เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 14:23:13
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 [13] 14 15 16 พิมพ์
ผู้เขียน +++ถนน R3a ท่าเรือเชียงแสน 2 และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4+++  (อ่าน 152249 ครั้ง)
defco324
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 69


« ตอบ #240 เมื่อ: วันที่ 25 ธันวาคม 2012, 20:19:27 »

แต่สำหรับผู้ประกอบการ ถนนเส้นไหนสะดวกและสั้นที่สุดเขาก็วิ่งเส้นนั้นละครับ

ซึ่งตอนนี้ที่เห็นวิ่งกันอยู่จนถนนจะพังอยู่แล้วก็วิ่งเส้นมาทางพะเยาละครับ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #241 เมื่อ: วันที่ 15 มกราคม 2013, 20:39:35 »

เริ่มแล้วถนน 4 เลน เชียงราย-สะพานข้ามโขง 4 งบ 2 พันล้านรับอนาคต 2 ทศวรรษ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   15 มกราคม 2556 13:43 น.   


เชียงราย - กรมทางหลวงปฐมนิเทศแผนสร้างถนน 4 เลนเชื่อมเชียงราย-สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เล็งเทงบ 2 พันกว่าล้านรองรับการจราจรเชื่อมเพื่อนบ้านอีก 20 ปีข้างหน้า
       
       วันนี้ (15 ม.ค.) กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้จัดการประชุมปฐมนิเทศโครงการ(สัมมนาครั้งที่ 1) โครงการสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร เชื่อมเชียงราย-สะพานข้ามแม่น้ำโขง 4 ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ช่วง อ.เมือง ถึง อ.ขุนตาล โดยมีนายเอกวิชญ์ วีรพันธ์ ผู้จัดการโครงการ รายงานรายละเอียดให้ตัวแทนภาครัฐ เอกชน และประชาชนรับฟัง ณ ห้องประชุมสำนักงานแขวงการทางจังหวัดเชียงราย
       
       นายเอกวิชญ์กล่าวว่า จากการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้างถนนจาก อ.เมืองไปยังสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ ซึ่งแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2553 ระยะทาง 62.426 กิโลเมตร จะเป็นถนน 4 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 1-2.50 เมตร ใช้งบประมาณ 2,197.22 ล้านบาท ค่าเวนคืน 179.17 ล้านบาท การก่อสร้างจะเริ่มตั้งแต่ถนนหมายเลข 1020 บ้านหัวดอย ต.ท่าสาย อ.เมือง สิ้นสุดที่ถนนหมายเลข 1020 บ้านใหม่พัฒนา ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล ร่นระยะทางให้เหลือเพียง 48.314 กิโลเมตร หรือลดระยะทางได้กว่า 12 กิโลเมตร
       
       “ถนนสายนี้จะใช้แนวเส้นทางเดิมที่มีอยู่แล้วเป็นหลัก ดังนั้นจึงสร้างทับซ้อนกับทางหลวงทั้ง 2 หมายเลขดังกล่าว แต่มีบางช่วงที่ตัดออกจากถนนเดิม ข้ามพื้นที่หนองหลวง อ.เวียงชัย ซึ่งเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ก่อนจะกลับมาทับซ้อนกันและแยกเป็นแนวเส้นทางตัดใหม่ที่ อ.พญาเม็งราย จนสิ้นสุดโครงการที่ทางหลวงหมายเลข 1020 บ้านใหม่พัฒนา อ.ขุนตาล”
       
       นายเอกวิชญ์กล่าวว่า เมื่อถนนสายนี้แล้วเสร็จจะทำให้การคมนาคมและการขนส่งจาก อ.เมืองสามารถไปยังสะพานข้ามแม่น้ำโขงได้โดยตรง ทั้งนี้มีการประเมินว่าหากก่อสร้างได้ตามกำหนดอีก 2 ปีข้างหน้า หรือปี 2558 จะมีการคมนาคมบนถนนสายนี้ด้วยรถยนต์ 6,110 คันต่อวัน และปี 2567 หรืออีก 10 ปีถัดไปจะมีมากถึง 9,018 คันต่อวัน และปี 2577 หรืออีก 20 ปีข้างหน้าจะมีมากถึง 13,162 คันต่อวัน ทั้งนี้จะระดมความเห็นจากการนำเสนอข้อมูล และนำเข้าไปสู่การจัดการประชุมครั้งต่อไปเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณา เมื่อได้ข้อสรุปจะนำเสนอรัฐบาลต่อไป

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000005562
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #242 เมื่อ: วันที่ 19 มกราคม 2013, 19:45:48 »

กรมทางหลวงรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่จังหวัดเชียงราย



    วันที่ข่าว : 19 มกราคม 2556
กรมทางหลวง รับฟังความเห็นประชาชน โครงการก่อสร้างทางเชียงราย - อ.ขุนตาล รองรับสะพานข้ามน้ำโขงที่เชียงของ เตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ปฐมนิเทศโครงการสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจรทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย สะพานข้ามน้ำโขงที่เชียงของ ตอน เชียงราย-อ.ขุนตาล ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งยังไม่มีความสมบูรณ์ และขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขาดการวางแผนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย-สะพานข้ามน้ำโขงที่เชียงของ ช่วงเชียงราย - อ.ขุนตาล ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาในด้านการค้า การคมนาคมขนส่ง และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
กรมทางหลวงได้ทำการศึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจรขึ้น เพื่อพัฒนาโครงข่ายทางหลวงให้สามารถรองรับการจราจรในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมศักยภาพการกระจายความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน

http://thainews.prd.go.th/centerweb/news/NewsDetail?NT01_NewsID=TNSOC5601190010037
ผู้สื่อข่าว : รุจิภรณ์ เตจ๊ะ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
Moo Mengkato
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 659


กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย...น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม


« ตอบ #243 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2013, 19:12:35 »

อ.ขุนตาล...ผีหลอกเลย... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ต๊ายยยกรูที่ติดถนนตั้งไว้เสียแพง..สงสัย ลงมาเหลือ 3 หมื่น แลบลิ้น
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #244 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2013, 07:50:17 »

คาดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว #4 สร้างเสร็จ-เปิดใช้กลางปีนี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   20 มกราคม 2556 13:00 น.   

   


       คนงานเร่งก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 ซึ่งข้ามแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จประมาณกลางปีนี้
          สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 4 ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 1,800 ล้านบาท หากเปิดใช้งานจะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางถนนที่เชื่อมระหว่างไทย-จีน ใกล้ที่สุด โดยมีระยะทางจากมณฑลยูนนาน ซึ่งอยู่ทางใต้ของจีน ถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 1,800 กิโลเมตร และจะทำให้การค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทย-จีนเพิ่มขึ้นอีกมาก
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #245 เมื่อ: วันที่ 27 มกราคม 2013, 08:21:05 »

เปิดเออีซี รัฐบาลไหวมั๊ย??? ดวงพักตรา ไชยพงษ์


กระจกไร้เงา 23 January 2556 - 00:00

  ภายหลังจากที่อาเซียนประกาศเลื่อนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จากวันที่ 1 ม.ค.2558 เป็นวันที่ 31 ธ.ค.2558 หรือเลื่อนไปอีก 12 เดือน แต่ยังคงปี 2558 เอาไว้นั้น น่าจะเป็นเรื่องดีที่ประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ ไทย, พม่า, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์,  กัมพูชา และบรูไน ได้มีโอกาสเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีทางการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างรอบคอบขึ้น
    ดังนั้น ประเทศสมาชิกอาเซียนจึงต้องใช้เวลาอย่างรอบคอบในการวางกรอบของตัวเองให้ดี เพราะการเปิดเออีซีไม่ใช่เพียงแค่การแสวงหาประโยชน์ภายใน 10 ประเทศเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ ที่จับตามองต่างวางยุทธศาสตร์ขยับประชิดตัว เข้ามาแสวงหาประโยชน์จากการรวมตัวของอาเซียนด้วย
    โดยเห็นได้ชัดจากกรณีนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เลือกที่จะเดินทางมาเยือนผูกสัมพันธ์กับประเทศอาเซียนทันทีที่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย แน่นอนว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐสนใจการค้ากับอาเซียนเป็นอย่างมาก และพร้อมจะเข้ามาแสวงผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน
    นอกจากนี้ ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนแม้ไม่ได้อยู่ในสมาชิก 10 ประเทศอาเซียน ก็ขยับตัววางยุทธศาสตร์จ้องอาศัยประโยชน์จากเออีซีเป็นจุดระบายสินค้าจีนที่มีอยู่อย่างมหาศาลเข้ามาประเทศสมาชิกอาเซียน และเป็นทางผ่านไปยังประเทศสหรัฐและยุโรปด้วย
    เมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อศึกษาเส้นทางอาร์ 3 เอ หรือเส้นทางถนนที่เชื่อมต่อถึงกันได้ระหว่างไทย, สปป.ลาว และจีน พร้อมทั้งได้รับฟังยุทธศาสตร์ของจีนที่จะเชื่อมโยงทางการค้าการลงทุนกับประเทศเอเชีย
    ทำให้เห็นว่าจีนได้วางแผนอย่างเป็นระบบไว้พร้อมเรียบร้อยแล้วที่จะใช้ช่องทางเออีซี ขยายการค้ามายังอาเซียนและเส้นทางอื่นๆ ขยายต่อไปทั่วเอเชียด้วย โดยช่องทางในเออีซีนั้น จีนจะใช้ถนนอาร์ 3 เอ เป็นจุดขนส่งสินค้ามาขายในอาเซียนได้อย่างสะดวกภายหลังการเปิดเออีซีแล้ว สำหรับถนนอาร์ 3 เอนั้น เป็นถนนที่เชื่อมหากัน 3 ประเทศ (ไทย-สปป.ลาว-จีน) ตั้งแต่เมืองคุนหมิงของจีนเข้ามายัง สปป.ลาว ขณะเดียวกัน  สปป.ลาวและไทย ก็ทำสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ข้ามแม่น้ำโขง ที่บริเวณบ้านดอนมหาวัน ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อเชื่อมโยงถนนเข้าหากัน โดยสะพานดังกล่าวจะสร้างเสร็จในเดือน มิ.ย.2556 นี้
