เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 เมษายน 2024, 07:54:38
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  ฉันจะเป็นชาวนา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 [21] 22 23 24 25 26 27 พิมพ์
ผู้เขียน ฉันจะเป็นชาวนา  (อ่าน 47840 ครั้ง)
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #400 เมื่อ: วันที่ 19 ธันวาคม 2012, 21:08:40 »

 ยิ้มกว้างๆ....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
Boris Ivanov
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 464


« ตอบ #401 เมื่อ: วันที่ 20 ธันวาคม 2012, 11:04:54 »

เป็นความรู้ที่มีประโยชน์มากครับ ยังไงช่วยกับอัพความรู้ขึ้นเรื่อยๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ทุกกะทู้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #402 เมื่อ: วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 16:13:26 »

ยิ้มกว้างๆ....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....
ไม่มีที่เก็บเงินแล้วมั้งคับ.....เสี่ย ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #403 เมื่อ: วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 20:04:14 »

ยิ้มกว้างๆ....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....

ช่วงนี้บ่าค่อยมีเวลาเข้าเว็ปเลยครับ  ต้องตัดหญ้าคันนา คลองชล โชคดีได้อ้ายต้นนาโยนมาช่วยไถดินฮื้อครับ ผมก็ได้แต่ไถปรับดินทั้งที่ดอนที่ลุ่มและซ่อมคันนาครับปีนี้ทำนาหว่านเหมือนเดิม เดียวถ้าตัดหญ้าเสร็จจะเอาน้ำลงละครับเพื่อล่อหญ้าและข้าวดีดขึ้น น้ำคลองชลก็นักขนาดครับนักจนล้นถนนเลย


* DSCN0425_resize.JPG (195.13 KB, 750x563 - ดู 925 ครั้ง.)

* DSCN0415_resize.JPG (190.33 KB, 750x563 - ดู 886 ครั้ง.)

* DSCN0468_resize.JPG (155.07 KB, 750x563 - ดู 884 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #404 เมื่อ: วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 20:54:41 »


อินเดีย จัดเป็นชาติที่มีคนจนมากที่สุดในโลก แต่!! อินเดียก็จัดเป็นชนชาติที่ฉลาดที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน

อินเดีย มีมหาเศรษฐีระดับเกิน100ล้านบาท ประมาณ 60-70 ล้านคน จากจำนวนประชากรประมาณ 1,200ล้านคน แค่เศรษฐีในอินเดียก็มีมากกว่าประชากรไทยทั้งประเทศ

อินเดีย ยังมีมหาเศรษฐีรวยติดอันดับ1ใน10 ของโลกด้วย และมหาเศรษฐีของอินเดียที่ติดอันดันในฟอร์บส์ มีมากร่วมๆ 50 คน

อินเดีย เป็นแหล่งกำเนิดศาสนาที่สำคัญของโลกหลายศาสนา

หลังจากไทยหลุดจากแชมป์ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกปีนี้ ก็มีอินเดียกับเวียดนาม ที่ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ1 และ 2 ของโลก ซึ่งยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่า ชาติไหนจะคว้าแชมป์ไปแน่นอนในปีนี้

แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวนาอินเดียเหมือนกับชาวนาไทยอย่างหนึ่งก็คือ ต้นทุนสูง ถ้าไทยไม่ได้โครงการรับจำนำมาช่วยก็คงลำบาก   ชาวนาอินเดีย ก็โดนหลอกให้ปลูกข้าวเชิงเดี่ยว เพื่อการจำหน่ายและส่งออก เหมือนที่เกษตรกรไทยโดนหลอก โดยหลอกว่า ปลูกข้าวจำนวนเยอะๆ ใช้ปุ๋ยเร่งผลผลิตเยอะๆ ใช้ยาฆ่าแมลงเยอะๆ จะทำให้ได้ผลผลิตข้าวที่มากมาย ซึ่งจะทำให้ชาวนารวย

ซึ่งนั่นคือผลพวงจากการปฏิวัติสีเขียว (green revolution) โดยสหรัฐอเมริกา ธนาคารโลก และบริษัทการเกษตรของสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันหลอกให้ประเทศด้อยพัฒนาหลงเชื่อทำเกษตรเชิงเดี่ยวเน้นปริมาณเพื่อการส่งออก และเพราะหลงเชื่อสหรัฐอเมริกา และบริษัทเอกชนอเมริกา ทำให้จนแล้วจนรอด ชาวนาอินเดียก็ไม่เคยได้รวยสักที เพราะสุดท้ายเงินก็ไปหมดกับค่าปุ๋ย ค่ายา เสียหมด นั่นเพราะเกษตรเชิงเดี่ยวคือต้นตอที่ทำให้เกษตรกรอินเดียต้องตกเป็นทาสของบริษัทการเกษตรต่างชาติไป

             แถมเมล็ดพันธุ์ดั้งเดิมต่างๆ เกษตรกรอินเดียก็สูญเสียความเป็นเจ้าของ เพราะล้วนแต่ต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์แล้วจากบริษัทเกษตรต่างชาติ ซึ่งพอเกษตรกรซื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทเกษตรต่างชาติแล้ว ก็เพาะปลูกได้แค่รุ่นเดียว ก็ต้องขายผลผลิตไปจนหมด เพราะไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพาะปลูกในฤดูกาลต่อไปได้

เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อจากบริษัทต่างชาติ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิศวพันธุศาสตร์ (รวมถึงพืชGMO) ซึ่งเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เหมือนถูกวางระเบิดเวลาไว้คือ ปลูกได้แค่รุ่นเดียว หากเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เพาะปลูกในคราวต่อไปอีก พืขชนิดนั้นจะไม่ให้ผลผลิตดีเท่าซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่จากบริษัทการเกษตรต่างชาติ

(ถ้าในไทยก็มี บ.เจีย... ในเครือซี....เป็นบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์ขาย คุมตลาดเมล็ดพันธุ์ อันดับ1ของไทย)

อีกทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อจากบริษัทเกษตรต่างชาติไม่สามารถทนทานต่อโรคและแมลงได้เท่าพันธุ์พื้นเมืองเดิมๆ จึงต้องเร่งปุ๋ยเร่งยาเท่านั้น จึงได้จะผลผลิตมากๆ ตามที่ต้องการ

โฆษณาเรื่องปุ๋ย ยา ในอินเดียจึงระบาดแพร่หลายเหมือนโฆษณาปุ๋ยยาในประเทศไทย รายการเกี่ยวกับการเกษตร ก็มักจะมีโฆษณาชวนเชื่อให้เกษตรกรอินเดียซื้อปุ๋ยซื้อยา ยี่ห้อนั้นๆ มาใช้ เพราะใช้แล้วจะรวย

สุดท้ายแล้ว เกษตรกรก็ไม่รวยสักที ในขณะที่พวกขายปุ๋ยขายยารวยเอาๆ เมื่อบางปีเกษตรกรเจอภัยธรรมชาติ เงินที่เกษตรกรไปกู้มาทำการเกษตรก็พลอยเจ๊งไปด้วย สุดท้ายไม่มีเงินจ่ายค่ายาค่าปุ๋ย และค่าเมล็ดพันธุ์

เพราะเกษตรกรต่างหลงเชื่อที่บริษัทปุ๋ยยาโฆษณา  จึงใช้ยาใช้ปุ๋ยมาก จนดินเกิดความแห้งแล้ง ผลกระทบทำให้ดินเสีย สุดท้ายก็เจ๊งอีก บริษัทปุ๋ยก็หลอกขายผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ต่อไปอีกว่า ต้องใช้ตัวนี้แทนถึงจะดีขึ้น เกษตรกรก็เชื่ออีก

หรืออย่างเช่นยาฆ่าแมลง พอแมลงมันดื้อยา เกษตรกรก็ต้องเปลี่ยนยาตัวใหม่อีก ซึ่งพอเปลี่ยนยาตัวใหม่ทีไร ราคายาก็แพงขึ้นทุกครั้ง

สุดท้ายนี่คือวงจรที่เกษตรกรอินเดีย ชาวนาอินเดียเผชิญมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี (เช่นเดียวกับเกษตรกรไทย)

จนในที่สุด จึงมีเกษตรกร ชาวนา ฆ่าตัวตายเพราะหนี้มันท่วมหัว เพราะความรวยไปตกอยู่ที่บริษัทปุ๋ยยาแทบทั้งหมด จึงมีชาวนาอินเดียล้มละลายจากหนี้สิน จนฆ่าตัวตายปีละหลายคน



ปัญหาทั้งหมดเกิดจากอะไรล่ะ?
ก็เกิดจากโดนรัฐบาล นายทุน บริษัทต่างชาติหลอกใช้เกษตรกรอินเดีย ทำเกษตรเชิงเดี่ยว ละทิ้งการเกษตรผสมผสานแบบดั้งเดิม ละทิ้งความขยันในเรือกสวนไร่นา หันไปใช้เครื่องทุ่นแรงอย่างปุ๋ยและยาฆ่าแมลง และเมล็ดพันธฺุ์ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์จากบริษัทเกษตรต่างชาติแทน เพื่อหวังผลผลิตเยอะๆ เพื่อการส่งออก

สุดท้าย มีแต่นักการเมือง นายทุน และบริษัทเกษตรต่างชาติที่รวยเอาๆ

นั่นจึงทำให้ชาวนาอินเดียวต้องยากจนอยู่ทุกวันนี้

แล้วทางรอดคืออะไร ? ทางรอดของชาวนาอินเดีย ก็ไม่ต่างจากชาวนาไทยคือ ต้องหันกลับมาใช้เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ เกษตรพอเพียง แบบที่ในหลวงเราทรงสอนไง

ที่อินเดีย เขามี Dr. Vandana Shiva ที่พยายามส่งเสริมให้เกษตรกรอินเดีย หันกลับมาเลิกใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงในการทำเกษตร เพื่อลดต้นทุนการผลิต หันมาผลิตเมล็ดพันธุ์ขึ้นเอง ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์จากบริษัทต่างชาติ ซึ่งการเกษตรแบบนี้เหมือนกับที่ในหลวงเราทรงสอน แต่ที่อินเดียเขาเรียกการเกษตรแบบนี้ว่า การเกษตรแบบชีวภาพ

