|
|
Temujin
ระดับ :ป.โท
ออฟไลน์
กระทู้: 2,998
** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 24 สิงหาคม 2011, 17:37:53 » |
|
ถึงท่านแมงมุม ผมอยากถามรายละเอียดเกี่ยวกับ หุ้นบุริมสิทธิ์ กรุณาให้ความกระจ่างด้วย อยากรู้ว่า มันคืออะไร มันมาได้อย่างไร มีสิทธิ์อะไรมากกว่าหรือน้อยกว่าหุ้นสามัญอย่างไร ขอบคุณครับ
ไม่ได้ค่อยเข้ามาอ่านเท่าไหร่ครับช่วงนี้ ขอตอบคำว่า หุ้นบุริมสิทธิ์ แล้วกันครับ หุ้นตัวนี้คือหุ้นที่จะได้รับชำระก่อนถ้าขาดทุนหรือเจ้งขึ้นมา ถ้าใครถือก็จะได้สิทธิก่อนคนถือหุ้นอื่น ส่วนสิทธิการออกเสียง ฯลฯ ก็จะเหมือนๆ หุ้นสามัญครับ ถ้าเปรียบกับการจำนองก็คนที่รับจำนองเจ้าแรกนั่นแหละครับ จะได้เงินก่อนถ้าถูกบังคับจำนองหรือขายทอดตลาด ถึงไม่ได้ฟ้องก็ตาม นี่เป็นความรู้ตอนเรียนกฎหมาย (ยังไม่จบ) อิอิ ส่วนตอนนี้ผมอยากจะเป็นเจ้า บุริมสิทธิ์หัวใจใครสักคนอยู่เหมือนกัน...ว่าไปเรื่อย.. พอจะถูกบ้างมั้ยลุงคิวฯ ในฐานะที่ท่านเป็นทนายความ..ส่วนผมพอเป็นทแนะความหรือไม่ได้ความช่วยแถลง..อิอิ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 สิงหาคม 2011, 17:42:00 โดย Temujin »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ryo_sakhu
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 16 มกราคม 2012, 10:02:39 » |
|
ขอบคุณครับ อ่านเข้าใจง่ายดี
|
|
|
|
CoffeebyKaewkao
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: วันที่ 07 มีนาคม 2012, 12:47:21 » |
|
ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ที่ฉันอยากรู้มานานแล้ว
|
|
|
|
|
MRTARS
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 30 มีนาคม 2012, 21:03:00 » |
|
อยู่ในตลาดหุ้น เราทำได้ 2 อย่างครับ
1.) ลงทุนในหุ้น 2.) เก็งกำไร หรือที่เรียกว่า เล่นหุ้น
สองตัวนี้ ดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่ความจริงแล้ว แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
การลงทุนในหุ้น คือการซื้อหุ้นเพื่อคาดหวังเงินปันผล และจะถือหุ้นตัวนั้นยาวไปตลอดจนกว่าพื้นฐานของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไป (ออกแนว VI) ซึ่งการลงทุนในหุ้น เราจะใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ส่วนการเล่นหุ้น คือการซื้อเพื่อคาดหวังส่วนต่างราคาหุ้นเพื่อทำกำไรในระยะสั้นๆ โดยไม่สนใจพื้นฐานของบริษัท จะใช้ การคาดการณ์ เทคนิค เป็นหลัก
ท่านเไหนที่เป็นนักลงทุนในหุ้น ขอแนะนำให้ศึกษาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ที่แต่ละท่านในห้องนี้นำมาแบ่งปัน โดยอย่าไปสนใจกับปัจจัยทางเทคนิคมากนัก และท่านไหนที่เป็นนักเล่นหุ้น ขอให้แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยเทคนิค
----------------------------------------------------------
หากท่านต้องการซื้อหุ้นของ PTT .....
