Khunplong
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 836
|
|
« ตอบ #780 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2015, 13:28:04 » |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Khunplong
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 836
|
|
« ตอบ #793 เมื่อ: วันที่ 01 กรกฎาคม 2015, 14:29:59 » |
|
กล้าบงหวานมีอยู่ก่ครับ ราคาเท่าใดบ่ฮู้ ถ้าบ่แปงไค่ได้สัก10 กล้า
กล้าบงหวานเพชรน้ำผึ้งเบอร์ 3 (ต้นละ 100 บาท)ที่เพาะไว้เตรียมการเอาไว้ปลูกแทนกิมซุงครับ แต่มีบงหวานเพชรน้ำผึ้งเบอร์รวม(ต้นละ 50 บาท)เตรียมขุดเหง้าใส่ถุงเพาะชำเสาร์ อาทิตย์นี้ครับครูหนาน ชำถุงไว้ประมาณ 1 เดือนก็ปลูกลงดินได้แล้วครับ ถ้าต้องการจะชำเผื่อไว้ให้ครับพอดีว่ามีคนสั่งไว้จะเอาไปปลูกที่น่านด้วย รูปนี้บงหวานเบอร์รวมอายุกอ 3.8 ปี หน่อนี้หนักครึ่งกิโลครับครับ เอาเบอร์ 3 เลยครับ 10 กล้า ขอบคุณล่วงหน้าครับ ถ้าพร้อมปลูกแล้วได้เข้ามาในเมืองก่าติดรถมาโตยเน้อครับ ถ้าได้เข้าเมืองหรือน้องสาวกลับมาบ้านจะฝากไปให้ครับ
|
|
|
|
|
Khunplong
สมาชิกลงทะเบียน
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 836
|
|
« ตอบ #795 เมื่อ: วันที่ 10 กรกฎาคม 2015, 15:47:02 » |
|
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อวันเสาร์ที่แล้วผมโชคดีได้คุยกันทางโทรศัทพ์กับรุ่นพี่นิติศาสตร์รามคำแหงเชียงรายรุ่นที่ ๒(ผมรุ่นที่๕) ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปลูกผักหวานป่าที่ค้นหาจากโซเซียลแล้วไม่พบข้อมูลที่ละเอียดนัก เกี่ยวกับเรื่องดังต่อไปนี้ ๑.การครอบต้นอ่อนผักหวานเพื่อป้องกันการกัดของแมลง เช่น จิ้งหรีดหรือหอยทาก ๒.การปลูกผักหวานป่าแบบหยอดเมล็ดรากงอกลงรูหรือการปลูกแบบต้นกล้าที่เพาะในถุงชำแบบไหนดีกว่ากัน ขอเรียบเรียงและตอบตามที่พอรู้มาดังนี้ครับ ๑.การครอบต้นอ่อนผักหวานเพื่อป้องกันการกัดของแมลงเช่นจิ้งหรีดหรือหอยทาก ข้อที่ควรนำมาพิจารณาคือ เรื่องของจำนวนต้นหรือเมล็ดที่ลงปลูก ทุน และเวลาครับการครอบต้นผักหวานป่าอาจใช้วัสดุได้หลากหลายครับเช่น สแลนหรือตาข่ายพรางแสง มุ้งตาข่ายสีฟ้า โดยการปักหลักแล้วนำมาล้อมด้านข้างสามารถป้องกันแมลงได้ระดับหนึ่งเวลาใส่ปุ๋ยแล้วปุ๋ยไม่ไหลไปไหนและเป็นหมายให้ไม่ถูกตัดเวลาตัดหญ้า สิ่งที่นำมาครอบต้นอ่อนในตอนที่ยอดโผล่ออกมาแล้วได้แก่ขวดพลาสติกใส ท่อพีวีซี หรือกระบอกไม้ไผ่ก็ช่วยกันยอดจากสัตว์ได้ครับถ้าปลูกน้อยๆก็พอทำได้ครับแต่ถ้าปลูกมากๆนี่สิครับคิดหนักเหมือนกัน เอาวิธีง่ายๆสำหรับผู้ที่ปลูกเยอะๆก็คือการปลูกแบบหยอดเมล็ดงอกลงรู ๑ หลุมที่ปลูกก็หยอดไปหลายๆเมล็ดไปเลยครับเพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างเช่น ๑ หลุมอาจจะหยอด ๓-๕ เมล็ด ต้องมีสักเม็ดสิน่าที่รอดเวลาปลูกต้องมีไม้พี่เลี้ยงก่อนนะครับหรือไม่ก็ต้องพรางแสงให้ก่อนแล้วปลูกพืขพี่เลี้ยงตามทีหลังอย่างที่ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เขาจะเอาเข่งไม้ไผ่เล็กๆครอบต้นผักหวานที่ปลูกไว้ก่อนแล้วทำระบบน้ำให้และปลูกพืชพี่เลี้ยงตามทีหลังแบบห่างๆพอต้นผักหวานโตขึ้นก็จะเจาะก้นเข่งเพื่อให้ต้นสังเคราะห์แสงได้แต่บ้านเราไม่มีเข่งแบบนั้นขายทั่วไปก็ต้องหาวิธีพรางแสงด้วยวิธีอื่นครับหรือปลูกต้นไม้พี่เลี้ยงไว้ก่อนให้ทันมีร่มในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่ทำการหยอดเมล็ดครับ การป้องกันหอยทากกัดกินยอดฏ้อาจใช้ยาฆ่าหอยในนาข้าวที่เป็นท่อนทรงกระบอกเล็กๆเช่นยี่ห้อโซตัส(เม็ดสีฟ้า)หรือสีแดง ก็ได้ครับหรือไม่ก็ใช้เปลือกข้าวแกลบดิบแกลบโค้งโรยรอบๆหลุมปลูกก็ช่วยได้ครับ ๒.