    ทั้งนี้ การลงทุนของจีนจะมาในรูปแบบการจัดตั้งบริษัทอยู่ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งสามารถผลิตสินค้าหรือนำเข้าสินค้าจากจีนเองมาขายในประเทศสมาชิกอาเซียนได้ ดังนั้นเท่ากับว่าจีนเลือกเข้ามาตั้งบริษัทเพียง 1 ประเทศในอาเซียน แต่จะสามารถกระจายขายสินค้าไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนที่เหลือได้อีก 9 ประเทศอย่างเสรี ตามกฎการเปิดเออีซี
    ไม่เพียงเท่านั้น จีนยังได้ประโยชน์จากการตั้งบริษัทในประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อใช้เป็นข้ออ้างส่งสินค้าไปขายยังสหรัฐและประเทศแถบยุโรปได้สะดวกขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาสินค้าจีนที่มีราคาถูกทะลักเข้าไปสหรัฐและยุโรปมากเกินไป ทำให้สหรัฐและยุโรปต้องป้องกันการขาดดุลการค้าด้วยการระบุว่าจีนมีการขายสินค้าแบบทุ่มตลาดและออกข้อกำหนดกีดกันสินค้าจีนมาโดยตลอด
    ดังนั้น จีนจึงต้องหาช่องทางใหม่ที่จะผลักดันสินค้าของตัวเองที่มีอยู่มหาศาลไปสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ที่เป็นประเทศผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่ของโลกให้ได้ และการที่จีนใช้ช่องทางเออีซี ด้วยการลงไปจัดตั้งบริษัทในประเทศสมาชิกอาเซียนจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จีนจะเจาะตลาดกลับเข้าไปสหรัฐและยุโรปอีกครั้ง
    เนื่องจากเมื่อจีนเข้ามาตั้งบริษัทในอาเซียนและใช้วัสดุอุปกรณ์สินค้าที่มาจากอาเซียนผลิตเป็นสินค้าออกมา ก็เท่ากับว่าเป็นสินค้าจากบริษัทในประเทศอาเซียนนั่นเอง ทำให้สหรัฐและยุโรปไม่มีสิทธิ์กีดกันสินค้าดังกล่าวได้ ดังนั้นเท่ากับว่าจีนได้ประโยชน์สองทาง ทั้งจากการขายสินค้าให้ประเทศอาเซียนและการขายสินค้าไปสู่ยุโรปและสหรัฐได้ด้วย
    เห็นอย่างนี้แล้วทำให้ต้องกลับมามองว่าประเทศสมาชิกอาเซียนพร้อมแล้วหรือยังกับการเปิดเสรีทางการค้าในอีก 2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจของของโลกอย่างสหรัฐและจีนต่างพร้อมแล้วที่จะแสวงหาประโยชน์ในการเปิดเออีซีครั้งนี้ 
    เหลียวกลับมามองประเทศไทย ก็เห็นได้ถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะกระตุ้นบอกกล่าวคนในชาติให้รู้ว่าไทยจะต้องเปิดเออีซีในอีกไม่นานนี้แล้ว แต่ความพร้อมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงการแจ้งบอกข่าวสาร การเตรียมแผนเข้าไปลงทุนในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว หรือการพัฒนาประชาชนให้พูดภาษาอังกฤษได้เท่านั้น
    หากแต่หมายถึงการวางแผนระยะยาวว่าไทยจะเดินไปบนถนนเออีซีอย่างไร และมีแนวป้องกันตัวเองแค่ไหน หากนานาประเทศโดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจทุ่มการลงทุนเข้ามาแบบฉาบฉวย นอกจากนี้รัฐบาลเตรียมความพร้อมให้กับคนไทยรองรับการหลั่งไหลของกระแสวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงในสังคมแค่ไหนแล้ว....ฮืม เรื่องเหล่านี้สิ่งสำคัญหากจะเปิดประเทศสู่โลกภายนอก และก็ต้องพร้อมรับกับสิ่งต่างๆ ที่จะทะลักเข้ามาด้วย
    ดังนั้น เมื่อตั้งใจจะเปิดประเทศแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะต้านทานกระแสสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลง มีการเชื่อมหากันได้อย่างสะดวกรวดเร็วในยุคปัจจุบัน ต้องถามว่ารัฐบาลซึ่งเป็นแกนนำหลักของคนในชาติมีการวางแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติหรือยัง เพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นภาพรวมหรือแผนของไทยต่อการเปิดเออีซีอย่างชัดเจน จะมีก็เพียงภาคเอกชนรายใหญ่ที่วางแผนบุกต่างประเทศกันแล้ว ซึ่งหากรัฐบาลยังไม่ได้บูรณาการรองรับเออีซี ก็ต้องรีบดำเนินการตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อย่ารอให้เปิดประเทศแล้วค่อยวางแผน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะกลายเป็นการตามเช็ดตามแก้ปัญหากันไปเสียแล้ว.
............................

http://www.thaipost.net/news/230113/68473
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #246 เมื่อ: วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2013, 17:05:50 »

เผือกร้อนบิ๊กการทางฯ "อัยยณัฐ ถินอภัย" แก้รถติด-เร่งเวนคืนที่ดิน-เจรจาขึ้นค่าทางด่วน
Prev1 of 1Next
updated: 08 ก.พ. 2556 เวลา 12:34:19 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



