เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 13:34:07
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  ---- [ จำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100% ,น้ำหมักมูลไส้เดือน 100% (เชียงราย) ] ----
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 17 พิมพ์
ผู้เขียน ---- [ จำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100% ,น้ำหมักมูลไส้เดือน 100% (เชียงราย) ] ----  (อ่าน 11608 ครั้ง)
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2013, 09:37:51 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส #17

แคคตัส (cactus) หรือกระบองเพชร

แคคตัส คือ พืชที่จัดอยู่ในประเภทพืชลำต้นอวบน้ำ (Stem succulent )แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพืชอวบน้ำทั้งหมดจะเป็น "แคคตัส" เสมอไป พืชที่จะจัดอยู่ในตระกูลของแคคตัส จะต้องประกอบด้วย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ 4 ประการ คือ เป็นไม้ยืนต้น เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ออกลูกเป็นผลเซลล์เดียว และ มีตุ่มหนาม ซึ่งตุ่มหนามนี้จะพบได้ในพืชตระกูล แคคตาซี (cactaceae) หรือ ตระกูลแคคตัสเท่านั้น ลักษณะพิเศษที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ แคคตัสแทบทุกชนิดจะไม่มีใบหรือลดรูปใบกลายเป็นหนามหรือขน และแม้ว่าพืชวงศ์อื่นจะจะมีการลดรูปใบและมีหนามเช่นกัน อย่างเช่นพวกยูโฟเบีย (Euphorbia)แต่ก็จะยังมีใบเล็กๆให้เห็นเป็นส่วนใหญ่เพียงแต่อาจหลุดร่วงเร็วไม่ได้หายไปเลยเหมือนแคคตัส
แคคตัส (Cacti) เป็นภาษากรีกโบราณ หมายถึง พันธุ์ไม้ที่มีหนาม โดย Linnaeus (Carl von Linne’) แพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน เป็นผู้นำมาใช้เรียกไม้อวบน้ำที่มีรูปร่างแปลกๆ ไม่มีใบ มีแต่หนาม (ใบที่เปลี่ยนรูปกลายเป็นหนาม) มีถิ่นกำเนิดในภูมิประเทศแห้งแล้ง ทุรกันดาร จึงต้องปรับตัวให้สามารถเก็บออมถนอมน้ำไว้ในลำต้น ไว้ใช้ยามที่ภูมิประเทศรอบๆ ตัวขาดน้ำเป็นเวลานานได้ สังเกตได้ว่า แคคตัสมีลักษณะผิดไปจากไม้ยืนต้นพันธุ์อื่นๆ ที่มีใบและที่ใบมีปากใบ สำหรับถ่ายเทอากาศและคายน้ำออก ทำให้น้ำระเหยออกจากต้นได้เร็ว เนื่องจากแคคตัสไม่มีใบ มีแต่หนาม น้ำจึงระเหยออกไปได้ยาก แคคตัสจึงเก็บถนอมน้ำไว้ได้นานกว่าพันธุ์ไม้อื่นและเติบโตได้ดีในที่แห้งแล้ง

ลักษณะทั่วไปของแคคตัส

โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักคิดว่า ต้นไม้ที่มีหนามมักเป็นแคคตัสซึ่งในความเป็นจริงแล้วแคคตัสบางสกุล เช่น Lophophora หรือ Astrophytum บางชนิดก็ไม่มีหนามแต่ถูกจัดว่าเป็นแคคตัส ในขณะที่ไม้อวบน้ำ ( succulent ) บางสกุล เช่น Euphobia ก็มีหนามแต่ก็ไม่จัดว่าเป็นแคคตัส หลักพฤกษศาสตร์กล่าวว่า พืชที่จัดว่าเป็นแคคตัสหรือจัดอยู่ในวงศ์ Cactaceae นั้นเป็นไม้ยืนต้นและจะต้องมีบริเวณพื้นที่ที่เรียกว่า “ตุ่มหนาม” บริเวณนี้จะเป็นที่ที่พบกลุ่มของหนามหรือขนแข็งขึ้นอยู่และเรียงไปตามแนวซี่หรือสันสูงของต้นอย่างเป็นระเบียบ อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่เกิดตาดอกและแตกกิ่งใหม่ของต้นอีกด้วย ส่วนในไม้อวบน้ำประเภททที่มีหนามนั้นหนามจะขึ้นเดี่ยวๆ กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบไปรอบๆต้น และไม่พบบริเวณตุ่มหนามเหมือนแคคตัส อีกทั้งพืชทั้งสองกลุ่มที่มีหนามนั้นอยู่กันคนละวงศ์ สิ่งสำคัญคือ ในกลุ่มของ Cactaceae นั้นดอกจะมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกแยกกัน รังไข่จะอยู่ต่ำกว่าส่วนอื่นๆ ส่วนกลุ่ม Euphobiaceae ดอกจะไม่มีทั้งกลีบเลี้ยงและกลีบดอกและรังไข่จะอยู่เหนือส่วนอื่นๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ลักษณะนิสัยและความชอบ

คนส่วนใหญ่คิดว่าแคคตัสเป็นพืชที่ชอบขึ้นอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีอากาศร้อนแห้งแล้ง เช่น ในทะเลทรายแต่ในความจริงแล้วแคคตัสสามารถเจริญเติบโตได้หลายพื้นที่ เช่น บริเวณชายฝั่งทะเลเช่นสกุล Pachycereus ที่ขึ้นอยู่แถบชายฝั่งทะเลในประเทศเม็กซิโก บริเวณทุ่งหญ้า ในป่าที่มีความชื้นสูง ที่ความสูงระดับน้ำทะเลไปจนถึงที่ซึ่งมีระดับความสูงกว่า 4,000 เมตร อากาศหนาวเย็นอย่างเช่นทางตอนเหนือ และตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาที่อากาศร้อนแห้งแล้ง เช่น ทะเลทราย บริเวณที่ราบ แม้แต่ตามซอกหินไหล่เขา ซึ่งมีดินที่อุดมสมบูรณ์หรือเป็นหินแข็ง นอกจากนี้ยังพบว่ามีแคคตัสหลายชนิดที่เจริญเติบโตได้โดยอาศัยพืชอื่น เช่น แคคตัสพวก Ephithelanta bokei ที่เจริญเติบโตขึ้นจากเมล็ดโดยอาศัยร่มเงาและความชื้นจากพืชในกลุ่ม xerophyte พวก Selaginella lepidophylla ( Resurrection Plant ) จากที่กล่าวมานั้นย่อมแสดงว่า แคคตัสสามารถเจริญอยู่ได้ในทุกสภาพพื้นที่และสภาพอากาศของโลกเกือบทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะแถบทะเลทรายเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามแคคตัสแต่ละพันธุ์ก็ย่อมเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแตกต่างกันไป

รูปร่างหน้าตาของแคคตัส

ลำต้น ของแคคตัสมีลักษณะอวบน้ำ รูปทรงต่างกันไปหลายแบบตั้งแต่ทรงกลม ทรงกระบอก ไปจนถึงรูปร่างคล้ายกระบอง มีทั้งที่ขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆแตกกอเป็นกลุ่มและที่ขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม มีทั้งขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลางไม่กี่เซนติเมตร ไปจนถึงที่เป็นลูกกลมเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 1 เมตรหรือเป็นลำต้นสูงใหญ่กว่า20เมตรหรือเป็นสายห้อยลงมาแบบRhipsalis
ผิวต้นเรียบเป็นมันคล้ายเคลือบด้วยขี้ผึ้ง เพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำของต้น ส่วนใหญ่จะมีสีเขียวเพื่อใช้สังเคราะห์แสงแทนใบสร้างอาหารเพื่อเลี้ยงต้น
ต้นจะประกอบไปด้วยส่วนที่เรียกว่า “ ตุ่มหนาม ” ( areole ) ตุ่มหนามอาจเรียงต่อกันอยู่บนแนวซี่หรือสันสูงของต้นที่เรียกว่า “สันต้น ”(rib) หรือเรียงต่อกันอยู่บนเนินนูนที่เรียกว่า “ เนินหนาม ”( tubercles ) ของต้นก็ได้
หนาม ถือว่าเป็นจุดเด่นของแคคตัส เนื่องจากมีความหลากหลายทั้งในเรื่องของรูปร่างลักษณะ อาจเป็นขนอ่อนนุ่มคล้ายขนสัตว์หรือแหลมแข็งอาจจะยามตรงหรือปลายงอเป็นตะขอ สีสันหลากหลายมากมายตั้งแต่สีขาว สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีน้ำตาล ไปจนถึงสีดำ ในบางครั้งหนามยังเปลี่ยนสีไปตามอายุหรือตามสภาพและการปลูกเลี้ยงได้อีกด้วย
หนามจะขึ้นเรียงอยู่บนตุ่มหนาม แบ่งหนามออกเป็น 2 ส่วน คือ
หนามกลาง (central spine)
หนามข้าง (radial spine)

ดอกของแคคตัส

คงนึกกันไม่ออกว่าแคคตัสมีดอกด้วยหรือ จริงแล้วแคคตัสจัดเป็นต้นไม้พันธุ์ที่มีดอกสวยงามไม่แพ้ต้นไม้ชนิดอื่นเช่น สกุล Epiphyllum หรือที่รู้จักในชื่อของ orchid cacti นอกจากจะมีดอกที่สวยงามแล้วแคคตัสบางชนิดก็มีกลิ่นหอมอ่อนอีกด้วย
ดอกของแคคตัสเป็นชนิดไม่มีก้านดอกรูปร่างลักษณะของดอกมีหลายแบบเช่น รูปกรวย (funnel- shaped) รูประฆัง (bell-shaped) รูปจาน (dish-like) หรืออาจมีลักษณะเป็นหลอด (tubular) มีสีสันสดใสต่างกันไปมากมาย ตั้งแต่สีขาว สีครีม สีเหลือง สีชมพู สีส้ม สีแดง บางชนิดอาจจะมีสองสีในดอกเดียวกัน ส่วนขนาดของดอกก็จะต่างกันไปตามชนิดและพันธุ์
แบ่งลักษณะดอกแคคตัสตามสมมาตรดอก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. ดอกสมมาตรตามรัศมี (Actinomorphic flower) คือเมื่อแบ่งครึ่งดอกตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางแล้ว ทั้งสองด้านจะเหมือนกันทุกประการและแบ่งได้มากกว่าหนึ่งครั้ง
2. ดอกสมมาตรด้านข้าง (Zygomorphic flower) คือเมื่อแบ่งครึ่งดอกแล้วทั้งสองด้านจะเหมือนกันทุกประการ แต่แบ่งได้เพียงหนึ่งครั้งได้หลายแนว
ตำแหน่งที่เกิดดอกแคคตัสนั้นมักอยู่ที่บริเวณตุ่มหนามเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น
สกุล Echinocereus ดอกจะเกิดที่บริเวณใกล้ตุ่มหนาม
สกุล Mammillaria และ Coryphantha ดอกจะเกิดบริเวณซอกเนินหนาม
สกุล Melocactus , Discocactus และ Cephalocereus ดอกจะเกิดอยู่ในกลุ่มหนามที่บริเวณส่วนยอดของต้น ซึ่งมีลักษณะเป็นปุยนุ่มสีขาวหรือสีครีม เรียกบริเวณนี้ว่า เซฟาเลียม (cephalium)