ท่านไม่สามารถเดิมดุ่มๆไปที่ปั๊มปตท. หรือขึ้นแท็กซี่ไปลงบริษัทPTT ที่อยู่ใกล้ๆกับหมอชิต2 แล้วบอกว่า ขอซื้อหุ้น PTT 10 หุ้น ได้
และเช่นเดียวกัน ท่านไม่สามารถลงรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ แล้วโผล่ไปที่ "ที่ทำการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย" แล้วบอกว่า ขอซื้อหุ้น PTT 10 หุ้น ได้
สิ่งที่ท่านต้องทำคือ ท่านต้องไป "เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น" ก่อน และบัญชีซื้อขายหุ้นนั้น ท่านต้องไปเปิดกับ "บริษัทหลักทรัพย์" หรือที่เราเรียกว่า โบรกเกอร์ ชื่อเล่นว่า "โบรค"
ดังนั้น ตอนนี้ท่านทราบแล้วว่า "ตลาดหลักทรัพย์" กับ "บริษัทหลักทรัพย์" นั้น ไม่ใช่อันเดียวกัน จำไว้นะ ขอย้ำว่ามันไม่ใช่อันเดียวกัน อย่าบ้านนอก...ขอร้อง
ท่านต้องส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นไปที่ บริษัทหลักทรัพย์ แล้วบริษัทหลักทรัพย์ จะส่งคำสั่งของท่านต่อไปยัง ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำคำสั่งซื้อขายของท่านไปเข้าคิวตามกระบวนการซื้อขาย ซึ่งเขียนง่ายๆก็คือ
ก็อาจจะพูดได้ว่าการ ลงทุนในหุ้น ก็หมายถึงการฝากเงินใช้ไหมครับ (โดยคำนึงถึง technique การทำ port เพื่อกระจายความเสียงมากที่สุด) ทั้งนี้ผลกำไรที่คาดหวังว่าจะได้ก็ควรจะมากกว่าการลงทนในธนบัตรหรือการฝากเงินในธนาคาร ส่วนการเล่นหุ้นก็คือการหาส่วนต่าง (Capital Gain) ใช่ไหมครับ งั้นที่ผมเคยได้ยินมาว่า Total Yield = Capital Gain Yield + Dividend Yield ก็ไม่มีความหมายสำหรับนักเก็งกำไรใช่ไหมครับ ? เพราโดยนัยยะก็คือนักเก็งกำไรไม่สนใจ Dividend Yield แต่มองแค่ Capital Gain Yield ? งี้ก็ขัดกับหลัก Econ ที่เด็กๆเขาเรียนสิครับว่าการเก็งกำไร (speculation) เป็นสิ่งไม่ดี หรือที่ John M. Keynes พูดว่า animal spirit ตลาดหุ้นที่ทางวิชาการมองว่าเป็นสถานที่ๆคนที่มี excess fund มามองหา required return ก็ไม่จริง เพราะตลาดหุ้นไม่เสถียรในระยะยาวหรอครับ ?
|
|
|
|
|
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,890
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2012, 19:11:17 » |
|
อยู่ในตลาดหุ้น เราทำได้ 2 อย่างครับ
1.) ลงทุนในหุ้น 2.) เก็งกำไร หรือที่เรียกว่า เล่นหุ้น
สองตัวนี้ ดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่ความจริงแล้ว แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
การลงทุนในหุ้น คือการซื้อหุ้นเพื่อคาดหวังเงินปันผล และจะถือหุ้นตัวนั้นยาวไปตลอดจนกว่าพื้นฐานของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไป (ออกแนว VI) ซึ่งการลงทุนในหุ้น เราจะใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ส่วนการเล่นหุ้น คือการซื้อเพื่อคาดหวังส่วนต่างราคาหุ้นเพื่อทำกำไรในระยะสั้นๆ โดยไม่สนใจพื้นฐานของบริษัท จะใช้ การคาดการณ์ เทคนิค เป็นหลัก
ท่านเไหนที่เป็นนักลงทุนในหุ้น ขอแนะนำให้ศึกษาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ที่แต่ละท่านในห้องนี้นำมาแบ่งปัน โดยอย่าไปสนใจกับปัจจัยทางเทคนิคมากนัก และท่านไหนที่เป็นนักเล่นหุ้น ขอให้แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยเทคนิค
----------------------------------------------------------
หากท่านต้องการซื้อหุ้นของ PTT .....
