เมื่อพูดถึงทุ่งดอกไม้หลายสีของญี่ปุ่นแล้ว เกาะฮอกไกโดบางทีอาจจะนับว่าเป็นภูมิภาคที่มีทุ่งดอกไม้ที่งามสูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอย่างยิ่งจริงๆ แม้ว่าจะอยู่ทางทางเหนือสุดของประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นแทบตลอดทั้งปี รวมทั้งขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่เที่ยวในฤดูหนาวที่เหมาะสมที่สุดของประเทศญี่ปุ่นก็ตาม แต่ทว่าตอนหน้าร้อนหรือตั้งแต่มิ.ย. – สิงหาคมของทุกปีจะเป็นตอนที่อากาศไม่หนาวเย็นมากมาย ฟ้าแจ่มใสส่งผลไม้รวมทั้งดอกไม้ล้นหลามหลายอย่างที่ออกดอกออกผลอย่างมากทำให้เป็นช่วงๆที่จังหวัดฮอกไกโดมีนักเดินทางเดินทางเข้ามาเยอะที่สุดของปีเนื่องมาจากเป็นตอนในขณะที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวย ทั้งยังยังเต็มไปด้วยกิจกรรมการท่องเที่ยวมากมายก่ายกองที่ไม่อาจจะทำเป็นในตอนหน้าหนาวอีกด้วย
ลาเวนเดอร์นับว่าเป็นดอกไม้ที่มีชื่อสูงที่สุดของจังหวัดฮอกไกโด เนื่องด้วยเคยเป็นหลักที่เนื่องจากว่าปลูกเพื่อการกสิกรรมบาปมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ก่อนจะกลายเป็นฟาร์มดอกไม้เพื่อการท่องเที่ยวภายหลังตอนปี 1960 – 1970 ที่ราคาดอกลาเวนเดอร์ของฮอกไกโดมีราคาแพงกว่าการนำเข้าจากต่างแดนจนกระทั่งเป็นต้นเหตุให้ความจำเป็นดอกลาเวนเดอร์ของตลาดภายในประเทศต่ำลง ซึ่งยิ่งไปกว่านี้ยังมีดอกไม้อื่นๆซึ่งสามารถหาดูได้จากฮอกไกโดได้อีกเยอะแยะ อาทิเช่น ป๊อปปี้, คอสมอส, เรพซีดเซียว, ซัลเวีย, ลิลลี่รวมทั้งดอกไม้ฯลฯ
1. ทุ่งดอกไม้กามิฟูราโน่ (Flower Land Kamifurano) ทุ่งดอกไม้ที่เป็นที่รู้จักของเมืองฟูราโน่ ตั้งอยู่บนเนินในฮอกไกโดที่สามารถเห็นทิวภาพที่งดงามของแนวเขาโทกาชิ (Tokachi mountain range) ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งจะมีการเปิดให้นักเดินทางสามารถเข้าชมได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายเงินอะไรก็แล้วแต่รวมทั้งจะปิดให้บริการในช่วงปลายธ.ค.ถึงสิ้นเดือนก.พ.ของทุกปี ข้างในฟาร์มจะมีบริการรถไถนาเพื่อคุณสามารถนั่งรับลมดูทุ่งดอกไม้ได้อย่างทั่วถึงเพื่อประทับใจกับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้สีสันผ่องใสละลานตา กิจกรรมอื่นๆที่น่าดึงดูด เป็นต้นว่า การได้สัมผัสประสบการณ์การตัดดอกลาเวนเดอร์, กระบวนการทำดอกไม้ทับแห้ง, หมอนจากบัควีทรวมทั้งดอกลาเวนเดอร์แห้งเพื่อเป็นของของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปอยู่บ้าน รวมถึงการเข้าชมเรือนเพาะต้นอ่อนของดอกไม้ในเรือนเพาะชำของกามิฟูราโน่ ทั้งข้างในฟาร์มยังมีการเปิดให้บริการร้านขายของของที่ระลึกรวมทั้งห้องอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได้จากข้างในฟาร์มไว้รอบริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย เป็นต้นว่า ไอติมจากดอกลาเวนเดอร์หรือเครื่องดื่มรามูเนะ (มะนาวน้ำโซดา) กลิ่นลาเวนเดอร์ ฯลฯ