สายพันธุ์ของแคคตัส

ปัจจุบันมีรายงานว่าพืชในกลุ่มแคคตัสมีอยู่ประมาณ 50-150 สกุลมากกว่า 2,000 ชนิด โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ 8 กลุ่ม (ตามวิธีของ Gordon Rowley จากหนังสือ The Illustrated Encyclopaedia of Succulents) คือ
1. กลุ่ม Pereskia มีใบแท้จริง ไม่มีหนามหรือขนแข็งปลายงอ เมล็ดสีดำ และมีเยื่อหุ้มเมล็ด (aril) ได้แก่สกุล Maihuenia และ Pereskia
2. กลุ่ม Opuntia ใบมีขนาดเล็ก มีหนามหรือขนแข็งปลายงอ และมีเยื่อหุ้มเมล็ด ได้แก่ สกุล Opuntia , Pereskiopsis , Pterocactus , Quiabentia และ Tacinga
3. กลุ่ม Cereus ไม่มีใบ เมล็ดมีสีดำหรือสีน้ำตาล ต้นเป็นทรงกระบอก มีสันและหนามมากมาย ส่วนโคนดอกด้านนอกอาจมีหรือไม่มีหนามปกคลุม ได้แก่สกุล Armatocereus , Arrojadao , Bergerocactus , Brachycereus , Browningia , Calymmanthium , Carnegiea , Cephalocereus , Cereus , Corryocactus , Dendrocereus , Echinocereus , Erdisia , Escontria , Eulychnia , Harrisia , Jasminocereus , Lemaireocereus , Lophocereus , Machaerocereus , Micranthocereus , Monvillea , Myrtillocactus , Neoraimondia , Nyctocereus , Pachycereus , Peniocereus , Pilosocereus , Rathbunia , Stetsonia และ Wilcoxia
4. กลุ่ม Echinopsis คล้ายกับกลุ่ม Cereus แต่ต้นมีขนาดเล็กกว่าและผิวด้านนอกของดอกที่มีลักษณะเป็นหลอดมักมีขนหรือเกล็ดสั้นๆ ปกคลุม ได้แก่สกุล Acanthocalycium , Arequipa , Arthrocereus , Borzicactus , Cephalocleistocactus , Chamaecereus , Cleistocactus , Denmoza , Echinopsis , Espostoa , Haageocereus , Hildewintera , Lobivia , Matucana , Mila , Oreocereus , Oraya , Rebutia , Sulcorebutia , Thrixanthocereus , Weberbauerocereus และ Weingartia
5. กลุ่ม Hylocereus คล้ายกับกลุ่ม Cereus แต่เป็นพวกพืชอิงอาศัย (epiphytic) มีระบบรากอากาศ ต้นเป็นสัน หนามบอบบาง ได้แก่สกุล Aporocactus , Cryptocereus , Deamia , Discocactus, Epiphyllum , Heliocereus , Hylocereus , Mediocactus , Nopalxochia , Pfeiffera , Rhipsalidopsis , Rhipsalis , Schlumbergera , Selenicereus , Weberocereus , Wittia และ Zygocactus
6. กลุ่ม Melocactus คล้ายกับกลุ่ม Neopoteria โคนหลอดดอกมีปุยหรือไม่มีก็ได้ แต่จะมีหนามขึ้นปกคลุม ดอกเกิดบนเซฟาเลียมยกเว้นสกุล Buiningia ที่ดอกจะเกิดที่ด้านข้างของเซฟาเลียม ได้แก่ Buiningia , Discocactus และ Melocactus
7. กลุ่ม Neopoteria ต้นขนาดค่อนข้างเล็ก ทรงกลมแป้นหรือทรงกระบอก ต้นเป็นสันเห็นได้ชัดเจน โคนหลอดดอกมีปุยนุ่มและมีหนาม ได้แก่สกุล Austrocactus , Blossfeldia , Eriosyce , Frailea , Neoporteria , Notocactus , Porodia , Uebelmannia และ Wigginsia
8. กลุ่ม Echinocactus แต่ดอกจะเกิดบริเวณตอนกลางของด้านบนสุดของต้น และไม่มีเซฟาเลียม ได้แก่สกุล Ancistrocactus , Ariocarpus , Astrophytum , Aztekium , Cochemiea , Coloradao , Copiapao , Coryphantha ,Dolichothele , Echinocactus , Echinomastus , Escobaria , Ferocactus , Gymnocalcium , Hamatocactus , Homolocephala , Islaya , Leuchtenbergia , Lophophora , Mamillopsis , Mammillaria , Neobesseya , Neogomesia , Neolloydia , Ortegocactus Pediocactus , Pelecyphora , Sclerocactus , Solisis , Strombocactus , Thelocactus , Toumeya และ Utahia

การปลูกและการดูแลแคคตัส

ก่อนที่จะพูดถึงวิธีการปลูกและดูแลรักษาแคคตัสนั้น เรามาดูวิธีการเลือกซื้อแคคตัสกันก่อนดีกว่า
หลักพิจารณาเลือกซื้อแคคตัสควรสังเกตจากสิ่งต่างๆ ดังนี้
ผิวต้นเต่งตึงและมีสีสันสดใส ไม่มีรอยแผลหรือตำหนิ
หนามควรกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ และไม่หักเสียหาย
วัสดุปลูกต้องสะอาด ไม่มีแมลง เชื้อราหรือวัชพืช เพราะนั่นแสดงว่าต้นได้รับการดูแลมาอย่างดี
การปลูกแคคตัส
ดินที่ใช้ในการปลูกแคคตัส
มีหลายคนคิดและเข้าใจว่าแคคตัสเป็นพืชทะเลทราย จึงน่าจะเติบโตได้ดีในทรายหรือดินทราย แต่ความจริงแล้วแคคตัสก็ต้องการดินหรือวัสดุปลูกที่มีลักษณะไม่ต่างไปจากต้นไม้อื่นๆมากนัก วัสดุปลูกของแคคตัสควรมีลักษณะ
- โปร่ง ร่วนซุย เพื่อให้รากเติบโตแผ่ขยายออกไปได้
- ระบายน้ำได้ดี ไม่เปียกและอุ้มน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องสามารถเก็บความชื้นไว้ได้พอสมควร
การผสมวัสดุสำหรับปลูกแคคตัสเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากเพราะแคคตัสแต่ละชนิดต้องการวัสดุปลูกที่แตกต่างกันไป ต้องหมั่นศึกษาทดลองผสมวัสดุปลูกไปเรื่อยๆเพื่อให้ได้สูตรที่ลงตัวใช้ปลูกแล้วต้นแคคตัสผลิหนามออกดอกสวยงามให้ชื่นชม ซึ่งในปัจจุบันวัสดุปลุกที่ใช้ได้ดีมีมากมายหลายสูตร ขึ้นกับความเหมาะสมและแหล่งของวัสดุที่ใช้เป็นส่วนผสม สูตรสำเร็จที่แนะนำมีดังต่อไปนี้
สูตรที่ 1 ดินร่วน 2 ส่วน
ทรายหยาบ 3 ส่วน
ถ่านป่น 1 ส่วน
ใบไม้ผุหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
สูตรที่ 2 ดินร่วน 1 ส่วน
ถ่านป่น 1 ส่วน
ทรายหยาบ 1 ส่วน
สูตรที่ 3 ดินร่วน 1 ส่วน
ถ่านป่น 1 ส่วน
ทรายหยาบ 1 ส่วน
ใบไม้ผุ ½ ส่วน
สูตรที่ 4 ดินร่วน 4 ส่วน
ทรายหยาบ 2 ส่วน
ใบไม้ผุ 1 ส่วน
ถ่านป่น 2 ส่วน
อิฐหัก 7 ส่วน
นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุปลูกควรคำนึงถึงตำแหน่งที่ตั้งของแคคตัสประกอบด้วย คือ
ถ้าตั้งไว้ในร่มที่น้ำระเหยได้ช้า วัสดุปลูกที่ใช้ควรระบายน้ำได้ดี
ถ้าตั้งอยู่กลางแจ้งที่น้ำระเหยได้เร็ว วัสดุปลูกที่ใช้ควรอุ้มน้ำได้บ้าง
ข้อแนะนำ
* วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าวัสดุปลูกแคคตัสนั้นร่วนซุยดีหรือไม่ คือหลังจากรดน้ำแล้ววัสดุปลูกควรจะแห้งภายใน 2-3 วัน
* ถ้าหากต้นผลิหนามใหม่มีสีสดใส แสดงว่าวัสดุปลูกที่ใช้นั้นใช้ได้ดีและเหมาะสมแล้ว
* ทรายที่นำมาใช้ไม่ควรเป็นทรายละเอียด เพราะจะทำให้วัสดุปลูกแน่น
* ไม่ควรใช้กรวดเม็ดเล็กแทนทราย เพราะจะสะสมความร้อนเป็นอันตรายต่อระบบรากของแคคตัส
* เติมปูนขาวและกระดูกเผาป่นผสมลงไปในวัสดุปลูกเล็กน้อยจะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตได้ดีขึ้น

