เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 เมษายน 2024, 00:20:54
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 [31] 32 33 34 35 36 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 440149 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #600 เมื่อ: วันที่ 20 มีนาคม 2013, 19:31:22 »

หอค้าเชียงรายจัดเวทีพบสื่อ ชี้ทศวรรษใหม่สู่จีเอ็มเอส

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   20 มีนาคม 2556

เชียงราย - หอการค้าเมืองพ่อขุนตั้งโต๊ะโชว์ตัวประธานคนใหม่ พร้อมประกาศยุทธศาสตร์เดินหน้าดัน GMS เต็มที่ ลุ้นพม่าพัฒนาถนนเชื่อมเชียงตุง-ตองจี-มัณฑะเลย์ให้เสร็จ เชื่อหนุนสินค้าไทยครองตลาดพม่าได้อีกมหาศาล
       
       วันนี้ (20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่าหอการค้าจังหวัดเชียงรายได้แถลงข่าวเปิดตัวนายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ เจ้าของร้านเม็งรายแอนติคส์ อ.แม่สาย ประธานหอการค้าจังหวัดคนใหม่ ขึ้นที่ร้านอาหารภูแล อ.เมือง โดยคณะกรรมการหอการค้าชุดใหม่จะแถลงนโยบายต่อที่ประชุมใหญ่ วันที่ 22 มีนาคมนี้
       
       นายบุญธรรมกล่าวว่า เชียงรายมีศักยภาพเป็นยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งสมควรที่จะได้รับการสนับสนุนและพัฒนาจากภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศและภาคเหนือ โดยจะมุ่งเน้นไปยังการพัฒนาเชื่อมเป็นประตู หรือเชื่อมกับกลุ่มความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศหรือจีเอ็มเอส (Greater Mekong Subregion : GMS) เพราะถือว่าเราอยู่ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว และจีนตอนใต้ ซึ่งในปัจจุบันมีถนนเชื่อมผ่านลาว-จีนตอนใต้ หรือถนนอาร์สามเอ โดยมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ ที่จะเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการราวเดือนมิถุนายนนี้ ส่วน อ.เชียงแสนก็มีท่าเรือแม่น้ำโขงและมีการค้าทางเรือที่คึกคัก
       
       นายบุญธรรมกล่าวว่า ด้าน อ.แม่สาย ที่เป็นประตูทางเศรษฐกิจที่สำคัญก็มีกระแสว่าถนนอาร์สามบีเชื่อมชายแดนแม่สาย-พม่า-จีนตอนใต้กำลังจะมีการเปิดด่านต้าลั้ว ที่เมืองลา เชื่อมกับจีนตอนใต้อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้การคมนาคมทะลุไปถึงจีนตอนใต้ได้อีกเส้นทางหนึ่ง
       
       ขณะเดียวกัน พบว่าพม่าเป็นตลาดใหญ่ที่รองรับสินค้าจำนวนมหาศาลจากประเทศไทย ผ่านทางจุดผ่านแดนถาวร อ.แม่สาย ซึ่งตนเห็นว่าหากพม่าพัฒนาถนนเชื่อมจากชายแดน หรือเชื่อมต่อจากเส้นทางอาร์สามบีไปถึงเมืองอื่นๆ จะทำให้สินค้าไทยกระจายเข้าไปได้มากขึ้น โดยล่าสุดทราบว่าทางการพม่าเองก็กำลังพัฒนาเส้นทางจากเมืองเชียงตุงไปยังเมืองตองจี ศูนย์กลางของรัฐฉาน ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ขณะเดียวกันก็พัฒนาจากเมืองตองจีไปยังเมืองมัณฑะเลย์ อดีตเมืองหลวงเก่าของพม่า ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่ง ระยะทางประมาณ 600 กิโลเมตร หากถนนทั้ง 2 สายได้รับการพัฒนาจนแล้วเสร็จจะสามารถขนส่งสินค้าไทยผ่านทาง จ.เชียงรายได้จำนวนมหาศาลแน่นอน
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000033914
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
VALUE
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 114


« ตอบ #601 เมื่อ: วันที่ 21 มีนาคม 2013, 10:34:23 »

 ขยิบตา ขยิบตา   เป็นความรู้  ทั้งนั้นเลย ดีจริงๆๆๆๆ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

Post By Sport Basketball OnlySBO
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #602 เมื่อ: วันที่ 21 มีนาคม 2013, 12:43:02 »

บีซีเอช วาดแผนลงทุน 3 ปี ก่อนเปิดเออีซี  รุกตลาดรักษาพยาบาลครบทุกเซ็กเมนต์  หลังครองผู้นำกลุ่มระดับกลาง  เตรียมขยายโปรเจ็กต์จับตลาดบน "World medical center"  แห่งที่ 2 ที่พัทยา



พร้อมซุ่มสร้างแบรนด์โรงพยาบาลจับตลาดล่างและผู้ป่วยประกันสังคม  ชูโมเดลธุรกิจ Sun and Satellite Model ขยายเครือข่ายโรงพยาบาล ปูทางสร้างรายได้หมื่นล้าน
    น.พ.เฉลิม  หาญพาณิชย์  ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท  บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)  หรือ BCH  เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"  ถึงแผนการขยายธุรกิจและการเตรียมตัวรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 ว่าเป้าหมายของกลุ่มบีซีเอชภายในระยะเวลา 3 ปี ให้ความสำคัญใน  3 เรื่องคือ 1. การขยายการรักษาให้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย  ทั้งตลาดระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง
    2. การขยายธุรกิจสินค้าที่เกี่ยวข้องวงการแพทย์  หรือ Medical Device เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์  รวมถึงยาเข้ามาจากต่างประเทศ 100% ทั้งที่ประเทศไทยมีวัตถุดิบจำนวนมาก จึงมีโอกาสที่ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาและผลิตสินค้าในกลุ่มนี้สำหรับใช้ในประเทศและยังสามารถส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนได้ด้วย   และ 3.การดูแลกลุ่มผู้สูงอายุทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    "กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์จะขยายตลาดการให้บริการกับลูกค้าครบทุกเซ็กเมนต์  จากเดิมที่จับเฉพาะตลาดในกลุ่มระดับกลางเป็นหลัก   โรงพยาบาลในเซ็กเมนต์นี้  ได้แก่  โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ทั้ง 6 สาขา  คือ สาขาบางแค, สุขาภิบาล 3, สระบุรี,รัตนาธิเบศร์, ประชาชื่น และศรีบุรินทร์ จ.เชียงราย "
    ด้านแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณ 3.1 พันล้านบาท  เพิ่มจำนวนเตียงขึ้นอีก  600 เตียง  จากปัจจุบันที่มีจำนวนกว่า 2 พันเตียง  แบ่งเป็นการ World medical center  แห่งที่ 2  จำนวนประมาณ 250 เตียง  บนเนื้อที่ 14 ไร่  ที่พัทยา จ.ชลบุรี ด้วยงบลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างปลายปี 2557 กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2559  เพื่อรองรับกับตลาดระดับบนหรือ กลุ่มเอ
    ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้ลงทุน 2.2 พันล้านบาท  ในโครงการ World medical center  บนถนนแจ้งวัฒนะ  ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มีนาคมนี้  และล่าสุดได้มีการซื้อที่ดินบริเวณด้านข้างเพิ่มอีกมูลค่า 675 ล้านบาท  เพื่อใช้ขยายโครงการต่อเนื่องในอนาคตด้วย
    ในขณะที่ตลาดระดับกลาง หรือ กลุ่มบี  เตรียมขยายโรงพยาบาลเกษมราษฎร์  ศรีบุรินทร์  จ.เชียงรายเพิ่มเติมอีก 100 เตียง ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท  เริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2557 และจะแล้วเสร็จในปี 2558 นอกจากนี้ยังลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาล บนถนนรามคำแหงเพิ่มอีก 1 แห่ง จำนวน 250 เตียง ใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างในปี 2557 และจะแล้วเสร็จในปี 2558  ส่วนกลุ่มตลาดระดับล่าง หรือ กลุ่มซี  บริษัทมีแผนจะลงทุนขยายโรงพยาบาลเพื่อรองรับกลุ่มผู้ป่วยประกันสังคมโดยเฉพาะ   ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนว่าจะใช้แบรนด์อะไรและการลงทุนก่อสร้าง
    "การขยายธุรกิจของกลุ่มบีซีเอช  ได้นำโมเดลที่เรียกว่า " Sun and Satellite  Model "  อย่างกรณีที่ขยายโรงพยาบาลเกษมราษฎร์  ศรีบุรินทร์ จ.เชียงราย  ในขณะเดียวกันยังมีการตั้ง Poly Medicine ในอำเภอรอบๆ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง  เมื่อมีความต้องการเพิ่มก็จะขยายเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กต่อไป  ไม่จำเป็นต้องขยายโรงพยาบาลจำนวนมาก  แต่โพลีเมดิซีนดังกล่าวจะมีหมอในสาขาหลักให้บริการในแต่ละสาขาครบ  ในลักษณะโรงพยาบาลขนาดเล็ก  ต่างจากโพลีคลินิกที่มีหมอคนเดียวรักษาทุกโรค  โดยที่อำเภอแม่สายได้ใช้โมเดลดังกล่าวในการขยายธุรกิจแล้ว  และในอนาคตจะขยายเพิ่มที่อำเภอฝาง  เชียงแสน และเชียงของต่อไป" น.พ. เฉลิม กล่าวและว่า
    แผนการดำเนินและขยายธุรกิจของกลุ่มบีซีเอชดังกล่าว   คาดว่าภายในปี 2558  บริษัทจะมีรายได้ประมาณ  1 หมื่นล้านบาท   เนื่องจากมีปริมาณของโรงพยาบาลในเครือเพิ่มมากขึ้น  อีกทั้งการขยายตลาดระดับบน จะผลักดันทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตเพิ่ม  จากปัจจุบันโรงพยาบาลทั้ง 6 สาขาเดิมมีการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 10%
    ส่วนโรงพยาบาลใหม่ที่ช่วงแรกอาจจะเติบโตไม่สูง  แต่ระยะหนึ่งจะโตแบบก้าวกระโดดได้เช่นกัน  ซึ่งเฉพาะปีนี้บริษัทคาดจะมีรายได้เติบโตในอัตรา 20-25% หรือมูลค่ารวมประมาณ  5 พันล้านบาท  จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้เติบโตเพียง  13%
    "โรงพยาบาลทั้ง 6 แห่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน   บริษัทมีการลงทุนเพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้โรงพยาบาลมีความทันสมัย   ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในแต่ละปีเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10%  ส่วนโครงการ World medical center จะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก  ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มบีซีเอชก็มีอัตรากำไรที่เติบโตด้วยดี  โดยปี 2554 มีกำไร 672 ล้านบาท ปีที่ผ่านมามีกำไร 910 ล้านบาท  ซึ่งแนวคิดในการขยายธุรกิจโรงพยาบาลกลุ่มบีซีเอชจะพิจารณาจากกลุ่มตลาดที่เราต้องการจะเข้าไปทำ  พิจารณาจากความต้องการของตลาด  กำลังซื้อ  และทำเลที่ตั้ง  ต้องสะดวกต่อการเดินทาง  พื้นที่ต้องติดถนน" น.พ. เฉลิม กล่าว และว่า
    ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน  ทุกกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนต่างก็มุ่งการขยายตลาดเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายครบทุกเซ็กเมนต์  แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของการรักษาพยาบาล  เทคโนโลยีทางการแพทย์  และค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะแตกต่างกัน   ซึ่งเชื่อว่าการแข่งขันยังคงรุนแรงต่อไป  แต่การรุกธุรกิจพยาบาลในลักษณะการซื้อกิจการ หรือการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มโรงพยาบาล  เชื่อว่านับจากนี้จะไม่เห็นในลักษณะการร่วมทุนใหญ่ๆ อย่างเช่นที่ผ่านมาแล้ว  ต่อไปจะเป็นลักษณะการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลขนาดเล็ก   ที่มีอยู่ในต่างจังหวัดเพื่อนำมาพัฒนาเป็นโรงพยาบาลในเครือต่อไป

 จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,828  วันที่  21- 23  มีนาคม พ.ศ. 2556
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #603 เมื่อ: วันที่ 21 มีนาคม 2013, 14:13:19 »

หึ่ง สะพานน้ำโขง 4 เมษาฯ นี้อาจไม่เสร็จ ส่อเลื่อนเปิดปลายปี 56

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   21 มีนาคม 2556 10:05 น.   

