ขอถาม 3 ประเด็นครับ (ผมขอใช้คำว่า "ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้" ขึ้นนะครับ)
1. ถ้าเกิดว่าผลผลิตได้น้อยไม่เป็นไปตามเป้าอาจได้ไร่ละพันถึงสองพันโล เราก็จะได้แค่นั้นใช่ไหมครับหรือจะมีค่าชดเชยให้ (ค่าที่ดิน+กับค่าดูแล)
A: โอกาสที่สิ่งนี้เกิด มีครับ แปลว่าทางเราขาดทุนแน่นอน แต่ทางผู้ร่วมโครงการก็ยังมีรายได้ ตามจำนวนพันสองพันกิโล ตามที่ท่านกล่าว แต่พืชอื่นที่ท่านลงทุนเองเกิดเหตุการณ์นี้ ท่านขาดทุนแน่นอน และค่าเสียโอกาสท่านก็ยังไม่ได้
2. ถ้าเกิดว่าปลูกแล้วเกิดภัยธรรมชาติหรือโรคระบาด ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เจ้าของที่และคนดูแลยังจะมีรายได้อยู่ไหมหรือจะมีค่าชดเชยให้ (ดูจากภาพที่ท่านเอาลง มันล้มไม่เหลือซักต้นเลย)
A: ภัยธรรมชาติ เกิดได้แน่นอน
เราลดความเสี่ยงให้ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยการรับภาระต้นทุนเอง
นอกเหนือจากรายรับสองทาง คือค่าเสียโอกาส และค่าตอบแทนการดูแลแล้ว
ผู้ร่วมโครงการ ยังมีรายได้จากการกิจกรรมอื่น ที่นอกเหนือจากการดูแลตามสัญญา
เช่นเดียวกัน พืชที่ปลูก ทุกวันนี้ลงทุนเอง จ้างงานเอง ปุ๋ยเอง
ไม่มีประกันราคา ต้องซื้อพันธุ์ ในราคาสูง แล้วกดราคารับซื้อ อ้างไม่ได้มาตรฐานบ้าง
หนีเฉยเลยบ้าง ยังปรากฎในสังคม หรือประท้วงราคาผลผลิต ที่เราเห็น หากเกิดภัยธรรมชาติรัฐ/ผู้ขายพันธุ์ยังชดเชยให้ยังน้อยกว่าที่เราชดเชยค่าเสียโอกาสอีกครับ
ของเราแปลกคือออกให้หมด
กิจกรรมในโครงการ ยังสามารถทำเงินให้ผู้ร่วมโครงการอีก
3. สมสุติว่าเจ้าของที่ดูแลไม่ดีไม่เอใจใส่ ผลผลิตไม่ได้ตามเป้าหรือได้น้อยมาก ไม่คุ้มค่าพันธุ์ ปุ๋ย ยาอื่นๆ ที่ลงทุนไป จะมีค่าปรับหรือเรียกร้องค่าเสียหายจากเจ้าของที่หรือคนดูแลไหมครับ
A : กิจกรรมตามที่เราแจ้ง ขนาดนี้ ผลตอบแทนตามความเอาใจใส่
ไม่ทำ ทำไม่ได้ก็ลำบากแล้วครับ เรารับเฉพาะที่สมัครใจทำครับ
นั่นเป็นเหตุที่เราต้องจัดระบบเองทั้งหมด ทั้งน้ำ ปุ๋ย พันธุ์พืช
เรามีฝ่ายวิชาการ ตรวจสอบพื้นที่ตลอดครับ ประจำแต่ละแปลง
โอกาสเกิดอย่างที่ท่านกล่าวแทบเป็นไปไม่ได้เลย ข้อ1 และ 2 เป็นไปได้มากกว่า
กรณีไม่ปฏิบัติ ก็ใช้กระบวนการกลุ่มดำเนินการครับ
หากต้องใช้การจ้างงานจากข้างนอกทำแทน ก็ต้องรับผิดชอบครับ
ผมเห็นเส้นเชียงแสน-เชียงของปลูกฝั่งลาวเยอะมาก (สนใจครับอยากรู้)