การเลือกภาชนะสำหรับการปลูกแคคตัส

กระถางสำหรับปลูกแคคตัสนั้นสามารถเลือกใช้ได้ตามความพอใจอาจจะเป็นกระถางดินเผา กระถางพลาสติก กระถางเซรามิก หรือภาชนะอื่นๆ แต่ที่สำคัญคือต้องมีทางระบายน้ำอากาศได้ดีพอสมควรรวมทั้งรักษาความโปร่งและร่วนซุยของวัสดุปลูกนั้นได้ ข้อสำคัญของการเลือกกระถางสำหรับปลูกแคคตัสคือ ไม่ควรเลือกกระถางที่มีขนาดใหญ่เกินไปเพราะจะต้องใช้วัสดุปลูกมาก และยังทำให้อุ้มน้ำไว้มากเกินไป ต้นจะโตช้าบางครั้งอาจมีผลทำให้รากเน่าได้
กระถางดินเผา เป็นภาชนะที่มีการะบายน้ำและการถ่ายเทอากาศดีเนื่องจากมีรูพรุนรอบๆกระถาง ทำให้วัสดุปลูกไม่ชื้นแฉะ รากได้รับออกซิเจนเพียงพอ ต้นเจริญเติบโตได้ดี อุณหภูมิของวัสดุปลูกเหมาะต่อการเจริญเติบโตของรากพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน และมีให้เลือกหลายขนาด มีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ทั้งยังแตกหักเสียหายได้ง่ายนอกจากนี้เมื่อแคคตัสเติบโตเต็มที่ รากอาจจะแผ่ไปสัมผัสกับผิวด้านข้างกระถาง ต้นอาจจะได้รับน้ำไม่เพียงพอเนื่องจากมีการระเหยน้ำมาก
กระถางเคลือบหรือเซรามิก มีความสวยงาม มีรูปทรงต่างๆให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ ทนทาน ผิวเป็นมันลื่น จึงไม่มีขี้เกลือหรือตะไคร่น้ำเกาะผิวนอกของกระถาง ทำให้ดูสวยงามและสะอาดอยู่เสมอ ทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย ข้อเสียคือราคาค่อนข้างแพง การเคลือบผิวกระถางเพื่อให้มันนั้นทำให้มีช่องระบายอากาศและน้ำค่อนข้างน้อย ความชื้นของวัสดุปลูกด้านบนและด้านล่างต่างกันมากเนื่องจากระบายน้ำได้เฉพาะทางรูระบายใต้กระถางเท่านั้น บางครั้งผิวดินด้านบนแห้งแต่ดินบริเวณก้นกระถางแฉะ ทำให้ยากต่อการสังเกตการณ์ให้น้ำ
กระถางพลาสติก มีรูปทรงและสีสันสวยงามหลายแบบให้เลือกใช้ ราคาถูก น้ำหนักเบา และไม่มีตะไคร่น้ำเกาะ กระถางพลาสติกนั้นระบายความชื้นได้ช้ากว่ากระถางดินเผา ช่วยให้ไม่ต้องรดน้ำบ่อยและรากของแคคตัสมักจะเจริญอยู่เฉพาะบริเวณกลางกระถาง ไม่แผ่ไปเกาะกับผิวด้านข้างกระถางอย่างในกระถางดินเผา รากกินน้ำกินปุ๋ยได้ดี ต้นโตเร็ว มีข้อเสียที่ไม่มีรูพรุนด้านข้างจึงถ่ายเทอากาศได้เพียงทางเดียวรากมีโอกาสขาดออกซิเจน และวัสดุปลูกจะสะสมความร้อนเป็นอันตรายต่อต้นในช่วงฤดูร้อน อีกทั้งกระถางยังกรอบหักได้ง่ายเมื่อตากแดดนานๆ นอกจากนี้ความชื้นของวัสดุปลูกด้านบนและด้านล่างในกระถางแตกต่างกัน ดังนั้นถ้ารดน้ำมากไปต้นอาจเน่าตายได้ง่าย

วิธีการปลูกแคคตัส

เมื่อได้วัสดุปลูกที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมและเลือกกระถางได้แล้ว มีวิธีการปลูกตามขั้นตอนดังนี้
1. หากก้นกระถางมีรูให้ใช้เศษกระถางแตกปิดรูไว้ แต่อย่าปิดให้สนิทเพื่อให้สามารถระบายน้ำออกได้
2. ใส่เศษอิฐเผาหักหรือกรวดลงไปให้หนาประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของความลึกกระถาง
3. ใส่วัสดุปลูกแล้วนำต้นลงวาง โดยวางให้ลำต้นตั้งตรงและอยู่กลางกระถาง
4. เติมวัสดุปลูกกลบที่โคนต้นให้สูงจากรากประมาณ 1 เซนติเมตร ไม่ควรให้ระดับวัสดุปลูกอยู่ต่ำกว่าขอบกระถางมากเกินไป เพื่อให้ต้นได้รับน้ำและอากาศอย่างพอเพียง
5. ใช้กรวดโรยปิดหน้าวัสดุปลูกให้ต่ำกว่าขอบปากกระถางเล็กน้อย
ข้อแนะนำ
* ถ้าจะนำกระถางดินเผาใหม่มาใช้ ควรแช่น้ำให้ดูดน้ำเต็มที่เสียก่อน ไม่เช่นนั้นกระถางจะดูดซึมน้ำจากวัสดุปลูก ทำให้ต้นไม้ได้รับน้ำไม่เพียงพอ
* ระยะห่างระหว่างขอบกระถางกับผิวต้นแคคตัสควรมีพื้นที่เหลือไม่น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร
* ขณะนำต้นลงปลูกอาจใช้กระดาษพันต้นเพื่อป้องกันอันตรายจากหนามและป้องกันมิให้หน่อหรือต้นกระทบกระเทือน
* กรวดหรืออิฐขนาดเล็กที่โรยปิดหน้าวัสดุปลูกนั้นมีประโยชน์ดังนี้
- ป้องกันมิให้หน้าดินแห้งเร็วจนเกินไป
- ป้องกันไม่ให้วัสดุปลูกกระเด็นขณะรดน้ำ
- ป้องกันไม่ให้วัชพืชขึ้น
* ไม่ควรเลือกใช้กรวดที่มีสีฉูดฉาดจนเกินไป เพราะจะเด่นกว่าต้น
* ไม่ควรใช้กรวดจากหินปูน เพราะจะทำให้ดินเค็มเกินไป
* หากวัสดุปลูกยุบลงไป ควรหมั่นเติมอยู่เสมอ เพื่อมิให้รากโผล่พ้นดินจนได้รับความกระทบกระเทือน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 กรกฎาคม 2013, 13:02:52 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2013, 10:24:57 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส #18

น้ำอัดลม

เรื่อง อะไรอยู่ในน้ำอัดลม ฮืม

โดยส่วนตัวเลิกมานานเป็น ๒๐ ปีแล้วเนื่องจากระคายกระเพาะแต่มีลูกศิษย์ในสมาคมหลายๆท่านติดมากขั้นลงแดงเลย ไม่กินไม่ได้ วันนี้จึงนำข้อมูลมาเสนอให้พิจารณาค่ะ

นํ้าตาล น้ำอัดลมส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำตาลและน้ำเชื่อมจากข้าวโพด ซึ่งมีน้ำตาลประเภทฟรักโทสอยู่ ปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่องค์การอนามัยโลกแนะนําอยู่ที่ประมาณ ๘-๑๑ ช้อนชาต่อวัน แต่จากการทดสอบของนิตยสาร UTUSAN KON SUMER พบว่าเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายส่วนใหญ่มีน้ำตาลอยู่กระป๋องละประมาณ ๔-๑๕ ช้อนชา

น้ำตาล ๑ ช้อนชามีพลังงาน ๑๖ แคลอรี ถ้าเราดื่มเป๊ปซี่ ขนาด ๓๒๕ ซีซี มีน้ำตาล ๕ ช้อนชาครึ่ง เราจะได้พลังงาน ๘๘ แคลอรี ถ้าดื่มสไปร้ท์มีน้ำตาล ๖ ช้อนชาครึ่ง น้ำส้ม มิรินด้ามี ๗ ช้อนชาครึ่ง เป็นต้น ร่างกายคุณจะได้น้ำตาลเท่าไรก็เอาไปคูณกันดูเอง ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งได้มากจึงเป็นสาเหตุของความอ้วนได้อีกประการหนึ่ง

ถ้าดื่มวันละกระป๋องร่างกายก็ได้รับน้ำตาลมากแล้ว ไม่รวมกับน้ำตาลจากแหล่งอื่นอีก ซึ่งก็คงไม่น้อยยิ่งดื่มทุกวันแน่นอนว่าสุขภาพย่อมทรุดโทรมลงเรื่อยๆ เป็นต้นว่า ฟันผุ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเป็นโรคหัวใจ อาหารไม่ย่อย และอื่นๆ

น้ำตาลไม่ทำให้อิ่ม
เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือดทำให้เกิดความอยากอาหารอีก นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดอาการติดน้ำตาล เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ (สูง) คงที่

สารให้ความหวาน
ถ้าน้ำอัดลมไหนไม่มีน้ำตาล ก็ต้องมีการใช้สารให้ความหวานแทนสารให้ความหวานที่ใช้กันในน้ำอัดลม ได้แก่ แอสปาเตม อะซีซัลเฟม เค ซัคคารินหรือซูคาโลส แต่ที่ป๊อปปูล่าที่สุดเห็นจะเป็นแอสปาเตม น้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล มักจะเป็นน้ำอัดลมกลุ่มคุมน้ำหนักที่มีคำว่า "ไดเอท" อยู่ด้วย เช่น เป๊ปซี่ไดเอท

อย่างแอสปาเตมนั้นมีความหวานมากกว่าน้ำตาล ๒๐๐ เท่าจึงไม่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณที่มากเหมือนอย่างน้ำตาล สารให้ความหวานเทียมนี้อาจเกิดผลไม่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคบางคนได้ โดยทำให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน สูญเสียความ ทรงจำ เศร้าซึม

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าแอสปาเตมยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคลมบ้าหมู คลื่นเหียน ท้องร่วง คันผิวหนัง สายตาพร่าและอาจตาบอด

นอกจากแอสปาเตมแล้วน้ำอัดลมประเภทไดเอ็ทบางยี่ห้อ จะใช้ซัคคารินซึ่งให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล ๓๐๐ เท่า ซัคคารินได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเหตุให้เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ มีการห้ามใช้ซัคคารินในหลายประเทศ เช่น แคนาดา นิวซีแลนด์ และประเทศในยุโรป

วัตถุกันเสีย
ปกติน้ำอัดลมมักไม่เสีย เพราะความเป็นกรดและมีคาร์บอเนตในส่วนผสม แต่บางครั้งสภาพการเก็บที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้กลิ่นและรสชาติเปลี่ยนไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีการผสมวัตถุกันเสียลงไปเล็กน้อยและอาจไม่ระบุในฉลากก็ได้

วัตถุกันเสียที่มักใช้ ได้แก่ โซเดียมเบนโซเอท หรือกรดเบนโซอิค ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคหืด ผื่นคัน และทำกิจกรรม ไม่หยุดนิ่ง (hyperactivity)

บางครั้งผู้ผลิตใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งไม่เพียงแต่กันการบูดเสียเท่านั้น แต่ช่วยให้สีเครื่องดื่มไม่เปลี่ยนทั้งยังเป็นตัว แอนตี้ออกซิเดนท์ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาที่จะทำลายกลิ่นของเครื่องดื่ม ด้วยสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นสารทีใช้ฟอกขาววัสดุต่างๆ หากร่างกายได้รับเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียน ผิวหนังพุพอง บวม อ่อนแรง แน่นหน้าอก ช็อก อาการโคม่า หรืออาจตายได้ในคนที่ไวต่อสารนี้ หรือหากได้รับสารนี้ในปริมาณไม่มากนักแต่นานๆ ไปก็อาจ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์สิ่งมีชีวิตได้

กลิ่นรสสังเคราะห์
กลิ่นที่ใช้ในน้ำอัดลมนั้นไม่ได้มาจากธรรมชาติเสียทั้งหมด เพราะกลิ่นจากธรรมชาติถูกจำกัดด้วยฤดูกาลและสภาพ ภูมิศาสตร์จึงมีการใช้กลิ่นสังเคราะห์ซึ่งมีราคาถูกกว่าด้วย แต่กลิ่นสังเคราะห์นั้นไม่ได้มีการระบุรายละเอียดในฉลาก เพราะมีความซับซ้อนมากอาจผสมหลายตัวเพื่อให้ได้กลิ่นรสเฉพาะตัวอย่างเช่น รสส้ม มีส่วนผสมถึง ๔๐๐ ชนิด

คาเฟอีน
มักพบในเครื่องดื่มประเภทโคล่าประมาณ ๑/๔-๑/๓ ของ ที่พบในกาแฟหรือชาช่วยเพิ่มกลิ่นรสให้แรงขึ้น คาเฟอีนเป็นสารเสพติดซึ่งช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ผลิตภัณฑ์ที่มีคาเฟอีน จะไปกระตุ้นร่างกายและเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ อาจดูเหมือนทำให้สมองแล่น ความอ่อนเพลียหายไป แต่ก็เป็นไปชั่วคราวเท่านั้น หากร่างกายได้รับการกระตุ้นด้วย คาเฟอีนบ่อยๆ จะไปทำลายพลังชีวิต เพราะต้องต่อสู้กับสารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย คาเฟอีนในปริมาณที่ พบในอาหารและเครื่องดื่มอาจทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับ โรคประสาทหงุดหงิด ขี้วิตก อัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ การดื่มเครื่องดื่มที่คาเฟอีน มากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารหรือในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น อาจทำให้ทารกแรกเกิดพิการ ทำให้โรคเบาหวาน รุนแรงขึ้น ทำลายเยื่อบุ กระเพาะอาหาร

จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า การดื่มน้ำอัดลมหลังการทำงานหนักทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมและโปตัสเซียม ทำให้กล้ามเนื้อระบม ร่างกายฟื้นตัวช้า

จากการสำรวจปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มพบว่า ไดเอ็ทโค้กมีคาเฟอีน ๑๕๗ ppm. เป๊ปซี่ไดเอ็ท มี ๑๑๗ ppm. เป๊ปซี่มี ๙๑ ppm.โคคา โคลา มี ๘๕ ppm.