   
   
เชียงราย - พบงานก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง 4 เชื่อมไทย-ลาว-จีน ยังอืด ส่อเสร็จไม่ทันตามกำหนดในเดือนเมษาฯ 56 จนอาจต้องเลื่อนเปิดใช้ยาวไปจนถึงปลายปี เผยงานทำถนนฝั่งลาวเพิ่งเริ่มบดอัด ขณะที่การก่อสร้างอาคารยังเหลือเนื้องานอีกเพียบ
       
       หลังรัฐบาลไทย สปป.ลาว และจีน ได้ร่วมกันก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อ.เชียงของ กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อเชื่อมกับถนนอาร์สามเอไปยังจีนตอนใต้ โดยมีการทำพิธีเชื่อมสะพานกันเมื่อ 12 ธ.ค. 2555 พร้อมประกาศจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน และเปิดให้ทันเดือนมิถุนายน 56 ที่จะถึงนี้ ล่าสุดมีกระแสว่าโครงการดังกล่าวอาจจะไม่เสร็จตามกำหนด จนอาจต้องเลื่อนการเปิดไปเป็นเดือนกันยายน 2556 แล้ว
       
       นายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ฝ่ายอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือจีเอ็มเอส และพัฒนาระบบลอจิสติกส์ กล่าวว่า จากการสำรวจความคืบหน้างานก่อสร้างสะพาน รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ถนน อาคารด่านพรมแดน ฯลฯ พบว่าในส่วนของสะพาน ซึ่งเอกชนจีนรับดำเนินการนั้นค่อนข้างจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ทำให้มีรถบรรทุกวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างข้ามไปมาเป็นประจำ แต่พบว่าอาคารด่านพรมแดนฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งเอกชนไทยรับก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างถนนระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งตามแผนเมื่อพ้นจากคอสะพานฝั่งลาวแล้วจะไปเชื่อมกับถนนอาร์สามเอ ปรากฏว่ายังคงเหลือเนื้องานที่จะต้องทำอีกมาก จึงไม่แน่ใจว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดหรือไม่ เพราะปัจจุบันเพิ่งมีการบดอัดพื้นผิวดินที่จะสร้างถนนและยังไม่มีการก่อสร้างเพิ่มเติม
       
       นายสงวนกล่าวอีกว่า ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ต้องนำไปติดตั้ง เครื่องใช้และการตกแต่งภายในอาคารต่างๆ เพื่อรองรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ฯลฯ ก็คาดว่าคงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการอีกระยะ เช่นเดียวกับศูนย์กระจายสินค้าฝั่งไทยที่มีโครงการจะก่อสร้างบนเนื้อที่ประมาณ 280 ไร่ ซึ่งมีกระแสว่าอาจจะรอให้มีการใช้งบประมาณจากเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทจากรัฐบาลก่อน แต่ล่าสุดกรมทางหลวงก็ได้ไปจัดประชุมรับทราบข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ อ.เชียงของ เกี่ยวกับศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 56 แล้ว เชื่อว่าจะดำเนินการได้ในเร็ววัน แต่ก็คงจะไม่ทันเดือนมิถุนายน 56 นี้
       
       “ผมเชื่อว่าการเปิดใช้สะพานอย่างเป็นทางการอาจจะเลื่อนไปถึงสิ้นปี 56 เลยทีเดียว”
       
       อย่างไรก็ตาม นายวิรัตน์ แสนอุดม นายช่างแขวงการทางเชียงรายที่ 2 กล่าวว่า ตอนนี้โครงการยังคงเดินหน้าก่อสร้างไปตามสัญญาก่อสร้างเดิมอยู่ โดยทุกฝ่ายได้พยายามเร่งรัดก่อสร้างอย่างเต็มที่แล้ว และเมื่อดูจากข้อตกลงเดิมเอกชนก็ยังคงดำเนินการตามสัญญาเช่นเดิม
       
       สำหรับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ดังกล่าว ทางรัฐบาลไทย จีน และ สปป.ลาวได้ทำสัญญาว่าจ้างกลุ่มซีอาร์ 5-เคที จอยท์เวนเจอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนร่วมระหว่างบริษัทไชน่า เรลเวย์ โน.5 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด จากประเทศจีน และบริษัท กรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด ของประเทศไทย ด้วยงบประมาณรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,486.5 ล้านบาท โดยไทยและจีนออกค่าใช้จ่ายฝ่ายละ 50% เริ่มสัญญาก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. 2553 และเดิมสิ้นสุดสัญญาวันที่ 10 ธ.ค. 2555 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน แต่ช่วงกลางปี 2554 มีปัญหาเรื่องการใช้ค่าเงินจ้างเอกชนทำให้ล่าช้าออกไปถึงเดือน มิ.ย. 2556 ดังกล่าว
       
       ทั้งนี้ ตัวสะพานมีความยาวประมาณ 480 เมตร มีเสาตอม่อ 4 ตอม่อ มีความกว้าง 14.70 เมตร มีสองช่องจราจรๆ ละ 3.50 เมตร และไหล่ทางข้างละ 2 เมตร และทางเท้าข้างละ 1.25 เมตร และเอกชนไทยทำการก่อสร้างถนนทั้งฝั่งไทยและ สปป.ลาว รวม 11 กิโลเมตร แบ่งเป็นฝั่งไทย 5 กิโลเมตรและ สปป.ลาว 6 กิโลเมตร รวมทั้งอาคารด่านพรมแดนทั้งสองฝั่ง
       
       สำหรับชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงของ ดังกล่าวมีการค้าชายแดนในปี 2554 มูลค่ารวมประมาณ 8,199 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 2,268.3 ล้านบาท ส่งออก 5,931.1 ล้านบาท และในปีนี้ 2555 มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 12,500 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 3,071 ล้านบาท และส่งออก 9,453.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 33% สินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าพืชผัก เครื่องจักร รถยนต์ ฯลฯ จากประเทศจีนซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ส่วนสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #604 เมื่อ: วันที่ 23 มีนาคม 2013, 09:54:20 »


วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8149 ข่าวสดรายวัน


ดีเอชแอลทุ่ม180ล้านรับเออีซี ลุยทั้งในประเทศ-ภูมิภาค



นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และภาคพื้นอินโดจีน ผู้ให้บริการขนส่งด่วนทางอากาศ "ดีเอชแอล" เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบในด้านภูมิศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค แต่ต้องเร่งขยายโครง สร้างพื้นฐานให้รองรับความต้องการ รวมถึงปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า ส่งออกสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะความรวดเร็ว และความสะดวกในการนำเข้าและส่งออก เพราะมองว่าหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 แล้ว จะมีปริมาณสินค้าเข้า-ออก ประเทศไทยเพิ่มขึ้นสูงมาก



ขณะเดียวกันบริษัทมองว่าภาพรวมธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ ยังคงเติบโตได้อีกอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศและภูมิภาคที่ขยายตัวอย่างมาก รวมถึงความชัดเจนในเรื่องเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศแถบยุโรป และสหรัฐ สำหรับดีเอชแอลปัจจุบันมีความพร้อมในการให้บริการลูกค้าทั้งในประเทศ และภูมิภาค ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 4 ของเอเชีย ที่เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า ร่วมกับสิงคโปร์ จีน และฮ่องกง



ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเปิดเออีซี ในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณไว้ 180 ล้านบาท เพื่อศูนย์กระจายสินค้าอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 10 แห่ง เน้นจังหวัดแถบชายแดน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาทั้งภาคเหนือ จ.เชียงราย หรือภาคอีสาน จ.หนองคาย รวมถึงเพิ่มจุดให้บริการจาก 38 แห่ง ให้เป็น 42 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้เข้าถึงและเพิ่มความรวดเร็ว สะดวกสบายให้ กับลูกค้าหลักกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีสัดส่วนคิดเป็น 80% ของลูกค้าทั้งหมดกว่า 20,000 ราย ได้ดียิ่งขึ้น

หน้า 22
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #605 เมื่อ: วันที่ 23 มีนาคม 2013, 15:22:27 »

ระดับน้ำโขงวิกฤติ เรือสินค้าตกค้างท่าเชียงแสนเพียบ
http://www.thairath.co.th/content/region/334325


* image.jpg (136.37 KB, 612x794 - ดู 718 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #606 เมื่อ: วันที่ 26 มีนาคม 2013, 21:55:45 »


เชียงราย - จีนปิดประตูระบายน้ำเขื่อนจิ่งหง ซ่อมเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า ทำน้ำโขงแห้งรวดเดียวร่วมเมตร จนเรือสินค้าทั้งใหญ่-เล็กต้องจอดเทียบริมฝั่งกันระนาว หยุดบริการขนส่งสินค้าสิ้นเชิงชั่วคราว
       
       วันนี้ (26 มี.ค.) รายงานข่าวจากจ.เชียงราย แจ้งว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขง ด้าน อ.เชียงแสน แห้งลงจากช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา เกาะแก่งและหาดทรายโผล่ขึ้นมาหลายจุด ทำให้เรือสินค้าทั้งขนาดเล็กและใหญ่เกือบทุกชนิด ไม่สามารถแล่นออกจากฝั่งได้ แม้แต่เรือสินค้าสัญชาติลาว ที่ขนสินค้าได้ 50-80 ตัน ก็ต้องเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้าม อ.เชียงแสน ขณะที่เรือสินค้าจีนที่มีขนาดใหญ่หลายลำ จอดอยู่ข้างฝั่งท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 มีเพียงเรือบุคคลหรือเรือโดยสารขนาดเล็กเท่านั้นที่ยังให้บริการนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางข้ามฝั่งไปมา
       
       นายอรรภภัณฑ์ รังษี ประธานที่ปรึกษาชมรมผู้ประกอบการค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลึกมากกว่า 2.30 เมตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้ขนส่งสินค้าได้ ทำให้เรือสินค้าโดยเฉพาะเรือลาว ขนสินค้าจากท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ที่เป็นท่าเรือหลักที่ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน และท่าเรือเอกชนที่สามเหลี่ยมทองคำให้บริการได้ตามปกติะบางครั้งก็มีเรือสินค้าจีนขนาดใหญ่ด้วย
       
