New Hylifegro S,L
จากเทคโนโลยีล่าสุดและการวิจัยที่คำนึงถึงปัจจัย ”ให้ธรรมชาติดูแลธรรมชาติ ให้เกษตรกรประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน และเงิน” สูตรไฮไลฟ์โกรได้ออกมาสองสูตร(ไฮไลฟ์โกรเอส-แอล) เพื่อตอบสนองและทำหน้าที่ตรงความต้องการของเกษตรกร
ปัจจุบันเกษตรกรไทยในหลายพื้นที่ประสบปัญหาสภาพดินเสื่อมโทรมอันเนื่องมาจากการใช้ปุ๋ยเคมีมาอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากการปรับปรุงบำรุงดินขาดการเติมอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน ดินจึงมีโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป มีลักษณะจับตัวกันแน่นแข็ง ระบบนิเวศไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในดิน ทำให้พืชที่ปลูกในพื้นที่เหล่านี้มีการตอบสนองกับต่อปุ๋ยเคมีที่ใส่น้องลง เกษตรกรจึงเป็นที่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีในปริมาณที่มากขึ้น โดยหวังว่าจะให้พืชตอบสนองตามที่ต้องการ ซึ่งก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองที่เพิ่มมากขึ้น
หลายปีที่ผ่านมาจึงได้มีการแนะนำให้หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันมากขึ้น เนื่องจากมีคุณสมบัติในการเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน ทำให้ดินมีโครงสร้างที่ดีขึ้น การระบายน้ำ และอากาศดีขึ้นสามารถดูดซับและใช้ธาตุอาหารในดินได้มากขึ้น ในอดีตเกษตรกรจะใช้ปุ๋ยอินทรีย์จำพวกปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยสด แต่ปัจจุบันการเพาะปลูกที่เป็นเชิงการค้ามากขึ้น เกษตรกรจึงนิยมซื้อปุ๋ยอินทรีย์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา และจุดนี้เองที่ทำให้เกษตรกรถูกหลอกซ้ำซาก เพราะหลายๆครั้ง พบว่าปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไปในท้องตลาดไม่มีคุณภาพ
บางครั้งพบว่าเป็นการนำดินมาปั้นอย่างที่เคยเกิดขึ้นเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน ส่วนปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพดีในท้องตลาดก็มีราคาแพงพอๆกับปุ๋ยเคมีเลยทีเดียว แต่ไม่ว่าจะเป็นปุ่ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพดีหรือไม่ดีก็ตาม มักจะพบปัญหาว่าเมื่อใช้ไประยะนึงแล้ว พืชไม่ตอบสนองแม้ว่าจะใส่มากขึ้น รวมทั้งไม่สามารถช่วยให้พืชตอบสนอง หรือผ่านพ้นช่วงวิกฤติ เช่นร้อนจัด หนาวจัดไปได้ เมื่อพืชเผชิญกับสภาพที่กล่าวมักก็จะชะงักการเจริญเติบโต
ดังนั้นด้วยแนวความคิดที่ให้ธรรมชาติดูแลธรรมชาติ ต้องการให้เกษตรกรประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ประหยัดเงิน นอกจากนี้ยังต้องมีความปลอดภัยต่อพืช สภาแวดล้อม และต่อผู้ใช้จึงได้เกิดผลิตภัณฑ์ ไฮไลฟ์โกรขึ้นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของไฮไลฟ์โกร มีประสิทธิภาพดังนี้-ช่วยในการปรับโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น เหมาะสมกับการเพาะปลูกมากขึ้น
-คืนระบบนิเวศที่ดีให้แก่จุลินทรีย์ในดิน
-ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากพืช รากพืชสามารถดึงดูดซับธาตุสารอาหารในดินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-ทำให้พืชสามารถดำเนินกิจกรรมในต้นได้อย่างต่อเนื่อง แม้ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม พืชสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะร้อนจัด หนาวจัด ฝนแล้งกรือฝนชุก โดยไม่ส่งผลกระทบแม้ใช้อย่างต่อเนื่อง
-สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงจากการใช้สารจำกัดศัตรูพืชเช่นยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง ทำให้พืชประธานไม่เหลืองไม่ชะงักงัน
-ไฮไลฟ์โกร ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารตกค้างในดิน
ไฮไลฟ์โกร เอสเป็นสารอินทรีย์สกัดพิเศษช่วยในการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางลำต้น เพิ่มพลังงานให้แก่พืชอย่างต่อเนื่อง ช่วยปรับโครงสร้างเนื้อเยื่อขยายเซลล์ ช่วยฟื้นฟูต้นพืชที่โทรมให้แข็งแรง ทำให้พืชทนต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และทำให้พืชดูดซับธาตุอาหารในดินเพื่อในไปใช้ในการปรับโครงสร้างได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการใช้พลังงานมากในช่วงเร่งการแตกหน่อ แตกกอ เร่งต้น เร่งผล เร่งดอก เร่งใบ เร่งราก ทำให้ต้นพืชสมบูรณ์แข็งแรงใช้ง่ายประหยัดลดการใช้ปุ๋ยกระสอบ
