อีกไม่นานวัดร่องเสือเต้นก็น่าจะเป็นอีกวัดหนึ่ง ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวปรัชญาพุทธศิลป์แห่งใหม่ ที่คนจะต้องแวะมาเที่ยว ครับ
ผลงานทางศิลปะที่วัดร่องเสือเต้นแห่งนี้เป็นฝีมือของ “สล่านก หรือนายพุทธา กาบแก้ว” ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย และเคยทำงานสร้างวัดร่องขุ่นเมื่อหลายปีก่อน ที่กำลังนำทีมงานมาร่วมกันรังสรรค์วิหารวัดร่องเสือเต้นอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้ทันกำหนดทำบุญเฉลิมฉลองพระวิหารใหม่ ระหว่างวันที่ 19-22 ม.ค. 59 ต่อไป
“สล่านก หรือนายพุทธา” ให้นิยามพระวิหารแห่งนี้ว่า เป็นทิพยสถาน คือเป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าทั้งในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิและปัญญาตามมา
นายพุทธากล่าวว่า ศิลปะที่ใช้ก่อสร้างวัดร่องเสือเต้นเรียกว่าเป็นศิลปะประยุกต์ ซึ่งตนได้ศึกษาร่ำเรียนมาตั้งแต่อยู่กับอาจารย์เฉลิมชัย และเคยเข้าไปทำงานที่วัดร่องขุ่น
โดยจะสังเกตเห็นได้จากลวดลายต่างๆ ที่พลิ้วไหวนั้น ตนเรียนรู้มาจากผลงานของอาจารย์ แต่ของอาจารย์เฉลิมชัยจะใช้โทนสีขาว และมีการใช้กระจก แต่ของตนดัดแปลงมาเป็นการใช้สีน้ำเงิน-ฟ้าแทน เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์
ขณะเดียวกัน ที่วัดร่องขุ่นนั้นอาจารย์เฉลิมชัยมีความรู้ความสามารถมาก โดยสามารถทำเป็นลวดลายที่ละเอียดมากภายใต้ปริมาตรที่เยอะ ซึ่งเราคงไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้นจึงได้ใช้การกรีดลายให้พลิ้วไหว และบางจุดก็ใช้การประยุกต์ให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ส่วนที่เป็นฟันพญานาคนั้น ตนนำมาจากผลงานของอาจารย์ถวัลย์ โดยอาจารย์ถวัลย์ จะมีความโดดเด่นเรื่องเขา และงาที่โค้งงอสวยงาม ตนก็ทำให้มีความแหลมมากขึ้น
“ผมจบวิชาเอกศิลปศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย แต่ก่อนจะเรียนจบและมีงานวัน 25 ปีมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสพบเจอกับอาจารย์เฉลิมชัย เมื่อผมนำแสดงผลงานรูปปั้นไปจัดแสดง ทำให้อาจารย์เรียกให้ไปช่วยงานที่วัดร่องขุ่นตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ และเมื่อผมจบการศึกษาเมื่อปี 2544 ก็ยังคงทำงานที่วัดร่องขุ่น กระทั่งปี 2546 จึงได้ออกมาทำงานเอง”
สล่านกบอกว่า ผลงานที่ทำขึ้นที่วัดร่องเสือเต้นครั้งนี้ นอกจากจะได้จากการปรึกษาหารือกับทางพระทนงศักดิ์ กตสาโร เจ้าอาวาสวัดฯ ที่ร่วมกันคิด ร่วมกันสร้างแล้ว ยังอาศัยคำสอนจากอาจารย์เฉลิมชัย ที่พร่ำสอนว่า “การที่จะทำงานให้พระพุทธศาสนานั้นจะต้องขยัน เอาใจใส่ และมีจินตนาการมากกว่าคนอื่นจึงจะประสบความสำเร็จ” จึงได้พยายามรังสรรค์ผลงานนี้เพื่อเป็นการสรรเสริญอาจารย์ไปพร้อมๆ กันด้วย