       แต่ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ทางการจีนได้หยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนจิ่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ทำให้วันต่อมา (20 มี.ค.) ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงทันทีเหลือ 2.03 เมตร และวันที่ 21 มีนาคม ระดับน้ำลดลงเหลือเพียง 1.86 เมตร กระทั่งวันที่ 22 มีนาคม ลดลงเหลือ 1.53 เมตร เรือสินค้าไม่สามารถแล่นออกจากฝั่งไทยได้
       
       “คนเดินเรือบอกว่าจะปิดเขื่อนจนถึงสิ้นเดือนนี้ ด้วยเหตุผลการซ่อมแระบบผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งระดับน้ำที่ลดลง ทำให้เรือสินค้าสัญชาติจีนตกค้างอยู่ที่ฝั่งเชียงแสนกว่า 20 ลำ ส่วนเรือสินค้าอื่นๆก็ไม่สามารถทำการขนส่งได้ ต้องรอไปจนกว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น”
       
       ด้านนางเกศสุดา สังขกร รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย และประธานชมรมผู้ประกอบการค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า นอกจากระดับน้ำโขงที่ลดลงทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือต้องหยุดชะงักแล้วยังประสบปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอีก ซึ่งผู้ประกอบการต้องหันไปใช้เส้นทางอื่น โดยเฉพาะทางบกผ่านถนนอาร์สามเอ อ.เชียงของ-ลาว-จีนตอนใต้ รวมทั้งบางส่วนสามารถเชื่อมจากเมืองเชียงกก ประเทศลาว ไปตามถนนสายเชียงกก-แขวงหลวงน้ำทา-จีนตอนใต้
       
       ด้านนายทรงกลด ดวงหาคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 สาขาเชียงราย กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าทางการจีนจะซ่อมเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ และจะปล่อยน้ำให้ไหลลงมาได้เหมือนเดิม จะทำให้ระดับน้ำกลับมาอยู่ที่ประมาณ 2 เมตรกว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
       
       สำหรับการค้าชายแดนด้าน อ.เชียงแสน ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการค้าผ่านช่องทาง อ.เชียงของ เชื่อมถนนอาร์สามเอไทย-ลาว-จีนตอนใต้ จะสะดวกมากขึ้น และกำลังจะมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมไทย-ลาว ก็ตาม โดยในปี 2554 มีการค้ามูลค่า 7,891.91 ล้านบาท แยกเป็นส่งออก 8,991.17 ล้านบาท นำเข้า 1,099.9 ล้านบาท ปี 2555 มูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 13,114.66 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 13,626.88 ล้านบาท และนำเข้า 512.22 ล้านบาท
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #607 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2013, 07:32:27 »

วิสัยทัศน์'นายกอบจ.เชียงราย'รับเออีซี

สร้างศักยภาพรับประชาคมอาเซียน วิสัยทัศน์'นายกอบจ.เชียงราย'

             การเปิดประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ.2558 ซึ่งคาดการณ์กันว่า ประเทศสมาชิกจะได้รับประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน เนื่องจากมีการลงเงื่อนไขอุปสรรคทางการค้าและเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆเพื่อรองรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก นั้น จังหวัดเชียงราย เป็นเมืองชายแดน ซึ่งถือเป็นประตูการค้าสำคัญ โดยเฉพาะและเป็นประตูที่เปิดประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง พม่า ลาว โดยเฉพาะจีนซึ่งต้องการหาทางเชื่อมโยงออกทะเล ทิศทางการพัฒนา ภายใต้การกุมบังเหียนของ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตา

บทเรียนของจังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่งที่เมื่อขยายความเป็นเมืองมากขึ้นก็เต็มไปด้วยปัญหาต่างๆทำอย่างไรเชียงรายจะไม่เดินไปในทิศทางนั้น
             นโยบายและยุทธศาสตจังหวัดเชียงรายคือ เป็นเมืองการค้า การท่องเที่ยว และการเกษตรที่สำคัญของประเทศ รองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งในการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกันระหว่าง จ.เชียงรายผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 18 อำเภอในเขต จ.เชียงราย และส่วนราชการต่างๆ  ครั้งล่าสุด เราพยายามทำความเข้าใจร่วมกันว่า ทิศทางการดำเนินงานในภาพรวมของ อปท.ในเขต จ.เชียงรายจะเดินไปอย่างสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัด และการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาของ อปท. จะต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการประสานงานทรัพยากรการบริหารจัดการ โดยกระบวนการแบบมีส่วนร่วมของ อปท. ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน ตามนโยบายการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เรามีต้นทุนด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การเกษตร สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นไปอย่างสมดุล

พอจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ไหม
             อย่างเรื่องการท่องเที่ยว ถ้าใครมีโอกาสใช้เส้นทางจากเชียงแสนไปเชียงของซึ่งเป็นถนนเลียบแม่น้ำโขงจะพบว่าเป็นเส้นทางที่มีความงดงามตามธรรมชาติที่สุดเส้นทางหนึ่ง โดยจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้เป็นเส้นทางขี่จักรยานเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ซึ่งเป็นต้นทุนที่เรามีอยู่แล้วเพียงแต่จะต้องทำให้เส้นทางนั้นมีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวใช้มาตรการด้านการจัดการจราจรเข้าไปดูแลให้เกิดความปลอดภัยเพราะหากเรามีชื่อเสียงติดอันดับโลกในแง่สถิติการเกิดปัญหาจราจรก็จะกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวแน่นอน

การเปิดประชาคมอาเซียนจะทำให้การแข่งขันมีสูงขึ้นหลายคนเป็นห่วงภาคเกษตรบ้านเรา
             เราไม่อยากมองด้านบวกแต่อย่างเดียว ภาคเกษตรของเราหากไม่แข็งแรงพอจะไปสู้เพื่อนบ้านยาก ดังนั้นเราต้องเข้าไปสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ เรากำลังจะมีโครงการนำร่อง โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา ตั้งโรงเรียนชาวนาในทุก
             ตำบลเพื่อให้เกิดการร่วมมือกันแทนที่เราจะแข่งกับเขาตัวคนเดียวมาร่วมแรงร่วมใจกันดีกว่า ถ่ายทอดความรู้แลกเปลี่ยนช่วยเหลือกันและกัน เช่นการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น  ลดการใช้สารเคมี นำเทคโนโลยีการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร อย่าง  ตอซังข้าว เลิกเผาเพราะไหนจะก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันและมลพิษต่างๆ เรานำมาย่อยสลายเป็นปุ๋ยชีวภาพ  เครื่องจักรเครื่องกลการเกษตร เราใช้ร่วมกัน แทนที่จะต้องมีต้นทุนในการซื้อหรือจ้างเครื่องจักรเหล่านี้เราจัดคิวตารางแล้วช่วยกันบำรุงรักษา เบื้องต้นได้ประสานกับไร่เชิญตะวัน ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ที่ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการตามแผนแล้ว
              นอกจากนี้เรายังต้องวางแนวทางเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาผลผลิตตกต่ำ ไว้ด้วยเพราะไม่ใช่แค่ข้าวอย่างเดียว ผลผลิตทางเกษตรของจังหวัดเชียงรายมีทั้งกาแฟ ผลไม้ตามฤดูกาล ลำไย สัปปะรด บางครั้งเราต้องเข้าไปแทรกแซงและพยุงราคาขณะเดียวกันเราต้องหาทางแปรรูปเพื่อต่อยอดกับโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอท็อป ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เราจะส่งเสริมพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์  การจัดคาราวานโอท็อปไปยัง 18 อำเภอ ขายกันในจังหวัดตลอดจนนำผู้ผลิตโอท็อปในท้องถิ่นไปดูงานยังจังหวัดต่างๆเพื่อมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง

ดูเหมือนว่าการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันจะต้องให้ความสำคัญค่อนข้างมาก
             เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้น่ะ เด็กเยาวชนของเราเหมือนกัน ตอนนิ้ทางอบจ.เชียงราย เตรียมจัดสรรงบประมาณ ว่าจ้างครูสอนภาษาอังกฤษ จีน และพม่า ไปประจำตามโรงเรียนต่างๆ ทั้ง 18 อำเภอ เราเน้นการสอนภาษาเพื่อสื่อสารเป็นหลัก เราคิดเรื่องการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เท่าๆกัน เช่นแนวคิด  โรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง ใช้ครูของโรงเรียนเก่งๆเวียนมาสอนโรงเรียนที่ยังด้อยคุณภาพกว่า เด็กๆไม่ต้องขวนขวายมาเรียนในเมือง นอกจากเรื่องวิชาการ เด็กและเยาวชนต้องมีทักษะด้านกีฬา มีโอกาสพัฒนาศักยภาพและความสามารถของตัวเองสู่วงการกีฬาอาชีพเป็นตัวแทนของท้องถิ่นและประเทศ เรามีทีมฟุตบอลประจำจังหวัด มีสถาบันสอนฟุตบอลให้กับเยาวชนจ้าง ซึ่งปกติเขาก็จ้างโค้ชที่เก่งๆจากเมืองนอกมาอยู่แล้ว เราสามารถร่วมมือกันตรงนี้ได้

ต่อไปเชียงรายรถจะติดเหมือนกรุงเทพ-เชียงใหม่ไหม
             นโยบายรัฐบาลกับการพัฒนาศักยภาพของประเทศรับการเปิดประชาคมอาเซียน ประเด็นหนึ่งคือ พัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้า การพัฒนาเส้นทางคมนาคมสายหลัก ขณะที่ อบจ.เราจะเข้าไปหนุนเสริมเช่น การพัฒนาเส้นทางสายรองเพื่อเชื่อมต่อเส้นทางสายหลัก การสร้างเส้นทางเลี่ยงเมืองแก้ไขปัญหาการจราจร การเชื่อมโยงกับพื้นที่เกษตรกรรม แหล่งท่องเที่ยว ตอนนี้เรากำลังศึกษาการจัดสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าวิ่งในจังหวัดตรงนี้ก็เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองที่จะมีขึ้น

ในแง่ปัญหาสังคมที่จะเกิดตามมากับการพัฒนาเศรษฐกิจจะรับมืออย่างไร
              ทุกวันนี้จังหวัดเชียงรายมีข่าวแทบทุกวัน ปฎิเสธไม่ได้ว่าเพราะสภาพที่ตั้งการเป็นเมืองชายแดน ทำให้จังหวัดเป็นเส้นทางผ่านของยาเสพติด ซึ่งจะเห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ครั้งละมากๆ ตรงนั้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการ
             ทำงานเชิงบูรณาการร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยทั้งพื้นที่และส่วนกลาง ต้องยอมรับว่า นายตำรวจหลายท่านในจังหวัดเชียงรายรับราชการในพื้นที่มากนานดังนั้นความต่อเนื่องในการทำงานถือเป็นจุดแข็งโดยเฉพาะท่านผู้การจังหวัด สามารถแสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชนให้เข้ามาสนับสนุนการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป็นอย่างดี บางครั้งไม่ว่าจะเป็นรถสายตรวจ กล้องวงจรปิดต่างๆมาจากการบริจาคของเอกชนและประชาชน

http://www.komchadluek.net/
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #608 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2013, 08:06:45 »