ขึ้นปีที่ 2 ของ "อัยยณัฐ ถินอภัย" กับตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) หลังนั่งเก้าอี้ในฐานะเบอร์หนึ่งมาได้ 1 ปี 2 เดือน

ดูเหมือนตลอดเวลาช่วงปีเศษ ภารกิจส่วนใหญ่ของ "อัยยณัฐ" จะติดพันไปกับนโยบายเฉพาะกิจและเฉพาะหน้า ไม่ว่าการแก้ปัญหาของระบบ Easy Pass ที่ยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนต้นแบบที่

ต่างประเทศ

แต่ที่ปิดดีลจบไปได้ด้วยดี การเซ็นสัญญาก่อสร้างทางด่วนใหม่กว่า 3 หมื่นล้านบาท สาย "ศรีรัช-วงแหวนตะวันตก" ระยะทาง 17 ก.ม. ที่มี "บีอีซีแอล-บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ" เป็นผู้รับสัมปทานลงทุน 30 ปี

"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์ "อัยยณัฐ" ถึงปฏิทินงานที่รออยู่นับจากนี้ตลอดทั้งปี 2556

- งานเร่งด่วนขณะนี้

ต้องเร่งทำเลยแก้รถติดบนทางด่วน เพราะกำลังเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลมีนโยบายให้เร่งแก้ไข ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ กทพ.จะร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดเวิร์กช็อปหาทางแก้ปัญหาตรงทางลงทางด่วนจุดหลัก ๆ เช่น บริเวณสุขุมวิท พระรามที่ 4 (1 และ 2) สีลม พระราม 9 ประชาชื่น ประชานุกูล จะต่อสายแลนเชื่อมกล้องซีซีทีวีบนทางด่วนกับถนนข้างล่างของตำรวจจราจรเพื่อส่งสัญญาณไปยังศูนย์กลางการจราจรที่ บก.02

จะทำให้ตำรวจได้เห็นภาพรวมทั้งหมด และแจ้งให้ตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ถนนด้านล่างช่วยระบายรถให้คล่องตัว ก็ทำให้จราจรบนทางด่วนคล่องตัวได้ หากข้างล่างติดรถที่อยู่ข้างบนก็ลงไม่ได้ จะเริ่มได้กลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ และประเมินผลใน 1 เดือน จากนั้นจะขยายไปยังจุดอื่น ๆ เพราะเดือนเมษายนนี้บนทางด่วนจะมีรถมากถึง 2 ล้านคัน/วัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.7-1.8 ล้านคัน/วัน

- มีวิธีอื่นที่จะมาช่วยแก้รถติด

กำลังขยายช่อง Easy Pass เพิ่มอีก 50% ในทุกด่านทุกระบบทางด่วน ลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ตอนนี้มีบางด่านที่เสร็จและเปิดใช้แล้ว จะเสร็จทั้งหมดในเดือนเมษายนนี้ เร็วขึ้นจากเดิม 1-2 เดือน

- แผนแก้ปัญหาระยะยาว

สร้างทางด่วนใหม่อีกหลายสายพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่กำลังศึกษามีทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ (N1, N2 และ N3) ลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท เชื่อมการเดินทางกรุงเทพฯตะวันตกและตะวันออก จะสร้างช่วง N2 จากแยกเกษตร-นวมินทร์ ประมาณ 9 ก.ม.ก่อน ช่วยแก้จราจรย่านถนนเกษตรตัดใหม่ได้มาก สายอื่น ๆ มี สายศรีรัช-ดาวคะนอง 6 ก.ม. ลงทุนกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท และสายดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก อีก 8.8 ก.ม. เงินลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท สร้างบนเกาะกลางถนนพระรามที่ 2 ช่วยจราจรไปภาคใต้

- โครงการแก้จราจรหัวเมืองใหญ่

กำลังศึกษาและทบทวนสร้างทางด่วนลักษณะอุโมงค์ทางลอดที่กะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต กว่า 6,000 ล้านบาท จะสรุปในปีนี้ เริ่มสร้างในปี 2557 ใช้เวลา 4 ปี โครงการนี้ถูกบรรจุในแผนลงทุน 2 ล้านล้านบาทและเรายังได้รับนโยบายจากกระทรวง เร่งศึกษาสร้างทางด่วนที่เชียงราย เชียงใหม่ และทางด่วนเชื่อมประตูการค้าด่านชายแดนรองรับเออีซี

- ความคืบหน้าศรีรัช-วงแหวนตะวันตก

ได้แจ้งให้บีอีซีแอลเข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้วเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2555 ก็มีความคืบหน้าไปด้วยดี น่าจะเสร็จตามแผนใน 4 ปี พร้อมเปิดใช้ประมาณปี 2559

- ปัญหาการเวนคืนที่ดิน

ยังไม่มีปัญหา ยังเป็นไปตามแผน เวนคืนที่ดินเอกชนได้ 80% เหลือขอใช้ที่ดินของร.ฟ.ท.กำลังหารือเรื่องแบบก่อสร้างช่วงหมอชิตใหม่ที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อของรถไฟสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) และ กม.11 ซึ่ง ร.ฟ.ท.จะพัฒนาคอมเพล็กซ์ จะเร่งให้จบเร็ว ๆ นี้ ต้องส่งมอบพื้นที่ให้บีอีซีแอลใน 6 เดือน ตอนนี้ผ่านมา 1 เดือนแล้ว