ดร.วานนาดา ชีวา เป็นผู้รณรงค์ให้เกษตรกรและชาวนาอินเดีย ออกจากวงจรที่บริษัทเกษตรต่างชาติหลอกไว้ ด้วยการให้เกษตรกรเลิกใช้เมล็ดพันธุ์จากบริษัทต่างชาติ เลิกใช้ปุ๋ย และยาฆ่าแมลง ให้เกษตรกรหันกลับมาทำการเกษตรแบบดั้งเดิม ที่ไม่พึ่งพาเครื่องทุ่นแรงเหล่านั้น ซึ่งเหมือนกันกับทฤษฎีใหม่ของในหลวงของเรา โดยไม่ได้ลอกเลียนแบบกันเลย



นั่นเพราะเกษตรพอเพียง เกษตรธรรมชาติ คือสิ่งที่มีมาแล้วแต่บรรพบุรุษของชนทุกชาตินั่่นเอง ครับ


* dsc_0550.jpg (153.34 KB, 800x537 - ดู 1338 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #405 เมื่อ: วันที่ 21 ธันวาคม 2012, 21:42:58 »

ยิ้มกว้างๆ....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....

ช่วงนี้บ่าค่อยมีเวลาเข้าเว็ปเลยครับ  ต้องตัดหญ้าคันนา คลองชล โชคดีได้อ้ายต้นนาโยนมาช่วยไถดินฮื้อครับ ผมก็ได้แต่ไถปรับดินทั้งที่ดอนที่ลุ่มและซ่อมคันนาครับปีนี้ทำนาหว่านเหมือนเดิม เดียวถ้าตัดหญ้าเสร็จจะเอาน้ำลงละครับเพื่อล่อหญ้าและข้าวดีดขึ้น น้ำคลองชลก็นักขนาดครับนักจนล้นถนนเลย

 ยิ้มกว้างๆ....ผมก็ทำคันนากับไถนาทุกวันครับ....เร่งทำที่รับจ้างเขามาก่อน....เสร็จแล้วค่อยลุยของผมเองต่อ.....
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
MSCR
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #406 เมื่อ: วันที่ 23 ธันวาคม 2012, 09:43:45 »


IP : บันทึกการเข้า
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #407 เมื่อ: วันที่ 23 ธันวาคม 2012, 19:31:04 »

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะบังเกิดเมื่อหนูดรีมเอาแต๊ละบ่าเฮ้ย  ยังไงก็นับว่าเป็นกระทู้ที่ให้ความรู้มากมายนะครับ--เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
 ข้าวเป็นพืชที่มีความพิเศษในตัว น้ำท่วมก็ไม่ตาย เพราะมีส่วนที่ดึงออกซิเจนมาเลี้ยงรากได็
---เอาเม็ดข้าว1เม็ดเพราะในดินที่น้ำหมาดๆ จะได้ ข้าว32ต้นหรือไงนี่ไม่แน่ใจ  แม้จะเป็นข้าวที่เราแกะเปลือกออกก็งอกแต่ข้าวสารเป็นสิ่งที่จมูกข้าวหรือต้นอ่อนหลุดไปแล้ว ก็ไม่งอกนะครับ  การปลูกข้าวทีละเมล็ดก็มีคนทำอยู่นะ เรียกว่า เกษตรประณีตก็ได้ ประหยัดค่าพันธุ์ข้าวไปได้มากมาย
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
ดรีม ขี้เหล้าน้อย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,176



« ตอบ #408 เมื่อ: วันที่ 24 ธันวาคม 2012, 08:18:43 »

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะบังเกิดเมื่อหนูดรีมเอาแต๊ละบ่าเฮ้ย  ยังไงก็นับว่าเป็นกระทู้ที่ให้ความรู้มากมายนะครับ--เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ
 ข้าวเป็นพืชที่มีความพิเศษในตัว น้ำท่วมก็ไม่ตาย เพราะมีส่วนที่ดึงออกซิเจนมาเลี้ยงรากได็
---เอาเม็ดข้าว1เม็ดเพราะในดินที่น้ำหมาดๆ จะได้ ข้าว32ต้นหรือไงนี่ไม่แน่ใจ  แม้จะเป็นข้าวที่เราแกะเปลือกออกก็งอกแต่ข้าวสารเป็นสิ่งที่จมูกข้าวหรือต้นอ่อนหลุดไปแล้ว ก็ไม่งอกนะครับ  การปลูกข้าวทีละเมล็ดก็มีคนทำอยู่นะ เรียกว่า เกษตรประณีตก็ได้ ประหยัดค่าพันธุ์ข้าวไปได้มากมาย
สิ่งมหัศจรรย์เลยก่าเจ้า คริๆๆ
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #409 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 11:18:33 »