ร.ฟ.ท.ดันงบระบบราง1.2 ล้านล.
วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2013 เวลา 13:06 น.    กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ    อสังหา REAL ESTATE    - คอลัมน์ : อสังหาฯ REAL ESTATE
User Rating: / 0
แย่ดีที่สุด
"ประภัสร์" เปิดหวูดสั่งขับเคลื่อน 28 โครงการภายใต้กรอบพ.ร.ก.เงินกู้ 2 ล้านล้าน จัดทีมตั้งแต่ระดับรองผู้ว่าการเกาะติดความคืบหน้า เผยเปิดประมูลอี-ออกชัน โดยรถไฟทางคู่ต้องเร่งรัดประมูล 1 เส้นทาง 1 สัญญา เร่งคัดคุณสมบัติผู้ที่จะมาเสนอราคาต้องเด่นเรื่องเงินทุนและเทคนิค  ส่วนไฮสปีดเทรนปลายปีนี้ชัดเจนแน่

    นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งขับเคลื่อนแผนการพัฒนา 28 โครงการของร.ฟ.ท.ที่ได้รับงบประมาณภายใต้แผนโครงการสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้กรอบวงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยต้องการให้มีการเปิดประมูลโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าต่อการพัฒนาโครงการเนื่องจากหลายโครงการมีความพร้อมเปิดประมูลได้แล้ว
    "โดยเฉพาะรถไฟทางคู่จำนวนกว่า 10 สายทางหากเส้นทางไหนได้รับการรับรองผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เปิดประมูลได้ทันที ส่วนอื่นๆก็เร่งทีโออาร์ให้พร้อมไว้แล้ว  โดยได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบตั้งแต่รองผู้ว่าการไปติดตามควบคุมดูแลความคืบหน้าทุกระยะในแต่ละโครงการ  ส่วนการคัดเลือกผู้ที่จะมาเสนอราคาย้ำต้องเป็นมืออาชีพจริงๆเนื่องจากเป็นการเปิดประมูลอี-ออกชัน  ส่วนรถไฟความเร็วสูงปลายปีนี้ชัดเจนแน่"
    สำหรับโครงการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ปี2556-2563 ในแผนงานพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นโครงข่ายการขนส่งหลักของประเทศของการรถไฟจำนวน 28 โครงการ วงเงินรวมประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท 2.รถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ-เด่นชัย วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท 3.รถไฟทางคู่สายมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท 4.รถไฟทางคู่สายถนนจิระ-ขอนแก่น วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท 5.รถไฟทางคู่สายขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท 6.รถไฟทางคู่สายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี วงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท 7.รถไฟทางคู่สายนครปฐม-หัวหิน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท 8.รถไฟทางคู่สายหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 9.5 พันล้านบาท 9.รถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท 10.รถไฟทางคู่สายชุมพร-สุราษฎร์ธานี วงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท 11.รถไฟทางคู่สายสุราษฎร์ธานี-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท
    12.โครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ(ปรับปรุงทาง ราง หมอน สะพาน และติดตั้งรั้ว)วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท จำแนกเป็นงานเสริมความมั่นคงโครงสร้าง วงเงิน 406 ล้านบาท  งานเปลี่ยนหรือเสริมความมั่นคงสะพานที่ชำรุดหรือรับน้ำหนักกดเพลามาตรฐาน 20 ตัน/เพลา วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท และงานติดตั้งรั้ว 2 ข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ วงเงิน 3.4 พันล้านบาท 13.โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับ และปรับปรุงเครื่องกั้น วงเงิน 4.3 พันล้านบาท 14.โครงการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณไฟสีทั่วประเทศ วงเงิน 7.2 พันล้านบาท 15.โครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคม วงเงิน 2.1 พันล้านบาท 16.โครงการก่อสร้างโรงรถจักรแห่งใหม่ที่แก่งคอย วงเงิน 1 พันล้านบาท
    ส่วนโครงการตามแผนงานพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบเพื่อเชื่อมโยงกับฐานการผลิตและฐานการส่งออกที่สำคัญของประเทศ มีดังนี้คือ 17.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายบ้านภาชี-อ.นครหลวง เชื่อมโยงกับท่าเรือในแม่น้ำป่าสัก ที่ อ.นครหลวง วงเงิน 1 พันล้านบาท
    เช่นเดียวกับโครงการตามแผนงานพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อภูมิภาค ได้แก่ 18.โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงิน 3.8 แสนล้านบาท  19.รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หนองคาย วงเงิน  1.7 แสนล้านบาท  20.รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ วงเงิน 1.6 แสนล้านบาท  21.รถไฟความเร็วสูงเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(แอร์พอร์ตลิงค์) ต่อจากสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง วงเงิน 1 แสนล้านบาท  22.โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท 23.รถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท
    โครงการตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว ตามแผนงานพัฒนาระบบขนส่งในเขตเมือง ประกอบด้วย  24.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง วงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท 25.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วงเงิน 5.4 พันล้านบาท 26.โครงการรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท วงเงิน  2.8 หมื่นล้านบาท 27.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงิน  6.2 พันล้านบาท 28.โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 7.5 พันล้านบาท

 จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,830  วันที่  28- 30  มีนาคม พ.ศ. 2
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #609 เมื่อ: วันที่ 28 มีนาคม 2013, 11:17:16 »

ทางหลวงฯทุ่มงบทำถนนเชียงรายปี 55-57 เกือบ 6 พันล้านแต่กลางเมืองรถยังติดหนึบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   28 มีนาคม 2556


เชียงราย - แขวงการทางเชียงราย ตั้งโต๊ะแจงยิบ โชว์ผลงานปรับปรุงถนนทั่วเมืองพ่อขุนฯวงเงิน 5.6 พันล้าน แต่ยอมรับเส้นทางผ่ากลางเมืองรถยังติดหนึบ แถมแผนเจาะอุโมงค์-ทางยกระดับติดปัญหา ต้องรอทางเลี่ยงเมืองช่วยบรรเทาเป็นหลัก




       
       นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ผอ.แขวงการทางเชียงรายที่ 1 ได้จัดแถลงผลการดำเนินโครงการที่ได้ทำในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่แล้วเสร็จและกำหนดจะแล้วเสร็จว่า มีมูลค่ารวมกันประมาณ 5,600 ล้านบาท ประกอบด้วยถนนสาย อ.เมืองเชียงราย-อ.เชียงของ 110 กิโลเมตร โดยระยะแรก 29.9 กิโลกรัม งบประมาณ 984 ล้านบาท แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 55 ส่วนระยะที่สองระยะทาง 25 กิโลเมตร งบประมาณ 850 ล้านบาท กำลังหาผู้รับจ้าง ขณะที่ระยะสุดท้ายระยะทาง 46 กิโลเมตรอยู่ระหว่างออกแบบในแผน 5 ปี
       
       นายจิระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับถนนสี่ช่องจราจรสายเลาะชายแดน อ.แม่สาย-เชียงแสน-เชียงของ ช่วงแม่สาย-เชียงแสน ระยะแรก 27 กิโลเมตร งบประมาณ 598 ล้านบาท แล้วเสร็จตั้งแต่เดือนกันยายน 55 และระยะที่สอง 8.9 กิโลเมตร งบประมาณ 222 ล้านบาท แล้วเสร็จเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ส่วนช่วงเชียงแสน-เชียงของ เลาะแม่น้ำโขงระยะแรก 10.022 กิโลเมตร งบประมาณ 204.98 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 57 ระยะที่สอง 20.10 กิโลเมตร งบประมาณ 555 ล้านบาท อยู่ระหว่างหาผู้รับจ้าง และระยะสุดท้าย 21 กิโลเมตร งบประมาณ 950 ล้านบาท ได้เสนอเข้าสู่งบประมาณปี 2557
       
       นายจิระพงศ์ กล่าวต่อว่า ด้านถนนเชื่อมจาก อ.แม่จัน - อ.เชียงแสน ระยะทาง 30.24 กิโลเมตร งบประมาณ 1,168 ล้านบาทนั้น ระยะแรก 19.20 กิโลเมตร งบประมาณ 631 ล้านบาท แล้วเสร็จไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย55 ส่วนระยะที่สอง 11.04 กิโลเมตร งบประมาณ 537 ล้านบาทกำลังก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนเมษายน 56
       
       นอกจากนี้ในปี 2556 ยังมีโครงการที่กำลังดำเนินการอีกหลายโครงการ เช่น ฉาบผิวถนนทางขึ้นพระธาตุดอยตุง วงเงิน 9.97 ล้านบาท เริ่มดำเนินการ 15 ม.ค.-14 พ.ค.นี้ งานเสริมผิวจราจรในเขตเทศบาลนครเชียงมาบรรจบถนนพหลโยธิน วงเงิน 9.949 ล้านบาท เริมดำเนินการ 30 ม.ค.-20 พ.ค.นี้ การซ่อมผิวจราจร อ.แม่จัน-ห้วยมะหินฝน วงเงิน 9.949 ล้านบาท เริ่มดำเนินการ 30 ม.ค.-20 พ.ค.นี้ เป็นต้น
       
       นายจิระพงศ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามแม้จะมีโครงการมากมายดังกล่าวแต่ปัจจุบันก็ถือว่าน้อย และเมื่อเปรียบเทียบกับการจราจรที่คับคั่งขึ้นทำให้มีแนวโน้มจะแออัดมากขึ้น ดังนั้นตนจึงได้ประสานคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ศึกษาถนนพหลโยธินที่ผ่าใจกลางเมืองเชียงราย และกำลังเป็นปัญหาเรื่องรถติดอยู่ในขณะนี้ ช่วงตั้งแต่สี่แยกแม่กรณ์ ผ่านตัวเมืองไปจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ระยะทาง 12 กิโลเมตร แต่มีทางกลับรถหรือยูเทิร์นมากถึง 9 จุด และมีจุดทางแยกทั้งที่มีสัญญาณไฟจราจร และไม่มีรวมกันกว่า 20 จุด หรือเรียกได้ว่าทุกๆ 300-400 เมตรก็จะต้องหยุดรถตามจุดต่างๆ ตลอด
       
       "หลายคนเสนอให้ขุดอุโมงค์ที่แยกสำคัญกลางเมือง แต่กรณีนี้ต้องใช้วงเงินจุดละกว่า 400-600 ล้านบาท เกรงว่าจะต้องผลักดันกันในระดับนโยบาย ขณะเดียวกันพื้นที่ที่จะก่อสร้างก็คับแคบ เช่น ห้าแยกพ่อขุนฯ เพราะการจะสร้างอุโมงค์จะต้องมีที่ด้านข้างกว้างขวางแต่ถนนผ่านตัวเมืองเชียงรายมีแต่อาคารบ้านเรือน นอกจากจากนี้แต่ละแยกบนถนนสายนี้อยู่ใกล้กันมากเมื่อทำอุโมงค์จุดใดแล้วรถที่ขับลอดอุโมงค์ก็จะไปติดในแยกถัดไป ดังนั้นการสร้างอุโมงค์จึงไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องแก้ปัญหารถติดในตัวเมืองเชียงรายแต่อย่างใด"
       