- การพัฒนาที่ดินใต้เขตทางด่วน

มีเหลือไม่กี่แปลงที่พัฒนาเชิงพาณิชย์หารายได้ มีที่ด่านจตุโชติบนเส้นทางด่วนรามอินทรา-วงแหวนตะวันออก ทางบริษัทบางจากขอเช่า 5 ปี พัฒนาเป็นสถานีบริการน้ำมัน ร้านค้าและมินิมาร์ต และมีที่สะพานแขวนติดแม่น้ำเจ้าพระยา จะเปิดประมูลเร็ว ๆ นี้

ล่าสุดได้จัดระเบียบรถตู้บริเวณใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ยุติสัญญาเช่าเดิมเพื่อประมูลหาผู้เช่าใหม่มาปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่และพัฒนาให้เป็นสถานีบริการรถตู้เหมือนสถานี บขส. ภายในจะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน เช่น ที่นั่งรอ ร้านขายของ อีก 3 เดือนจะสรุปและเปิดประมูลได้ จะให้ 5 ปี คาดว่าใช้เวลาดำเนินการ 12 เดือน

- แนวโน้มการปรับค่าทางด่วน

ยังตอบไม่ได้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้บอร์ดจะตั้งคณะอนุกรรมการมาเจรจาปรับค่าผ่านทางกับบีอีซีแอล ตามสัญญาให้ปรับได้ทุก ๆ 5 ปี ตามค่าดัชนีผู้บริโภค คณะอนุกรรมการฯมีเวลา 6 เดือนในการเจรจาตั้งแต่มีนาคมถึงสิงหาคมนี้ ต้องสรุปก่อนที่จะออกประกาศอัตราใหม่วันที่ 1 กันยายนนี้

- มีโอกาสจะปรับขึ้นมากน้อยแค่ไหน

ไม่น่าจะแตกต่างจากทุกครั้งที่กลายเป็นข้อพิพาทกันมาตลอด เพราะมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการปัดเศษทางบีอีซีแอลมองว่าไม่ถึง 5 บาทก็ปัดขึ้นเป็น 5 บาทได้ แต่เรามองว่าต้องปัดลง ซึ่งอัยการสูงสุดเคยตีความไว้ให้เราใช้เป็นแนวทางการเจรจาว่า ต้อง 5 บาทถึงจะปรับขึ้นได้ เราต้องยืนข้างอัยการไม่งั้นไม่มีหลักยึด ตอนนี้ยังพยากรณ์ไม่ได้ รอดูค่าซีพีไอและผลเจรจา ดูแล้วน่าจะขึ้นบ้าง แต่ไม่น่าจะเกิน 5 บาท ตอนนี้อะไรก็แพง ซีพีไออาจจะสูงก็ได้เมื่อถึงเวลานั้น แต่รอฟังนโยบายจากฝ่ายการเมืองด้วย
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #247 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 00:15:20 »

ลาว-พม่าบรรลุข้อตกลงวางศิลาฤกษ์ผุดสะพานข้ามโขง เสร็จ ส.ค.58

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   19 กุมภาพันธ์ 2556

เชียงราย - ลาว-พม่าบรรลุข้อตกลงสร้างสะพานข้ามน้ำโขงแห่งแรก พร้อมวางศิลาฤกษ์เริ่มเดินเครื่องก่อสร้างแล้ว เปิดเส้นทางหมายเลข 17 E ในลาว เชื่อมตรงถึงอินเดีย-บังกลาเทศ
       
       วันนี้ (19 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และพม่าได้บรรลุข้อตกลงก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงพม่า-ลาวแห่งแรกแล้ว วงเงินก่อสร้างรวม 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พม่าและลาวจ่ายฝ่ายละ 50% กำหนดสร้างแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม 2558 หรือ 30 เดือน หลังจากที่ได้ประชุมหารือกันมาหลายรอบ
       
       ล่าสุดทั้ง 2 ประเทศได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีท่านสมมาด พนเสนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธิการและซ่อมสร้าง ดร.พิมมะสอน เลืองคำมา เจ้าแขวงหลวงน้ำทา ร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงก่อสร้าง ประเทศพม่า เป็นประธานในพิธีที่จุดก่อสร้าง ระหว่างฝั่งบ้านห้วยกุ่ม เมืองลอง แขวงหลวงน้ำทา และเมืองเชียงลาบ หรือเวียงแคว้นสา หรือเมืองโขง หรือโขงโค้ง จ.ท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศพม่า
       
       สะพานดังกล่าวออกแบบให้มีความยาว 691.60 เมตร กว้าง 10.9 เมตร มี 2 ช่องทาง กว้าง 8.5 เมตร ทางเดินเท้าทั้ง ฝั่งละ 1.2 เมตร รับน้ำหนักรถยนต์บรรทุก 10 ล้อได้ 75 ตัน รับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ตาม 7 ริกเตอร์ และเนื่องจากแม่น้ำโขงจะมีเรือสินค้าหลากหลายสัญชาติวิ่งขนส่งสินค้า จึงกำหนดความสูงของสะพานให้เรือขนาด 599 ตันกรอส ลอดผ่านได้อีกด้วย
       
