|
|
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
ออฟไลน์
กระทู้: 10,911
|
|
« ตอบ #602 เมื่อ: วันที่ 27 มิถุนายน 2012, 10:17:52 » |
|
|
|
|
|
|
|
|
eaku
ชั้นประถม
ออฟไลน์
กระทู้: 104
|
|
« ตอบ #606 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2012, 18:28:33 » |
|
ตอบคุณวายุ และสำหรับคำถามนี้ อาจเป็นคำถามสุดท้ายในภารกิจการดันของผมแล้วนะครับ ขอถามว่า แผนงานในการเพิ่มกำไรในอนาคตของบริษัทของคุณคืออะไร และปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจคืออะไร และที่เป็นเรื่องหลักเลยก็คือ อะไรจะทำให้มันดีขึ้นหรือแย่ลง ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ คุณก็สามารถเรียกตัวเองว่า"นักลงทุน"ได้อย่างเต็มปากครับ
ข้อนี้ยากแฮะ.. (1)แผนงานในการเพิ่มกำไร มันอยู่ในรายงานประจำปีของบริษัทครับ หาอ่านได้ในเว็บและหน้าข่าวเศรษฐกิจครับ.. (2)ปัจจัยความเสี่ยงของธุรกิจ ก็เช่นกันอยู่ในหน้าของรายการการตรวจสอบกิจการครับ แต่ถ้าจะให้ละเอียดกว่าก็ต้องติดตามข่าวและวิเคราะห์คู่แข่งเองด้วย (3) อะไรจะทำให้มัน(ธุรกิจของเรา)ดีขึ้นหรือแย่ลง อันนี้ก็ต้องวิเคราะห์เองเช่นกันมั้งครับ..... การตอบคำถามส่วนสุดท้ายของพี่วายุนี้.. ต้องอาศัยความขยันและทำความเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ อย่างถ่องแท้ครับ.. จะมาบอกว่าเวลาน้อยไม่ได้นะ..ถึงจะมีน้อยก็ต้องแบ่งเวลามาศึกษาครับ.. แต่ผมใช้วิธีดูและอ่านจะบทวิเคราะห์ที่รายการทีวี หรือที่เขียนในหนังสือพิมพ์พิมพ์เศรษฐกิจเอาครับ..พออ่านแล้วก็ไปดูข้อมูลตามที่เขาบอกมาครับเร็วดี... อาจมีที่ไม่ตรงบ้างก็ปรับเอาครับ.. ขอบคุณที่คุณวายุชี้แนะแนวทางครับ.. พอจะได้ความรู้เพิ่มในการคัดสรร หุ้นที่จะซื้อ.. และหลังจากปรับมุมมองตามคำถามคุณวายุแล้วทำให้รู้ว่าต้องปรับพอร์ตอีกนิดหน่อย..อาจต้องขายทิ้งสัก 2-3 ตัวแน่ะ..555 ขอบคุณมากครับ.. แต่ฝรั่งซื้อเยอะจริงๆครับ 555
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
ออฟไลน์
กระทู้: 10,911
|
|
« ตอบ #615 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2012, 13:39:36 » |
|
|
|
|
|
|
~I☺Gën~
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 98
|
|
« ตอบ #617 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2012, 17:44:44 » |
|
ขอบคุณมากครับ วันนี้ลองดูดูบ้างแล้ว เริ่มดูเป็นละครับ streaming ดีเลย์ประมาณ 2-3 วิ วันนี้เข้าสู่สนามจริงกะจะเป็นเม่าน้อยสักหน่อยดันไม่ match ซะนี้ สงสัยมีอะไรบางอย่างบังคับให้ซื้อพรุ่งนี้ ศุกร์ 13 อาถรรพ์ ที่ไม่จับคู่ให้เรา ก็คงเป็นเพราะยังไม่ถึงตาเรามั้งครับ คิวเราน่าจะท้ายๆของ bid ถ้ายังไม่ได้ของก็ดีแล้วครับ ดูเหตุการณ์วันพรุ่งนี้ก่อนก็ดีครับ ดูเพื่อจะดูว่า มีใครกำลังทำอะไรโง่ๆในตลาดหุ้นไหมนะครับ และจากนั้นก็จะเห็นจังหวะที่เราจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นดีๆ ที่เขาทิ้งกันแบบโง่ๆครับ จะซื้อแบบตั้งรับหรือ งาบ เลย ถ้าของดีราคาถูก งบคาดว่าน่าจะออกมาดี รับรอง ไม่เกิน 18 มิ.ย. 55 (วันสุดท้ายของการส่งงบ) มีเฮแน่ครับ แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยงครับ ศึกษาราคา กับพื้นฐานดีๆเน้อครับ
|
|
|
|
|
MRJACOP
ชั้นประถม
ออฟไลน์
กระทู้: 200
|
|
« ตอบ #619 เมื่อ: วันที่ 19 กรกฎาคม 2012, 01:26:04 » |
|
คุณเป็นใคร บทความนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิธีการจัดการเงินของคน ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่จริง บางทีคุณอาจจะอ่านแล้วบอกว่ามันไม่ใช่ แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณจริงจังอะไรมากมายนัก เพราะเรื่องนี้มันอยู่ที่มุมมองของเราเองต่างหากว่า เรายอมรับหรือเห็นด้วยกับมันไหมแค่นั้นเอง
คำถามมีอยู่ว่า ถ้าเราอยากได้มือถือสักเครื่อง แต่ตอนนี้เรายังไม่มีเงินเลย เราจะทำอย่างไร?
ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนจน คุณก็คงจะค่อยๆเก็บเงินไปเรื่อยๆ พอเก็บได้ครบเมื่อไหร่ก็ค่อยไปซื้อ ถ้าถามผมว่าวิธีนี้ดีไหม ผมว่ามันก็ดีนะ เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นหนี้ใคร แถมยังเป็นการฝึกความอดทนและความแน่วแน่ไปในตัวด้วยว่า เมื่อถึงวันที่เราเก็บเงินได้จนครบแล้ว เราอาจจะลองถามตัวเองดูก่อนว่า เรายังต้องการมันอยู่ไหม หากเรายังต้องการมันอยู่ สิ่งนั้นมันก็คือความต้องการที่แท้จริงของเรา เรามิใช่อยากจะได้มันเพราะความใจเร็วด่วนได้ หรือหลงมัวเมาไปกับโฆษณา แต่ถ้าเมื่อเราเก็บเงินได้ครบตามจำนวนแล้ว เรากลับพบว่าเราไม่ได้ต้องการมันแล้ว ไม่ว่าจะเกิดจากการที่มันมีรุ่นใหม่ที่ดีกว่าออกมา หรือเรามาคิดได้ทีหลังว่า เราก็ไม่ได้อยากจะได้มันจริงสักเท่าไหร่ เราก็จะไม่เสียหายอะไร
ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนชั้นกลาง คุณคงไม่ต้องการรอจนถึงวันนั้นหรอก เพราะคุณต้องการมันเดี๋ยวนี้!!! แต่จะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อตอนนี้คุณยังไม่มีเงินเลย ไม่มีปัญหา...เรื่องแค่นี้มันจิ๊บจ๊อย รูดปรื๊ด...รูดปรื๊ด “ยอมเป็นหนี้สักหน่อยก็แล้วกัน คนมันรอไม่ไหวแล้ว ต่อมอยากได้มันสั่นระริก มือถือแค่นี้ ผ่อนไม่นานเดี๋ยวก็หมด เงินเดือนก็มีประจำ จะกลัวอะไร” นี่เป็นทัศนคติที่น่ากลัวมาก ไม่มีการข่มความอยากได้อยากมีเอาเสียเลย ก็ในเมื่อตอนนี้คุณยังไม่มีเงินเลย แล้วคุณคิดว่าในอนาคตคุณจะมีเงินไหม การที่คุณไม่มีเงินในวันนี้ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คุณเป็นคนที่ไม่สามารถสะกดกลั้นความอยากเอาไว้ได้ และการที่คุณยอมเป็นหนี้ในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เงินของคุณมันงอกเงยออกมานั้น มันก็เป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าจริงๆ ผมว่า...คนที่มีทัศนคติแบบนี้ จะเป็นคนที่ผู้ผลิตสินค้าให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ และถ้าผมถามต่อไปว่า เกิดมีมือถือรุ่นที่ดีกว่าออกมา คุณจะทำอย่างไรอีก? แล้วถ้าคุณยังเป็นคนแบบนี้อยู่ ชาตินี้ทั้งชาติ คุณก็คงจะมีแต่ชีวิตหนี้เท่านั้น
ถ้าคุณมีทัศนคติแบบคนรวย ความอยากได้อยากมี มันก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ แต่ทีนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่า วิธีการเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการนั้น มันสามารถแยกคนออกมาเป็นแต่ละประเภทได้ แล้วคนรวยเขาทำยังไง? คำตอบในที่นี้คงไม่ใช่เดินดุ่มๆไปซื้อเพราะมีตังค์อยู่แล้วแน่ นั่นมันของตายอยู่แล้ว ถ้าใครมีเงินสดก็คงไปซื้อมาได้เลย แต่เรื่องที่เราเอามาพูดกันในวันนี้ จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ยังไม่มีตังค์ ถ้ายังไม่มีตังค์ต้องทำยังไง? ก็ต้องทำงานเก็บเงินก่อนถูกไหม แต่หลังจากที่เก็บเงินได้ครบตามจำนวนแล้ว เขาก็ยังจะไม่เอาเงินไปซื้ออยู่ดี เขาจะต้องเอาเงินที่เก็บมาได้นั้น ไปลงทุนทำให้มันออกดอกออกผลเสียก่อน เมื่อดอกผลที่ได้จากการลงทุนนั้นมีมากพอที่จะซื้อมือถือโดยไม่เดือดร้อนเงินต้นแล้ว เมื่อนั้นแหละ เขาถึงจะเอาดอกผลที่ได้รับมา ไปซื้อมือถือที่เขาอยากได้ ถ้าเราคิดอย่างนี้ ทำอย่างนี้ได้ เมื่อนั้นเราถึงจะเรียกตัวเองว่าคนรวยได้ครับ คนรวยไม่ได้วัดกันที่มีเงินมากเท่าไหร่ เพราะมีได้มันก็หมดได้ แต่วิธีการเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมาต่างหาก ที่จะแยกเราได้ว่าเรามีแนวคิดเป็นแบบไหน ถ้าเราไม่ต้องเสียเงินของตัวเองไป นั่นต่างหากที่จะทำให้เรารวย สิ่งที่สำคัญคือ เราจะรักษาเงินที่มีอยู่ ให้อยู่กับเราไปนานๆหรือเพิ่มพูนขึ้นไปได้อย่างไรต่างหาก
อ่านแล้วได้แง่คิดดีมากๆเลย
|
|
|
|