ในรูปนี่คุณ Ajack นี่ เมื่อก่อนเค้าขี่ Ducati Hypermotard แล้วมีเด็กมายืมรถไปลอง ไปชนเสียหายยับ ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกัน แต่ล่าสุดไม่รู้คดีจบยังไงครับ? ส่วนอีกคนนี่คุณสุกี้ วงพรู เห็นเค้าเล่น KTM มาตลอดเหมือนกันครับคนนี้ เป็นนักเดินทางทั้งสองท่านครับ สุดยอดจริงๆ
ความคิดของพี่เค้าก็เข้าท่าดีครับ
สุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์
เที่ยวบิ๊กไบค์ กายภาพบำบัดทางสมองของสุกี้งคุ้นหน้ากันดีแล้วกับคุณสุกี้ แห่งเบเกอรี่ในวันวานที่ใครๆ รู้จัก หรือ สุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์ ที่ขี่
มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวมาทั่วในรายการ Dream Chaser ซิ่งล่าฝัน จะมาคุยให้ฟังถึงแรงบันดาลใจและความ
สนุกสนานแบบไม่คาดฝันในสไตล์เขา
จากผู้บริหาร ‘เบเกอรี่’ แล้วจับพลัดจับผลูมาทำรายการโทรทัศน์ได้ยังไงกัน
“มันมีหลายเหตุผลนะฮะ ตอนนั้นผมทำเบเกอรี่มา ก็ทำมาตั้งแต่เด็ก อายุ 22 ก็เปิดเบเกอรี่แล้ว ตอนที่ผมเข้ามาวงการเพลงใหม่ๆ ทำครีเอทีฟ 90% ธุรกิจ 10% แต่ช่วงหลังของเบเกอรี่นี่ ผมทำครีเอทีฟ 1% ธุรกิจ 99% วันนึงเราตื่นขึ้นมา รู้สึกว่า เฮ้ย เราทำอะไรวะเนี่ย มันเริ่มไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ผมว่าผมพามันไปไกลกว่านั้นไม่ได้แล้วละ มันก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยน พอถึงปี 2005 ตอนที่เราไปจัดบีเดย์ที่ราชมังคลาฯน่ะ ผมมีความรู้สึกว่ามันอิ่ม อิ่มตัวแล้วน่ะฮะ ผมก็เลยลาออก...
“6 เดือนแรกเนี่ย ผมก็ค้นหาว่าจะทำอะไรดี ยังเด็กอยู่นี่ 34 - 35 แล้วผมก็ไม่มีอะไรมา ยิ่งค้นยิ่งไม่เจอ พอดีผมไปเจอผู้ใหญ่คนหนึ่ง เค้าก็บอกว่า เฮ้ย สุกี้ อย่างนี้ยูหาไม่เจอหรอก มันจะมามันก็มาเอง ผมก็เลยช่างมัน ยิ่งหายิ่งเครียด ยิ่งไม่เจอ ปล่อยวางดีกว่า แล้วผมก็มานั่ง...เอ๊ะ...มันมีเวลาว่างนี่หว่า เกิดมาไม่เคยมี ผมไม่เคยมีชีวิตเป็นวัยรุ่นเลยนะ ทำงานตลอด พอมีเวลาว่างผมก็ซื้อมอเตอร์ไซค์มาขี่เล่น ผมขี่ไปภูเก็ต ทริปภูเก็ตเป็นทริปที่ผมได้รู้ว่า ประเทศไทยยังมีอีกเยอะที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน คือผมไม่เคยเที่ยวเมืองไทยมาก่อน ถ้าไปก็ไปเมืองใหญ่ๆ พัทยา เชียงใหม่ อะไรพวกนั้น แต่ตอนที่ผมขับไปภูเก็ตคราวนั้นน่ะ ผมแวะชุมพร ระนอง แวะเขาสด เฮ้ย...มันมีอะไรอีกเยอะมากเลย...ผมก็เลยตัดสินใจจะ Take Off 3 เดือน กะจะไปให้รอบเมืองไทย”
ความรู้สึกแปลกใหม่ที่คุณสุกี้ได้สัมผัสจากการขี่มอเตอร์ไซค์แล้วเที่ยว เขาเรียกมันว่า “กายภาพบำบัดทางสมอง” ขณะที่บางคนอาจจะไปวิปัสสนา คุณสุกี้เล่าถึงสิ่งที่ค้นพบว่า