ท่านไม่สามารถเดิมดุ่มๆไปที่ปั๊มปตท. หรือขึ้นแท็กซี่ไปลงบริษัทPTT ที่อยู่ใกล้ๆกับหมอชิต2 แล้วบอกว่า ขอซื้อหุ้น PTT 10 หุ้น ได้
และเช่นเดียวกัน ท่านไม่สามารถลงรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ แล้วโผล่ไปที่ "ที่ทำการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย" แล้วบอกว่า ขอซื้อหุ้น PTT 10 หุ้น ได้
สิ่งที่ท่านต้องทำคือ ท่านต้องไป "เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น" ก่อน และบัญชีซื้อขายหุ้นนั้น ท่านต้องไปเปิดกับ "บริษัทหลักทรัพย์" หรือที่เราเรียกว่า โบรกเกอร์ ชื่อเล่นว่า "โบรค"
ดังนั้น ตอนนี้ท่านทราบแล้วว่า "ตลาดหลักทรัพย์" กับ "บริษัทหลักทรัพย์" นั้น ไม่ใช่อันเดียวกัน จำไว้นะ ขอย้ำว่ามันไม่ใช่อันเดียวกัน อย่าบ้านนอก...ขอร้อง
ท่านต้องส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นไปที่ บริษัทหลักทรัพย์ แล้วบริษัทหลักทรัพย์ จะส่งคำสั่งของท่านต่อไปยัง ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำคำสั่งซื้อขายของท่านไปเข้าคิวตามกระบวนการซื้อขาย ซึ่งเขียนง่ายๆก็คือ
ก็อาจจะพูดได้ว่าการ ลงทุนในหุ้น ก็หมายถึงการฝากเงินใช้ไหมครับ (โดยคำนึงถึง technique การทำ port เพื่อกระจายความเสียงมากที่สุด) ทั้งนี้ผลกำไรที่คาดหวังว่าจะได้ก็ควรจะมากกว่าการลงทนในธนบัตรหรือการฝากเงินในธนาคาร การลงทุนในหุ้นก็คือการลงทุนในหุ้นครับ .... การฝากเงินก็คือการฝากเงินครับ .... แต่ทั้งสองอย่าง คือ วิธีการ "ลงทุน" เหมือนกัน...ส่วนการเล่นหุ้นก็คือการหาส่วนต่าง (Capital Gain) ใช่ไหมครับ ใช่ครับงั้นที่ผมเคยได้ยินมาว่า Total Yield = Capital Gain Yield + Dividend Yield ก็ไม่มีความหมายสำหรับนักเก็งกำไรใช่ไหมครับ ? เพราโดยนัยยะก็คือนักเก็งกำไรไม่สนใจ Dividend Yield แต่มองแค่ Capital Gain Yield ? สำหรับนักเก็งกำไร (ระยะสั้น) Total Yield = Capital Gain Yield ครับ เพราะ เขาไม่ได้ถือหุ้นนานพอจนได้รับเงินปันผล จึงไม่เกิด Dividend Yield ขึ้นมางี้ก็ขัดกับหลัก Econ ที่เด็กๆเขาเรียนสิครับว่าการเก็งกำไร (speculation) เป็นสิ่งไม่ดี หรือที่ John M. Keynes พูดว่า animal spirit นั่นคือมุมมองของเขาครับ ดีหรือไม่ดี ใครตัดสินครับ และตัดสินที่ตรงไหนตลาดหุ้นที่ทางวิชาการมองว่าเป็นสถานที่ๆคนที่มี excess fund มามองหา required return ก็ไม่จริง เพราะตลาดหุ้นไม่เสถียรในระยะยาวหรอครับ ? มันยังเป็นความจริงครับ ถ้าคุณได้อ่านถึงขั้นรู้ว่า John M. Keynes ให้ความเห็นว่า การเก็งกำไรคือ animal spirit ของมนุษย์ คุณน่าจะรู้ว่าการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง แม้แต่การฝากเงินก็ตาม
แม้แต่ชีวิตคนเรายังหาความมั่นคงจริงๆไม่ได้ แล้วจะไปคาดหวังกับความนิ่งของตลาดทุนเหรอครับ------------------- ตามนั้นครับ.
|
...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
|
|
|
MRTARS
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2012, 20:04:10 » |
|
อยู่ในตลาดหุ้น เราทำได้ 2 อย่างครับ
1.) ลงทุนในหุ้น 2.) เก็งกำไร หรือที่เรียกว่า เล่นหุ้น
สองตัวนี้ ดูเหมือนจะคล้ายกัน แต่ความจริงแล้ว แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
การลงทุนในหุ้น คือการซื้อหุ้นเพื่อคาดหวังเงินปันผล และจะถือหุ้นตัวนั้นยาวไปตลอดจนกว่าพื้นฐานของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไป (ออกแนว VI) ซึ่งการลงทุนในหุ้น เราจะใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ส่วนการเล่นหุ้น คือการซื้อเพื่อคาดหวังส่วนต่างราคาหุ้นเพื่อทำกำไรในระยะสั้นๆ โดยไม่สนใจพื้นฐานของบริษัท จะใช้ การคาดการณ์ เทคนิค เป็นหลัก
ท่านเไหนที่เป็นนักลงทุนในหุ้น ขอแนะนำให้ศึกษาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ที่แต่ละท่านในห้องนี้นำมาแบ่งปัน โดยอย่าไปสนใจกับปัจจัยทางเทคนิคมากนัก และท่านไหนที่เป็นนักเล่นหุ้น ขอให้แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยเทคนิค
----------------------------------------------------------
หากท่านต้องการซื้อหุ้นของ PTT .....