       สำหรับการสร้างทางยกระดับนั้นตนเกรงว่าจะเกิดปัญหาเหมือนที่เชียงใหม่ ซึ่งชาวบ้านไม่ต้องการให้มีการบดบังทัศนียภาพ หรือถ้าจะปิดทางกลับรถก็จะมีประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากทางกลับรถนั้นร้องเรียนเข้าไปอีกแน่นอน
       
       ดังนั้น แนวทางแก้ไขก็คือ การก่อสร้างถนนเลี่ยงเมือง แต่ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกก็ยังไม่แล้วเสร็จ โดยทางเลี่ยงเมืองที่กรมทางหลวงรับผิดชอบอยู่ทางฝั่งตะวันตก ระยะทาง 18 กิโลเมตร เริ่มต้นตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลเชียงรายทางไป อ.แม่ลาว อ้อมตัวเมืองฝั่งตะวันตกไปบรรจบกับถนนพหลโยธินพื้นที่ ต.นางแล ใช้งบประมาณ 1,300 ล้านบาท ปัจจุบันสถานะโครงการอยู่ระหว่างออกแบบโครงการและจะเสนอของบประมาณดำเนินการในปี 2558 โดยถนนเลี่ยงเมืองสายนี้จะ
       
       ส่วนฝั่งตะวันออกนั้นกรมทางหลวงชนบท อยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งได้มีการศึกษาเรื่องถนนวงแหวนรอบนอกเอาไว้รองรับแล้ว ขั้นตอนกำลังศึกษา วางแผน แนวทางของเส้นทาง งบประมาณ ฯลฯ เมื่อแล้วเสร็จก็ต้องมีการนำแบบเสนอของบประมาณ ซึ่งอย่างเร็วที่สุดคือปี 2558


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000037585
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #610 เมื่อ: วันที่ 01 เมษายน 2013, 11:11:38 »

กทพ.จ่อพิพาทปรับค่าผ่านทางรอบใหม่ ปิ๊งผุดทางด่วนเชื่อมเชียงใหม่-เชียงราย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   

กทพ.ยอมรับต้องปรับค่าผ่านทางปี 56 ตามสัญญา และเลี่ยงข้อพิพาทกับBECL ยาก เหตคิดไม่ตรงกัน "อัยยณัฐ"ที่ผ่านมามีข้อพิพาทกรณีค่าผ่านทางกับเอกชนรวม 3 คดีแล้ว ยันยึดแนวเจรจาตามสัญญาและความเห็นอัยการสูงสุด มีเศษต้องปัดลง พร้อมเสนอไอเดียผุดทางด่วนสายใหม่เชื่อมเชียงราย-เชียงใหม่ รับนักท่องเที่ยวจีน ด้านBECLยันสงวนสิทธิ์ยึดสัญญาปรับค่าผ่านทาง ปัดเศษขึ้น
       
       นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงการปรับอัตราค่าผ่านทางพิเศษ ซึ่งจะครบ5ปี ตามสัญญาในวันที่ 1 กันยายน 2556 ว่า ในส่วนของกทพ.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการมาพิจารณาการปรับอัตราค่าผ่านทางเพื่อเจรจากับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECLและจะเริ่มกระบวนเจรจาในเดือนมีนาคมนี้เพื่อให้ได้ข้อยุติภายในเดือนสิงหาคมก่อนประกาศอัตราค่าผ่านทางใหม่ 1เดือน โดยปัญหาการปรับค่าผ่านทางที่ผ่านมาเกิดจากการใช้ฐานที่ไม่ตรงกันโดยหากการคำนวนตามสูตรที่ใช้ตัวเลขดัชนีผู้บริโภค (CPI) สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2556 ออกมาไม่ถึง 10 หรืออยู่ระหว่าง 6-9 กทพ.จะใช้หลักปัดเศษลงคือ ปรับขึ้นค่าผ่านทาง 5 บาท ส่วน BECLจะใช้หลักปัดขึ้น เป็น 10 บาท ดังนั้นในครั้งนี้ คงหลีกเลี่ยงการเกิดข้อพิพาทไม่ได้เพราะเอกชนคงจะต้องสงวนสิทธิ์เหมือนที่ผ่านมาในการยื่นข้อพิพาทหากการปรับค่าผ่านทางไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
       
       " หลักของกทพ.คือยึดตามความเห็นของอัยการสูงสุด และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา อะไรที่เอกชนเห็นว่าไม่ได้ก็ว่ากันไปตามสิทธิ์ ปัจจุบันกทพ.มีข้อพิพาทกับBECL รวม 11 คดี โดยเป็นข้อพิพาทในเรื่องค่าผ่านทาง 3 คดี ของทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ดและทางด่วนศรีรัช (ขั้นที่2) ตั้งแต่การปรับค่าผ่านทางเมื่อปี 2541"นายอัยยณัฐกล่าว
       
       สำหรับสัญญาสัมปทานระบบทางด่วนขั้นที่1 และ2ที่จะครบอายุในปี 2563 นั้น นายอัยยณัฐกล่าวว่า โครงสร้างทั้งหมดจะตกเป็นของกทพ.ตามสัญญา ส่วนการบริหารงานนั้นมี 2 แนวทาง คือ กทพ.บริหารเอง หรือ ให้สัมปทานกับ BECL ซึ่งจะต้องมีการเจรจาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าร่วมงานในกิจการของรัฐ โดยตามหลัก BECL จะต้องเสนอขอเจรจามายังกทพ.เพื่อแสดงความประสงค์ในการต่อสัญญาสัมปทาโดยเรื่องอายุสัญญาและอัตราค่าผ่านทางและส่วนแบ่งรายได้จะต้องเจรจากับใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้หาก BECL ไม่แสดงเจตนาเจรจาต่อสัญญามากทพ. ในฐานะที่เป็นภาครัฐคงไม่สามารถยื่นข้อเสนอให้เอนได้ก่อน และจะถือว่า ไม่ต้องการใช้สิทธิ์ตามสัญญา และกทพ.จะบริหารทางด่วนเองทันที
       
       ทังนี้ยอมรับว่า กรณีข้อพิพาทระหว่างกทพ.และ BECL เป็นไปได้ที่เอกชนจะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในเงื่อนไขการเจรจาเพื่อต่อสัญญาใหม่
       
       ด้านนางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ BECL กล่าวว่า บริษัทจะเจรจาปรับค่าผ่านทางตามขั้นตอนที่ระเบุไว้ในสัญญา โดยยืนยันว่าหากคำนวยออกมาแล้วเกิน 5 แต่ไม่ถึง 10 จะต้องปัดขึ้นเป็น 10 บาท เป็นต้น ซึ่งยอมรับว่าเป็นความเห็นที่ไม่ตรงกับกทพ. ซึ่งบริษัทไม่ต้องการให้มีข้อพิพาท แต่ต้องสงวนสิทธิ์แน่นอน ส่วนการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่1 และ2 หลังครบกำหนดปี 2563นั้น ตามเงื่อนไขเดิม ระบุว่า BECL จะได้สิทธิ์เจรจาต่อสัญญา 10+10 ปี ส่วนจะเริ่มเจรจาเมื่อไรนั้นอยู่ที่รัฐ
       
       ***ปิ๊งผุดทางด่วาเชียงใหม่-เชียงรายรับนักท่องเที่ยวจีน
       
       นายอัยยณัฐกล่าวว่า ขณะนี้นี้มีแนวคิดในการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายเชียงใหม่ – เชียงราย ระยะทางประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร ซึ่งจะเป็นเส้นทางรองรับ AEC และนักท่องเที่ยวจากจีนที่เดินทางผ่านทางลาวลงมาไทยที่เชียงรายจำนวนมาก โดยหากมีทางด่วนนอกจากจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางแล้วจะย่นระยะเวลาในการเดินทางจากเชียงราย ไปเชียงใหม่ ลงได้ถึง 1 ชั่วโมงจากเดิมที่ต้องใช้ระยะเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นช่องทางในการทำให้มีนักท่อเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้นจะต้องพิจารณาแนวเส้นทางไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ป่าสงวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดเพื่อนำเสนอรัฐบาลต่อไป
       
       ***สงกรานต์ใช้ทางด่วนบางนาฟรี 6 วัน
       
       นอกจากนี้ กทพ.อยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อขอเว้นยกการเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10 – 16 เมษายน 2556 โดยจะเสนอขอยกเว้นค่าผ่านทางในช่วงเส้นทางบางนา- ชลบุรี ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์


http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000039010
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
hjphqp
hjphqp
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,618



« ตอบ #611 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2013, 01:03:13 »

รับทราบคับท่าน
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #612 เมื่อ: วันที่ 26 เมษายน 2013, 19:09:58 »

ทุนใหญ่รุกอสังหาฯ เชียงใหม่-เชียงรายรับเออีซี

วันที่ 25 เมษายน 2556 11:20

โดย : วรัทยา ไชยลังกา


ด้วยเหตุผลที่เชียงใหม่เป็นหัวเมืองหลักด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของภาคเหนือ เช่นเดียวกับเชียงราย ถูกพลิกโฉมเป็นประตูหน้าด่านเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ถือเป็นแรงดึงดูดให้บรรดายักษ์ใหญ่ต่างขยับเข้ามาลงทุนหวังจะครองตลาดที่อยู่อาศัยก่อนการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชียงใหม่เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ มีศักยภาพสูง ลูกค้าที่มีกำลังซื้อ สังเกตจากยอดขายของ บริษัทที่มาลงทุนเชียงใหม่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม พบว่าลูกค้ามีการซื้อเพื่อลงทุน ซื้อด้วยเงินสดมากกว่าจังหวัดอื่น ที่ไปลงทุน เช่น ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี สุราษฎร์ธานี การขอสินเชื่อจากธนาคารได้รับการปฏิเสธในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับภูเก็ต

ขณะเดียวกันเชียงใหม่ยังมีสิ่งสนับสนุนให้เกิดโครงการใหม่ทั้งผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความชัดเจน กำหนดความสูงของอาคาร ยังพบว่าโมเดิร์นเทรดด้านวัสดุก่อสร้างก็มาลงทุนเชียงใหม่หลายโครงการทั้ง โฮมโปร , โกลบอลเฮ้าส์ , โฮมเวิร์ค, ดูโฮม

"ธอส."โชว์ตัวเลขอสังหาฯรอขาย'555หมื่นล.
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่าเชียงใหม่ มีที่อยู่อาศัยระหว่างการขายปี 2555 จำนวน 149 โครงการ กว่า 19,800 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 105 โครงการ จำนวน 13,700 หน่วย มูลค่าโครงการกว่า 4 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยพื้นที่โครงการ 21-50 ไร่ ส่วนใหญ่มีไม่เกิน 150 หน่วยต่อโครงการ โดยอ.สันทราย มีบ้านจัดสรรมากที่สุด รองลงมาเป็นอ.เมือง หางดง ดอยสะเก็ด และสันกำแพง ส่วนอาคารชุดมีทั้งหมด 44 โครงการ จำนวน 6,100 หน่วย ส่วนใหญ่มีไม่เกิน 200 หน่วยต่อโครงการ

