เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 18:12:13
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  กรรมเก่า
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน กรรมเก่า  (อ่าน 1112 ครั้ง)
saykwan
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 14 กันยายน 2011, 11:06:06 »

ก่อกรรมไว้กับ แลน

สมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าได้ส่งพระอรหันตสาวกออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา เมื่อชาวบ้าน ทั้งหลายที่ได้ฟังคำสอนของพระอรหันต์เหล่านั้น จึงได้ขออุปสมบทกันมากขึ้น เมื่อพระภิกษุทั้งหลายได้บวชเข้ามาแล้ว และได้ประพฤติปฎิบัติพอสมควร ก็คิดกันว่า พวกเราทั้งหลายได้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าแล้ว สมควรจะต้องไป เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อที่จะได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เพื่อจะได้บรรลุธรรม (เรื่องนี้ก็อาจเป็นได้ว่าประเพณีเหล่านี้สืบทอดกันมาถึงปัจจุบันนี้ว่า เมื่อถึงเวลาใกล้เข้าพรรษา พระผู้น้อยจะต้องเข้าไปหาพระเถระผู้ใหญ่ เพื่อรับฟังโอวาท เมื่อได้รับฟังธรรมแล้วจะได้นำธรรมเหล่านั้นมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุธรรมดังเช่นสมัยพุทธกาล) เช่นเดียวกับพระภิกษุ ๗ รูปเมื่อได้บวชแล้ว พอใกล้เข้าพรรษา ก็พากันเดินทางมาจากชายแดน หรือสมัยนั้นที่เรียกว่าปัจจันตชนบท เพื่อจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร ในระหว่างทางนั้นใกล้มืดค่ำแล้ว พระภิกษุเหล่านั้นจึงได้เข้าไปถามวัดที่อยู่ใกล้นั้นว่าที่ถ้ำนั้น มีที่พักไหม พระภิกษุซึ่งที่อยู่ที่นั้นบอกว่าที่ถ้ำนั้นมีที่ว่างอยู่ เมื่อพระภิกษุทั้ง ๗ รูปได้ไปสำรวจก็พบว่ามีเตียงอยู่ ๗ เตียง จึงได้เข้าไปพักในที่นั้นทั้ง ๗ รูป
ตกดึกคืนนั้นเอง ก้อนหินขนาดใหญ่ก็ได้หล่นลงมาปิด ปากถ้ำจนสนิท!!
ครั้นรุ่งเช้าพระภิกษุที่อยู่ด้านนอกเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น จึงพากันกล่าวว่า
“พวกเราได้ให้พระภิกษุผู้เป็นอาคันตุกะ พักในถ้ำแห่งนี้ แต่หินก้อนใหญ่ได้เคลื่อนมาปิดปากถ้ำเสียแล้ว จำเราจะต้องเกณฑ์ผู้คนมาช่วยกันเคลื่อนย้ายหินออกไป”
บรรดาพระภิกษุที่วัดนั้นได้เรียกชาวบ้านจาก ๗ ตำบลโดยรอบ มาช่วยกันงัดหินออกจากปากถ้ำ แต่ไม่ว่าจะช่วย กันออกแรงสักปานใด หินก้อนใหญ่นั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนเลย!!
ขณะเดียวกันภิกษุทั้ง ๗ ที่ติดอยู่ภายในถ้ำก็พยายาม ออกแรงช่วยกันดันก้อนหินใหญ่ด้วย แต่ก็ไม่สำเร็จ
วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไป ทั้งสองฝ่ายต่างก็พยายามกันอยู่ เช่นนี้ เพื่อหวังจะเปิดปากถ้ำให้ได้ แต่หินก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
เวลาล่วงเข้า ๗ วัน ภิกษุ ๗ รูปที่ติดอยู่ภายในถ้ำต่าง พากันประสบทุกขเวทนาจากความหิวโหยอย่างหนัก จนพากันหมดเรี่ยวแรง และคิดว่าอาจต้องตายในถ้ำเสียแล้ว!!
แต่แล้วในวันที่ ๗ นั้นเอง อยู่ๆหินก้อนใหญ่นั้นก็กลิ้ง ออกไปพ้นจากปากถ้ำเอง โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ทำให้พระ
ภิกษุทั้ง ๗ รูปออกมาจากถ้ำได้ก่อนที่จะเสียชีวิต และเมื่อ พระภิกษุทั้ง ๗ รูปมีกำลังพอที่จะเดินทางไปเข้าเฝ้าพระ-
พุทธเจ้าได้แล้ว ทั้งหมดก็ออกเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งประทับอยู่ ณ มหาวิหารเชตวัน พร้อมกับทูลถามเรื่อง บุพกรรมของตนที่ได้ทำไว้
พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย แม้พวกเธอก็เสวยกรรมอันตนกระทำแล้วเหมือนกัน”
จากนั้นจึงทรงเล่าถึงบุพกรรมในครั้งอดีตของพระภิกษุทั้ง ๗ รูป ดังนี้