เข้าช่วงเตรียมทำนาปรังกันแล้วครับ เลยเอาฤกษ์มาฝาก  คนไทยโบราณเรานิยมในการปลูกข้าวหรือเพาะปลูก ในวันธงไชย  วันฟู วันลอย  หลีกเลี่ยงในการปลูกหรือหว่านข้าวในวันจมครับเดี๋ยวนี้อาจมีการลืมเลือนไปบ้างแล้วทั้งปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีโอกาศก็ต้องรีบทำ การนับวันในปัจจุบัน  อย่างปฏิทินก็มีนำเสนอผ่านสื่อหลายรูปแบบทั้งปฏิทินกระดาษ นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งเราคุ้นเคยใช้งานจะเป็นปฏิทินแบบสุริยคติตามนานาๆประเทศ การใช้งานคงไม่มีปัญหามากนัก อาจมีเวลาที่อ้างอิงต่างกันเท่านั้น สำหรับประเทศไทยนอกจากปฏิทินแบบสุริยคติที่ใช้กันอยู่แล้ว ยังมีปฏิทินอีกแบบซึ่งมีใช้แต่โบราณ คือปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเป็นปฏิทินที่นับตามคติการโคจรของดวงจันทร์ โดยหมายดูจากปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรม วันสำคัญทางพุทธศาสนานั้นก็ใช้ดิถีของดวงจันทร์ ซึ่งเราคุ้นเคยกันอยู่แล้วแต่อาจไม่เอะใจเท่าไหร่   วิวัฒนาการของคนผ่านกาลเวลา พบกับภัยธรรมชาติ ทั้ง ฟ้าผ่า ไฟไหม้ น้ำท่วม ความแห้งแล้ง ทำให้เกิดการบอกเล่าและสังเกต จดจำ ทำสถิติจดบันทึก เปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานนับร้อย นับพันปี เป็นขุมความรู้ของมนุษย์ ว่าฤดูกาลใดควรทำสิ่งใด วันใดเวลาใดทำการแล้วได้ผลดี วันใดทำแล้วเกิดผลเสีย

วันจมวันฟู

วันจมคือวันไม่ควรทำการอันเป็นมงคลต่างๆ ทุกอย่าง เพราะจะนำไปสู่ความล่มจมหายนะ ต้องทำการในวันฟูคือวันที่เฟื่องฟู นำไปสู่ความก้าวหน้า ควรทำการมงคลในวันนี้



* jan56-e1.jpg (122.33 KB, 750x750 - ดู 1755 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #410 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 13:11:59 »

การทำนาในบ้านเราจะมีการเลี้ยงเจ้าที่เจ้าทางหลังการเก็บเกี่ยวครับซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อที่ทำมาแต่โบราณซึ่งมีอยู่ทุกพื้นต่างกันที่วิธีการ เพื่อความสุขทางใจ ความประณีตในการทำนา แต่ละประเทศก็มีพิธีกรรมแตกต่างกันไปตามความเชื่อแต่ละแห่ง เรามาดูประเพณีของไทยกันว่ามีวิธีการอย่างไร


ประเพณีทำขวัญแม่โพสพ (ข้าว)

              ประเพณีปฏิบัติตามความเชื่อ แม่โพสพมีพระคุณต่อชีวิตของชาวนาสืบเนื่องจากปู่ย่าตายายอันยาวนาน ชาวนาจึงมีพิธีกรรมสืบสานมรดกประเพณีในแต่ละท้องถิ่นต่อๆกันมา การประกอบพิธีกรรมทำขวัญข้าวเป็นการกล่าวขอขมาต่อต้นข้าวทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับข้าว ทั้งการเกิดเองตามธรรมชาติ  และจากการที่มนุษย์จะกระทำอะไรก็ตามกับต้นข้าว เช่น พิธีกรรมก่อนการหว่านข้าว การปักดำข้าว หรือพิธีกรรมทำขวัญรับขวัญการตั้งท้อง ก่อนการเกี่ยวข้าว และพิธีอันเชิญแม่โพสพเข้ายุ้งฉางเป็นต้น ซึ่งเป็นประเพณีพิธีกรรมที่ปฏิบัติอันสำคัญของชาวนาสืบเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบันทุกขั้นตอนนี้สมควรอนุลักษณ์ไว้เป็นอย่างยิ่ง

โอม  แม่ไพรี  แม่นพดารา  แม่จันทราเทวี  แม่ศรีโสภา  ได้เลี้ยงลูกมาใหญ่กล้าเพียงนี้  ลูกขอบวงสรวงด้วยพะวงมาลี  ธูปเทียนอัคคี  ตามมีบูชา  ขอเทพเจ้าปกเกล้าเกศา  ทำไร่ทำนา  ให้ผลมากมาย  อีกทั้งตะกวดเหี้ย  ทั้งเพลี้ยลงนา  อีกทั้งโจรรา  และอัคคีภัย  จงวินาศฉิบหาย  โอมประสิทธิ์แก่ข้าเจ้า  สวาหะ” เป็นคำกล่าวในพิธีกรรมการขอเข้ามาทำกินในพื้นที่

              ก่อนการไถคราดในพิธีกรรมเริ่มแรกจะทำกระทง  9  ใบ  ใส่ขนมกระทงละอย่างเพื่อเป็นเครื่องบัตรพลี (บัดพะลี-เครื่องเซ่นสังเวย)  จุดธูปเทียนบูชาเทวดา บอกกล่าว  และ “ขอน้ำขอข้าว”  การไถคราดเชื่อว่าจะต้องเวียนตามเกล็ดพญานาค  หรือเวียนซ้ายก่อน 3 รอบ  แล้วปลดไถหรือแอกวางนอนลงเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย  ในช่วงเดือนกรกฎาคม  จะเริ่มหว่านเมล็ดข้าวให้ทั่วแปลงเป็นการตระเตรียมต้นกล้าสำหรับทำนา

วันนี้เป็นวันดี แรม  ........( 9 ) ค่ำ  พวกเราจะหว่านข้าวลงนากัน

              คาถาชุมนุมเทวดา  (จุดธูป ๑๒ ดอก)