-พืชจะทนแล้งต้านหนาว
-พืชสามารถเร่งการงอกของเมล็ด
-พืชสามารถสร้างรากใหม่ และมีใบเขียวทน
-ลำต้นพืชแกร่ง และเร่งโตเร็ว
วิธีใช้
ข้าว
-แช่เมล็ดพันธ์ก่อนนำไปหว่าน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
-ป้องกันข้าวขะงักงันจากฤทธิ์ของสารกำจัดศัตรู 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
(ผสมพร้อมสารคุมฆ่าหญ้า หรือ กำจัดแมลง)
-สร้างความแข็งแรงและช่วยให้ข้าวแตกกอดีฉีดพ่นทุก 15 วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
พืชไร่
-แช่เมล็ด/ท่อนพันธ์ก่อนนำไปปลูก 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
-ผสมร่วมกับสารกำจัดศัตรูพืชฉีกพ่นทุก15วัน 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
พืชผัก ทุก 15 วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
พืชดอก ไม้ประดับ ทุก 7-14 วัน 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ไม้ผล และไม้ยืนต้น ทุก 30 วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ข้อแนะนำพิเศษ-แก้ต้นพืชโทรมจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงต้านทานโรคและแมลงระบาด
-แก้ปัญหาดินจืดจากสารอาหารไม่เพียงพอรักษารากดำ
-แก้ปลายรากอั้นไม่ยอมกินปุ๋ย
-แก้ปัญหาดินจืดจากสารอาหารไม่เพียงพอรักษารากดำ
-แก้ปลายรากอั้นไม่ยอมกินปุ๋ย
-ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มความแข็งแรง ไม่ทำให้พืชชะงักต่อสภาวะแวดล้อม
-ใช้กับพืชที่ปลูกในดินเสื่อมสภาพหรือดินทราย ช่วยให้ต้นและใบเขียวทน
20-40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นได้ทุกๆ 7-14วัน
ไฮไลฟ์โกร แอลเป็นสารอาหาร และแร่ธาตุชนิดเข้มข้นที่จำเป็น ช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงให้แก่พืช สำหรับช่วงระยะเริ่มติดดอก ออกผล ลงหัว หรือโตสมบูรณ์ที่ ช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลผลิตให้ได้ปริมาณสูงสุด
-เปิดตาดอก ช่วยผสมเกสร
-ส่งเสริมการสร้างและสะสมอาหารภายในต้นพืช
-เพิ่มปริมาณแป้งในพืชหัวได้มากขึ้น
-ทำให้พืชหัวมีขนาใหญ่ แข็งแรง เนื้อแน่น ใส้ไม่กลวง
-ลดการร่วงหล่น ขั้วเหนียว
-ทำให้พืชดูดซับธาตุอาหารต่างๆ ในดินได้อย่างเต็มที่
-ช่วยขยายขนาด และพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้ดีขึ้น
วิธีใช้
ข้าว
ช่วงตั้งท้องและออกรวง จนกระทั่งช่วงข้าวเป็นน้ำนมฉีดพ่นทุก 7-14 วัน
20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
พืชไร่ ทุก15-30วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
พืชผัก ทุก7-14วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
พืชดอก ไม้ประดับ ทุก7-14วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ไม้ผล และไม้ยืนต้น
เริ่มฉีดได้ตั้งแต่ก่อนดึงดอกและฉีดได้ต่อเนื่องจนกระทั่งเก็บเกี่ยวผล
ทุก15-30วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุก15-30วัน 20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ข้อแนะนำพิเศษ*
-ช่วยเพิ่มการสะสมอาหารไว้ที่ใบ และลำต้น ช่วยให้พืชออกดอกได้เร็วขึ้น
-ช่วยขยายขนาดผล สร้างเนื้อเยื่อ สร้างแป้ง ขั้วเหนียว ผลไม่ร่วง สีผลสด ผลติดดก รสชาติดี มีน้ำหนัก
-ช่วยลงหัวได้เร็ว หัวใหญ่ ได้น้ำหนัก สีผิวเข้ม เก็บได้นาน หัวไม่ฝ่อง่าย
-ฉีดพ่นทุกๆ 7-14 วันให้ทั่วทั้งต้นพืชสามารถดูดซึมเข้าภายในลำต้นได้ทุกส่วนทั้งงทาง ต้น ใบ ราก
20-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ 30-40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
*หมายเหตุ : สามารถใช้ร่วมกันทั้งสองสูตรได้โดยพิจารณาจากระยะการเจริญเติบโตของพืชโปรดศึกษาวิธีการใช้อย่างถี่ถ้วน
ราคา
Hylifegro S 500ml 450บาท 1000ml 900บาท
Hylifegro L 500ml 450บาท 1000ml 900บาท
สนใจติดต่อ 087-7650918 คุณกล้าณรงค์
หรือPM ไว้ครับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ข้างล่างเลยครับ
website:
http://goodgrow.lnwshop.com/รูปผลิตภัณฑ์ใหม่
ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ใช้Hylifegro