"การออม" ผมว่าคนไทยรู้เรื่องการออมน้อยไป แต่บางท่านอาจจะเถียง เพราะเคยหยอดกระปุ๋ก ตั้งแต่จำความได้
สิ้นปีก็ทุบกระปุ๋กที ที่ธนาคารแห่งนึง แล้วก็จะได้กระปุ๋กใหม่ อะไรทำนองนี้ (ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า)
อันนั้นก็ใช่ครับ แต่ยังไม่ครอบคุม เพราะถ้าคิดกันจริงๆ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ ที่ได้กี่เปอร์เซนต์ ผมยังไม่เห็นทางที่จะฝากผี ฝากไข้ไว้กับมันเลย
มีประเทศนึงที่ผมอยากยกตัวอย่างเป็น
กรณีศึกษา คือ
ประเทศญี่ปุ่นครับ เค้ามีวิธีออมเงินที่ชาญฉลาดมาก
โดยนำมันไปฝากที่
ไปรษณี เชื่อมั้ยครับ ว่า ไปรษณี ญี่ปุ่น
มีเงินเยอะกว่า
ธนาคารกลาง (BOJ) เสียอีก โดยเค้าจะทยอยฝากเรื่อยๆ
แต่ถ้าเป็นเราคิดดูครับ ถ้าออมได้ปีละ 10,000 มี 1,000,000 คน คิดดูซิครับ ประเทศนี้เสียโอกาศกับเม็ดเงินที่จะไปต่อยอด สร้างความเจริญต่างๆ
ไปปีนึงเป็น 10,000,000,000 เลยทีเดียว จึงไม่แปลกที่ทำไม ญีปุ่นจึงพัฒนาเร็วกว่าไทย ดูอย่าง ซึนามิ ซิ ฟื้นเร็วมาก
แต่พี่ไทย ผมจะคอยดู นี่แค่น้ำท่วมนะ ของเราจะเป็นหนี้และไปกู้ แต่เค้าทำประกัน ทั้งชีวิต บ้าน รถ ฯลฯ นี่แหละคือจุดต่าง
บางคนคิดว่าการออมแบบนี้มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินเก็บ แต่อย่าลืมนะว่ากองทุนที่ผมยกมาเป็นน้ำจิ้มนี้
8 แสนล้านแล้วนะ
และผมก็ยังเชื่อว่ามันจะเป็นรากฐานพัฒนาระบบเศรฐกิจของรัฐนี้สืบไป เซ็นทรัล ไม่ว่าจะเป็นที่ เชียงราย พิษณุโลก ฯลฯ (17 ศูนย์ ถ้าจำไม่ผิด)
กองทุนนี้ก็ไปร่วมลงทุนอยู่ และไม่นับ บริษัทจดทะเบียนอีกมากที่ท่านไม่รู้ อย่าปล่อยให้เม็ดเงินเรานอนตายเป็นปี ให้มันมีชีวิตทุกขณะ
และอาจสักวันมันอาจจะทำงานแทนท่านก็เป็นได้ ผมทำอยู่ และทำมันอยู่ทุกสิ้นเดือน "ถึงแม้วันนี้ผมทำงานหนัก แต่วันนึง
เงินผมต้องทำงานหนักกว่าผม"..
ลองคิดเล่นๆ นะครับ
http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_wrapper&Itemid=87