“หนึ่ง มันได้ปล่อยวาง สอง การที่ขับมอเตอร์ไซค์นี่ มันบังคับให้คนอยู่กับปัจจุบัน ผมว่าปัญหาของมนุษย์ส่วนใหญ่ติดอยู่ในอดีตกับอนาคต คือคุณคิดถึงแต่อดีต-อนาคต อย่างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี่เอง ผมตั้งใจว่าจะทำงาน แต่งานมันไม่ออก เดินไป เดินมา ผมก็เลยเอามอเตอร์ไซค์ไปสุพรรณ ชั่วโมงเดียวถึง นั่งกินกาแฟ ...ไหลแล้วสมอง สมองมันลื่น ช่วงที่เราจะออกจากกรุงเทพฯ น่ะ มันไม่ไหว แต่พอพ้นกรุงเทพฯ พ้นวงแหวนรอบนอก มันจะเริ่มมา...งานสายผมมันเป็นงานครีเอทีฟใช่ไหมฮะ อย่างนั่งเขียนเพลงน่ะ มันไม่ออกมันก็ไม่ออก มันต้องมีแรงบันดาลใจ 15 นาทีแรกเหมือนกันทุกทีเลย มันจะติดๆ แต่ตอนที่เริ่ม Flow แล้ว มันจะไหล สิ่งนึงที่ผมเชื่อก็คือ ปัญหาที่เราคิดอยู่ตลอดเวลาเนี่ย 50% มันไม่ใช่ปัญหา แต่มันติดอยู่ในหัวเรา แล้วการที่ออกไปเดินทาง ไปท่องเที่ยว ไปขี่รถ มันได้ความรู้สึกโดยรวม แล้วมันช่วยจริงๆ”
“ผมคิดตามแบบของผมว่า เมืองไทยมันมีอะไรแอบแฝงอยู่เยอะ แต่เราต้องพร้อมจะไปใช้เวลาค้นหามัน อย่างขับรถไปภูเก็ตเนี่ย ถ้าดิ่งขับถนนใหญ่ไปภูเก็ตเลยมันก็เส้นตรง ไม่มีอะไร ไม่หนุกเลย แต่ถ้าพร้อมที่จะค้นหา ลัดเลาะไปเรื่อยๆ มันได้รสชาติกว่าเยอะ...ในกรณีมอเตอร์ไซค์ สมมติผมจะไปหัวหิน ถ้าไปถนนเพชรเกษมก็งั้นๆ น่าเบื่อ แต่ล่าสุดผมไปทางราชบุรี ไปสวนผึ้ง แล้วก็มั่วๆ ไปเรื่อยๆ จนไปถึงป่าละอู ไปถึงหลังหัวหินโดยไม่ต้องวิ่งเพชรเกษมเลยล่ะ แต่ต้องมั่วๆ นิดนึงนะ แล้วมันจะผ่านแก่งกระจาน เจอโน่น เจอนี่ ไม่ต้องกลัวน้ำมันหมดกลางทางด้วยนะ บ้านเราร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ขายน้ำมันยังมี (หัวเราะ) ทุกๆ เมืองจะมีร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ อย่างที่ผมบอก บ้านเรามันง่ายไปหมด ที่ไม่มีรู้สึกจะที่อุ้มผาง ต้องเตรียมน้ำมันสำรองไป”
คุณสุกี้เที่ยวมา 3 ปีแล้ว คงมีทั้งที่ชอบและไม่ชอบมั่งล่ะ เอาที่ไม่ชอบก่อนดีกว่า เป็นการติเพื่อก่อ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะได้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น
“ข้อเสียของบ้านเรานะ ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือป่า มันฉิบหายเร็วมากเลย เมื่อไหร่รถทัวร์ไปลงมันพังทุกที รัฐบาลควรเข้ามาควบคุม อย่างผมไปบาหลีกับคุณ แม่ เอ๊ รัฐบาลเขาคุมดีว่ะ อย่างร้าน Mc Donald มาเปิด ตึกมันก็ยังต้องหน้าตาแบบบาหลี บ้านเราอย่างที่ปายเป็นตัวอย่างที่ดี ผมไม่ได้ไปปีครึ่ง กลับมา โอ้โห เกิดอะไรขึ้นน่ะ หน้ามือเป็นหลังมือเลย หรือสมุยเมื่อ 15 ปีก่อนยังเวอร์จินอยู่ พอผมกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เฮ้ย..มันมี Taxi Meter (หัวเราะ) มัน Over Control ไปหน่อย”