ทั้งนี้เป็นโครงการอาคารชุดที่เปิดขายในรอบ 2 ปีคือช่วงปี 2554-2555 มีโครงการที่ใกล้จะขายหมดแล้ว 10 โครงการ และมีโครงการที่เพิ่งเปิดขายใหม่ช่วงต.ค.2555-ก.พ.2556 อีก19 โครงการ หรือกว่า 3,000 หน่วย มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยระดับราคา68% อยู่ในช่วง 1-2 ล้านบาท รองลงมา 17% อยู่ในช่วงราคา 2-3 ล้านบาท และ10 % อยู่ในช่วงราคา 3-5 ล้านบาท

TIS-Cชี้อสังหาฯ56แนวโน้มดีต่อเนื่อง
นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ศูนย์บริการข้อมูลการค้า-การลงทุน เชียงใหม่ (TIS-C) กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯของเชียงใหม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากที่เป็นการลงทุนที่พักอาศัยแนวราบ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการลงทุนแนวสูงที่เป็นห้องชุดหรือคอนโดฯมากขึ้น ขณะนี้มีที่อยู่อาศัยระหว่างการขายทั้งสิ้น 149 โครงการ หรือประมาณ 19,800 หน่วย เป็นบ้านจัดสรร105 โครงการ ประมาณ 13,700 หน่วย และอาคารชุด 44 โครงการ ประมาณ 6,100 หน่วย

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงสุญญากาศของกฎหมายผังเมืองทำนักลงทุนอสังหาฯเร่งขออนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวนมาก ส่งผลให้ที่ดินมีราคาสูงเท่าตัว การลงทุนด้านอสังหาฯที่เติบโต ทำให้การลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง รวมถึงภาคแรงงาน แต่การลงทุนที่มักกระจุกตัวอยู่บริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ การจราจรที่แออัด ทำให้กลุ่มทุนหลายรายต่างจับจองทำเลลงทุนใหม่บริเวณวงแหวนรอบกลางมากขึ้น คาดปีนี้ตลาดอสังหาฯในเชียงใหม่จะยังคงมีแนวโน้มที่ดี

เชียงรายเนื้อหอมอสังหาฯ-ค้าวัสดุปักหลักลงทุน
นายชวลิต สุธรรมวงศ์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าจากตัวเลขของสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย ปีนี้พบมีการขออนุญาตการใช้พื้นที่กว่า 16 โครงการมีคอนโดอยู่ระหว่างการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ รวมถึงกลุ่ม"สุวรรณรายา" ทุนท้องถิ่นก็เตรียมเปิดบ้านจัดสรรเพิ่ม ขณะที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ทั้งแลนด์แฮนเฮ้าส์ ก็มีการซื้อที่ดินเตรียมเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรร ขณะเดียวกันยังมี"พีดี เฮ้าส์" ศูนย์รับสร้างบ้านรายใหญ่ ได้เปิดสำนักงานรับ สร้างบ้านโดยเฉพาะ เพื่อตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดที่ผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านหายาก รวมทั้ง โกลบอล เฮ้าส์ และไทวัสดุ เตรียมเปิดสาขาให้บริการ

"ยอมรับว่าเชียงรายตอนนี้มีการลงทุนอสังหาฯเพิ่มขึ้น มีปัจจัยเกื้อหนุนหลายอย่างทั้งสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ซึ่งจะสร้างเสร็จเดือน มิ.ย.นี้ มีด่านการค้าชายแดนถึง 3 ด่านทั้งด่านศุลกากรแม่สาย ด่านศุลกากรเชียงแสน และด่านศุลากรเชียงของ มีเส้นทางอาร์สามเอเชื่อมต่อกลุ่มจีเอ็มเอส การเติบโตของเชียงรายมีการกระจายตัวตั้งแต่อ.แม่จัน อ.แม่สาย อ.เชียงแสน" นายชวลิต กล่าว

จับตา 3 อำเภอชายแดนอสังหาฯบูม
นายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯเชียงรายเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะอ.แม่สาย อ.เชียงของ และอ.เชียงแสน ถือเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ มีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีการขยายตัวด้านการค้าและการลงทุนสูงค่อนข้างสูง

อุปสรรคสำคัญต่อการขยายเมืองของเชียงราย คือผังเมืองรวมทั้ง 3 อำเภอยังไม่มีผังเมือง โซนนิ่ง เข้ามาควบคุมการพัฒนาเมือง ในส่วนของอสังหาฯในพื้นที่เขตเมืองพบมีบ้านจัดสรรและคอนโดฯเพิ่มขึ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30% เทียบกับปีที่ผ่านมา " นายบุญธรรม กล่าว

แลนด์แอน์เฮ้าส์เคลื่อนทัพบุกตลาดบ้านจัดสรรเชียงราย
นายไพศาล ภู่เจริญ รองประธานกรรมการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชียงราย เป็นหัวเมืองที่กำลังเติบโต เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในซีกที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศในกลุ่มเออีซี ถือว่าได้รับประโยชน์หลายประการจากการเข้าสู่เออีซี มีศักยภาพในการเติบโตของเมือง ขณะที่คู่แข่งตอนนี้ยังไม่มีรายใหญ่เข้ามา มีเพียงกลุ่มทุนท้องถิ่นรายเล็กๆ เท่านั้น ดังนั้น การแข่งขันยังไม่รุนแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ทั้งนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินเตรียมเปิดหลายโครงการในเชียงราย โดยรูปแบบโครงการวางไว้หลายแบบ คาดว่าจะเปิด ได้ภายในปีนี้
รายงานแจ้งว่าว่า กลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ซื้อที่ดินบริเวณต.บ้านดู่ กว่า 90 ไร่ เพื่อเตรียมเปิดโครงการบ้านจัดสรร

http://www.bangkokbiznews.com/
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #613 เมื่อ: วันที่ 26 เมษายน 2013, 19:15:52 »

อัพเดต "นาคราชนคร" โปรเจ็กต์ ประตูสู่การค้า ไทย-ลาว หมื่นล้านริมฝั่งโขง
Prev1 of 1Next
updated: 26 เม.ย 2556 เวลา 08:22:23 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

"นาคราช นคร" หรือ Nakaraj Nakhon เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เพื่อสร้างเศรษฐกิจริมแม่น้ำโขง ภายใต้การลงทุนนับหมื่นล้านบาท ของ "บริษัทเอเอซี กรุ๊ป" แห่งครอบครัว "สิงห์สมบุญ" โดยมีกลุ่มทุนจากเกาหลีเป็นพันธมิตรร่วมทุน

โครงการ ดังกล่าว ตั้งอยู่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ติดแม่น้ำโขง ตรงข้ามบ้านดอนมหาวัณ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ครอบคลุมพื้นที่ 1,200 ไร่ ห่างจากจุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ไม่ถึง 1 กิโลเมตร และห่างจากถนนสาย R3a เพียง 6 กิโลเมตร

ล่า สุด โครงการนาคราชนคร รุดหน้าไปมาก "ดร.สิชา สิงห์สมบุญ" ประธานบริษัทเอเอซี กรุ๊ป เผยว่า โครงการนี้ได้สัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว เป็นระยะเวลา 80 ปี (ตั้งแต่ พ.ศ. 2550-2630) เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งการค้าและการท่องเที่ยว ในลักษณะ "เขตเศรษฐกิจเฉพาะ" ซึ่งได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบไปด้วยโรงแรม อาคารพาณิชย์ศูนย์รวมร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ศูนย์กระจายสินค้า สถานีขนส่งทางรถและเรือ ปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ฯลฯ

"พื้นที่แห่งนี้จะเป็นภูมิศาสตร์สำคัญของประเทศไทย และผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะการเป็นประตูสู่อาเซียนเชื่อมโยงไปถึงประเทศจีนตอนใต้ อันเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับขนส่งสินค้าไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลที่จำเป็นต้องเดินทางผ่านถนน R3a มาท่องเที่ยวยังประเทศไทย"

ดร.สิชากล่าวว่า จังหวัดเชียงรายมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิยมเดินทางมามากขึ้นเรื่อย ๆ

ทางโครงการจึงเชิญชวนผู้ประกอบการไทยให้เข้าร่วมลงทุนโดยเฉพาะในอาคารพาณิชย์และดิวตี้ฟรีโซน

"เรา ไม่มีเวลาจะมาขัดแย้งกันเองภายในประเทศอีกแล้ว เนื่องจากเมื่อสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เราจะต้องการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ดังนั้นโครงการนาคราชนครจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบ การไทย" ดร.สิชากล่าว

ด้าน "ดร.เหมโชค สิงห์สมบุญ" รองประธานโครงการนาคราชนคร กล่าวว่า ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการมาถึงระยะที่ 3 แล้วจากทั้งหมด 6 เฟส โดยเริ่มเฟสแรกตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ได้มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ถนน ไฟฟ้า แหล่งน้ำ จากนั้นจึงก่อสร้างโรงแรมและออกแบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ดิวตี้ฟรี ร้าน อาหาร สปา ฯลฯ มาตามลำดับ และจะดำเนินการไปจนถึงปี 2559 ซึ่งจะมีการพัฒนาศูนย์การค้า อาคารพาณิชย์ สถานีบริการรถบรรทุก ฯลฯ ให้มีความสมบูรณ์ ก่อนจะเข้าสู่เฟส 4 ในปี 2559 ซึ่งจะมีโรงแรมอีกแห่งหนึ่งพร้อมกับศูนย์รวมเอ็นเตอร์เทนเมนต์และศูนย์กีฬา

"ดร.เหมโชค" บอกว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้น ปี 2557 เพราะเมื่อโครงการออกแบบให้มีถนน R3a ตัดผ่านโครงการ ทำให้มีการเร่งก่อสร้างเพื่อให้ทันต่อการเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ในกลางปีนี้ ทำให้โรงแรมแห่งแรกจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว โดยสามารถมองเห็นเป็นอาคารสีเหลืองอยู่ติดแม่น้ำโขงพร้อมอาคารอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ด้านดิวตี้ฟรีโซนและอาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ก็จะก่อสร้างแล้วเสร็จเช่น กัน โดยปัจจุบันมีการเปิดให้ผู้ประกอบการไทยนำสินค้าไปวางจำหน่ายเป็นประตูของ สินค้าไทยบนถนน R3a ส่วนโรงแรมขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งกำลังก่อสร้างเพื่อเปิดให้ทันภายในปี 2557 อีก ด้วย ล่าสุด มีสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อจำหน่ายแล้วกว่า 4,000 แบรนด์เนมจาก 10 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก

"โครงการจะให้ความ สำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมกับ จ.เชียงราย อย่างมาก จึงพัฒนาให้มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เราไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องการจะไม่มีคนมาเยือน เพราะอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นประตูเชื่อมประเทศไทยกับกลุ่มลุ่มน้ำโขงโดย เฉพาะจีน จึงคาดว่าเมื่อเปิดใช้สะพานตลาดแห่งนี้ก็จะให้บริการรองรับคาราวานนักท่อง เที่ยวได้ต่อไป"

"ดร.เหมโชค" ทิ้งท้ายเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน พื้นที่โครงการที่สถานีบริการรถบรรทุกได้รับใบอนุญาตทั้งทางการค้าและขนส่ง ซึ่งจะมีการก่อสร้างสถานีรถเพื่อเป็นศูนย์โลจิสติกส์ ดังนั้นจะทำให้มีความคึกคัก โดยเตรียมห้องพักรองรับผู้เข้าพักไว้ประมาณ 500 ห้อง แต่อาจไม่เพียงพอในบางช่วง