ในอดีตกาลมีเด็กเลี้ยงโคชาวพารณสี ๗ คน ต้องนำโคออกไปเลี้ยงที่นอกเมืองคราวละ ๗ วัน พวกเด็กเหล่านี้ได้ต้อนฝูงโคออกจากเมืองเข้าไปเลี้ยงในป่า ปล่อยให้โค กินหญ้าตามสบาย ส่วนพวกเขาก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน
วันหนึ่งหลังกลับจากนำโคไปเลี้ยง เด็กเหล่านั้นก็ได้ เห็นแลนตัวหนึ่ง ขนาดใหญ่เท่าตัวคน ก็ปรึกษากันว่าจะจับแลนตัวนี้เอาไปกิน พวกเขาพากันไล่ต้อนแลนตัวนั้น ที่ตื่นตกใจ วิ่งหนีเข้าไปที่จอมปลวกแห่งหนึ่งที่มีช่อง ๗ ช่อง
เมื่อพวกเด็กทั้ง ๗ คนเห็นตัวแลนวิ่งเข้าไปในนั้น จึงไม่สามารถจะจับแลนตัวนั้นได้ จึงปรึกษากันว่า
“เมื่อวันนี้จับไม่ได้ พรุ่งนี้ค่อยกลับมาจับก็แล้วกัน”
ตกลงกันได้ดังนั้น เด็กทั้งหมดจึงช่วยกันเอากิ่งไม้มาปิดช่องทางของจอมปลวกทั้ง ๗ ช่อง เพื่อไม่ให้แลนหนี ออกมาได้
จากนั้นพวกเด็กทั้ง ๗ คนก็พากันต้อนโคกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นพวกเด็กเหล่านั้นต้องต้อนโคไปเลี้ยงยังอีกที่หนึ่ง จึงลืมเสียสนิทว่าพวกเขาได้เอาไม้ปิดปากทางของแลนตัวนั้นไว้!!
กระทั่งวันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันที่ต้องต้อนโคกลับบ้าน และผ่านมายังจอมปลวกแห่งเดิม จึงพากันได้สติคิดได้ว่า พวกตนได้ขังตัวแลนไว้ในจอมปลวกนี้
“เจ้าแลนนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ”
เมื่อคิดได้ดังนี้ จึงช่วยกันนำไม้ที่ปิดช่องทางทั้ง ๗ แห่งไว้ ออกมาจนหมด ฝ่ายตัวแลนซึ่งไม่ได้กินอาหารไม่ได้กิน น้ำตลอด ๗ วัน ทำให้ร่างกายผ่ายผอม จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ค่อยๆคลานออกมาด้วยความอิดโรยอย่างหนัก!!
เมื่อเด็กทั้ง ๗ เห็นสภาพอันน่าเวทนาของเจ้าตัวแลนแล้ว ก็บังเกิดความเมตตาสงสารขึ้นมา ปรึกษากันว่า
“พวกเราอย่าไปฆ่ามันเลย ดูซิ..มันอดข้าวอดน้ำตลอด ๗ วันมาแล้ว”
พูดจบก็เอามือค่อยๆลูบหลังแลนตัวนั้นแล้วกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าจงไปตามสบายเถอะ พวกเราไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”
xxxตัวนั้นจึงค่อยๆคลานเข้าป่าไป
เด็กเลี้ยงโคเหล่านั้นซึ่งได้ทำกรรมร่วมกันมา จึงต้อง ชดใช้กรรมที่พวกเขาได้ทำไว้ โดยประสบกับการอดอาหารและน้ำตลอด ๗ วัน ทุกชาติ รวม ๑๔ ชาติที่ได้เกิดมา แต่ยังดีที่เด็กเหล่านั้นไม่ต้องตกนรกหมกไหม้เพราะไม่ได้ฆ่าแลน
และภิกษุ ๗ รูปที่ติดอยู่ในถ้ำตลอด ๗ วัน ก็คืออดีต เด็กเลี้ยงโคทั้ง ๗ คนนั้นเอง
แล้วจึงตรัสพระคาถาว่า
“คนที่ทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้น จากความชั่ว หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็ไม่พึงพ้นจาก กรรมชั่วได้ หนีเข้าไปสู่ซอกแห่งภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากกรรม ชั่วได้ (เพราะ)เขาอยู่แล้วในประเทศแห่งแผ่นดินใดพึงพ้นจากกรรมชั่วได้ ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่”
เมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระคาถาทั้งหมดแล้ว พระภิกษุทั้ง ๗ รูปนั้น ได้บรรลุอริยมรรค มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
.....
ทำกรรมเช่นไร ได้ผลเช่นนั้น ทำกรรมดี กรรมดีย่อม สนอง ทำกรรมชั่ว กรรมชั่วก็สนองเช่นกัน ไม่ว่าจะหลบหนี ไปอยู่ในดินแดนแคว้นใดก็ตาม ดังที่พระพุทธองค์ตรัสข้างต้นว่า ประเทศใดในโลกนี้ที่ไปอยู่แล้วจะพ้นกรรมชั่วไปได้นั้น อย่าไปหวัง เพราะประเทศที่ว่านั้นไม่มีหรอก
ฉะนั้น ควรลดละเลิกการกระทำชั่วเสียแต่บัดนี้เถิด หันมาประกอบแต่คุณงามความดี ชีวิตวันนี้และวันข้างหน้า จะได้ดีต่อไป ไม่ผูกเวรกับใครๆให้ต้องตามไปชดใช้หนี้กรรมกันไม่รู้จบสิ้น



* 2.jpg (26.82 KB, 700x479 - ดู 241 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 22:41:04 »

ไหว้สา
กราบ ขออนุญาต ฟื้น มาสู่สายตา ของ ญาติธัมม์ ได้มาศึกษากันอีก เป็น ธัมมทาน เรื่อง กัมม์เก่า
สาธุ ๆๆ อนุโมทามิ
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!