ก็คงเหมือนๆ กับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ส่วนใหญ่ ที่ยังอยากรักษาของดีๆ เดิมๆ ไว้เป็นเอกลักษณ์ของสถานที่เที่ยวบ้านเรา ไม่ใช่ปล่อยให้ความศิวิไลซ์เข้าไปหลอมละลาย จนสุดท้ายเราจะถูกกลืนไม่เหลืออะไรที่เป็นของดั้งเดิมไว้อวดให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจ ทีนี้มาฟังความประทับใจของคุณสุกี้กันบ้าง
“ผมยกตัวอย่างใกล้ตัวดีกว่า เมื่อต้นปีผมไปถ่ายโฆษณาให้ National Geographic ได้คุยกับผู้กำกับฝรั่ง ผมถามเขาว่าทำไมยูเลือกประเทศไทย ฝรั่งบอก หนึ่ง...ถูก สอง...ทำอะไรก็ได้ (หัวเราะ) คือเมืองไทยมันง่ายน่ะ แล้วก็ถูก ผมขี่ไปคนเดียวคนชอบถามมันไม่อันตรายเหรอ ผมบอกว่า ผมเจอปัญหาทีไร ไม่เกิน 15 นาทีต้องมีคนมาช่วยทุกที อีกอย่างมันเป็นประเทศที่เที่ยวง่าย ผมใช้ map ถนนมันดี ป้ายก็ดี ป้ายบ้านเรานี่รู้หมดนะว่าไปที่ไหน จะหลงต่อเมื่อเราเสือกไปหลงเอง โดยรวมแล้วคนต่างจังหวัดนี่น้ำใจดีกว่าคนกรุงเทพฯเยอะ ไม่ได้บอกว่าทุกคนนะ รถผมเคยไปล้มที่ปราณบุรี แล้วคลัชหัก ผมก็ถามคนแถวนั้นว่ามีใครซ่อมเป็นหรือเปล่า ไอ้น้องคนนึงก็เข้ามาบอก...เออพี่ ที่ตลาดมีขาย... ผมก็ให้เค้าไปพันนึง แล้วมานั่งคิดว่าเรานี่สุดโง่ ให้ไปพันบาทมันก็หนีไปเลยซิ (หัวเราะ) จะชกตัวเองที่โคตรโง่ ปรากฏว่าอีก 15 นาทีมันกลับมา...เอ้าพี่ 300 บาท คืน 700...โอ้ ประทับใจ อือม..ผมเจอแบบนี้บ่อย”
สำหรับท่านผู้อ่านที่อยากจะเที่ยวสไตล์คุณสุกี้บ้าง ลองมาฟังแนวคิดนอกกรอบ ที่ทำให้เที่ยวได้คุ้มค่าและเก็บความประทับใจได้ทุกเม็ด
“วิธีผมเที่ยวนะครับ สมมติผมต้องออกเดินทางวันนี้ แล้วต้องกลับมาถึงกรุงเทพฯ ศุกร์หน้า ผมก็กำหนดว่าจะไปทิศเหนือ ไปจบที่เชียงรายละกัน แล้วผมก็ออกเดินทางเลย คืนนี้ผมจะไปอยู่ไหน ไม่รู้ละ แค่รู้ว่าจะไปทิศนี้ละ แล้วจะกลับมาอยู่ในกรุงเทพฯ ภายในอาทิตย์นึง ผมเที่ยวแบบไม่มี Plan แล้วผมก็จะไปของผม ที่ผ่านมาก็ประทับใจอุ้มผาง สังขละบุรี แม่สลอง คือมันไปยากไง ขับไปคนเดียวมั่ง ไปเป็นทีมมั่ง ไปที่ที่คนยังค้นไม่เจอ ไปถึงแล้วมันบริสุทธิ์ เส้นทางที่เราเข้าไปถึงมันเป็นการผจญภัยแบบหนึ่ง เมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมไปภูเรือ มันยังเย็นอยู่เลย ขนาดกรกฎาแล้วนะ อากาศมันยัง ว้าว...
ก่อนกลับเราได้ขอถ่ายภาพรถมอเตอร์ไซค์สุดรักจากหกคันคู่ใจของคุณสุกี้มาฝากท่านผู้อ่านด้วย จะได้เห็นว่าคันนี้แหละที่พาคุณสุกี้ผจญภัยไอเดียกระฉูดมาเกือบทั่วเมืองไทยแล้ว ที่สำคัญ ไปทีไรสมองแล่นฉิวจนเก็บเกี่ยวความคิดสร้างสรรค์แทบไม่ทันเลยเชียว