              ตั้งนะโม ๓ จบ  ศรี  ศรี  ศรี  วันนี้เป็นวันดี   อยู่ไร่ปลายนา มิ่งมาขวัญมา อยากกินเปรี้ยวให้กินเปรี้ยว อยากกินหวานให้กินหวาน ส้มสุก มะพร้าว ถั่วงา เชิญมารับประทาน มิ่งมาขวัญมา กันนก กันหนู กันปู กันปลา   กันตะกวด กันเพลี้ยลงนา กันหนอนอัปรีย์อย่าได้มีมา  มิ่งมาขวัญมา  สัพพะทานัง  สัพพะโภคัง  ภะวันตุเม

คาถาหว่านข้าว
ตั้งนะโม ๓ จบ        
พุทธัง      เลิศล้ำ     อุตตะมังเลิศล้ำ
ธัมมัง       เลิศล้ำ     อุตตะมังเลิศล้ำ
สังฆัง        เลิศล้ำ     อุตตะมังเลิศล้ำ

              คุณพระแม่โพสพ ๓๙ คุณพระพุทธเจ้า ๕๖ แม่โพศรี แม่โพสพ แม่ธรณี แม่คงคา ถึงเวลาแล้วที่ลูกจะต้องเข้ามาทำมาหากินในถิ่นนี้ เชิญมาคุ้มครอง มาเถิดแม่มา ลูกปลูกข้าวในนา ขอให้ได้ผลดี ขอให้ลูกนี้เป็นเศรษฐีชาวนา ขอให้ลูกเป็นพ่อค้าบ้านนอก ขอให้มีข้าวเต็มยุ้ง ช่วยมาคุ้มแอกคุ้มไถ คุ้มไร่ คุ้มนา คุ้มเคราะห์ คุ้มโศก คุ้มโรคโรคา กันนก กันหนู กันปู กันปลา กันตะกวด กันเหี้ย กันเพลี้ยลงนา ผลผลิตให้ได้ไร่ละเกวียนกว่า อ้ายหนอนอัปรีย์อย่าให้มีเข้ามา  อ้ายเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลตัวดี ขอให้หายหนีหน้า มิ่งมาขวัญมา สัพพะโภสา วินาดสันติ

ตั้งจิตอธิษฐาน ๓ กำแรก
กำที่ ๑     ขอเลี้ยงชีวิต
กำที่ ๒    เหลือกินแล้วทำบุญ
กำที่ ๓    เหลือกินแล้วขอทำทานที่เหลือหว่าน

              อุกาสะ  อุกาสะ  ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณของแม่โพสพ  แม่ธรณี  แม่คงคา  คุณพระพุทธจ้า  คุณพระธรรมเจ้า  คุณพระสังฆะเจ้า  คุณพระบิดามารดา  คุณครูอุปัชฌา  จงมาดลบันดาลให้ข้าพเจ้า  ทำนาปีนี้ให้เกิดผลดีเทอญ....

ต้นกล้าเริ่มโตแข็งแรง ( 20 – 30 วัน ) จึงถอนครั้งละเต็มกำมือเอาตอกมัดแล้ววางไว้ให้รากชุ่มน้ำ  นำต้นกล้าประมาณ 10 มัดมารัดรวมกัน  หามด้วยคานไม้เพื่อนำไปปักดำ  แล้วต้องตัดปลายด้านกล้าออกก่อนนะ  เพื่อให้แตกปลายโดยเร็ว  เมื่อฝนเริ่มชุกขึ้นในเดือนสิงหาคม  หรือเรียกเดือนหัวข้าวหัวปลา  จะเป็นช่วงดำนามักเริ่มดำนาในวันจันทร์ข้างขึ้น  แล้วมีการทำกระทงใส่เครื่องบัตรพลีอีกครั้ง

              ประเพณีทำขวัญข้าว ช่วงที่ข้าวเริ่มตั้งท้องประมาณเดือน 10 ถึง เดือน 12  (เดือน ก.ย. – พ.ย.)  พอถึงเดือน 10  แรม 15 ค่ำ  จะมีการทำขวัญข้าวอีกครั้ง จะเตรียมทำชะลอมขนาดเล็กเพื่อบรรจุบายศรี  กล้วยสุก 1 ลูก มันต้ม  เผือกต้ม  ดอกไม้  ธูป 3 ดอก  เทียน 2 เล่ม  ข้าวสุกปากหม้อ 1 ปั้น  แป้งหอม  น้ำอบ  น้ำสะอาด  ส้ม  ขนม  นำลำไผ่ขนาดยาวประมาณ 1 วา ปักในนาข้าวแล้วผูกชะลอมเครื่องเซ่นหันไปทางทิศหรดี(ทิศตะวันตกเฉียงใต้)  จุดธูปกราบสามครั้ง  กล่าวอัญเชิญแม่โพสพว่า  “วันนี้ก็เป็นวันลาภดี วันดี  เชิญแม่โพสพมาทานขนมส้มสุกลูกไม้  อย่าได้มีโรคมีภัย  ขอให้ได้ข้าวดี ๆ ทำน้อยได้มากให้ข้าวงอกออกรวงดี”  กล่าวเสร็จแล้วจึงลาแม่โพสพ  ของสังเวยห้ามนำกลับต้องปล่อยให้นกกาจิกกิน