การปลูกผักหวานป่าแบบหยอดเมล็ดรากงอกลงรูหรือการปลูกแบบต้นกล้าที่เพาะในถุงชำแบบไหนดีกว่ากัน ดินดี น้ำดี พันธุ์ดี ๓ สิ่งนี้และพืชพี่เลี้ยง(ร่มเงา)ครับที่เป็นปัจจัยทำให้การปลูกผักหวานป่าประสบความสำเร็จ พืชแทบทุกชนิดครับชอบดินร่วนครับผักหวานป่าก็เช่นกันถ้าคิดจะปลูกพืชต่างๆลองสำรวจดินของสวนท่านดูนะครับว่าเป็นดินประเภทไหนถ้าเป็นดินเหนียวหรือดินร่วนปนทรายก็ต้องปรับปรุงบำรุงดินซะหน่อยด้วยอินทรีย์วัตถุครับถ้าเป็นมูลสัตว์ก็ต้องผ่านกระบวนการหมักที่สมบูรณ์แล้วนะครับ ถ้าเป็นดินเหนียวปลูกแบบหยอดเมล็ดลงรูหรือแบบต้นเพาะในถุงคงไม่ดีแน่โอกาสเมล็ดเน่าหรือต้นเหลืองตายสูงครับ ถ้าปลูกแบบรากงอกลงรูเหมาะกับการปลูกเยอะๆหลายๆเมล็ดคือต้องมีเมล็ดนำมาเพาะเองให้รากงอกแล้วปลูกเลยครับแต่ต้องมีดินที่ดีก่อนนะครับและต้องมีพืชพี่เลี้ยงที่ให้รากผักหวานป่าไปอิงอาศัยรากพืชพี่เลี้ยงอยู่ได้ที่เรียกว่า"การเบียน"ของรากผักหวานป่ากับรากพืชพี่เลี้ยง รดน้ำให้ตอนที่หยอดเมล็ดเพื่อให้ดินที่รูเจาะกระชับกับรากผักหวานและไม่ให้รูที่เจาะใหญ่มากเกินที่เวาลาฝนทิ้งช่วงแล้วรากจะฝ่อตาย วิธีนี้มีข้อดีคือการเจาะดินด้วยเหล็กสองหุนยาว ประมาณ30 ซม.จะทำให้โครงสร้างของดินไม่เสียไปครับเวลาที่ฝนไม่ตกรากของผักหวานป่าก็ยังสามารถหาน้ำที่แทรกอยู่ระหว่างเม็ดดินหรือรากของพืชพี่เลี้ยงได้ครับ สำหรับการปลูกแบบต้นกล้าที่เพาะในถุงเหมาะกับผู้ที่ไม่ได้วางแผนสั่งเมล็ดมาเพาะเองหรืออยากจะปลูกขึ้นมาทันทีก็หาซื้อได้กับผู้ที่เพาะกล้าลงถุงไว้แล้วผู้ซื้อไม่มีความเสี่ยงในการที่เพาะเมล็ดแล้วเน่าหรือไม่งอกแล้วครับเพราะผ่านขั้นตอนนั้นมาแล้วเราจึงได้เห็นต้นผักหวานน้อยๆในถุงเพาะแล้วมาลุ้นในการปลูกอีกทีครับว่าจะติดหรือจะตายแต่ถ้ามีการปลูกที่ถูกต้องก็จะรอดสูงครับเริ่มจากการเลือกต้นพันธุ์ที่ดีเลยครับถ้าจะให้โตเร็วต้องเป็นพันธุ์ยอดเหลืองใบใหญ่เลยครับและต้นกล้าต้องไม่เป็นต้นค้างปีจากปีที่แล้วมา(รากไม่ขดไม่หัก) ต้นใหญ่ๆถุงเล็กๆแนะนำว่าไม่ต้องซื้อมาปลูกนะครับคิดผิดถนัดครับสำหรับเรื่องผักหวานป่า คนเรา(ผมด้วยคนหนึ่ง )ชอบซื้อต้นไม้ต้นใหญ่ๆเพราะคิดว่าปลูกแล้วคงจะโตเร็วและไม่ตายแต่สำหรับผักหวานป่าแล้วไม่ใช่ครับไม่งั้นเราคงได้เห็นสวนผักหวานป่าเต็มบ้านเต็มเมืองหรือหาดูต้นผักหวานป่าที่ไหนก็ได้ใช่มั้ยครับ การปลูกแบบกล้าเพาะในถุงเวลาปลูกแล้วต้องหมั่นดูแลเรื่องการให้น้ำตอนที่ฝนไม่ตกเป็นพิเศษกว่าการปลูกแบบหยอดเมล็ดและการให้ร่มเงาพรางแสงก็สำคัญครับ การปลูกด้วยวิธีนี้มีข้อดีคือหากเราเตรียมดินในหลุมปลูกให้ดีคือการใส่อินทรีย์วัตถุที่ผ่านการหมักแล้ว ถ่านป่นปนดินและปุ๋ยหมักและใส่ในปริมาณที่พอดีไม่มากหรือน้อยเกินไปและมีระบบน้ำรดให้และมีการพรางแสงโดยร่มเงาของพืชพี่เลี้ยงหรือวัสดุพรางแสงต่างๆจะทำให้ต้นผักหวานป่าโตเร็วกว่าการปลูกด้วยการหยอดเมล็ดครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 กรกฎาคม 2015, 15:54:27 โดย Khunplong »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|