ขั้นตอนการเดินทาง: ทุ่งดอกไม้กามิฟูราโน่ตั้งอยู่บนเนินสูงมากขึ้นไปราวๆ 3 กิโล จากสถานีรถไฟค้างไม่ฟุราโนะ (Kamifurano Station) สามารถเดินทางด้วยรถแท็กซี่จะใช้เวลาโดยประมาณ 5 นาที หรือเดินเท้าใช้เวลาราว 50-60 นาที หรือจากฟุราโนะหรือบิเอะ ใช้เวลาราว 20 นาที ค่าใช้จ่ายสำหรับโดยสารโดยประมาณ ¥ 360
GPS: 43.481069, 142.446392
2. ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita) จุดดูดอกลาเวนเดอร์ที่เยี่ยมที่สุดของจังหวัดฮอกไกโดและก็เลื่องลือสูงที่สุดในกลุ่มนักเดินทาง มีทิวทัศน์ทิวทัศที่สวยสดงดงามจากเบื้องหลังของเทือกเขาโทกะชิ (Tokachi mountain) ด้านในฟาร์มโทมิตะจะมีการแบ่งย่อยออกเป็น 10 สวนดอกไม้ตามฤดูกาลรวมทั้งสายพันธุ์อีกทั้งแบบที่โล่งแจ้งและก็มีโรงเรือนแบบปิด ซึ่งใกล้ๆกับแต่ละสวนก็จะมีการเปิดให้บริการเรือนเพาะชำแล้วก็ร้านขายของของที่ระลึกที่ได้จากแต่ละสวนไว้ให้นักเดินทางได้ซื้อด้วย สวนยอดนิยมแล้วก็เด่นที่สุดของฟาร์มโทมิตะเป็น สวนอิโรโดริ (Irodori Field) ที่มีลักษณะเป็นทุ่งดอกไม้ 7 สีงดงาม ซึ่งจะเปิดให้นักเดินทางเข้าชมได้ฟรี กิจกรรมที่น่าดึงดูดอย่างเช่น การเข้าชมพิพิธภัณฑสถานของฟาร์ม, การแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างวิธีการทำน้ำมันหอมระเหยรวมทั้งถุงหอม, กิจกรรมเวิร์คช็อปต่างๆนอกเหนือจากนั้นยังมีห้องอาหาร, ร้านขายกาแฟแล้วก็ร้านจัดจำหน่ายสินค้าจากลาเวนเดอร์อีกด้วย
กรรมวิธีเดินทาง: โดยรถไฟสาย JR Furano Line รวมทั้งรถไฟ Furano-Biei Norokko ลงที่สถานี Lavender Batake Station (จาก Furano ใช้เวลา 20 นาที ค่าใช้จ่ายสำหรับโดยสารราว ¥ 230 หรือจาก Biei ใช้เวลาราว 35 นาที ค่าใช้จ่ายสำหรับโดยสารราวๆ ¥ 450) ต่อจากนั้นเดินเท้าต่ออีกโดยประมาณ 5 – 10 นาที
GPS: 43.418882, 142.426564
3. ฟาร์มลาเวนเดอร์ทิศตะวันออก (Lavender East) ฟาร์มลาเวนเดอร์ทิศตะวันออกเป็นทุ่งดอกไม้แห่งที่ 2 ของฟาร์มโทมิตะและก็ยอดเยี่ยมในทุ่งลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 2008 ห่างจากฟาร์มโทมิตะออกไปราวๆ 4 กม. มีพื้นที่กว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 14 เฮกตาร์ เป้าประสงค์หลักเป็นการสร้างน้ำหอมจากดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีในตอนกรกฎาคมแค่นั้น รอบๆใกล้เคียงเปิดให้บริการร้านแล้วก็ค๊อฟฟี่ช็อป สามารถใช้บริการรถบัสลาเวนเดอร์ (Lavender Bus) เพื่อขึ้นไปดูทิวทัศน์ยังดาดฟ้าได้ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 15 นาที ค่าครองชีพโดยประมาณ ¥ 200
กระบวนการเดินทาง: โดยรถไฟสาย JR Furano Line รวมทั้งรถไฟ Furano-Biei Norokko ลงที่สถานี Lavender Batake Station (จาก Furano ใช้เวลา 20 นาที ค่าใช้จ่ายสำหรับโดยสารราว ¥ 230 หรือจาก Biei ใช้เวลาราว 35 นาที ค่าใช้จ่ายในการใช้โดยสารราว ¥ 450) แล้วต่อรถแท็กซี่ ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 8 – 15 นาที โดยรถบัสดูทิวทัศน์ Twinkel Bus Biei “Lavender Course” ซึ่งเดินทางจาก Furano ผ่าน Biei ไปยัง Asahikawa (ใช้เวลาราวๆ 4.5 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายในการใช้โดยสารราว ¥ 1,000) ลงที่ Lavender East