...แน่นอนว่าเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำ โขงแห่งที่ 4 ใกล้แล้วเสร็จและเปิดใช้ในเดือนมิถุนายนนี้ นี่คือเส้นทางและประตูการค้าเศรษฐกิจสำคัญแห่งใหม่ระหว่างไทยและลาว
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #614 เมื่อ: วันที่ 15 พฤษภาคม 2013, 07:56:15 »


มฟล.เปิดแพทย์ฯรุ่นแรก ชูสร้างหมอคุณภาพที่พึ่งชุมชน


วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 23 ฉบับที่ 8203 ข่าวสดรายวัน

พล.ท.นพ.นภดล วรอุไร คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) กล่าวภายหลังการจัดสอบสัมภาษณ์และตรวจสุขภาพสำหรับผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มฟล. ปีการศึกษา 2556 ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งนับเป็นนักศึกษาแพทยศาสตร์รุ่นแรกของมฟล. โดยคณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มฟล. ว่า เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแพทย์ จึงทำให้ รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดี มฟล. และคณะผู้บริหารมีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะตั้งสถาบันผลิตแพทย์ขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนนั้น ซึ่งขณะนี้หลักสูตรแพทยศาสตร์ มฟล. ได้รับอนุมัติจากแพทยสภา และเริ่มรับนักศึกษารุ่นแรกสำหรับ ปีการศึกษา 2556 โดยตั้งเป้ารับนักศึกษาปีละ 32 คน ในปีแรกๆ ก่อนจะเพิ่มจำนวนรับในระยะต่อไป ประมาณ 100 คน เนื่องจากต้องการเป็นโรงเรียนแพทย์ขนาดกลาง



"จะมุ่งผลิตแพทย์ที่มีคุณภาพและมีคุณธรรม จริยธรรม และที่สำคัญคือมีความรักในชุมชน สามารถเป็นที่พึ่งแก่ชุมชน อยู่ร่วมกับชุมชนและช่วยแก้ไขปัญหาได้ นอกจากนี้หลักสูตรแพทย์ มฟล. ยังให้ความสำคัญเรื่องภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อรับประชาคมอาเซียน เมื่อจบการศึกษาแล้วจะต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับดี และสามารถสื่อสารด้วยภาษาจีนได้เป็นเบื้องต้น" พล.ท.นพ.นภดล กล่าว



คณบดีสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มฟล. กล่าวว่า สำหรับการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร 6 ปีนั้น ในชั้นปีที่ 1-3 ศึกษาวิชาเตรียมและปรีคลินิก ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย สำหรับชั้นปีที่ 4-6 ศึกษารายวิชาคลินิก ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กรุงเทพฯ และโรงพยาบาลกลาง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์ มีประสบการณ์ร่วมผลิตแพทย์มากว่า 15 ปี โดยสอนทั้งนักเรียนแพทย์ เภสัชและทันตแพทย์ ทั้งในระดับปริญญาตรีและหลังปริญญาตรี และมีโรงเรียนแพทย์เก่าแก่ที่ให้ความไว้วางใจส่งแพทย์มาฝึกด้วยเช่นกัน



นอกจากนี้หลักสูตรแพทย์ มฟล. ยังมีโรงพยาบาลร่วมผลิตสมทบอีก 2 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชนอีก 7 แห่งในจ.เชียงราย ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับเวชศาสตร์ชุมชน ครอบครัวเป็นอย่างดี โดยมีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นฐานของสำนักวิชาแพทย์ มฟล. ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อรองรับการเรียนการสอนในหลักสูตรแพทย์ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

หน้า 23
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #615 เมื่อ: วันที่ 18 พฤษภาคม 2013, 20:02:35 »

ฟายน์โฮมขึ้นราคา-รับต้นทุนพุ่ง



นายสุกิจ ตรัยวนพงศ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ฟายน์โฮม เปิดเผยว่าในเดือนมิ.ย.นี้ บริษัทพร้อมเปิดการขายอย่างเป็นทางการรวม 2 โครงการ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ภายใต้โครงการแอม ฟายน์ บางนา 43 เยื้องเซ็นทรัล บางนา เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 3 อาคาร บนที่ดิน 6 ไร่ เป็นห้องชุดพร้อมตกแต่งมีขนาด 1 และ 2 ห้องนอน เริ่มที่ 30-60 ตร.ม. รวม 600 ยูนิต ซึ่งล่าสุดผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว และสิ้นเดือนมิ.ย. จะเริ่มตอกเสาเข็มได้ โดยกำหนดแล้วเสร็จในปลายปี 2557 ขณะที่สำนักงานขายและห้องตัวอย่างจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดการขายในเดือนมิ.ย. โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดขายอย่างไม่เป็นทางการทำให้มียอดขายราว 20% และปัจจุบันจำเป็นต้องขยับราคาขึ้นเป็นตร.ม. 55,000 บาท จากช่วงแรกที่ขายตร.ม. 50,000 บาท เพื่อรองรับต้นทุนค่าก่อสร้างและแรงงานที่แพงขึ้น

ส่วนโครงการเดอะฟายน์เรสซิเดนซ์ จ.เชียงราย ถ.เชียงราย-เทิง เป็นบ้านเดี่ยวบนที่ดิน 62 ตร.ว. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยรวม 150 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท รวม 98 ยูนิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตกแต่งบ้านตัวอย่าง ส่วนสาธารณูปโภคภายในโครงการได้รับการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งถนน สโมสร สระว่ายน้ำ เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้าเชียงรายเชื่อมั่นมากขึ้น และจะจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อเปิดการขายอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมิ.ย.นี้ โดยปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าเข้ามาจองแล้ว 10% โดยมากจองบ้านหลังใหญ่ 200 ตร.ม. 5-6 ล้านบาท

หน้า 9
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #616 เมื่อ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2013, 07:16:35 »

เชียงราย - “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” มท.1 เซ็นประกาศเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งที่ 4 ของเชียงราย ที่สามเหลี่ยมทองคำ ตั้งแต่ 19 พ.ค.นี้ แถมเปิดได้ถึง 2 ทุ่ม ทั้งที่ไม่เคยมีการค้าใหญ่โต ทำคนสงสัยเอื้อกาสิโนยักษ์ทุนจีนในฝั่ง สปป.ลาว
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า กระทรวงมหาดไทย ได้มีประกาศลงนามโดยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาไทย วันที่ 3 พ.ค.2556 เรื่องการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-พม่า-สปป.ลาว ฝั่งตรงกันข้ามเป็นเมืองห้วยผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยมีเนื้อหาว่า เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สปป.ลาว เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่าง 2 ประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองปี 2522 ประกาศเปิดโดยมีกำหนดเปิดตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.นี้เป็นต้นไป
       
       การเปิดจุดผ่านแดนถาวรดังกล่าว ได้ส่งผลทำให้ในพื้นที่ จ.เชียงราย มีจุดผ่านแดนเพิ่มมากขึ้นเป็น 4 จุดแล้ว จากเดิมมีด่านฯ อยู่ที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน และท่าเรือ อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว และส่งผลทำให้ อ.เชียงแสน มีจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 จุด รวมทั้งได้รับสิทธิพิเศษกว่าด่านอื่นๆ ที่สามารถเปิดได้ 20.00 น. ขณะที่จุดอื่นๆ จะเปิดตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.เท่านั้น
       
       ขณะที่ฝั่งตรงกันข้ามกับจุดผ่านแดนถาวรที่กำลังเปิดขึ้นนี้ เป็นโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มุทุนดอกงิ้วคำ นำโดยบริษัทจิน มู่ เหมิน จำกัด จากประเทศจีน เนื้อที่ประมาณ 7,500 ไร่ โดยมีสัญญาเช่ากับรัฐบาล สปป.ลาว เป็นเวลา 75 ปี สามารถขยายได้เป็น 99 ปี ปัจจุบันมีการก่อสร้างเป็นโรงแรม บ่อนกาสิโน เขตการค้า ท่าเรือ เขตพาณิชยกรรม อุตสาหกรรมแปรรูป พื้นที่การเกษตร ฯลฯ และมีนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นจีน และคนไทย โดยเฉพาะในโซนของบ่อนกาสิโนที่มีการเงินสะพัดมหาศาล และมีการสร้างเป็นด่านสากลเป็นรูปโดมสีทองให้เห็นอย่างชัดเจนจากฝั่งไทยเพื่อรองรับเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
       
       ด้านนายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ทางหอการค้าได้ลงพื้นที่ และพบปะกับนักธุรกิจท้องถิ่นแล้ว ทำให้มีข้อสงสัยว่า การเปิดจุดผ่านแดนถาวรใหม่ที่สามเหลี่ยมทองคำดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการค้าชายแดนให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างไร เพราะจุดดังกล่าวไม่ใช่จุดขึ้นลงสินค้าชายแดนที่สำคัญ ดังนั้น เมื่อมีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรใหม่จนถึงเวลากว่า 2 ทุ่ม แล้วจุดอื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์เพื่อการค้าจะสามารถเปิดได้หรือไม่ หรือยังคงให้ปิดในเวลา 18.00 น. เช่นเดิม ซึ่งตนจะสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
       
       ขณะที่ นายอรรถภัณฑ์ รังษี ประธานที่ปรึกษาชมรมผู้ประกอบการค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า ปัจจุบันชายแดนเชียงแสนมีจุดผ่านแดนถาวรอยู่แล้ว 1 จุด คือ ท่าน้ำหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ไปประจำการอยู่ และมีอาคารสถานที่ชัดเจน ดังนั้น เมื่อมีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรที่สามเหลี่ยมทองคำเพิ่มเติมขึ้นอีก ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า สถานะของจุดผ่านแดนที่หน้าที่ว่าการอำเภอจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะจุดผ่านแดนถาวรจะต้องมีเจ้าหน้าที่ไปประจำการอยู่พร้อมสรรพ การจะมี 2 จุดในระยะทางที่ไกลกันไม่ถึง 10 กิโลเมตร จะเป็นไปได้หรือไม่
       
       สำหรับการค้าชายแดนด้าน อ.เชียงแสน มีการค้ากับพม่า ลาว และจีน ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการค้าผ่านท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน และท่าเรือเอกชน โดยเฉพาะท่าเรือพาณิชย์ล้านช้าง หรือห้าเชียง ห่างจากจุดผ่อนปรนที่กำลังจะได้รับการยกสถานะดังกล่าวเล็กน้อย โดยปี 2555 มูลค่าการค้ารวมเพิ่มขึ้น 13,114.66 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 13,626.88 ล้านบาท และนำเข้า 512.22 ล้านบาท สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นไก่แช่แข็ง เนื้อกระบือแช่แข็ง สุกรมีชีวิต ฯลฯ สินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นทับทิมสด เมล็ดทานตะวัน กระเทียม ฯลฯ

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000059703
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #617 เมื่อ: วันที่ 20 พฤษภาคม 2013, 13:01:38 »

         
วันจันทร์ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556, 06.00 น.