ท่านไม่สามารถเดิมดุ่มๆไปที่ปั๊มปตท. หรือขึ้นแท็กซี่ไปลงบริษัทPTT ที่อยู่ใกล้ๆกับหมอชิต2 แล้วบอกว่า ขอซื้อหุ้น PTT 10 หุ้น ได้
และเช่นเดียวกัน ท่านไม่สามารถลงรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ แล้วโผล่ไปที่ "ที่ทำการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย" แล้วบอกว่า ขอซื้อหุ้น PTT 10 หุ้น ได้
สิ่งที่ท่านต้องทำคือ ท่านต้องไป "เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น" ก่อน และบัญชีซื้อขายหุ้นนั้น ท่านต้องไปเปิดกับ "บริษัทหลักทรัพย์" หรือที่เราเรียกว่า โบรกเกอร์ ชื่อเล่นว่า "โบรค"
ดังนั้น ตอนนี้ท่านทราบแล้วว่า "ตลาดหลักทรัพย์" กับ "บริษัทหลักทรัพย์" นั้น ไม่ใช่อันเดียวกัน จำไว้นะ ขอย้ำว่ามันไม่ใช่อันเดียวกัน อย่าบ้านนอก...ขอร้อง
ท่านต้องส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นไปที่ บริษัทหลักทรัพย์ แล้วบริษัทหลักทรัพย์ จะส่งคำสั่งของท่านต่อไปยัง ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำคำสั่งซื้อขายของท่านไปเข้าคิวตามกระบวนการซื้อขาย ซึ่งเขียนง่ายๆก็คือ
ก็อาจจะพูดได้ว่าการ ลงทุนในหุ้น ก็หมายถึงการฝากเงินใช้ไหมครับ (โดยคำนึงถึง technique การทำ port เพื่อกระจายความเสียงมากที่สุด) ทั้งนี้ผลกำไรที่คาดหวังว่าจะได้ก็ควรจะมากกว่าการลงทนในธนบัตรหรือการฝากเงินในธนาคาร การลงทุนในหุ้นก็คือการลงทุนในหุ้นครับ .... การฝากเงินก็คือการฝากเงินครับ .... แต่ทั้งสองอย่าง คือ วิธีการ "ลงทุน" เหมือนกัน...ส่วนการเล่นหุ้นก็คือการหาส่วนต่าง (Capital Gain) ใช่ไหมครับ ใช่ครับงั้นที่ผมเคยได้ยินมาว่า Total Yield = Capital Gain Yield + Dividend Yield ก็ไม่มีความหมายสำหรับนักเก็งกำไรใช่ไหมครับ ? เพราโดยนัยยะก็คือนักเก็งกำไรไม่สนใจ Dividend Yield แต่มองแค่ Capital Gain Yield ? สำหรับนักเก็งกำไร (ระยะสั้น) Total Yield = Capital Gain Yield ครับ เพราะ เขาไม่ได้ถือหุ้นนานพอจนได้รับเงินปันผล จึงไม่เกิด Dividend Yield ขึ้นมางี้ก็ขัดกับหลัก Econ ที่เด็กๆเขาเรียนสิครับว่าการเก็งกำไร (speculation) เป็นสิ่งไม่ดี หรือที่ John M. Keynes พูดว่า animal spirit นั่นคือมุมมองของเขาครับ ดีหรือไม่ดี ใครตัดสินครับ และตัดสินที่ตรงไหนตลาดหุ้นที่ทางวิชาการมองว่าเป็นสถานที่ๆคนที่มี excess fund มามองหา required return ก็ไม่จริง เพราะตลาดหุ้นไม่เสถียรในระยะยาวหรอครับ ? มันยังเป็นความจริงครับ ถ้าคุณได้อ่านถึงขั้นรู้ว่า John M. Keynes ให้ความเห็นว่า การเก็งกำไรคือ animal spirit ของมนุษย์ คุณน่าจะรู้ว่าการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง แม้แต่การฝากเงินก็ตาม
