิดแถวนั้นแล้ว (ไวเกิ๊น)  (แต่เจ็บเพราะเบรค ไม่งั้นชน) กลายเป็นว่าคุณล้มเอง ขับมาเบรคเอง (คนเจ็บ มันก็ต้องคิด รู้งี้กูไม่เบรถ กูจะชนให้มันเจ็บเหมือนกู) . มีใบขับขี่ มีหมวกกันน๊อค พรบ.ครบ ก็ไม่ช่วยอะไร นอกจากช่วยตัวเอง และพรบ.รถจ่ายค่ารักษา ไม่งั้นซวย.. นี่คือความยุติธรรมในสังคมปัจจุบันคะ ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆๆ นะคะ เคยเจอมากับตัวเอง เรียกร้องอะไรไม่ได้คะ . เพราะไม่มีการเชี่ยวชนใดๆๆ พรบ.จ่ายค่ารักษา รถเราก็ซ่อมเอง ..