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน จ.เชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทองสิง ทำมะวง
นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.)ทั้งสองประเทศ เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-ลาว ครั้งที่ 2 (The2nd Tha -Lao Joint Cabinet Retreat) เพื่อร่วมหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในประเด็นสำคัญทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม

ภายหลังการประชุม ที่ประชุมมีมติความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ได้แก่ 1.การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน โดยจะร่วมมือตรวจตราสอดส่องและป้องกันการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่ออีกประเทศ หากพบเบาะแส หน่วยงานความมั่นคงจะแจ้งและประสานงานอย่างรวดเร็ว โดยไทยยืนยันนโยบายไม่ให้บุคคลใดใช้ประเทศไทยเป็นที่พักพิง หรือวางแผนก่อความไม่สงบหรือต่อต้านรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน

2.ความร่วมมือสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันเร่งสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนให้เสร็จ 3.การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยจะยกระดับความร่วมมือในการป้องกันปัญหายาเสพติด ปราบปรามและนำส่งผู้กระทำความผิดและผู้หลบหนีการจับกุมลงโทษคดียาเสพติด โดยใช้ช่องทางติดต่อที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสั่งการได้รวดเร็ว

4.ความร่วมมือด้านแรงงานและการป้องกันการค้ามนุษย์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือป้องกันและปราบปรามการล่อลวงเด็กและสตรีเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ โดยฝ่ายไทยพร้อมแก้ปัญหาแรงงานลาวผิดกฎหมายที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย และพร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องการนำเข้าแรงงานลาวที่ถูกกฎหมายตามบันทึกความเข้าใจด้านการจ้างแรงงานไทย-ลาว โดยครม.ไทยมีมติขยายเวลาดำเนินการของศูนย์ One Stop Service เพื่อให้การพิสูจน์สัญชาติแรงงานลาวไปอีก 120 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายนเป็นต้นมา

สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ครม.ทั้งสองประเทศแสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า ได้แก่ 5.อำนวยความสะดวกในการผ่านแดนโดยเฉพาะการดำเนินการเรื่องการตรวจปล่อยสินค้า ณ จุดเดียว หรือ Single Stop Inspection (SSI) และปรับปรุงพื้นที่จุดผ่านแดนและเส้นทางคมนาคมที่ต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าในการเดินทางผ่านแดนและความแออัดของการสัญจรบริเวณจุดผ่านแดนสำคัญ 6.การส่งเสริมการค้าไทย-ลาว ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อช่วยสร้างรายได้ของประชาชน สปป.ลาว และเพื่อประโยชน์ร่วมกันของไทยและลาว 7.การใช้ประโยชน์จากเส้นทางถนนหมายเลข 8 และ 12 เป็นเส้นทางเชื่อมโยงทางโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาค และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนตามแนวเส้นทางทั้งสอง โดยฝ่ายไทยพร้อมส่งเสริมภาคเอกชนไทยให้ไปลงทุนบริเวณเส้นทางดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและฝ่ายลาวจะอำนวยความสะดวกและปรับปรุงการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้เส้นทางให้ได้มาตรฐาน ในส่วนของการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการพัฒนาความเชื่อมโยง (Connectivity)ด้านการคมนาคม เพื่อเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาค และระหว่างไทย-ลาว-จีน เช่น การสร้างสะพานเชื่อมต่อทางรถไฟ (หนองคาย- ท่านาแล้ง) เพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมโยงกับทางรถไฟความเร็วสูงกับจีน ตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor)

การประกาศเปิดจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว 2 แห่ง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. ได้แก่ จุดผ่านแดนภูดู่ จ.อุตรดิตถ์ โดยในส่วนของฝ่ายลาวจะยกระดับด่านท้องถิ่นบ้านผาแก้ว เมืองปากลายแขวงไซยะบุรี เป็นด่านสากล เมื่อการก่อสร้างเส้นทางบ้านผาแก้ว-ปากลายแล้วเสร็จช่วงกลางปี 2557 และจุดผ่านแดนบ้านสบรวก จ.เชียงราย ซึ่งฝ่ายลาวได้เปิดด่านสากลสามเหลี่ยมทองคำ แขวงบ่อแก้วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้หารือในด้านการท่องเที่ยว โดยฝ่ายไทยสนับสนุน

8.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว จะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไปมาระหว่างไทยและลาว รวมทั้งสนับสนุนการใช้ ACMECS Single Visa (ASV) เพื่อเป็นแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ในภูมิภาคและอาเซียน ซึ่งไทยและกัมพูชาเริ่มโครงการนำร่องก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังร่วมกันพิจารณาการลงนามเอกสาร 3 ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ 2 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-ลาว และความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การนำใช้ การบริหารและการบูรณะรักษาสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย)

 
ที่มา: http://www.naewna.com/politic/52368
 
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #618 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2013, 18:58:42 »

กรมขนส่งฯ เดินหน้าจับมือเพื่อนบ้าน เชื่อมเส้นทางรถโดยสารรับอาเซียน

นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกได้ทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนน ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วยรถโดยสารระหว่างสองประเทศ โดยล่าสุดอยู่ระหว่างสำรวจเส้นทางการเดินรถโดยสารเพิ่มเติม ได้แก่ เส้นทางเชียงของ-บ่อแก้ว ฯลฯ และรอลงนามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารข้ามแดน เส้นทางเดินรถไทย-ลาว-จีน ณ จุดผ่านแดนเชียงของ-ห้วยทราย และบ่อเต็น-โมฮาน ระหว่างกระทรวงคมนาคมไทยและกระทรวงคมนาคม สปป.ลาว

ปัจจุบัน กรมการขนส่งทางบก ได้ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้โดยสาร รถโดยสารไม่ประจำทางและส่วนบุคคลจำนวน 285 ราย รถโดยสาร 677 คัน เส้นทางการเดินรถ 10 เส้นทาง ได้แก่ หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทร์ อุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทร์ อุบลราชธานี-ปากเซ มุกดาหาร-สะวันนะเขต ขอนแก่น-นครหลวงเวียงจันทน์ กรุงเทพฯ-นครหลวงเวียงจันทน์ นครพนม-ท่าแขก เชียงใหม่-เชียงราย-บ่อแก้ว-หลวงน้ำทา-อุดมไชย-หลวงพระบาง เส้นทางอุดรธานี-หนองคาย-วังเวียง และเส้นทางกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี-ปากเซ

นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังได้ทำความตกลงระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม และ ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยให้สิทธิซึ่งกันและกันในการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยไม่จำกัดจำนวนรถ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ เพื่อการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน ต้องศึกษากฎระเบียบต่างๆ และเรียนรู้วัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนของประเทศอาเซียน เพื่อเตรียมพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน หรือ AEC

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #619 เมื่อ: วันที่ 25 พฤษภาคม 2013, 17:09:06 »

หึ่ง! เปิดด่านถาวรสามเหลี่ยมทองคำ เอื้อกาสิโนฝั่งลาว-เอกชน จวกค้าชายแดนไร้ค่า

25 พ.ค. 2556 เวลา 14:01:48 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ภาคเอกชนเชียงรายฟันธง เปิดด่านถาวรสามเหลี่ยมทองคำ เอื้อประโยชน์กาสิโนฝั่งลาวมากกว่าใช้เพื่อการค้า-ส่งออกชายแดนทั้งๆ ที่การค้าชายแดน 3 ด่านพุ่งสูงกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายปกครอง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้จัดพิธีเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ริมฝั่งแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว และพม่า พื้นที่บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ติดถนนสาย อ.แม่สาย-เชียงแสน โดยจุดผ่านแดนถาวรดังกล่าวเป็นท่าน้ำขนาดเล็ก มีเพียงทุ่น หรือโป๊ะลอยน้ำสำหรับให้คนขึ้นลงจากเรือเล็กหรือเรือหางยาว ส่วนบนฝั่งมีการจัดทำเป็นตู้ให้บริการของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)

จุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่นี้ถือเป็นแห่งที่ 4 ของ จ.เชียงราย เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. ส่วนอีก 3 จุด ได้แก่ 1.ด่านพรมแดนไทย-พม่า อ.แม่สาย 2.จุดผ่านแดนไทย-สปป.ลาว ที่หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ 9 กิโลเมตร และจุดผ่านแดนไทย-สปป.ลาว ท่าเรือแม่น้ำโขง อ.เชียงของ อนุญาตให้เข้าออกเวลา 06.00-18.00 น.

นายวีระศักดิ์ ศิริสิทธิ์ นายอำเภอเชียงแสน กล่าวว่า พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนจำนวนมาก และมีคนเดินทางเข้าออกแดนเฉลี่ยเดือนละกว่า 10,000 คน การมีจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มขึ้น จึงเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางเข้าออกแดนเชื่อมกับ สปป.ลาวได้เป็นอย่างดี โดยทางอำเภอจะให้บริการทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวหรือบอร์เดอร์พาส ณ ที่ว่าการอำเภอให้ถึงเวลา 20.00 น.ด้วย

ขณะเดียวกันจะมีการก่อสร้างอาคารด่านพรมแดนบนที่ดินหนังสือสำคัญของหลวง (นสล.) ติดกับจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งได้ประสานกับท่าเรือพาณิชย์ล้านนาของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเครือไทยเบฟเวอเรจที่อยู่ถัดไปด้วย โดยเสนอของบประมาณปี 2557 จำนวน 15 ล้านบาท

นายสุทีป ใจอารีย์ สารวัตรศุลกากร ทำหน้าที่ฝ่ายปราบปราม ด่านศุลกากร อ.เชียงแสน กล่าวว่า จุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ไม่เหมาะสำหรับการเข้าออกของเรือสินค้าชายแดน ดังนั้นจึงต้องใช้ท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสน แห่งที่ 2 บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสนต่อไป ที่ผ่านมาการค้าชายแดนด้านอำเภอเชียงแสน มีมูลค่าเกินกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมูลค่าเดือนละประมาณ 1,200 ล้านบาท

นางเกศสุดา สังขกร ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าชายแดน อำเภอเชียงแสน กล่าวว่า การเปิดจุดผ่านแดนถาวรดังกล่าวคงจะมีผลดีทำให้ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวชายแดนเชียงแสนคึกคักขึ้น และเขตเศรษฐกิจพิเศษในฝั่ง สปป.ลาวก็จะได้รับประโยชน์ด้วย

ด้านนายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่พบปะกับภาคธุรกิจในพื้นที่แล้ว พบว่าจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่นี้ไม่ได้เป็นจุดเพื่อการค้าหรือขนส่งสินค้าชายแดน จึงสงสัยว่าจุดผ่านแดนถาวร หรือท่าเรือสินค้าจุดอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกันจะได้รับการผลักดันให้เปิดถึงเวลา 20.00 น.ได้หรือไม่ โดยเฉพาะในจุดที่เป็นประโยชน์มากต่อการค้าภาคธุรกิจไทย

รายงานข่าวแจ้งว่า ในปัจจุบันฝั่งตรงกันข้ามจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ เป็นที่ตั้งของโครงการ Kings Romans of Laos Asian & Tourism Development Zone ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของ สปป.ลาว ดำเนินการโดยกลุ่มทุนดอกงิ้วคำของ สปป.ลาว บริษัท จิน มู่ เหมิน จำกัด จากจีน ได้รับสัมปทานเนื้อที่ 7,500 ไร่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกจากฝั่งไทยทุกวัน และมีการก่อสร้างด่านสากลไว้รองรับก่อนหน้านี้แล้ว
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 ... 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 [31] 32 33 34 35 36 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!