ตอนนี้เขาออกกฏใหม่มาให้รถฉุบเฉินแล้ว ห้ามรถฉุบเฉินฝ่าไฟแดงทุกกรณี
เอาที่ไหนมาพูดครับลองไปหาอ่านดูนะครับ
แล้วจะนำมาให้คุณอ่านนะคับ
อ่านของผมก่อนครับ แล้วค่อยมาว่ากันใหม่
ตามมาตรา ๔ (๑๙) แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกนี้ ได้ให้นิยามคำว่ารถฉุกเฉิน
ไว้ว่า “รถฉุกเฉิน หมายความว่า รถดับเพลิง และรถพยาบาลของราชการบริหารส่วนกลาง
ราชการบริหารส่วนภูมิภาค และราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือรถอื่นที่ได้รับอนุญาตจาก
อธิบดีให้ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือให้ใช้เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่น
ตามที่จะกำหนดให้”
รถที่จะเป็น “รถฉุกเฉิน” ได้นั้น ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เสียก่อน ตามข้อกำหนดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดเงื่อนไขในการใช้ไฟสัญญาณวับวาบ เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่น และเครื่องหมายแสดงลักษณะของรถฉุกเฉิน ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ดังที่กล่าวมาแล้ว
ในเรื่องการใช้ไฟหรือเสียงสัญญาณของรถ
มาตรา ๗๕ ในขณะที่ผู้ขับขี่รถฉุกเฉินไปปฏิบัติหน้าที่ ผู้ขับขี่มีสิทธิดังนี้
(
๑) ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ ใช้เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดไว้
(๒) หยุดรถหรือจอดรถ ณ ที่ห้ามจอดรถ
(๓) ขับรถเกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้
(๔) ขับรถผ่านสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรใด ๆ ที่ให้รถหยุดแต่ต้อง
ลดความเร็วของรถให้ช้าลงตามสมควร
(๕) ไม่ต้องปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัติ หรือข้อบังคับการจราจรเกี่ยวกับ
ช่องเดินรถ ทิศทางของการขับรถหรือการเลี้ยวที่กำหนดไว้ ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวัง ตามควรแก่กรณี
ตามบทบัญญัติในมาตรา ๗๕ นี้ ผู้ขับรถฉุกเฉินจะมีสิทธิพิเศษในการขับรถโดย
ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรบางประการ ต่อเมื่อ “เป็นการขับไปปฏิบัติหน้าที่” ถ้าขับไป
นอกหน้าที่ ก็ไม่มีสิทธิพิเศษนี้ กล่าวคือ ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรทุกประการ และไม่มีสิทธิใช้ไฟสัญญาณหรือเสียงสัญญาณไซเรนด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะขับรถไปปฏิบัติหน้าที่โดยอาศัยสิทธิตามมาตรา ๗๕ ก็ต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณีเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยไม่ใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณีแล้ว ผู้ขับขี่มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทดังตัวอย่างนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๑๙/๒๕๑๐ จำเลยขับรถในราชการตำรวจไปตาม
ถนนโดยใช้สัญญาณไฟแดงกระพริบและแตรไซเรน เพื่อนำคนประสบอุบัติเหตุส่งโรงพยาบาล
การขับรถโดยใช้สัญญาณดังกล่าว มิได้หมายความว่าจะขับได้เร็วเท่าใดก็ไม่เป็นการละเมิด
หากเกิดความเสียหายขึ้น แต่จะต้องขับด้วยความเร็วไม่สูงเกินกว่าที่ควรกระทำในพฤติการณ์
เช่นนั้น และต้องใช้ความระมัดระวังในฐานะที่ต้องใช้ความเร็วสูงกว่าธรรมดา ตามสมควรแก่
พฤติการณ์เช่นนั้นด้วย
........
ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่จิตใต้สำนึกของคนใช้ถนนด้วย ไม่มีประสบการณ้ด้านนี้หรือเกี่ยวข้องด้านนี้ก็อธิบายให้ฟังยากครับ