หนาวคราวใด ให้คิดถึง
ภูกระดึงซาบซึ้งตรึงใจฉัน
เพราะมีสามรุ่นพี่ ไปด้วยกัน
ฝากชีวิตที่นั่น มิวันลืม
วันที่ไปถึงภู ฯตอนเย็นเย็น
คนเขาเน้น มิให้ขึ้น เพราะฟ้าครึ้ม
แต่จำเป็น มิมีที่นอน ใครให้ยืม
พวกเราล้วนบ่นพึมพำ เพราะน่ากลัว
พอเดินขึ้นเขาได้สักหน่อย
ฟ้าฝนลอยมา ตกใส่ อยู่บนหัว
พายุซ้ำ กระหน่ำ มองแล้วมัว
เราเดินมั่ว หลงทาง อยู่กลางภู
หนาวก็หนาว เพราะเสื้อผ้ามันเปียกปอน
ตัวสั่นรอนรอน อยากจะถอน มิอยากสู้
แต่จะกลับ อย่างไร เราไม่รู้
เพราะว่าดู มันมืดมิด จนคิดปลง
กลัวก็กลัว หนาวก็หนาว ก้าวขาก็มิออก
พี่ก็บอก ให้สู้นะ คงไม่หลง
ถูกหิ้วปีก ถูกอุ้ม ในกลางดง
ปีนขึ้นลง ก้อนหินใหญ่ ตั้งหลายคราว
เสียงพายุ ฟ้าร้อง ก้องสนั่น
เสียงโครมคราม ดังลั่น อยู่กลางหาว
ถูกหิ้วปีก ร่อแร่ แย่แล้วเรา
ตัวสั่นเทา เพราะหนาวเหน็บ เจ็บหัวใจ
กว่าจะถึงที่พัก คงจะหลายชั่วโมง
เพราะเิิดินหลง กลางป่า ที่กว้างใหญ่
ถึงบ้านพัก มีคนมา คอยใส่ใจ
เปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดใหม่(ของคนอื่น) ให้ยากิน
พอรุ่งเช้า ข่าวเศร้า ก็มาถึง
พวกเราตกตลึง นิ่งงันกับ ข่าวที่พี่สิ้น
ทั้งสามคน ร่วมมิตร ชิดชีวิน
เป็น นักกลอน นามระบิล ของจุฬาฯ
ร่างทั้งสาม โดนหิน ถล่มทับ
คงจะดับ ลับลา มิผวา
ต่างประสาน มือกัน ยามจากลา
อนิจจา อาลัยกวี ศรีจุฬาฯ
(ยังจดจำเหตุการณ์นี้มิเคยลืม
)
โชคดีในกลุ่มที่ไปด้วยมีรุ่นพี่วิศวะหลายคน เขาช่วยพยุง หิ้วปีก อุ้ม ตลอดทาง
หวนคิดถึงวันวานที่หวาดหวั่น
วันที่ยี่สิบเก้าตุลา มาอีกหน
วันที่พวกเราจุฬาฯนับหลายคน
ไปดั้นด้นเดินดอยที่บนภู
วันที่หนาวเหน็บเจ็บแปลบแปลบ
วันที่ก้าวบอบแบบแทบมิรู้
วันที่ต้องฝ่าฝน พายุอู้
วันที่ต้องคุดคู้เพราะหนาวลม
วันที่ได้เรียนรู้ถึงธรรมชาติ
วันที่อาจถึงฆาตแต่มิสม
วันที่ได้รับน้ำใจชวนนิยม
วันที่ต้องขื่นขม ตรมทรวงใน
มาวันนี้ ที่ได้อยู่ ณ ตรงนี้
มาวันนี้ ยังยืนหยัดอย่างใจใส
มาวันนี้ หากว่ามี อันเป็นไป
มาวันนี้ ไม่ร่ำไห้ เพราะอาลัย
รูปแรกถ่ายที่เขื่อนที่ขอนแก่นก่อนเกิดเหตุภูถล่ม ๑ วัน
รูปที่ ๒ หลังภูถล่ม ๑ วัน ยังใส่เสื้อคลุมของเจ้าหน้าที่ป่าไม้อยู่