GPS: 43.405177, 142.469499
4. เกาะเระบุน (Rebun Island) จุดเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งจังหวัดฮอกไกโดรวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของอุทยานแห่งชาติ Rishiri-Rebun-Sarobetsu (Rishiri-Rebun-Sarobetsu National Park) ความเด่นของตรงนี้เป็นเป็นที่ตั้งของพืชอัลไพน์มากยิ่งกว่า 300 ประเภทรวมทั้งจำพวกกล้วยไม้หายากอปิ้งประเภทรองเท้าสตรีแล้วก็ดอกไม้อื่นๆที่จะสามารถหาดูได้เฉพาะบนเกาะเระบุนแค่นั้น โดยที่เกาะที่นี้จะถูกรู้จักกันในอีกชื่อว่า “เกาะที่ดอกไม้” ด้วยเหตุว่าตั้งอยู่ในเขตละติจูดที่สูงทำให้มีอากาศที่สมควรสำหรับเพื่อการเติบโตของดอกไม้นานาพรรณ ขณะที่สมควรสำหรับในการท่องเที่ยวดูทุ่งดอกไม้ที่เกาะเระบุนเป็นระหว่างพฤษภาคม– สิงหาคม ซึ่งนอกเหนือจากการไปดูดอกไม้งามแล้วยังเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่รู้สึกชื่นชอบกิจกรรมเดินป่าดูธรรมชาติ
กรรมวิธีเดินทาง: สามารถเดินทางไปยังเกาะเระบุนได้หลายแนวทางอีกทั้งเรือบินจากซัปโปโรไปยังเกาะริชิริ Rishiri Airport หรือโดยเรือเฟอร์รี่จากเมืองวักกะไน (Wakkanai) เพื่อไปยังเกาะเระบุน แล้วหลังจากนั้นใช้บริการรถบัสด้านในเกาะหรือแท็กซี่เพื่อไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ
GPS: 45.393816, 141.014541
5. สวนดอกลิลลี่ ONZE (ONZE Harukayama Lily Garden) ตั้งอยู่ในเมืองโอตารุ (Otaru) ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองที่เนิน ด้วยเหตุนั้นที่สวนที่นี้คุณจะได้สัมผัสกับทุ่งดอกลิลลี่ที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของเทือกเขา Haruka ทอดยาวสุดสายตา ซึ่งถ้ามาในฤดูหนาวที่ ONZE Harukayama จะเป็นจุดท่องเที่ยวสำหรับเพื่อการเล่นสกีหิมะที่สุดยอดแม้กระนั้นถ้าหากมาในเดือน ก.ค.และก็ส.ค.ก็จะถูกกลายเป็นทุ่งดอกลิลลี่สีสันแจ่มใส กิจกรรมอื่นๆที่น่าดึงดูดนอกจากไปจากการเที่ยวดูดอกไม้เป็นต้นว่า การขึ้นตะกร้าเพื่อดูทัศนียภาพแบบมุมสูงไปยังจุดสุดยอดของเนินที่สามารถเห็นอ่าวอิชิคาริ (Ishikari Bay) ทางทิศเหนือของเมืองแล้วก็ภาพเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออกของเมืองซัปโปโรได้อีกด้วย ดังนี้ยังมีการเปิดให้บริการร้านขายของของที่ระลึกแล้วก็ห้องอาหารสำหรับนักเดินทาง
ค่าเข้าชม: คนแก่ราคา ¥ 800 เด็ก ¥ 300 ค่าตะกร้า ขาขึ้น คนแก่ราคา ¥ 520 เด็ก ¥ 310 ขาลง คนแก่ราคา ¥ 310 เด็ก ¥ 100
กระบวนการเดินทาง: โดยรถไฟจากสถานีซัปโปโร Sapporo Station ลงที่สถานี Zenibako Station ใช้เวลาเดินทางราว 28 นาที ค่าใช้จ่ายในการใช้โดยสารราวๆ ¥ 340 – 550 จากหน้าสถานีต่อรถแท็กซี่อีกโดยประมาณ 3 – 5 นาทีหรือเดินเท้าด้วยระยะทางโดยประมาณ 3.1 กิโล
GPS: 43.146177, 141.133002
ที่มา : ทัวร์ญี่ปุ่น