สีสังเคราะห์
tartrazine ให้สีเหลืองส้ม ถูกห้ามใช้ในนอร์เวย์และฟินแลนด์ สีสังเคราะห์ตัวนี้ทำให้เกิดอาการแพ้เช่นผื่นคัน บวมแดง น้ำมูกไหล ตาแดง ทั้งยังอาจเป็นสารก่อมะเร็งด้วย sunset yellow เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งถูกห้ามใช้ในฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน

carmoisine ให้สีแดง อาจทำให้เกิดมะเร็ง ภูมิแพ้ และอาหารเป็นพิษถูกห้ามใช้ในสหรัฐอเมริกาและ แคนาดา briliant blue เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งและอาจทำลายโครโมโซม ทำให้เกิดอาการแพ้ ถูกห้ามใช้ในประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่ง ได้แก่ กลุ่มประเทศในประชาคมยุโรป นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์

กรด
กรดที่ใช้ผสมในเครื่องดื่ม เช่น ซิตริค ฟอสฟอริค และบางครั้งใช้กรดมาลิก หรือตาร์ตาริค ทำให้เกิดความซ่าและเป็นตัวรักษาคุณภาพเครื่องดื่ม ด้วยหน้าที่ของกรดอีกประการหนึ่งคือทำให้รสหวานกลมกล่อมพอดี ช่วยให้สดชื่นแก้กระหาย เครื่องดื่มแทบทุกชนิดมีความเป็นกรดสูง โค้กมีค่าความเป็นกรด (PH) ๒.๔ ไดเอ็ทโค้ก ๓.๑๓ สไปรท์ ๓.๓๑ น้ำส้ม ๓.๔๗ เป็นต้น ในสหราชอาณาจักรมีการสำรวจสุขภาพฟันของเด็กในปี ๑๙๙๓ พบว่าร้อยละ ๒๐ ของเด็กที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำประสบปัญหาฟันผุ การเสียของฟันจากการกัดเซาะของกรดจะเริ่มภายใน ๕ นาทีหลังจากดื่มน้ำอัดลมเข้าไป และอาจต่อเนื่องไปจนถึงหนึ่งชั่วโมง จากการศึกษาของ ผศ.ทญ.สร้อยศิริ ทวีบูรณ์ ได้ทดลองแช่ชิ้นฟันในเครื่องดื่ม น้ำอัดลม ๕ ชนิด พบว่าใน ๕ นาทีแรกที่แช่ชิ้นฟันจะมีปริมาณแคลเซียมถูกกัดกร่อนจากผิวเคลือบฟันมีค่าตั้งแต่ ๐.๖๗-๑.๗ ไมโครกรัม ต่อพื้นที่หน้าตัดผิวเคลือบฟัน ๑ ตารางมิลลิเมตร และเพิ่มขึ้นเป็น ๑.๐๓-๒.๓๕ และ ๑.๑๓-๒.๘๒ ไมโครกรัมต่อตารางมิลลิเมตร เมื่อเวลาเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐ นาที และ ๑๕ นาที มีงานวิจัยที่ทำในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ แสดงให้เห็นว่าเมื่อนำฟันของมนุษย์ใส่ลงไปในน้ำโคล่าภายในเวลา ๒ วัน ฟันจะเริ่มนุ่ม เคลือบฟันสูญเสียแคลเซียมส่วนใหญ่ไป งานทดลองอีกชิ้นหนึ่ง โดยให้หนูกินแต่เครื่องดื่มโคล่าอย่างเดียว พบว่าฟันกรามของมันสึกกร่อนลงมาถึงระดับเหงือกหลังจากเวลาผ่านไป ๖ เดือน

คาร์บอนไดออกไซด์
คาร์บอนไดออกไซด์ทำให้เกิดฟองจึงเป็นส่วนผสมที่สำคัญของน้ำอัดลม ให้ความรู้สึกสดชื่นเพราะไปกระตุ้นเยื่อเมือก (mucous membrane) ในปาก ฟองที่เกิดขึ้นไปกระตุ้นเพดานปาก ทำให้มีรสชาติเพิ่มขึ้น ผลจากคาร์บอนไดออกไซด์ก็คือ เราจะรู้สึกว่าน้ำอัดลมเย็นกว่าอุณหภูมิจริง นอกจากนี้คาร์บอนไดออกไซด์ยังเป็นจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เพราะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยให้เครื่องดื่มมีอายุการเก็บนาน

ดื่มน้ำอัดลมแล้วได้อะไร
โดยเฉลี่ยแล้วน้ำอัดลมให้พลังงานประมาณ ๓๕-๔๕ แคลอรีต่อ ๑๐๐ มล.แต่เป็นพลังงานที่เรียกว่า emptycalory ในทางโภชนาการถือว่ามีคุณค่าทางอาหารต่ำ เป็นพลังงานที่ได้มาจากน้ำตาลขัดขาวอย่างเดียว ดื่มน้ำอัดลมมากอาจทำให้คุณเป็นโรคกระดูกพรุน มีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป ไม่ว่าจะแบบมีหรือไม่มีน้ำตาลก็ตาม จะทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุรองอื่นๆ ออกไปกับปัสสาวะ ยิ่งสูญเสียแร่ธาตุมากเท่าใดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ข้อเสื่อม

ความดันสูง เกิดความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ก็มาก ตามวัยรุ่นที่ดื่มน้ำอัดลมเช้า กลางวัน เย็น เท่ากับกำลังเปิดประตูรับโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ ยิ่งเด็กผู้หญิงวัยรุ่นสมัยนี้หากนิยมดื่มน้ำอัดลมขณะที่กังวลกับการรักษารูปร่าง ยิ่งรับประทานอาหารที่มีคุณค่าในปริมาณที่น้อยลงที่สุดก็อาจขาดแคลเซียม นำไปสู่โรคกระดูกพรุนในที่สุด เจน เบรดี้ คอลัมนิสต์ เจ้าของรางวัลจาก The New York Times และผู้แต่ง The Nutrition Book อธิบายว่า "การขาดแคลเซียมในวัยรุ่นพบว่า ส่วนใหญ่เกิดจากการหันไปดื่มน้ำอัดลมแทนนม ปริมาณฟอสฟอรัสในน้ำอัดลมทำให้ส่วนของแคลเซียมต่อฟอสฟอรัสเสียสมดุล และลดความสามารถในการใช้แคลเซียมของ ร่างกาย"

ก่อนตัดสินใจซื้อน้ำอัดลมโปรดคิดสักนิด ถ้าซื้อมาแล้ว ลองก้มลงอ่านฉลากที่ขวดน้ำอัดลม ผู้ผลิตจะบอกอะไรคุณบ้างที่นอกเหนือไปจาก "ใช้วัตถุกันเสีย แต่งกลิ่นรสธรรมชาติ เจือสีสังเคราะห์" ถ้ายังเต็มใจจะดื่มน้ำผสมสารเคมีและน้ำตาลทรายขัดขาวอีกต่อไป ก็ตามใจคุณ

(ที่มา:ไทยโพสต์ วันจันทร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดย Ayurvedic Association of Thailand)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 11:49:53 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2013, 13:00:51 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส #19

มังคุด

เรื่อง ซื้อมังคุดมาทาน... แล้วในมังคุดมีอะไรบ้าง?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 11:54:26 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2013, 17:00:14 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 20

วิธี อายุยืน อีก 20 ปี


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 11:57:44 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
watfort
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 508



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2013, 17:08:48 »

สนใจมูลไส้เดือน และก็สนใจการเลี้ยงไส้เดือน
ขอรายละเอียดเรื่องราคาของมูลใส้เดือนหน่อยครับผม
และพอจะแนะนำการเลี้ยงไส้เดือนด้วยได้ป่าวครับ
IP : บันทึกการเข้า
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2013, 19:28:01 »

สนใจมูลไส้เดือน และก็สนใจการเลี้ยงไส้เดือน
ขอรายละเอียดเรื่องราคาของมูลใส้เดือนหน่อยครับผม
และพอจะแนะนำการเลี้ยงไส้เดือนด้วยได้ป่าวครับ

ถึงคุณ watfort

คำถาม :สนใจมูลไส้เดือน และก็สนใจการเลี้ยงไส้เดือน ขอรายละเอียดเรื่องราคาของมูลใส้เดือนหน่อยครับผม และพอจะแนะนำการเลี้ยงไส้เดือนด้วยได้ป่าวครับ
ตอบ : ขอบคุณนะครับที่สนใจเกี่ยวกับมูลไส้เดือนของเรา ทางเราส่งราคาทาง PM ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ สนใจสั่งซื้อติดต่อสอบถาม เบอร์ 085-0668907 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงครับ ส่วนเรื่องการเลี้ยงไส้เดือน ตอนนี้ทางเรายังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้อมูลต่างๆ ของไส้เดือนอยู่ ยังไม่รับเปิดสอนอย่างเป็นทางการนะครับ แต่ถ้าสนใจจริงๆ อยากรู้ข้อมูลแบบเบื้องต้น ก็แนะนำได้นะครับ (ถ้าอยากเรียนการเลี้ยงไส้เดือนแบบละเอียด อยากรู้ลึก รู้จริง ทางเราพอมีฟาร์มอื่นที่จะแนะนำให้เรียนรู้ได้นะครับ ถ้าสนใจจริงๆ ติดต่อทาง PM ได้เลยนะครับ ยินดีให้ข้อมูล)