       ทั้งนี้ สะพานดังกล่าวจะเชื่อมถนนหมายเลข 17 E ซึ่งเป็นทางหลวงในลาว สามารถเชื่อมไปยังประเทศเวียดนาม หรือขึ้นเหนือไปจีน และตรงไปยังอินเดียหรือบังกลาเทศได้ ส่วนฝั่งพม่ามีถนนที่จะเชื่อมไปยังถนน R3B ที่ตัดผ่านแนวเหนือ-ใต้
       
       นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า การมีสะพานแม่น้ำโขงเชื่อมพม่าและลาว ถือเป็นมิติใหม่ในเชิงรุกของทั้ง 2 ประเทศ ที่เราไม่ค่อยพบเห็นกันมากนัก โดยเฉพาะเมื่อมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เพราะในอดีตมักเห็นประเทศใหญ่เป็นฝ่ายสนับสนุนการก่อสร้าง หรือเข้าไปผลักดัน รวมทั้งธนาคารระหว่างประเทศอื่นๆ
       
       “หากสะพานดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จจะเพิ่มการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมากขึ้น จากในปัจจุบันมีถนน R3B เชื่อมไทย-พม่า-จีน ถนน R3A เชื่อมไทย-ลาว-จีน และแม่น้ำโขง นอกจากจะทำให้เกิดพัฒนาการด้านการค้าและการคมนาคม ยังทำให้การท่องเที่ยวที่คึกคักขึ้น เพราะสภาพภูมิประเทศของพม่าและลาว เป็นป่าเขาและชนบทที่จะถูกเปิดตัวสู่โลกภายนอก”
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #248 เมื่อ: วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2013, 14:59:01 »

น้ำโขงไม่แห้งเรือสินค้าคึกการค้าเชียงแสนทะลุ1.3หมื่นล.

PRACHACHAT ONLINE
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


นายทรงกลด ดวงหาคลัง หัวหน้าสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 สาขา จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน เฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 เมตร ยังสามารถเดินเรือสินค้าในแม่น้ำโขงระหว่างไทย-พม่า-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ได้ตามปกติ ไม่ได้ประสบปัญหาการขนส่งจากความแห้งแล้งเหมือนปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สาเหตุระดับน้ำโขงทรงตัวยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด แต่อาจเป็นไปได้ว่าประเทศจีนมีการบริหารจัดการการปล่อยน้ำจากเขื่อนในน้ำโขงเขตจีนตอนใต้ เนื่องจากปัจจุบันเรือสินค้าจีนแม้จะเป็นสัญชาติ สปป.ลาว แต่ก็มีการขนส่งสินค้าไปยังตลาดในประเทศจีนเช่นกัน โดยมีการนำเรือขึ้นฝั่งแม่น้ำโขงก่อนถึงประเทศจีน และขนส่งทางบกไปยังจีนตอนใต้ต่อไป

นอกจากนี้ช่วงเวลาการเดินเรือที่ขยายมากขึ้น ทำให้มีเรือสินค้าเข้าไปใช้บริการที่ท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 ซึ่งเปิดใช้ใหม่ที่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2555 มีเรือไปใช้บริการแล้วกว่า 829 ลำ เพิ่มขึ้นจากเดือนละไม่เกิน 500 ลำ ส่งผลให้ภาวะการค้าชายแดนค่อนข้างคึกคัก เพราะนอกจากจะมีสินค้าชนิดเดิมแล้ว ปัจจุบันยังมีสินค้าใหม่ ๆ หลายชนิด เช่น สมุนไพร ไม้ ปลากรอบ ฯลฯ รวมทั้งมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เพิ่มขึ้น

หลายราย ล่าสุดพ่อค้าชาวจีนสั่งซื้อไก่แช่แข็งจากผู้ประกอบการชาวไทยกว่า 100,000 ตัน แต่สามารถจัดส่งไปให้ได้เพียง 30,000 ตัน จึงส่งผลให้เรือสินค้าขนสินค้าเดินเรือเป็นประจำทุกวัน

ด้านนายวีระ จินนิกร ผู้จัดการท่าเรือน้ำโขงอำเภอเชียงแสน แห่งที่ 2 เปิดเผยว่า การขนส่งสินค้าทางเรือในแม่น้ำโขงระหว่างไทย-จีน ระยะทาง 300 กว่ากิโลเมตร ล่าสุดยังคงเป็นปกติและดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพราะปีนี้น้ำแห้งช้า ขณะเดียวกัน เรือสินค้าสัญชาติ สปป.ลาว มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ล่าสุดมีมากกว่า 200 ลำ จากเดิม 40-50 ลำ คาดว่าจะทำให้การค้าชายแดนเชียงรายคึกคักตลอดทั้งปี

สำหรับการค้าชายแดนผ่าน อ.เชียงแสน ในปี 2555 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการค้ารวม 13,114.66 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 13,626.88 ล้านบาท และนำเข้า 512.22 ล้านบาท