การเก็บเกี่ยว ในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน  ข้าวจะเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้จะมีการบูชาเทวดาทั้ง 8 ทิศ  โดยเริ่มในวันเสาร์ถือเป็นวันแรกเกี่ยว  ส่วนวันจันทร์จะเริ่มแรกถากลาน  โดยหันไปทางทิศทักษิณ (ทิศใต้)  เพื่อให้ขี้ดินและตอข้าวออกให้หมด  ปรับหน้าดินให้เรียบนำเสาไม้ยาวประมาณ 2 วา  สลักให้มีปลายแหลมด้านบนเรียกว่า “เสาเกียด”  ปักไว้  กลางลานนำบายศรี  ดอกไม้  ด้ายแดงขาว  มัดปลายเสาเกียดที่รอบเสาจะนำมูลวัวควายผสมน้ำ  เทยาให้ทั่วลานด้วยไม้กวาดเรียกหว่า  การยาลาน  ตากแดด ทิ้งไว้วันหนึ่งจนแห้ง  เพื่อป้องกันไม่ให้ขี้ดิน  ขี้ฝุ่นฟุ้งกลบเมล็ดข้าวเวลานวด  หลังจากยาลานจึงนำฟ่อนข้าววางเรียงโดยรอบเสาเกียด  ช่วงนี้อาจทำบุญลานโดยการทำบุญตักบาตรที่ลานข้าวเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการนวดโดยวางฟ่อนข้าวซ้อนกันเป็นชิ้น ๆ ให้รวงข้าวตั้งขึ้น  ตัดออกเพื่อให้ข้าวร่วงทั่วถึงเมื่อวัวเหยียบ  เพื่อนวดข้าวให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง  นำวัวหลาย ๆ ตัวมาผูกต่อเป็นพะวงแล้วนำไปคล้องไว้กับเสาเกียดย่ำให้ข้าวหลุดจากรวง   (ซึ่งเป็นที่มาของการเล่นวัวลานในปัจจุบัน)  ใช้ขอคันฉาย  และคราดไม้โหย่ง (เขี่ย)  ฟางออก  ใช้ไม้กวาดรำพรวดที่ทำจากหนามไม้ผากวาดซ้ำ  นำคราดไม้คราดเศษฟางเล็ก ๆ ออกแล้วนำกะทากวาดเมล็ดข้าวให้มารวมกัน  ใช้พลั่วตักข้าวสาดสูงขึ้น  โดยใช้วีพัดเศษฟางจะปลิวแยกเมล็ดข้าว  อีกวิธีหนึ่งจะใช้  สีฝัด  เพื่อแยกเมล็ดข้าวออกจากฟางก็ได้  บางแห่งบางท้องถิ่นจะนำมัดข้าวฟ่อนข้าวมารวมทำเป็นลอมให้สูงเป็นชั้นๆแล้วจึงมีการลงแขกเอาแรงนวดกันโดยใช้ไม้ขนาดพอเหมาะกับมือสองท่อนมีเชือกร้อยรัดปลายทั้งสองสามารถขนาบรัดฟ่อนข้าวไม่ให้หลุดตีให้ เมล็ดข้าวออกได้ พอถึงเดือนอ้าย  เดือนยี่  หรือเดือนสาม  ก็จะทำพิธีอันเชิญแม่โพสพเข้ายุ้งฉางโดยจุดธูปบอกกล่าวว่า  “แม่โพสพเจ้าขา  เชิญมาขึ้นยุ้งฉางอย่าหลงอยู่ในทุ่งในทางในนาในไร่  ให้หมูกัดนกคาบ  เชิญไปอยู่ที่สำราญเป็นสุข  เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานให้เจริญ  มาเถิดมา  กรู๊”  เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของแม่เทพธิดาแห่งต้นข้าว

การทำนาแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ละประเพณีปฏิบัติพิธีกรรมแต่ละท้องถิ่นแต่ละภาคอาจแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามคนรุ่นหลังควรรักษาสืบทอดภูมิปัญญานี้ให้นานแสนนานสร้างสิ่งที่เป็นถาวรวัตถุรวมถึงจันโรงไว้ให้ลูกให้หลานได้มีความทรงจำ เช่นตำนานอนุสาวรีย์แม่โพสพที่หน้าเทศบาลตำบลชะอำ จ.เพชรบุรี  นั่นก็คือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเรา  การจัดตั้งโรงเรียนชาวนาที่จังหวัดสุพรรณบุรี หรือที่อื่นๆ

ขอบคุณข้อมูล  http://www.gotoknow.org/posts/298920?





* kaw.jpg (93.21 KB, 800x600 - ดู 1217 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 13:16:00 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #411 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 13:38:54 »

พระแม่โพสพ  คือใครสำหรับในประเทศไทยมีเรื่องเล่าและตำนานในแต่ละภาคที่แตกต่างกันออกไป   แต่ถ้าตามหลักศาสนาฮินดู-พราหมณ์แล้วจะกล่าวไว้ว่า  พระแม่โพสพ คือ พระแม่แห่งพืชพันธุ์ธัญหาร พระแม่โพสพเป็นร่างอวตารของพระลักษมี เพราะพระลักษมีทรงเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย และความเชื่อของเทพผู้ปกป้องรักษาพืชพันธุ์ธัญหารจึงเป็นที่เคารพบูชากันในชนชั้นที่ประกอบอาชีพชาวนา ซึ่งเชื่อว่าพระแม่จะประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผลผลิตทางการเกษตรของตน อย่างพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญก็เป็นเป็นพิธีพราหมณ์ เคยสังเกตุไหมทำไมถึงใช้โคหรือวัวในการเข้าร่วมพิธีในการไถหรือเสี่ยงทาย  ชาวนาอินเดียแม้แต่พม่าก็ใช้แรงงานจากโคหรือวัวในการไถนา แตกต่าง ไทย ลาว เวียดนามที่ใช้ควายในการไถนา

