หนุ่มใหญ่เชียงรายเปิดสวนมะนาวเศรษฐกิจพอเพียงเงินแสน - สร้างข่ายเพิ่มผลผลิตส่งจีน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มิถุนายน 2553 17:03 น.
เชียงราย – หนุ่มใหญ่เมืองพ่อขุนฯ เปิดสูตรทำสวนมะนาวนอกฤดูตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง จนทำเงินได้วันละนับแสนบาท ล่าสุดลูกค้า ตปท.ติดต่อรับซื้อตรง แต่ไม่มีกำลังการผลิตเพียงพอ จนต้องเร่งสร้างเครือข่ายเกษตรกรสวนมะนาวในพื้นที่ขึ้นมารองรับแล้ว
นายพงษืพันธ์ จันทะวาลย์ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่บ้านป่าซางน้อย หมู่ 5 ต.แม่คำ อ.แม่จัน เจ้าของสวนพี-พี เนเจอร์ นับเป็นเกษตรกรชาวสวนที่ปลูกมะนาวนอกฤดูเพียงรายเดียวกันในเชียงราย และไร่ดังกล่าวสามารถให้ผลผลิตมะนาวที่มีรสเปรี้ยวและหอมเหมือนมะนาวพื้นเมือง แต่มีผลขนาดใหญ่ ไร้เม็ด ผลดกสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรายนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมะนาวนอกฤดูมีราคาแพงและผลผลิตยังให้มาก คุณภาพดีกว่ามะนาวที่พบเห็นตามท้องตลาดทั่วไปอีกด้วย
เขายืนยันว่า เขาใช้รูปแบบการเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมี และยึดถือหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำสวนมะนาวบนพื้นที่ 15 ไร่มาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.เชียงราย จึงได้จัดให้สื่อมวลชนในพื้นที่เชียงราย พะเยา แพร่และน่าน เดินทางไปศึกษาดูงานการที่สวนมะนาวพี-พี เนเจอร์ พบว่า ภายในสวนมีหญ้าขึ้นเต็ม ปะปนไปกับต้นมะนาวจนทำให้แทบมองไม่ออกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนมะนาว นอกจากนี้ภายในยังมีการเลี้ยงหมูหลุมและใช้ระบบน้ำที่ประหยัด รวมทั้งปลูกพืชอื่นๆ ปะปนอยู่ทั่วไปด้วย
ขณะที่นายพงษ์พันธ์ และคนงาน สามารถเก็บผลผลิตมะนาวนอกฤดูคือตั้งแต่เดือน ต.ค.-เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงที่แทบไม่มีผลผลิตมะนาววางจำหน่ายในท้องตลาด ทำให้ขายได้ในราคาแพงกิโลกรัมละ 40 บาทแตกต่างจากฤดูเก็บเกี่ยวปกติซึ่งมะนาวจะมีราคาถูก โดยสามารถเก็บผลผลิตได้มากถึงปีละ 10 ตัน
นายพงษ์พันธ์ ยืนยันว่า เขาได้ลองถูกลองผิดมานานหลายปี จนสามารถค้นพบวิธีปลูกมะนาวนอกฤดูให้ได้ผลผลิตดี และที่สำคัญคือไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ได้
โดยเขาเริ่มปลูกมะนาวไร้เม็ดดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551 โดยใช้พันธุ์ตาฮิติ และมะนาวไข่บนเนื้อที่ 15 ไร่ ปลูกได้จำนวนประมาณ 400 ต้น การปลูกใช้เนินดินเตี้ยๆ ใกล้บ้านทำการปลูกปะปนไปกับพงหญ้าทั่วไป จากนั้นจะตัดแต่งกิ่งในเดือน ก.ค.-ส.ค. ใส่เฉพาะปุ๋ยอินทรีย์และสารลาวาหมักกับมูลสัตว์ ฉีดพ่นฮอร์โมนตอนเช้า ให้น้ำผ่านท่อพลาสติก
นายพงษ์พันธ์ กล่าวว่า ตนเน้นใช้วิธีธรรมชาติ โดยไม่ต้องถางหญ้าให้โล่งเตียน เพราะมะนาวแม้จะทนแล้งได้บ้าง แต่ก็ต้องการน้ำ โดยเฉพาะในฤดูแล้งหรือช่วงฝนทิ้งช่วง ดังนั้นจึงปลูกมะนาวให้ปะปนไปกับหญ้าโดยเราพยายามคุมหญ้าไม่ให้สูงเกินต้น เมื่อมะนาวต้นโตพอก็จะมีหญ้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ผืนดินชุ่มชื้นอยู่ตลอด
นอกจากนี้ตนยังศึกษาพบว่ามะนาวพันธุ์ดี แต่จะให้ได้ผลดีต้องผสมผสานกับพันธุ์พื้นเมือง ดังนั้นเมื่อหญ้ารก ก็จะมีผึ้งไปหากินและนำเกสรจากมะนาวพื้นเมืองไปปะปน ซึ่งก็จะทำให้ได้ผลผลิตพันธุ์ผสม ขณะเดียวกันหญ้าที่รกทำให้มีสัตว์ที่เป็นศัตรูของศัตรูพืช เช่น แตน มด ฯลฯ เข้าไปกัดกินตัวหนอนหรือศัตรูพืชอื่นๆ ตามหลักธรรมชาติด้วย
"ผมไม่ใช้สารเคมีทุกชนิดแต่เราจะใช้หลักธรรมชาติ โดยเราต้องรู้ว่าลำพังแค่ดินชุ่มชื้นไม่เหือดแห้งต้นมะนาวก็สามารถอยู่ได้แล้ว ดังนั้น จะทำอย่างไรให้ดินชุ่มชื้นซึ่งก็คือการให้มีหญ้ามากๆ แต่ก็มีการให้น้ำเมื่อเริ่มแล้งจัดหรือรู้ว่าต้นมะนาวต้องการน้ำ จากนั้นใส่ฮอร์โมนอาหารเสริมธรรมชาติเหมือนการเกษตรที่นิยมกันอยู่ทั่วไป ก็จะทำให้ได้ผลผลิตไร่ละ 200 กิโลกรัม โดยเฉพาะช่วงนอกฤดูเก็บได้วันละนับแสนบาท ลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าทั่วไป ฯลฯ"
นายพงษ์พันธ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามจากการประสานการตลาดพบว่าได้มีเอกชนรายใหญ่ๆ ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาติดต่อ โดยเฉพาะจากจีนตอนใต้ถึงขั้นถามว่าเราจะสามารถผลิตให้ได้กี่คอนเทนเนอร์หรือระบุกันเป็นพันๆ ตัน ซึ่งตนเห็นว่าเกินกำลังที่จะทำได้ จึงหันมาเริ่มสร้างเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อร่วมกันปลูกมะนาวนอกฤดู สร้างรายได้ด้วยหลักธรรมชาติ และแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000087499
หน้าหลักเว็บไซต์
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."
ผู้เขียน