ส่วนในปี 2554 มีมูลค่ารวม 7,891.91 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 8,991.17 ล้านบาท นำเข้า 1,099.9 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นไก่แช่แข็ง เนื้อกระบือแช่แข็ง สุกรมีชีวิต ฯลฯ โดยสินค้าส่วนหนึ่งถูกส่งด้วยเรือสินค้าสัญชาติ สปป.ลาว ขนาดเล็กไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือเมืองสบหรวย สหภาพเมียนมาร์ ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือเชียงแสนประมาณ 182.1 กิโลเมตร ก่อนจะขนส่งทางบกไปยังตลาดเมืองลา ชายแดนพม่า-จีน และตลาดในจีนตอนใต้ต่อไป
 

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1361766669&grpid=03&catid=19&subcatid=1901
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #249 เมื่อ: วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2013, 15:28:24 »

อยากเห็นแผนที่ ที่ถนนr3aตัดผ่านที่ไหนบ้างครับ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #250 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2013, 16:11:46 »

 ยิ้ม


* image.jpg (106.39 KB, 1136x640 - ดู 736 ครั้ง.)

* image.jpg (195.21 KB, 1136x619 - ดู 925 ครั้ง.)

* image.jpg (163.34 KB, 1136x640 - ดู 729 ครั้ง.)

* image.jpg (210.46 KB, 1136x640 - ดู 775 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2013, 16:15:34 โดย boondham » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
nossition
กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 332


แค่สอดส่อง^^


« ตอบ #251 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2013, 22:25:21 »

อยากเห็นแผนที่ ที่ถนนr3aตัดผ่านที่ไหนบ้างครับ


พอดีเลยครับ
จากเฟสของผมเองนะ
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=498959450155726&set=a.498956376822700.128187.100001250254602&type=3&src=http%3A%2F%2Fsphotos-c.ak.fbcdn.net%2Fhphotos-ak-frc1%2F812726_498959450155726_546347263_o.jpg&smallsrc=http%3A%2F%2Fsphotos-c.ak.fbcdn.net%2Fhphotos-ak-prn1%2F555403_498959450155726_546347263_n.jpg&size=2048%2C1361


ที่ห้องประชุมท่าเรือเชียงแสนแห่งที่2ครับ  ถ่ายตอนไปเก็บเส้นทางวิชาที่กำลังเรียน

(ถ้าเอารูปไปใช้ ฝากเครดิดด้วยนะครับ)
IP : บันทึกการเข้า

งง จุง เบย
kasidit
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 66



« ตอบ #252 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2013, 12:53:51 »

ล่าสุดไปถึงใหนละครับครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2013, 12:56:55 โดย kasidit » IP : บันทึกการเข้า
suphat
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 111



« ตอบ #253 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2013, 13:05:25 »

ใครรู้มาตอบหน่อย !!! อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะผ่านเทิงมั้ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 03 มีนาคม 2013, 13:49:46 โดย suphat » IP : บันทึกการเข้า
!DeePack!
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #254 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013, 16:15:15 »

ใครรู้มาตอบหน่อย !!! อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะผ่านเทิงมั้ย  ลุ้นๆๆๆอยากให้ผ่าน เทิงจะๆด้เจริญกะเค้าบ้างอิอิอิ
100%ครับ ไม่ผ่านเทิงนะ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #255 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013, 16:52:13 »

ใครรู้มาตอบหน่อย !!! อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะผ่านเทิงมั้ย  ลุ้นๆๆๆอยากให้ผ่าน เทิงจะๆด้เจริญกะเค้าบ้างอิอิอิ
100%ครับ ไม่ผ่านเทิงนะ ยิงฟันยิ้ม
มันจะผ่านบ้านหยังพ้องหา ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #256 เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2013, 07:01:01 »

อ้างจาก: WiiCHY;100765328
มีท่านใดเอามาลงแล้วหรือยัง





https://webapp.reedtradex.co.th/enews/me12epostshow/image/preparation_of_infrastructure_and_efficient.pdf
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
Moo Mengkato
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 659


กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย...น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม


« ตอบ #257 เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2013, 15:02:19 »

เมื่อไหร่จะถึงหัวดอยสักทีน้ออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 มีนาคม 2013, 03:11:01 โดย Moo Mengkato » IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #258 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2013, 19:02:49 »


อดีตเลขาฯอาเซียน ระบุเชียงใหม่มีภูมิศาสตร์เหมาะสมเชื่อมโยงกับเออีซีและคู่ทางการค้าจีน แนะพัฒนาโครงข่ายคมนาคม

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ปาฐกถาพิเศษเรื่อง"โอกาสความร่วมมือประชาคมอาเซียน+จีน"ในงาน 40 ปีผสานใจนักธุรกิจไทยจีนเชียงใหม่ ที่อาคารศูนย์ประชุมนานาชาติ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) มีประชากรรวมกันทั้ง 10 ประเทศสมาชิกราว 600 ล้านคน จะรวมตัวกันเป็นประชาคมในอีก 2 ปีข้างหน้าหรือในปี 2558 และจะกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อรวมจีดีพีของทั้ง 10 ประเทศมีประมาณ 2.4 ล้านล้านหรียญสหรัฐ แต่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจีดีพีของประเทศจีน ซึ่งมีจีดีพีสูงถึง 7.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จีนจึงมีความสำคัญกับเออีซีอย่างมาก โดยประเทศที่มีพรมแดนติดจีน เช่น พม่า ลาว เวียดนาม แต่ทั้ง 3 ประเทศไม่ใช่ผู้ก่อตั้งอาเซียน แต่ไทยคือผู้ก่อตั้ง ซึ่งไทยมีเศรษฐกิจอยู่ในอันดับ 2 ของเออีซีรองจากอินโดนีเซีย ด้วยความผูกพันระหว่างไทยจีนที่มีพรมแดนห่างกันเพียง 200 กม.โดยมีแม่น้ำโขงและสายการบินเป็นตัวเชื่อมโยง