เรื่องเกี่ยวกับไส้เดือนเบื้องต้น

อันดับแรกก็ต้องรู้จัก ชนิดของไส้เดือนที่นิยมใช้เลี้ยงทำปุ๋ยหมัก (เอาแบบชาวบ้านน่ะครับ วิชาการยากที่จะเข้าใจ)
1.พันธุ์  African Night Crawler หรือ ในวงการเลี้ยงเรียกว่า (AF)  เป็น ไส้เดือนต่างประเทศ ที่มีขนาดใหญ่ ทำมูลไส้เดือนได้เยอะมาก เลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้เร็ว
2. พันธุ์บูล หรือ ไส้เดือน พันธุ์ สีน้ำงิน  เป็น ไส้เดือนมีขนาดเล็ก สีแดง เป็นไส้เดือนที่ขยายพันธุ์เร็วมาก กินขยะได้เร็วมาก เหมาะเอามาทำอาหารปลาตัวเล็กๆๆ
3.พันธุ์ ไอเกอร์ เป็น ไส้เดือน เมืองหนาว กินเก่ง เหมือน ไส้เดือนบลู
4.พันธุ์ ขี้ตาแร่ เป็นไส้เดือนบ้านเรา สามารถนำมาทำปุ๋ยหมักได้ แต่ถ้าเกิดควบคุมสภาวะไม่ดี จะทำให้หนีได้

อันดับที่ 2  เบดดิ้ง คือ การทำที่อยู่ให้ไส้เดือนตัวน้อยๆๆของเราได้อาศัยอยู่ การทำเบดดิ้งให้ไส้เดือนได้อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าทำเบดดิ้งไม่ดี ไส้เดือนก็จะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ดังนั้นต้องให้ความสำคัญในการทำเบดดิ้งมากหน่อย วัสดุที่สามารถมาทำเบดดิ้งได้ คือ ของอินทรีย์วัตถุทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ไส้เดือนสามารถย่อยได้หมดครับ ได้แก่ ขี้วัว, เศษกระดาษต่าง ๆ , เศษผัก และอื่น ๆ อีกมากมายครับ

อันดับที่ 3 การเลี้ยงเอามูลไส้เดือน
1.นำไส้เดือนไปปล่อยในเบดดิ้ง
2.ไม่ต้องทำไรมาก ดูไส้เดือน รดน้ำให้ความชื้น ดูว่ามี มด หนู ไก่ มา รังแก ไส้เดือนเราไหม เราก็ดู แบบนี้ จนครบ 45 - 60 วัน
3.เมื่อครบกำหนดก็ทำเหมือนเดิมครับ แยก พ่อแม่ไส้เดือนออก ไปไว้เบดดิ้งใหม่ ด้วยเบดดิ้งเก่าเราก็เก็บไว้ก่อนอีก 1-2 เดือน คอยรดน้ำให้ความชื้นตลอด จะมีลูกไส้เดือนเกิดอีกเยอะ  เมื่อครบ 1 เดือน เราก็แยก ลูกไส้เดือนออกให้หมด เมื่อเราแยกออกหมดแล้ว สามารถนำมูลไส้เดือนไปใส่ต้นไม้ได้เลยครับ

การเลี้ยงไส้เดือนเบื้องต้นแบบคราวๆ ก็ประมาณนี้นะครับ ถ้าสงสัยหรือมีคำถามตรงจุดไหน ก็สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 085-0668907 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงครับ หรือพิมพ์ข้อความ ส่งคำถามมาทาง PM ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะเข้ามาตอบคำถามให้


ขอบคุณครับที่สอบถามข้อมูลเข้ามา

ฟาร์มบ้านมูลไส้เดือน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 กันยายน 2014, 15:24:05 โดย ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2013, 22:19:57 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 21

หัวเราะวันละนิดจิดแจ่มใส


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:00:40 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2013, 07:38:27 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 22

วิตามินและอาหารเสริม

วิตามินและอาหารเสริมนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษ มาดูรีวิวข้อมูลใหม่ล่าสุดกันว่าตัวไหนนะ ที่ไม่ควรเสียเงินซื้อให้สิ้นเปลือง

1. กลูต้าไธโอน จวบจนปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาขนาดใหญ่ที่พิสูจน์ได้ว่า กลูต้าไธโอนแบบรับประทาน จะสามารถถูกดูดซึมได้ ความน่าจะเป็นจึงเท่ากับว่า คุณเสียตังค์ฟรีเพื่อหลอกตัวเองว่ากินแล้วขาว

2. แอลฟ่าโทโคฟีรอล หรือ วิตามินอี การศึกษาพบว่า การรับประทานวิตามินอีในฟอร์ม แอลฟ่าโทโคฟีรอล เพียงฟอร์มเดียวนั้น ทำให้ร่างกายขาดวิตามินอีฟอร์มอื่น และอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีนะคะ

3. โอเมก้า 6 อัตราส่วนกรดไขมัน 6:3 ในร่างกายเรานั้น ควรมีค่าไม่ต่างกันมาก แต่ในน้ำมันพืชทุกชนิดที่เรารับประทาน มีแต่กรดไขมันโอเมก้า6 เราจึงไม่จำเป็นต้องซื้อโอเมก้า6มารับประทานเพิ่ม ให้เกิดความไม่สมดุลมากขึ้นไปอีก

4. น้ำมันตับปลาฉลาม สรรพคุณของน้ำมันตับปลาฉลามยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัด แต่ที่ชัดเจนคือ การรับประทานน้ำมันตับปลาฉลามส่งผลเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ จึงเป็นเหตุผลง่ายๆที่คุณควรคิดให้ดีก่อนเสียเงินซื้อมารับประทาน

5. วิตามินเอ หลายการศึกษาในระยะหลังพบว่า การรับประทานวิตามินเอสังเคราะห์ให้ผลเชิงลบมากกว่าบวก โดยเฉพาะในผู้สุบบุหรี่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดได้ และวิตามินเอยังสะสมในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการพิษสะสมได้หากรับประทานมากไป

6. ธาตุเหล็ก ควรรับประทานเฉพาะผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ผู้บริจาคเลือด แต่ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ไม่ควรซื้อมารับประทานเอง เพราะธาตุเหล็กที่มากเกิน ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกายได้

7. คอลลาเจน สารโมเลกุลใหญอย่างคอลลาเจน ไม่สามารถถูกดูดซึมได้ ส่วนคอลลาเจนเปปไทด์โมเลกุลเล็ก ก็ยังไม่มีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่ศึกษารองรับว่า การรับประทานคอลลาเจนจะช่วยให้ผิวใสเด้งจริงดังคำโฆษณา

วิตามินทุกตัวไม่ใช่ขนมนะคะ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทาน ว่าจำเป็นหรือไม่ ควรรับประทานอย่างไร มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง จึงจะปลอดภัยสูงสุด

(ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก พ.ญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล เวชศาสตร์ชะลอวัย สมิติเวช สุขุมวิท
ที่มา : http://www.samitivejhospitals.com/healtharticle_detail/วิตามินและอาหารเสริมที่ไม่คุ้มค่าเงิน_1198/th)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:06:34 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2013, 10:38:28 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 23

ถั่วเขียว

เรื่อง ถั่วเขียว อาหารดับร้อน

อากาศร้อน หลังทำงานเหน็ดเหนื่อย กินถั่วเขียวต้มสักชามก็จะรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ แก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี

ถ้านอนดึกมีอาการร้อนใน หรือตาแดง เจ็บคอ ท้องผูก ถ้าต้มถั่วเขียวกินก็จะทำให้อาการดังกล่าวหายไป เราสามารถเลือกกินได้ทั้งร้อนหรือเย็น หวานหรือจืดก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล

ชื่อวิทยาศาสตร์ Vigna radiate L. วงศ์ Leguminosae

หน้าร้อน ผิวหนังมักเป็นผดผื่นคัน ใช้ถั่วเขียว ใบบัว และน้ำตาลทราย ต้มกินน้ำ ก็จะทำให้อาการผดผื่นคันบรรเทาและหายไป หรือจะเอาถั่วเขียวที่ต้มแล้วพอกบริเวณผดผื่นคัน ก็จะทำให้หายเร็วขึ้น

หน้าร้อนต้มถั่วเขียวกิน จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เนื่องจากในหน้าร้อน เมตาโบลิซึมของร่างกายสูง ทำให้เหงื่อออกมาก ร่างกายสูญเสียพลังงานไปมาก ถั่วเขียวนอกจากจะสามารถแก้ร้อน ลดอาการกระหายน้ำ ทำให้ร่างกายสดชื่นและขับปัสสาวะแล้ว ถั่วเขียวยังอุดมไปด้วยโปรตีนกลุ่มวิตามินบี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

แป้งที่ทำจากถั่วเขียว แก้ร้อนใน ฝี และแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

เปลือกหุ้มเมล็ด (สีเขียว) มีสรรพคุณรักษาโรคตาต่างๆ เช่น ตาแดง ตาอักเสบ
ถั่วงอกจากถั่วเขียว หรือดอกต้นถั่วเขียว แก้อาการเมาเหล้า ใบถั่วเขียวตำให้แหลกคั้นน้ำ เติมน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย ทำให้อุ่น แก้กินน้ำ แก้อาการอาเจียนและท้องเดิน

สรรพคุณ
ถั่วเขียว แก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับปัสสาวะ รักษาฝี
เปลือก (สีเขียว) แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ทำให้ตาสว่าง รักษาตาอักเสบ
ถั่วงอก แก้พิษเหล้า

ตำรับยา
1. คางทูม (เป็นใหม่) ต้มถั่วเขียว 70 กรัม จนใกล้สุก ใส่แกนกะหล่ำปลีลงไป 2 หัว ต้มอีก 15 นาที กินเฉพาะน้ำ วันละ 2 ครั้ง อาการคางทูมก็จะหาย
2. อาเจียน (จากการดื่มเหล้า) ให้ดื่มน้ำถั่วเขียวพอประมาณ
3. ตาพร่า ตาอักเสบ ต้มถั่วเขียวกินครั้งละ 15-20 กรัม เป็นประจำ

สารเคมีที่พบในเปลือก (สีเขียว) ของถั่วเขียว มีโปรตีน 79.0 %
มีกรด Amino หลายชนิดคือ Aspartic acid 94.42 ม.ก./กรัม Thrconine 24.98 ม.ก./กรัม Serine 41.73 ม.ก./กรัม Glutamic acid 145.77 ม.ก./กรัม Proline 29.84 ม.ก./กรัม Glycine 27.92 ม.ก./กรัม Alanine 32.18 ม.ก./กรัม Valine 40.05 ม.ก./กรัม Cystine 3.78 ม.ก./กรัม Methionine 10.02 ม.ก./กรัม Iso-leucine 33.40 ม.ก./กรัม Leucine 67.02 ม.ก./กรัม Tyrosine 26.42 ม.ก./กรัม Phenylalanine 51.04 ม.ก./กรัม Lysine 52.44 ม.ก./กรัม Histidine 19.26 ม.ก./กรัม Arginine 50.24 ม.ก./กรัม Tryptophan 9.02 ม.ก./กรัม

ของว่างวันนี้ ต้มถั่วเขียวนมสด

จัดการต้มถั่วเขียวที่แช่ตั้งแต่ เมื่อคืนนี้ คงต้มได้แล้วนะ
นำมาแช่ในนํ้า หนึ่งคืน แช่ถั่วจนได้ที่แล้ว จัดการมาต้มกินดีกว่า
ผลของการโดนต้ม(ถั่วเขียว)จนเปื่อยดีแล้ว ใส่นมสดลงไป
จะใส่กะทิแทนได้ ตามด้วยความหวานของนํ้าตาลทรายใส่ลงไปตามใจชอบ แค่นี้ก็ได้อาหารว่างง่าย ๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:20:36 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2013, 12:14:02 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 24