แม้แต่ชีวิตคนเรายังหาความมั่นคงจริงๆไม่ได้ แล้วจะไปคาดหวังกับความนิ่งของตลาดทุนเหรอครับ------------------- ตามนั้นครับ. ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับที่ช่วยให้ความรู้กับผม คือผมยอมรับเลยว่าไม่ได้จบมาทางนี้มา เลยไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ก็เลยลองให้ผู้รู้ช่วยตรวจสอบว่าผมเข้าใจถูกรึปล่าว พอดีเวลาก็ผ่านมานานนนมากกก พอผมอ่านกระทู้นี้เลยได้คิดอะไรบางอย่างที่คิดข้างไว้เมื่อนานมาแล้ว จริงๆที่ผมถามเกี่ยวกับเรื่องของความคล้ายคลึงระหว่างการลงทุนแบบ portfio กับ saving ก็เพราะผมมองว่า ความเสี่ยงกับผลตอบแทนมีความสัมพันธ์ในทางบวกซึ่งกันและกัน กล่าวคือ high risk high return ใช่ไหมครับ ดังนั้นถ้าตั้งสมมุติฐานว่าเราทำ port จนกระทั่งสามารถเข้าสู่ non-diversiable risk ได้ก็หมายความว่า ความเสี่ยงของหุ้นนั้นก็จะใกล้กับตลาดหุ้นมาก กล่าวคือต่ำซะจนให้ return ต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าพูดอย่างงี้ก็มีความคล้ายกับธนาคาร ซึ่งเป็นที่ๆคนหวัง required return โดยมองว่าความเสี่ยงต่ำกว่า บางทีการลงทุนในกองทุนก็ใช้หลักการเดียวกันก็คือทำ port ดีๆเพื่อการันตี return ให้ลูกค้า compensate กับความเสี่ยงของเขา อันนี้ผมพอจะเข้าใจถูกไหมครับ ? อาจจะจำกัดความได้ว่า การถ่ายโอนเงินไปที่ใดที่หนึ่งที่มีความเสี่ยง และความเสี่ยงนี้ก็ถูกทดแทนโดยผลตอบแทนก็คือการลงทุนใช่ไหมครับ ขออ้างคำพูดที่คุณแมงมุมบอกว่าแม้แต่การฝากเงินก็คือรูปแบบหนึ่งของการลงทุน งั้นถ้ามองกลับกันทำไมการลงทุนถึงไม่ใช่รูปแบบหนึ่งของการฝากเงินล่ะครับ เพราะการฝากเงินก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนเช่นเดียวกันใช่ป่าวครับ ซึ่งทั้งสองกรณีมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ(เพราะหุ้นในperfect portfolio มีแค่nondiversiable risk)? แต่รูปแบบหนึ่งที่ผมว่าไม่ใช่การฝากเงินอย่างแน่นอนก็คือการเก็งกำไร เพราะการเก็งกำไรมีความเสี่ยงสูงเกินกว่าที่จะอยู่ในกรอบคำจำกัดความของการฝากเงิน กล่าวคือการเก็งกำไรนั้นไม่เสถียรเพราะไม่แน่นอน ที่คุณแมงมุมถามว่าใครตัดสินความดีหรือไม่ดี ถ้าตัดสินผ่านกรอบความเสถียรภาพ การspeculate ย่อมไม่ดีเพราะทำให้ nondiversiable risk ของคนที่ประสงค์จะลงทุนนั้นกว้างขึ้น เนื่องจากทำให้ตลาดทั้งตลาดในภาพรวมไม่เสถียร อีกนัยยะก็คือ สร้างความเสี่ยงให้ทั้งตนและผู้คนรอบข้าง เพื่อหวังให้ return ของตนเพิ่มขึ้น ไม่ได้คาดหวังอะไรกับความนิ่งของตลาดทุนหรอกครับ แต่มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องการหลักแหล่งและความสงบ สิ่งเหล่านี้ถึงแม้ในความเป็นจริงเราไม่สามารถที่จะหามาได้เลย แต่อย่างน้อยเราก็ควรที่จะทำให้ดีที่สุดครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 เมษายน 2012, 20:14:19 โดย MRTARS »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,890
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 03 เมษายน 2012, 07:51:52 » |
|
ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับที่ช่วยให้ความรู้กับผม คือผมยอมรับเลยว่าไม่ได้จบมาทางนี้มา เลยไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ก็เลยลองให้ผู้รู้ช่วยตรวจสอบว่าผมเข้าใจถูกรึปล่าว