ด้วยอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า พระแม่โพสพนั้นมาจากคติทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดูจากชมพูทวีปว่า เป็นปางหนึ่งของพระแม่ลักษมี คือ พระธัญญลักษมี มีเรื่องเล่าอยู่ว่า มีเมืองหนึ่งที่เ้คยอุดมสมบูรณ์แต่กลับแห้งแล้่ง พื้นดินที่เคยสามารถปลูกข้าวปลูกผักได้ ก็แห้งจนไม่สามารถจะหว่านเมล็ดลงแล้วให้งอกงามไ้ด้ เมืองนี้จึงตกยุคข้าวยากหมากแพง บรรดาชนชั้นแพศย์ที่ทำงานอาชีพเกษตรกรรมจึงทำการสวดวิงวอนพระนารายณ์ให้ประทานความอุดมสมบูรณ์คืนสู่บ้านเมืองอีกครั้ง ซึ่งในช่วงนั้นพระนารายณ์ทรงบรรทม พระองค์จึงไม่ทรงได้ยินเสียงวิงวอน มีเพียงพระแม่ลักษมีผู้เดียวที่ได้ยิน คิดจะปลุกก็เกรงพระนารายณ์ซึ่งกำลังบรรทมสบายพระแม่จึงทรงลงมาช่วยเสียเอง โดยอวตารเป็น พระธัญญลักษมี โดยเนรมิตน้ำในสังข์ให้หลั่งเป็นสายฝนตกลงท้องไร่ท้องนา จนความอุดมสมบูรณ์กลับมายังเมืองนี้อีกครั้ง พอพระนารายณ์ทรงตื่นจากบรรทมทราบว่าพระลัีกษมีชายามีความเมตตาช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ผู้ตกทุกข์จึงประทานพรแด่พระแม่ และยกให้นกฮูกหรือนกเค้าแมวเป็นสัตว์ประจำองค์ของปางพระธัญญลักษมีหรือพระแม่โพสพต่อจากนั้นเป็นมา...

คติอินเดียก็คือ พระแม่โพสพ เทวีแห่งพืชพันธุ์ ธัญญาหาร ซึ่งคติอินเดีย นั้นเป็นอวตารของพระแม่ลักษมี ในคติลักษมีแปดปางที่ชื่อ ปางธัญญลักษมี มีเทวลักษณะ 4–6 พระกร ขึ้นกับจิตรกรจะวาดออกมา โดยพระหัตถ์ทั้งสองด้านจะทรงรวงข้าวและธัญพืช

       ส่วนแม่โพสพของไทยเรานั้น สันนิษฐานมาจากสองคติ คือ ทางหนึ่งมาจาก ธัญญลักษมี ที่กล่าวมา (ดังรูปด้านขวามือ มีปางหนึ่งชื่อ DHANYA LAKSHMI องค์ที่ทรงอาภรณ์สีเขียว) อีกทางหนึ่งว่า เป็นการแบ่งภาคจากพระพรหม มาเป็นเทพเจ้าแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหาร โดยการแบ่งภาคนี้หากเป็นเทพบุรุษ ก็เรียกว่า พระไพรศรพณ์ เป็นเทพบุตรรูปงามถือพระขรรค์ ทรงหงส์เป็นสัตว์เทพพาหนะ ส่วน ภาคเทวนารี เป็น พระแม่โพสพ ซึ่งจะเป็นรูปนางงามถือรวงข้าวซึ่งคติอย่างหลังก็น่า จะมาจาก ธัญญลักษมี ของอินเดียเหมือนกัน เพราะตอนที่พระแม่ลักษมีผุดขึ้นตอนกวนเกษียรสมุทร มีพระพรหมเสด็จมารับเป็นเทพผู้ใหญ่ของพระแม่ลักษมี เพื่อเลือกคู่ ซึ่งก็มีการนำเอาพระพรหมมาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน



* CaptureWiz1457.jpg (75.65 KB, 332x442 - ดู 3627 ครั้ง.)

* CaptureWiz1456.jpg (155.92 KB, 456x602 - ดู 893 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
HARLEY DAVIDSON
BIKER
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,537


HARLEY DAVIDSON & MERCEDES BENZ


« ตอบ #412 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2012, 15:39:06 »

ยิ้มกว้างๆ....หลังเก็บเกี่ยวแล้วแทบไม่ได้พักครับช่วงนี้....เตรียมทำนาปรังกันอีกละ....
รวยกันใหญ่แล้ว  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ขาดแคลนเงินตรา  แต่งชุดนักศึกษามาหาพี่
สุขใดไหนจะเท่า เมื่อล้วงกระเป๋าแล้วเจอตังค์
kaewmarloon
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 659


〖ໂ ສ ດ ຕ າ ນ ເ ค ຍ】


« ตอบ #413 เมื่อ: วันที่ 29 ธันวาคม 2012, 18:22:45 »

   เห็นการเกี่ยวข้าวแบบนี้ น่าสนุกดีครับ ไม่รู้เคยชมกันหรือยัง

IP : บันทึกการเข้า

jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #414 เมื่อ: วันที่ 30 ธันวาคม 2012, 20:27:28 »