ฤดูฝน

เรื่อง 20 ข้อดีของหน้าฝน

ช่วงนี้เชียงรายฝนตกทุกวันเลย พื้นที่อำเภออื่นๆเป็นยังไงกันบ้างครับ สบายดีกันไหม หลายๆคนชอบบ่นว่าไม่ชอบเอาซะเลยวันฝนตกแบบนี้ วันนี้เลยอยากนำเสนอ สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นวันฝนตก มาให้อ่านกันครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:30:31 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2013, 19:41:54 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 25

อัญชัน

เรื่อง อัญชันดอกไม้ที่มากไปด้วยสรรพคุณ

อัญชัน ดอกไม้สีสันอมม่วง ที่เป็นพวงชูช่อ ดูแล้วสวยงาม แต่คุณรู้ไหมว่า อัญชัน มีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้ GigGog.com จะมาบอกเคล็ดลับนี้ไปใช้กันค่ะ

ราก : รสเย็นจืด บำรุงดวงตา ทำให้ตาสว่าง ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้ปวดฟัน ทำ ให้ฟันทน
น้ำคั้นจากใบสดและดอกสด : ใช้หยอดตา แก้ตาอักเสบ ฝ้าฟาง ตาแฉะ มืดมัว
น้ำคั้นจากดอก : ใช้ทาคิ้ว ทาหัว เป็นยาปลูกผม (ขน) ทำให้ ผมดกดำเงางาม
สีจากดอกอัญชัน ใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีขนม เช่น ขนมดอกอัญชัน ขนมช่อม่วง ทำน้ำดื่มสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงสวย เพราะสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้ รวมทั้งสีเปลี่ยน ไปตามความเป็นกรดด่าง คล้าย กระดาษลิตมัสที่ใช้ตรวจสอบความ เป็นกรดด่างของสารละลาย
ดอกอัญชัน กินเป็นผักได้ ทั้ง จิ้มน้ำพริกสดๆ หรือชุบแป้งทอด

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากดอก อัญชัน มีหลายประการดังนี้
เป็นเครื่องดื่มดับกระหาย มีสารแอนโธไซยานิน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิต้านทาน
ใช้เป็นสีผสมอาหาร โดยเฉพาะในขนมไทย เช่น ขนมชั้น ขนมน้ำดอกไม้
สารแอนโธไซยานิน มีอยู่มากในดอกอัญชัน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็น เนื่องจากสารตัวนี้ จะไปเพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็กๆเช่น หลอดเลือดส่วนปลายทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับการมองเห็นแข็งแรงขึ้นเพราะมีเลือดไหลเวียนมาเลี้ยงมากขึ้นในขณะนี้ ก็มีการศึกษาวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับ ความสามารถของแอนโธไซยานินในการเพิ่มประสิทธิภาพของดวงตา เช่น ตาเสื่อมจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น

น้ำดอกอัญชัน
ส่วนผสม
น้ำดอกอัญชัน 1 ถ้วย
น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำ ผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำดอกอัญชัน
นำดอกอัญชันสด 100 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อ
เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย ต้มจนเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ ประมาณ 2-3 นาที
แล้วกรองดอกอัญชันขึ้นจากหม้อต้ม

วิธีทำน้ำเชื่อม
น้ำเปล่า 500 กรัม, น้ำตาลทราย 500 กรัม
นำ น้ำดอกอัญชัน น้ำเชื่อม และน้ำผึ้งผสมรวมกัน ชิมรสตามชอบ

อีกวิธีหนึ่ง
นำดอกอัญชันตากแห้งประมาณ 25 ดอก
ชงในน้ำเดือด 1 ถ้วย ดื่มแทนชา

อย่าลืมนำเคล็ดลับดอกอัญชัญไปลองทำ ลองทาน กันนะค่ะ ทั้งขนม เครื่องดื่ม หรือว่ากินเป็นผัก จะได้มีผมสวย ห่างไกลโรค สวยสุขภาพดีกันถ้วนหน้านะค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:34:21 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2013, 22:15:16 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 26

พลู

"พลู" เป็นพืชสมุนไพรที่คนโบราณส่วนใหญ่นำมาบริโภคกับหมาก ใบพลูเมื่อผสมกับปูนแดงและหมากใช้เป็นของเคี้ยวสำหรับผู้ที่กินหมาก

ใบพลู ได้ถูกนำมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคต่างๆ ในตำรายาไทย โดยมีสรรพคุณในด้านรักษาอาการปวดท้อง แก้ปวดฟัน รักษาอาการไอ เจ็บคอ และขับเสมหะ รักษาอาการผื่นคันเนื่องจากเกิดลมพิษ รักษาโรคผิวหนัง รักษาโรคกลากเกลื้อน ฮ่องกงฟุต แผลอักเสบ ฝีหนอง และสิว กำจัดกลิ่นตัว

ในประเทศอินเดียมีการใช้น้ำคั้นจากใบพลูสดในการรักษาอาการเหล่านี้ คือ เป็นยาถ่ายพยาธิ ยาระบายอาการท้องผูก ยาเจริญอาหาร ขับเสมหะ ลดไข้ แก้ปวดศีรษะ ขับลมในกระเพาะอาหาร ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น เป็นยาสมานแผลและใช้ป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้ชาวอินเดียนิยมปลูกเพื่อใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับรักษาโรคต่างๆ และที่สำคัญ ใบพลูยังสามารถใช้ป้องกันมดขึ้นบ้านได้อีกด้วย โดยนำใบพลูมาตำแล้วถูขวางทางขึ้นบ้าน หรือนำเมล็ดพันธุ์ต่างๆ เช่น ผักกาด หรือเมล็ดหอมน้อยที่มดชอบกินนั้น นำใบพลูตำให้ละเอียดคลุกกับเมล็ดพันธุ์ต่างๆ หว่านทิ้งไว้จะทำให้มดไม่มารบกวนอีกด้วย

(ที่มา: http://www.samunpri.com)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:45:53 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2013, 23:43:31 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 27

มะพร้าว

มะพร้าวเป็นส่วนหนึ่งของยาแพทย์แผนไทยมาช้านาน มีคุณภาพในการช่วยให้อาการไข้ ตัวร้อน แก้ร้อนใน แก้ท้องเสีย แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเพิ่มพลังแทรกซึมของตัวยานวด แก้ปวดเมื่อย ช้ำบวม อักเสบ

รักษาแผลเรื้อรัง โดยเอากะลามะพร้าวถูตะไบ ได้ผงละเอียด ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ผสมพิมเสน ทาแผลเรื้อรัง

แก้จุกเสียดแน่นท้อง ด้วยการเอากะลามะพร้าวเผาไฟให้เป็นถ่าน บดเป็นผงละเอียด ละลายน้ำอุ่น ดื่มแก้จุดเสียดแน่นท้องได้

นอกจากนี้ คนโบราณยังใช้รักษาอาการปวดฟัน โดยเอากะลามะพร้าวที่แก่จัด มีรู ขูดเอาเนื้อออกใหม่ ๆ ใส่ถ่านไฟแดงลงไป รองน้ำมันมะพร้าวที่ไหลออกมา ใช้สำลีพันปลายไม้ชุบน้ำมันมะพร้าว อุดรูฟันที่ปวด แก้คลื่นไส้อาเจียน ด้วยการเอามะนาว 1 ซีก บีบผสมน้ำมะพร้าวอ่อน เอามาดื่มลดอาการคลื่นไส้ได้

ทั้งยังมีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการรักษาแก้โรคบิด บำรุงผิวพรรณ แก้ปัสสาวะขัด แก้เมาเหล้า แก้ไอ แก้ชันนะตุพุพอง แก้รังแค รักษาน้ำกัดเท้า แก้ผื่นคัน รักษาฝ่ามือแห้งแตกและเล็บขบ แก้เบาหวาน แก้ปากเปื่อย ปากเป็นแผล รักษาแผลไฟไหม้ แก้ไข้ทับระดู รักษาลำไส้อักเสบ แก้อีสุกอีใส รักษาอาการ เคืองตา เป็นต้น



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 13:04:23 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2013, 10:32:23 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 28

พืชผัก

เรื่อง กินพืชผักมาก ๆ ดี แต่อาจมีปัญหาถ้ากินไม่เป็น

“ระยะหลายเดือนมานี้ ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อยง่ายอยู่เรื่อย มีคนบอกว่าระวังเป็นโรคเบาหวาน หรือไม่ก็โรคไทรอยด์เป็นพิษ ไม่ทราบว่าดิฉันจะเป็นโรคพวกนี้หรือเปล่า?” หญิงสาววัยใกล้ ๔๐ ปีมาขอคำปรึกษาจากผม

ผมกวาดตาดู ก็ไม่เห็นอาการคอโต คอพอก หรือตาโปน ซึ่งเป็นอาการของโรคไทรอยด์ คลำดูต่อมไทรอยด์ก็ไม่โต ชีพจรก็เป็นปกติ ถ้าเป็นไทรอยด์เป็นพิษมักเต้นมากกว่านาทีละ ๑๒๐-๑๔๐ ครั้งขึ้นไป และมักมีอาการน้ำหนักลดฮวบฮาบ สอบถามดูก็ไม่มี

ส่วนอาการของเบาหวาน ได้แก่ อาการปัสสาวะบ่อยและออกทีละมากๆ กระหายน้ำบ่อย หิวข้าวบ่อย น้ำหนักลดสอบถามดูก็ไม่มี

ความผิดปกติที่เห็นได้ชัดก็คือ ใบหน้าซีดเหลือง หญิงสาวเล่าว่า มีคนใกล้ชิดทักเรื่องนี้มานานแล้วแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

เมื่อตรวจดูสีของเยื่อบุตาล่าง ริมฝีปาก ลิ้น ฝ่ามือ และเล็บ ก็พบว่า ซีดเผือดกว่าปกติ จึงคิดว่าน่าจะมีภาวะซีด-โลหิตจาง ซึ่งทำให้มีอาการเหนื่อยง่ายได้

ผมเคยรู้จักเธอมานานแล้ว รู้ว่าเธอเป็นนักมังสวิรัติ จึงถามว่า กินเคร่งขนาดไหน กินนม กินไข่ หรือไม่

เธอตอบว่า เป็นนักมังสวิรัติประเภทที่ยังกินนม กินไข่ได้ แต่นับระยะร่วมปีมาแล้วที่ไม่ได้ใส่ใจกินนมและไข่เหมือนเมื่อก่อน กินแต่พืชผักและเมล็ดธัญพืชเป็นหลัก

ผมจึงบอกเธอว่า อาการเหนื่อยง่ายไม่น่าเกิดจากโรคเบาหวานหรือไทรอยด์ แต่น่าจะเกิดจากโลหิตจาง จากภาวะขาดธาตุเหล็กเสียมากกว่า