พอดีเวลาก็ผ่านมานานนนมากกก พอผมอ่านกระทู้นี้เลยได้คิดอะไรบางอย่างที่คิดข้างไว้เมื่อนานมาแล้ว
จริงๆที่ผมถามเกี่ยวกับเรื่องของความคล้ายคลึงระหว่างการลงทุนแบบ portfio กับ saving ก็เพราะผมมองว่า ความเสี่ยงกับผลตอบแทนมีความสัมพันธ์ในทางบวกซึ่งกันและกัน กล่าวคือ high risk high return ใช่ไหมครับ ดังนั้นถ้าตั้งสมมุติฐานว่าเราทำ port จนกระทั่งสามารถเข้าสู่ non-diversiable risk ได้ก็หมายความว่า ความเสี่ยงของหุ้นนั้นก็จะใกล้กับตลาดหุ้นมาก กล่าวคือต่ำซะจนให้ return ต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าพูดอย่างงี้ก็มีความคล้ายกับธนาคาร ซึ่งเป็นที่ๆคนหวัง required return โดยมองว่าความเสี่ยงต่ำกว่า บางทีการลงทุนในกองทุนก็ใช้หลักการเดียวกันก็คือทำ port ดีๆเพื่อการันตี return ให้ลูกค้า compensate กับความเสี่ยงของเขา อันนี้ผมพอจะเข้าใจถูกไหมครับ ? ถูกครับ
อาจจะจำกัดความได้ว่า การถ่ายโอนเงินไปที่ใดที่หนึ่งที่มีความเสี่ยง และความเสี่ยงนี้ก็ถูกทดแทนโดยผลตอบแทนก็คือการลงทุนใช่ไหมครับ ใช่ครับ
ขออ้างคำพูดที่คุณแมงมุมบอกว่าแม้แต่การฝากเงินก็คือรูปแบบหนึ่งของการลงทุน งั้นถ้ามองกลับกันทำไมการลงทุนถึงไม่ใช่รูปแบบหนึ่งของการฝากเงินล่ะครับ การฝากเงิน เป็นหนึ่งในหลายๆวิธีในการลงทุน คล้ายๆกับ อำเภอเมืองเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงราย นั่นคือ จังหวัดเชียงรายไม่ได้มีแค่อำเภอเมือง ครับ
เพราะการฝากเงินก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนเช่นเดียวกันใช่ป่าวครับ ซึ่งทั้งสองกรณีมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ(เพราะหุ้นในperfect portfolio มีแค่nondiversiable risk)? ใช่ครับ
แต่รูปแบบหนึ่งที่ผมว่าไม่ใช่การฝากเงินอย่างแน่นอนก็คือการเก็งกำไร เพราะการเก็งกำไรมีความเสี่ยงสูงเกินกว่าที่จะอยู่ในกรอบคำจำกัดความของการฝากเงิน กล่าวคือการเก็งกำไรนั้นไม่เสถียรเพราะไม่แน่นอน ที่คุณแมงมุมถามว่าใครตัดสินความดีหรือไม่ดี ถ้าตัดสินผ่านกรอบความเสถียรภาพ การspeculate ย่อมไม่ดีเพราะทำให้ nondiversiable risk ของคนที่ประสงค์จะลงทุนนั้นกว้างขึ้น เนื่องจากทำให้ตลาดทั้งตลาดในภาพรวมไม่เสถียร อีกนัยยะก็คือ สร้างความเสี่ยงให้ทั้งตนและผู้คนรอบข้าง เพื่อหวังให้ return ของตนเพิ่มขึ้น ถ้าไปตัดสินในมุมมองของความเสี่ยง การเก็งกำไรย่อมไม่ดีครับ
ไม่ได้คาดหวังอะไรกับความนิ่งของตลาดทุนหรอกครับ แต่มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องการหลักแหล่งและความสงบ สิ่งเหล่านี้ถึงแม้ในความเป็นจริงเราไม่สามารถที่จะหามาได้เลย แต่อย่างน้อยเราก็ควรที่จะทำให้ดีที่สุดครับ ดังนั้น จึงไม่ต้องคาดหวังว่าตลาดการเงินจะเสถียรครับ
---------------------- การฝากเงิน หมายความว่า การฝากเงินธนาคารครับ.
|
...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
|
|
|
|
|