เราสามารถปลูกไผ่ ปลูกถั่วเป็นรายได้เสริมอีกนะครับ ไปสุพรรณ ไปเที่ยวสวนนกท่าเสด็จ ชมนาของคุณอุ้มด้วยนะ
----หลายสิบปีมาแล้ว มีผู้หญิงเดินขึ้นมาจากท้องนา ปลอบใจเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่เขาให้้เอาข่้าวไปส่งคนเกี่ยวข้าวตอนตีสอง-เด็กก็เข้าใจว่าพี่คนนี้ไปเล่นยี่เกมาเพราะใส่ชุดไทยสีเขียว
ปรากฏว่าหญิงคนนั้นคือพระแม่โพสพ และเด็กหญิงคนนั้นก็กลายเป็นภรรยาของผมเอง
--เหตุเกิดที่ลาดยาว นครสวรรค์--ปัจจุบันเศรษฐีเจ้าของนาก็ล้มละลายไปเพราะลูกผลาญหมด--เหตุเพราะไปยึดแหวนที่พระแม่ให้กับเด็กคนนั้นมาเป็นของตนและทุบตีเด็กด้วย
ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้พบกับท่านครับ--แต่ชาวนาบางส่วนก็หาของเปรี้ยวๆไว้ตามหัวไร่ปลายนายามเมื่อข้าวตั้งท้อง--แสดงว่าในอดีตก็ต้องมีคนเคยเห็นท่านครับ  ท่านอุ้มรวงข้าวด้วยมือซ้าย เอาพาดไว้ที่บ่าขวาคอยเดินตรวจทุ่งนาข้าวเป็นประจำครับ---ขอให้เคารพบูชาท่านไว้เพราะข้าวทุกเม็ดก็คือพระแม่โพสพเช่นกัน
--ก็ขอให้ได้ดังที่หวัง ดังที่เราเห็นคุณอุ้มเค้าประสพความสำเร็จและมีความสุขกับการเป็นชาวนาครับ
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #415 เมื่อ: วันที่ 02 มกราคม 2013, 10:28:31 »

สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน  ขอให้ทุกท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง การงานราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทุกคนครับ


IP : บันทึกการเข้า
ดรีม ขี้เหล้าน้อย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,176



« ตอบ #416 เมื่อ: วันที่ 04 มกราคม 2013, 08:57:53 »

สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน  ขอให้ทุกท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง การงานราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทุกคนครับ



สวัสดีปี๋ใหม่เจ้า ดรีมขอให้พี่ๆทุกท่านมีความสุข รวยๆ สุขภาพแข็งแรง เจ้า
IP : บันทึกการเข้า
~ lทวดาไร้ปีก ~
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 609



« ตอบ #417 เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2013, 18:04:00 »

ผมก็กำลังจะทำเหมือนกันครับ ว่างแค่เสาร์ - อาทิตย์ แต่อยากทำครับ ยังไงจะมาขอคำปรึกษานะครับ พี่ๆทั้งหลาย...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มกราคม 2013, 00:06:30 โดย ~ lทวดาไร้ปีก ~ » IP : บันทึกการเข้า


Thanks: ฝากรูป [url=http
piyathap
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 70


|ฅ.ทำนา


« ตอบ #418 เมื่อ: วันที่ 07 มกราคม 2013, 10:56:57 »

สวัสดีครับ อยากทำนาครับ เป็นคนพะเยา แต่มาอยู่ที่มหาสารคาม อยากถามว่าจะหาซื้ออุปกรณืต่อพ่วงรถไถเดินตามแถวเชียงรายได้ทีทไหน หรือต้องดัดแปลงเอา อย่างเช่นตัวตีดิน เพราะที่นี่เค้าใช้แบบเดินตาม และยังมีความคิดแบบเดิมๆคือ จะใช้ได้หรือไม่ มันจึงทำให้ยากต่อการเปลี่ยนทัศนคติสำหรับคนที่นี่ ปีนี้ผมว่าทำแบบหยอดครับ รบกวนขอข้อมูลด้วยครับ เวลากลับบ้านจะได้ปเชียงรายไปหาซื้อของครับ
IP : บันทึกการเข้า
ดรีม ขี้เหล้าน้อย
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,176



« ตอบ #419 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2013, 15:35:57 »

สวัสดีครับ อยากทำนาครับ เป็นคนพะเยา แต่มาอยู่ที่มหาสารคาม อยากถามว่าจะหาซื้ออุปกรณืต่อพ่วงรถไถเดินตามแถวเชียงรายได้ทีทไหน หรือต้องดัดแปลงเอา อย่างเช่นตัวตีดิน เพราะที่นี่เค้าใช้แบบเดินตาม และยังมีความคิดแบบเดิมๆคือ จะใช้ได้หรือไม่ มันจึงทำให้ยากต่อการเปลี่ยนทัศนคติสำหรับคนที่นี่ ปีนี้ผมว่าทำแบบหยอดครับ รบกวนขอข้อมูลด้วยครับ เวลากลับบ้านจะได้ปเชียงรายไปหาซื้อของครับ
เรื่องอุปกรณ์ต้องให้พี่ๆท่านอื่นตอบเน้อเจ้า ดรีมบ่มีความรู้เลยอะเจ้า
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 [21] 22 23 24 25 26 27 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!