ตั้งหัวข้อซะดูน่าตกใจกลัว แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ ครับ
บ่ายวันนี้ 4 มกราคม 2558 เวลาประมาณเที่ยงกว่า ๆ ขณะที่ผมกับแฟนอยู่ที่ร้านขายของ มีลูกค้าสตรีท่านหนึ่ง พูดไทยไม่ชัด คาดว่าเป็นคนต่างด้าว หรือไม่ก็คนบนดอยสูง เปิดประตูร้านเข้ามาขอซื้อของ แฟนผมก็ยื่นของให้ไปพร้อมบอกจำนวนราคาสินค้า แต่เธอคนนั้นบอกว่าลืมเอาตังค์มาด้วย ขอเดินไปเอาตังค์ที่ร้านขายเสื้อผ้าข้างๆ โดยบอกว่าเธอทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่นั่น ผมนั่งดูทีวีอยู่ได้ยินที่หล่อนพูดก็ตั้งข้อสงสัยในใจว่า เอ..ร้านเสื้อผ้าแถวนี้จ้างพี่คนนี้ด้วยเหรอ ไม่ยักกะเคยเห็น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากครับ คิดในแง่ดีว่าคงจะจ้างมาทำงานใหม่
พอเธอเดินออกไป แฟนผมก็เดินปรี่มาหาผมแล้วถามผมว่าคิดว่าเราจะได้ตังค์มั้ยแล้วก็ยิ้มๆ คือตอนนั้นทั้งผมและแฟนคิดว่าจำนวนเงินราคาสินค้าก็ไม่สูงมาก (ไม่ถึง 100 บาท) แต่จะดูว่าคนเราจะจงใจมาขอกันดื้อๆ แบบนี้เหรอ จะลองวัดใจดูซักตั้ง ผมก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไรน่า เดี๋ยวแกคงจะเอามาให้มั้ง เพราะเหตุการณ์แบบนี้มีบ่อย คือ ลูกค้าลืมเอาเงินมา หรือเอาเงินมาไม่พอ ทางแฟนกับผมที่เป็นผู้ขายก็ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องเอาของวางก่อน ไปเอาเงินมาแล้วค่อยมาเอา ส่วนใหญ่ก็จะถ้อยทีถ้อยอาศัย ให้สินค้าไปก่อน และก็ไม่เคยโดนโกงมาก่อน
สำหรับหนนี้ แฟนผมเห็นข้อพิรุธ เลยเปิดประตูหน้าร้านแล้วเดินตามไปห่างๆ สังเกตุเห็นหล่อนเดินผ่านร้านเสื้อผ้าไป แล้วก็รีบวิ่งเข้าซอยไปทันที แฟนผมกับผมก็ไม่ได้วิ่งตาม หรือร้องเรียกอะไรครับ และผ่านไปหลาย ชม.ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเอาเงินมาจ่ายให้
เลยถือว่าหนนี้เป็นการทำบุญเล็กๆ น้อยๆ ช่วงปีใหม่ไปครับ
คือไม่นึกว่าจะมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าท่านอื่นในท้องที่บ้านดู่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ย
เอาล่ะครับ ข้อเท็จจริงโดยย่อแบบข้างต้น ถ้าหากปรับเข้ากับข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไร
ผมถือโอกาสวิเคราะห์แบบนี้ครับ
กรณีนี้ เมื่อปรากฎว่าผู้ซื้อได้เข้ามาแสดงตัวขอซื้อสินค้า แต่ไม่พกเงินติดตัวเพื่อจะชำระราคาค่าสินค้าตอบแทนให้แก่ผู้ขาย และเมื่อได้รับของไปแล้วต่อเนื่องจากการมาทำทีขอซื้อก็ได้รีบเดินหนีไปจากจุดเกิดเหตุทันที จึงเท่ากับเป็นการวางแผนมาตั้งแต่ต้นที่จะมาฉ้อโกงผู้ขายเพื่อเอาทรัพยสินจากผู้ขายไปโดยทุจริต โดยการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ (อ้างว่าลืมเงิน และทำงานอยู่ร้านข้างๆ ขอเอาสินค้าไปก่อน แล้วจึงจะย้อนกลับมาจ่าย) จนผู้ขายหลงเชื่อ ยื่นกรรมสิทธิในสินค้าให้ไป
ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่การผิดสัญญาทางแพ่ง (สัญญาซื้อขาย) เพราะพฤติการณ์แสดงให้เห็นแต่แรกว่าไม่มีเจตนาที่จะชำระราคาสินค้ามาตั้งแต่แรก จึงถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ฐานฉ้อโกงทรัพย์ เป็นความผิดอันยอมความได้ ครับ
หมายเหตุ - แต่หากข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่าผู้ซื้อทำทีขอดูสินค้า โดยบอกว่ามาซื้อให้คนที่รออยู่บนรถ แล้วขอเอาสินค้าไปให้คนบนรถดูก่อนว่าตรงกับที่ต้องการมั้ย แล้วผู้ขายยอมมอบให้ไป (กรณีแบบนี้ที่ร้านก็พบบ่อย) แต่พอถือสินค้าเดินไปที่รถ แล้วก็พากันออกรถไปทันที กรณีแบบนี้จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 และยังต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะเป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิดเพื่อความสะดวกในการหลบหนีด้วย ซึ่งกรณีตามหมายเหตุนี้จะยอมความไม่ได้
ปล. เหตการณ์นี้ ผมไม่ติดใจเอาความอะไรครับ แต่นำมาเล่าให้ฟังเพื่อร้านค้าอื่นๆ จะเจอเหตุการณคล้ายๆ กัน ถ้าราคาทรัพย์สินที่ถูกฉ้อโกงไปมีมูลค่าสูง ก็คงจะเกิดความเสียหาย ยังไงก็ระมัดระวังนะครับ