นอกจากนี้ไทยยังมีนักธุรกิจที่มีเชื้อสายจีนจึงสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในภูมิศาสตร์ที่มีส่วนช่วยเชื่อมโยงความร่วมมือและผลักดันประชากรในเออีซีทั้ง 600 ล้านคน เพราะความพร้อมของไทยจะนำโอกาสมาสู่เออีซี และคู่เจรจาเช่นจีน ขณะนี้ทั้งประเทศไทยตื่นตัวกับเออีซี แต่ยังเป็นการตื่นตัวแบบตระหนก กลุ่มที่มีความพร้อมที่สุด คือ นักธุรกิจ และประชาชนไทยที่มีเชื้อสายจีน ซึ่งไปผูกโยงกับประเทศจีนที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก หลังจีนเปิดประเทศ กลุ่มคนจีนโพ้นทะเลในเอเชียใต้เข้าไปลงทุนในจีนมากที่สุด แม้ช่วงแรกไม่ประสบผลสำเร็จแต่เป็นเรื่องปกติของการลงทุน เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของจีนเต็มหมดแล้ว ฉะนั้นจุดภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมสำคัญนักลงทุนในเออีซี คือ จังหวัด รัฐ และมณฑลภายในของจีน ซึ่งเมืองเล็กๆเหล่านี้มีประชากรไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน ทำอย่างไรที่จะให้เฉินตู คุนหมิง กวางสี เป็นจุดเศรษฐกิจที่เอกชนในเออีซีเข้าไปผูกโยงได้ ต้องทีระบบการเชื่อมโยง โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค เช่นโครงข่ายคมนาคมทั้ง รถไฟ เครื่องบิน ฯลฯ เหล่านี้ถือเป็นจิตวิญญาณของข้อตกลงความร่วมมือของกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือ จีเอ็มเอส ที่รัฐบาลจีนพยายามมุ่งเน้นสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ขึ้นมาเชื่อมโยง ทั้งเส้นทางคมนาคมทางบก เส้นทางรถไฟ สายการบิน รวมทั้งสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ที่จีนออกเงินสร้างคนละครึ่งกับรัฐบาลไทย จะเป็นจุดเชื่อมโยงที่สะดวกที่สุดไปยังมณฑลตอนใต้ของจีน คือ เชียงรุ้ง ยูนาน และคุนหมิง ที่เป็นเมืองใหญ่สุดในภูมิภาคตอนใต้ที่จีนให้ความสำคัญอย่างมากในเวลานี้เมื่อมีการเชื่อมโยงเกิดขึ้นแล้วเชียงใหม่จะได้รับประโยชน์พัฒนาในจีเอ็มเอส และก้าวต่อไปคือ บิมสเทค

"สิ่งที่ต้องตระหนักคือโอกาสของจังหวัดเชียงใหม่มีมากในเออีซี ทั้งด้านการลงทุน การพัฒนาและการแลกเปลี่ยนด้านท่องเที่ยว การศึกษา การคมนาคม ฯลฯ แต่การแข่งขันมีสิ่งท้าทายที่สำคัญสุด คือ เราพร้อมจะออกไปแข่งขันในเวทีเออีซีหรือไม่ คนไทยยังเคยชินและติดกับอดีต แม้ตื่นตัวแต่ยังตื่นตัวกันแบบผิดๆ เช่น หน่วยงานภาครัฐของบประมาณมาทำเรื่องเออีซี แต่ละกระทรวงมีงบประมาณรวมกันมากกว่าหมื่นล้านบาทมาทำเรื่องเออีซี สิ่งที่ต้องทำ คือ เปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ เชื่อว่านักธุรกิจไทยเปลี่ยนมานานแล้ว แต่สิ่งที่ไทยควรเปลี่ยนแปลงคือ ระบบการศึกษาที่ต้องปรับเปลี่ยน ไม่จำเป็นต้องสอนให้ท่องจำ แต่ควรสอนให้รู้จักคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ต้องมีการปฎิรูประบบราชการและการศึกษา ในอดีตระบบราชการเคยเป็นเสาหลักของประเทศ แต่ปัจจุบันระบบราชการเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา"ดร.สุรินทร์ กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20130302/492954/สุรินทร์ชี้เชียงใหม่เหมาะเชื่อมเออีซี.html



* image.jpg (99.58 KB, 615x635 - ดู 527 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
k sarisa
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50


« ตอบ #259 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2013, 12:50:58 »

อ้างจาก: WiiCHY;100765328
มีท่านใดเอามาลงแล้วหรือยัง





https://webapp.reedtradex.co.th/enews/me12epostshow/image/preparation_of_infrastructure_and_efficient.pdf
จากรูป ทล 1021 จากดอกคำใต้- เทิง ยังจะมีโครงการอยู่ก่อ คับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 [13] 14 15 16 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!