เพื่อความสบายใจของเธอ จึงได้ตรวจเลือดพิสูจน์ตามคำขอร้องของเธอ ก็พบว่าเป็นโลหิตจางค่อนข้างมาก คือระดับความเข้มของเม็ดเลือดแดง (ที่เรียกว่า “เฮโมโกลบิน”) นั้นลดเหลือ ๖ กรัม% ไม่ถึงครึ่งของคนปกติ (ที่มีค่า ๑๒–๑๕ กรัม%) และลักษณะของเม็ดเลือดแดงที่ตรวจพบก็ชี้ชัดว่า เกิดจากภาวะขาดธาตุเหล็ก จึงได้ให้ยาบำรุงโลหิตที่เข้าธาตุเหล็ก ได้แก่ ยาเม็ดเฟอร์รัสฟูมาเรต ให้เธอกิน ๒ สัปดาห์ต่อมาเธอมีเรี่ยวแรงขึ้น หน้าตามีเลือดฝาดมากขึ้น จึงให้เธอกินต่อเนื่องไปนาน ๖ เดือน เพื่อสะสมธาตุเหล็กไว้ในร่างกายที่พร่องมานานให้เพียงพอ

ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่สนใจหันมาบริโภคอาหารสุขภาพ ตามหลักที่เรียกว่า “มังสวิรัติ” “แม็กโครไบโอติก” หรือ “ชีวจิต” ซึ่งงดการบริโภคเนื้อสัตว์ เน้นกินพืชผัก เมล็ดธัญพืช บางส่วนยังแนะนำให้กินนม กินไข่ หรือกินเนื้อปลาได้

บ่อยครั้งที่พบคนหนุ่มสาวที่กินไม่ถูกสัดส่วน คือถือเคร่งกินแต่พืชผักเป็นส่วนใหญ่ จะมีหน้าตาซีดเหลือง ตรวจเลือดก็พบว่าเป็นโรคโลหิตจางเพราะขาดธาตุเหล็ก

ผู้สูงอายุบางท่านเบื่อกินเนื้อสัตว์ กินแต่พืชผักเป็นประจำ ก็เกิดโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน

เคยมีคุณยายอยู่ที่ต่างจังหวัดท่านหนึ่ง หลังจากหายจากไข้หวัดใหญ่ ก็รู้สึกเบื่อเนื้อสัตว์ กินแต่ผักจิ้มน้ำพริก ต่อมาก็มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไปให้หมอแถวบ้านให้ “เลือดเทียม” (หมายถึงน้ำเกลือผสมวิตามินซี ออกเป็นสีเหลือง คล้ายเลือดเทียมหรือพลาสมาเทียม) ๒ ขวด หมดเงินไปเป็นพันบาทก็ไม่ดีขึ้น เมื่อแพทย์ที่โรงพยาบาลตรวจดูก็พบว่า เป็นโรคโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก และให้ยาเม็ดบำรุงโลหิต (ราคาเม็ดละไม่กี่สตางค์) ก็ดีขึ้นทันตาเห็น คุณยายท่านนี้ เที่ยวบอกใครต่อใครว่า เจอหมอเทวดาเข้าให้แล้ว เนื่องจากรู้สึกทึ่งที่ใช้ “เลือดเทียม” ราคาแพงไม่หาย แต่มาหายด้วยยาราคาไม่กี่สตางค์ คุณยายหารู้ไม่ว่า โรคจะหายหรือไม่ขึ้นกับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และให้การเยียวยาให้ถูกกับสาเหตุ ไม่ได้ขึ้นกับราคาของยาแต่อย่างใด

บางท่านอาจสงสัยว่าผักใบเขียวใบเหลืองล้วนมีธาตุเหล็ก ทำไมกินแต่ผักจึงขาดธาตุเหล็กได้เล่า?

ก็ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดงของคนเรานั้น ต้องมีองค์ประกอบต่อไปนี้ครบถ้วน ได้แก่

๑. มีไขกระดูกที่ปกติ ซึ่งเป็นโรงงานสร้างเม็ดเลือด ไม่เป็นโรคหรือบกพร่อง ร่วมกับมีพันธุกรรมในการสร้างเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างปกติ (มีโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคทาลัสซีเมีย ที่สร้างเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างผิดปกติ ถูกทำลายได้ง่าย จนเกิดภาวะซีดผิดปกติ ซึ่งมักจะมีอาการซีดเหลือง และขี้โรคมาตั้งแต่เล็ก)

๒. มีธาตุเหล็กและโปรตีนที่เพียงพอ เป็นวัตถุดิบที่ไขกระดูกนำไปสร้างเม็ดเลือดแดง

๓. มีกรดโฟลิก (วิตามินบี ๙) ในการเร่งให้ไขกระดูกทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดง วิตามินชนิดนี้มีมากในพืชผัก (เช่น ผักใบเขียว แครอต แคนตาลูป ส้ม) โอกาสที่ร่างกายจะขาดสารนี้น้อยมาก

๔. มีวิตามินบี ๑๒ (มีมากใน เนื้อ นม ไข่ ปู ปลา ตับ ไต มีน้อยในพืชผัก) และฮอร์โมนอีริโทรพอยเอทิน (erythropoietin) ที่ไตผลิตเป็นตัวกระตุ้นหรือตัวเร่งกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง (ถ้าไตวายเช่นในผู้ป่วยเบาหวาน ไตสร้างฮอร์โมนดังกล่าวไม่ได้ ก็ทำให้โลหิตจางได้)

ผู้ที่กินแต่พืชผัก อาจขาดวิตามินบี ๑๒ และธาตุเหล็ก ที่ขาดธาตุเหล็กก็เพราะลำไส้จะดูดซึมธาตุเหล็กในพืชผักได้น้อย แต่จะดูดซึมธาตุเหล็กจาก เนื้อ นม ไข่ ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินข้าวกับผัก ข้าวจะมีสารที่ชื่อว่าไฟเทต (phytate) ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กในผักอีกด้วย

ดังนั้นถ้ากินแต่พืชผัก ไม่กิน เนื้อ นม ไข่ ก็เสี่ยงต่อการเกิดโรคโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก (และอาจรวมทั้งวิตามินบี ๑๒)

ดังนั้นท่านที่สนใจกินอาหารมังสวิรัติ แม็กโครไบโอติก หรือชีวจิต จึงควรกินอาหารประเภท นม ไข่ เนื้อปลา ในสัดส่วนที่พอเพียงร่วมด้วย

หากเกรงว่าจะกินได้ไม่ครบ หรือกินแล้วมีภาวะโลหิตจาง ก็ควรกินยาธาตุเหล็กและวิตามินบีรวมเสริมด้วย จึงจะปลอดภัย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 13:15:59 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ti0606
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2013, 13:32:15 »

เขาเลี้ยงใส้เดือนกันยังไงครับ  อยากจะไปเยี่่ยมชมจะได้มั้ยครับ
อยู่แถวไหนครับ
IP : บันทึกการเข้า
ti0606
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2013, 13:41:56 »

เขาเลี้ยงใส้เดือนกันอย่างงัย ครับ  อยากจะไปเยี่ยมชมจะได้มั้ยครับ
มิทราบว่าอยู่แถวไหนครับ
IP : บันทึกการเข้า
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2013, 22:32:08 »

เขาเลี้ยงใส้เดือนกันอย่างงัย ครับ  อยากจะไปเยี่ยมชมจะได้มั้ยครับ
มิทราบว่าอยู่แถวไหนครับ

ถึงคุณ watfort

คำถาม :เขาเลี้ยงใส้เดือนกันอย่างงัย ครับ  อยากจะไปเยี่ยมชมจะได้มั้ยครับ มิทราบว่าอยู่แถวไหนครับ?
ตอบ : เรื่องการเลี้ยงไส้เดือน ผมได้เขียนบรรยายความรู้เบื้องต้นไปข้างล่างแล้วนะครับ ลองอ่านดูเป็นแนวทางหรือเป็นความรู้ไว้ก็ได้นะครับ ส่วนเรื่องการเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนของเรา ตอนนี้ทางเรายังไม่สะดวกให้ชมนะครับ กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงพื้นที่ ถ้าสะดวกแล้วเราจะแจ้งให้ทราบอีกทีนะครับ


การเลี้ยงไส้เดือนเบื้องต้น

อันดับแรกก็ต้องรู้จัก ชนิดของไส้เดือนที่นิยมใช้เลี้ยงทำปุ๋ยหมัก (เอาแบบชาวบ้านน่ะครับ วิชาการยากที่จะเข้าใจ)
1.พันธุ์  African Night Crawler หรือ ในวงการเลี้ยงเรียกว่า AF  เป็น ไส้เดือนต่างประเทศ ที่มีขนาดใหญ่ ทำมูลไส้เดือนได้เยอะมาก เลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้เร็ว
2. พันธุ์บูล หรือ ไส้เดือน พันธุ์ สีน้ำงิน  เป็น ไส้เดือนมีขนาดเล็ก สีแดง เป็นไส้เดือนที่ขยายพันธุ์เร็วมาก กินขยะได้เร็วมาก เหมาะเอามาทำอาหารปลาตัวเล็กๆๆ
3.พันธุ์ ไอเกอร์ เป็น ไส้เดือน เมืองหนาว กินเก่ง เหมือน ไส้เดือนบลู
4.พันธุ์ ขี้ตาแร่ เป็นไส้เดือนบ้านเรา สามารถนำมาทำปุ๋ยหมักได้ แต่ถ้าเกิดควบคุมสภาวะไม่ดี จะทำให้หนีได้

อันดับที่ 2  เบดดิ้ง คือ การทำที่อยู่ให้ไส้เดือนตัวน้อยๆๆของเราได้อาศัยอยู่ การทำเบดดิ้งให้ไส้เดือนได้อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าทำเบดดิ้งไม่ดี ไส้เดือนก็จะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ดังนั้นต้องให้ความสำคัญในการทำเบดดิ้งมากหน่อย วัสดุที่สามารถมาทำเบดดิ้งได้ คือ ของอินทรีย์วัตถุทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ไส้เดือนสามารถย่อยได้หมดครับ ได้แก่ ขี้วัว, เศษกระดาษต่าง ๆ , เศษผัก และอื่น ๆ อีกมากมายครับ

อันดับที่ 3 การเลี้ยงเอามูลไส้เดือน
1.นำไส้เดือนไปปล่อยในเบดดิ้ง
2.ไม่ต้องทำไรมาก ดูไส้เดือน รดน้ำให้ความชื้น ดูว่ามี มด หนู ไก่ มา รังแก ไส้เดือนเราไหม เราก็ดู แบบนี้ จนครบ 45 - 60 วัน
3.เมื่อครบกำหนดก็ทำเหมือนเดิมครับ แยก พ่อแม่ไส้เดือนออก ไปไว้เบดดิ้งใหม่ ด้วยเบดดิ้งเก่าเราก็เก็บไว้ก่อนอีก 1-2 เดือน คอยรดน้ำให้ความชื้นตลอด จะมีลูกไส้เดือนเกิดอีกเยอะ  เมื่อครบ 1 เดือน เราก็แยก ลูกไส้เดือนออกให้หมด เมื่อเราแยกออกหมดแล้ว สามารถนำมูลไส้เดือนไปใส่ต้นไม้ได้เลยครับ

เห็นไหมครับการจะได้มูลไส้เดือนในแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนเลยทีเดียว !!! คนที่จะเลี้ยงต้องมีใจรักและอดทนหน่อยนะครับ

นี่ก็เป็นการเลี้ยงไส้เดือนเบื้องต้นแบบคราวๆ ก็ประมาณนี้นะครับ ถ้าสงสัยหรือมีคำถามตรงจุดไหน ก็สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 085-0668907 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงครับ หรือพิมพ์ข้อความ ส่งคำถามมาทาง PM ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะเข้ามาตอบคำถามให้


ขอบคุณครับที่สอบถามข้อมูลเข้ามา

ฟาร์มบ้านมูลไส้เดือน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 กันยายน 2014, 15:24:30 โดย ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2013, 23:14:17 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 29

ทุเรียน

เรื่อง ทานทุเรียนอย่างไรให้ถูก ไม่กลัวอ้วน ??

