คำว่า " กฐิน " แปลว่าไม้สะดึง คือไม้แบบสำหรับเย็บจีวรของพระภิกษุ
โดยความ หมายถึง ผ้า ผืนใดผืนหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาต แก่พระภิกษุที่
อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน ในอาวาสนั้นมีภิกษุอยู่จำพรรษา อย่างน้อย ๕ รูปขึ้นไป ถ้า
จำนวนน้อยกว่านั้นไม่เป็นกฐิน
กฐิน เป็นสังฆกรรมของสงฆ์อย่างหนึ่งที่ภิกษุทุกรูปต้องร่วมกันทำ กิจกรรมทั้งหมด
ต้องให้เสร็จภายในวันนั้น
เมื่อพระภิกษุสงฆ์ได้กรานกฐินถูกต้องตามวินัยจะได้รับ อานิสงส์ ๕ ประการคือ
ได้รับการผ่อนผันทางวินัยบางข้อ เช่น เที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา และ ฉันคณะโภชน์ได้ เป็นต้น
คำว่า " กฐินเดาะ " คือ รื้อกฐิน หมายความว่า ไม่ได้รับอานิสงส์ของกฐิน หรือหมด
เขตอานิสงส์กฐิน
รายละเอียดโปรดศึกษาใน...พระวินัยปิฎก มหาวรรค กฐินขันธกะ
(พระไตรปิฎกเล่มที่ 7 หน้า 193-240)
** กฐินเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผ้า. และต้องมีพระจำพรรษาอยู่ที่นั่น ๕ รูป ไปยืมพระจากที่อื่นมาไม่ได้
เข้าใจว่า ถ้าเกินเลยจากนี้ไปเรียกว่า กฐินเดาะ
เมื่อตอนมาอยู่เชียงรายใหม่ ๆ ก็เคยเจอวัดหนึ่งค่ะ มีพระอยู่แค่รูปเดียว มีคณะศรัทธาญาติโยม เอากฐินมาถวายที่วัด ทั้งชาวบ้าน ทั้งพระ ก็ทำพิธีรับกฐินนั้น ก็ยังงง ๆ อยู่ค่ะ ว่ารับได้อย่างไร เสร็จแล้ว ทราบข่าวมาว่า ทุกครั้งที่มีเงินกฐิน หรือ เงินผ้าป่า จะต้องแบ่งตามสัดส่วน คนหา หรือ คนจัดผ้าป่า กฐิน จะได้ 30% เจ้าอาวาสจะได้เท่าไหร่ ไม่แน่ชัด เคยถามชาวบ้านเหมือนกันค่ะว่า ทำไมต้องมีธรรมเนียมปฏิบัติกันแบบนี้ ชาวบ้านบอกว่า ถ้าไม่ให้เงินกับคนที่หากฐิน หรือ ผ้าป่ามา ก็จะไม่มีแรงจูงใจให้คนเหล่านี้หาเงินมาเข้าวัด ก็ได้แต่สังเวชใจ ว่า เขาช่างเลือกหาที่เกิด ตามที่ชอบ ที่ชอบ จริง ๆ แม้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ ก็คงจะอยู่ใน เกณฑ์ของ คำว่า "มนุษเปโต" ค่ะ น่าสงสารพวกเขาจริง ๆ แต่จะไปบอกพวกเขาว่าทำไมถูก ก็ไม่ได้ค่ะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จริง ๆ นะคะ