ไขมันที่พบอยู่ในเนื้อทุเรียนนั้นก็เป็นไขมันชนิดดี และมีประโยชน์กับร่างกาย ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ ทั้งนี้ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะ
ซึ่งตามปริมาณตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำนั้น แนะนำให้กินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ดขนาดกลาง น้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม ซึ่งจะให้พลังงาน 187 กิโลแคลอรี
ในคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ระวังการกินทุเรียน ยังสามารถกินได้แต่ควรกินในปริมาณที่น้อยกว่าคนปกติ ที่สำคัญคือ ห้ามกินทุเรียนคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันขาดนะครับ

(ที่มา: http://www.manager.co.th/)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 13:21:21 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2013, 23:54:08 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 30

สารปนเปื้อน

เรื่อง ระวังสารปนเปื้อนในน้ำผลไม้/สมุนไพรริมทาง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 13:25:18 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย) Tel.084-545-6163
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 705


จำหน่ายมูลไส้เดือนแท้ 100% (เชียงราย)


« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2013, 01:20:17 »

เกร็ดความรู้วันละนิด ชีวิตแจ่มใส # 31

ถั่วลิสง

เรื่อง เคล็ดลับการคั่วถั่วลิสง

จะคั่วถั่ว-ลิสง ให้กรุบกรอบ
มีคำตอบ มาแบ่งปัน ฉันท์เพื่อนฝูง
ลองทำดู ได้หรือไม่ ใช่ชักจูง
ร่วงหรือรุ่ง อย่าชักช้า มาลองกัน

เลือกซื้อถั่ว เม็ดเล็ก ที่สดใหม่
มีหลากหลาย ยี่ห้อ ให้เลือกสรร
ถั่วเม็ดเล็ก คั่วแล้วหอม ดีกว่ากัน
เม็ดใหญ่นั้น แค่ดูดี มีราคา

ก่อนจะคั่ว เลือกถั่วเสีย ออกสักหน่อย
แม้มีรา เพียงเล็กน้อย อย่ากังขา
สีดำดำ หรือเขียวเขียว มีเชื้อรา
คัดออกมา ทิ้งไปนะ อย่าเสียดาย

แล้วนำถั่ว มาล้างน้ำ ให้สะอาด
อย่าได้หวาด ว่าจะทำ ให้เสียหาย
วิธีนี้ อาจไม่เคย เลยสักราย
แต่ถั่วจะ คั่วสบาย กรอบต่างกัน

รินน้ำทิ้ง เหลือน้ำไว้ สักเล็กน้อย
ตั้งกระทะ เปิดไฟคอย อย่าได้หวั่น
เททั้งถั่ว และน้ำ ลงฉับพลัน
ค่อยค่อยคั่ว ไปอย่างนั้น ไฟแรงแรง

ให้น้ำเดือด จนถั่วสุก ทุกถ้วนทั่ว
ไม้ต้องกลัว ถั่วเหม็นเขียว อย่างคั่วแห้ง
พอน้ำเดือด งวดลง ค่อยจัดแจง
หรี่ไฟจาก แรงแรง ให้อ่อนพลัน

คั่วถั่วไป เรื่อยเรื่อย ไฟอ่อนอ่อน
อย่าใจร้อน เร่งไฟ ให้นึกหวั่น
ถั่วจะไหม้ ได้นะถ้า คั่วไม่ทัน
โปรดเชื่อฉัน สักครั้ง ยับยั้งใจ

เมื่อคั่วถั่ว ได้ที่ สีเหลือง-กรอบ
สีอ่อนแก่ ตามใจชอบ คุณเลือกได้
นำถั่วมา เลาะเปลือกออก สบายสบาย
ถั่วที่ได้ จะกรอบนาน วานลองดู

ขออธิบายเพิ่มเติมกันหน่อยนะครับ จะได้แจ่มแจ้ง

หลาย ๆ คน มีปัญหากับการคั่วถั่วลิสง บางทีถั่วคั่วไม่สุกดีทั้งกระทะ บางเม็ดเหม็นเขียว บางทีถั่วก็ไม่กรอบ หรือกรอบไม่นาน เผลอลืมเปิดฝากระป๋องที่เก็บถั่ว ถั่วโดนลมแป๊บเดียวก็หายกรอบเสียแล้ว บางคนเผลอไผลใช้ไฟแรงหน่อย ถั่วก็ไหม้แล้ว ของที่ดูเหมือนง่าย ๆ แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเสมอไป แล้วจะคั่วถั่วอย่างไร ที่จะทำให้ได้ถั่วสุกทั่วกันทั้งกระทะ และกรอบนาน...

เท่าที่เห็นมา เวลาใครจะคั่วถั่วลิสง เค้าก็มักจะซื้อถั่วลิสงมา แล้วก็ทำการใส่กระทะคั่วเลย บางคนอาจจะดีหน่อย ตรงที่เลือกยี่ห้อ แล้วนำถั่วมาคัดเม็ดเสีย ๆ ออกก่อน แล้วก็นำถั่วไปคั่วเลย ผมแทบไม่เคยเห็นใครนำถั่วลิสงไปล้างน้ำเสียก่อน แล้วค่อยนำถั่วนั้น ๆ มาคั่วเลยนะครับ ทีจะหุงข้าง ยังต้องซาวข้าวก่อน หรือคิดว่าถั่วมันสะอาดกว่าข้าว เลยไม่จำเป็นต้องล้าง ฮืม??

การนำถั่วลิสงมาล้างน้ำให้สะอาดก่อน กลับเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ถั่วลิสงคั่วนั้นสุกทั่วทั้งกระทะ และจะไม่เหม็นเขียวเลยแม้แต่เม็ดเดียว อีกทั้งยังสุกกรอบดีกว่าการคั่วโดยไม่ได้ผ่านการล้างน้ำเสียก่อน ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อน้ำที่หลงเหลืออยู่ในกระทะ เมื่อนำเดือด น้ำร้อน ๆ จะช่วยทำให้ถั่วในกระทะสุกทั่วทั้งเม็ดได้อย่างง่ายดาย และเมื่อถั่วสุกจนเห็นเป็นเม็ดใส ๆ แต่ยังไม่กรอบ ถ้าหยิบขึ้นมาทานตอนนั้น เราก็จะได้ถั่วลิสงที่มีรสชาติเหมือนถั่วต้มที่เราซื้อหาเป็นฝัก ๆ มาแกะกินนั่นแหละ แต่ดูเหมือนว่า กินถั่วต้มวิธีนี้ จะประหยัดกว่าซื้อถั่วต้มเป็นกระป๋อง ๆ ทานเสียอีกด้วยนะครับ เพราะเราจะได้ถั่วต้มเม็ดสวย ๆ ไม่ลีบ ไม่ฝ่อ ไม่มีเชื้อราให้กังวล –

การคั่วถั่ววิธีนี้ เมื่อเรานำถั่วไปล้างน้ำแล้ว จะล้างครั้งเดียว หรือสองครั้งก็สุดแล้วแต่เราว่าต้องการให้สะอาดขนาดไหน ผมมักจะล้าง 2-3 ครั้ง เพื่อล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกให้หมดไป เมื่อเทน้ำสุดท้ายทิ้ง ผมจะเหลือน้ำหน่อย ให้พอขลุกขลิก แล้วตั้งกระทะไฟแรง ใส่ถั่วและน้ำที่เหลือลงไปคั่วครับ เมื่อน้ำเดือดระอุ ผมก็ยังคั่วถั่วด้วยไฟแรงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำงวดแห้งลง ผมจึงจะลดไฟเป็นไฟอ่อน ๆ เหมือนเราคั่วถั่วลิสงปกติ โดยคั่วไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ความร้อนกระจายไปทั่วทุกเม็ด เพื่อให้เนื้อแห้งสุกกรอบดี

การคั่วถั่วปกติ ผมชอบใช้ไฟอ่อนมาก ๆ เพราะจะได้ถั่วคั่วสีสวยและกรอบนานมาก กว่าจะได้ถั่วแห้งกรอบดี ต้องใช้เวลานานมาก “แต่ยิ่งถั่วอยู่ในกระทะนานเท่าไหร่ ถั่วก็จะยิ่งกรอบนานเท่านั้น” ทั้งนี้จะต้องไม่ทำให้ถั่วไหม้นะครับ ถ้าถั่วไหม้แล้ว จะแก้ไขก็คงไม่ได้ ต้องเททิ้งอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น เวลาคั่วถั่ว ห้ามหยุดไปทำอะไรอย่างอื่นเด็ดขาดครับ ต้องใจเย็น ๆ นะครับ

จากการสังเกตของผม เมื่อผมนำถั่วคั่ววิธีนี้มาเลาะเปลือก ถั่วมักจะไม่แตกแยกจากกันเป็นซึก ๆ แต่จะได้ถั่วเป็นเม็ด ๆ สวยงาม เว้นแต่ผมจะใจร้อน เอามือบี้ถั่วแรง ๆ เพราะความเร่งรีบความ ผมเคยคั่วถั่ววิธีนี้ แล้วรอให้เย็นลงก่อนเก็บใส่ถุงพลาสติก รัดยางแน่นหนา เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ ถั่วก็ยังกรอบหอม ไม่เหม็นหืนครับ ลองดูนะครับ อาจจะดูแผลง ๆ ไปหน่อย แต่รับรองว่าใช้ได้ผลดีมาก ๆ ครับ

เคล็ดลับแผลง ๆ แบบนี้ ยังมีอีกเพียบครับ มีเวลาก็จะนำมาแบ่งปันกันไปครับ ใครใคร่คั่วแบบวิธีเดิม ๆ ก็ทำไป แต่ใครชอบของแปลกใหม่ ก็ลองไปได้เรื่อย ๆ ผลลัพธ์ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย ยังไงก็ได้ถั่วลิสงคั่วมากินเล่นเหมือน ๆ กันครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 13:30:56 โดย Harmonious » IP : บันทึกการเข้า

ฟาร์มไส้เดือนงามดี สาขาเชียงราย
จัดจำหน่าย มูลไส้เดือนแท้ 100%

("คนเลี้ยงดิน ดินเลี้ยงพืช พืชเลี้ยงคน")

โทรศัพท์ : 084-545-6163
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 17 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!