เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 15:40:23
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  อยากทราบประวัติที่มาของพระเชียงแสนสิงห์ 1
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน อยากทราบประวัติที่มาของพระเชียงแสนสิงห์ 1  (อ่าน 79867 ครั้ง)
vava0001
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50



« เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 17:26:28 »

ใครพอรู้เกี่ยวกับพระเชียงแสนสิงห์ 1  แล้วที่ว่าพระพุทธนวล้านตื้อ  ที่จมน้ำน้ำโขง นั้นความเป็นมาอย่างไรบ้าง
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 22:18:09 »

พระเจียงแสนมีเก๊าตี้เมืองเจียงแสน ผะมาณพุทธศตวรรษที่ 17-21
พระหนี้งามอย่างราชสีห์เปิ้นเลยฮ้องว่าพระสิงห์หนึ่ง สิงห์สอง สิงห์สาม


ตี้มาของพระเจียงแสน นักวิชาก๋ารสันนิษฐานไว้ 2 กรณี
1. เอาอย่างศิลปะปาละของอินเดียมา
พระแบบปาละในล้านนา เจ่น พระศิลา (ปางทรมานช้างนาฬาคีรี) วัดเจียงหมั้น นครเจียงใหม่

2. เอาอย่างศิลปะคุปตะของอินเดียมา
เป๋นยุคเดียวกับพระของตางศรีวิชัย เซิ่งพระเจียงแสนมีลักษณะคล้ายกับพระศิลปะศรีวิชัย

ศิลปะปาละอาจมีส่วนกับพระเจียงแสน โดยเฉพาะฐานที่เยียะเป๋นบัวแบบต่างๆ
ก๋านแป๋งพระศิลปะเชียงแสนหนี้ขยายออกไป 2 ตาง คือ ทางตะวันตก (เจียงใหม่) กับ ทางใต้ (สุโขทัย)

รุ่นแรกเป็นศิลปะของเจียงแสนแต้ ลักษณะสำคัญ คือ ตั๋วอวบอ้วน หน้าสั้นมน ปากหน้อย กางเป็นป๋ม
อกปูด รัศมีฮูปบัวตูมหรือเป็นต่อมมน ตี๋นจีวรสั้น แลบาง พระเจียงแสนรุ่นแรก เปิ้นฮ้องว่า “สิงห์หนึ่ง”
รุ่นกลางฮ้อง “สิงห์สอง” รุ่นหลังฮ้อง “สิงห์สาม”

สำหรับพระรุ่นถัดมาจะแข็ง กระด้าง บ่อ่อนหวานนุ่มนวล ตั๋วผอมสูง บ่สมส่วน
หน้ายาวเป็นฮูปไข่ สังฆาฏิยาว พระตี้เกิดในรุ่นหลังนี้ เจ่น พระหริภุญชัยโพธิสัตว์ เป๋นเก๊า
พระรุ่นหลังนี้ยังได้เป๋นแบบหื้อพระในล้านจ๊างตวยเน้อ


* พระเจียงแสน สิงห์ 3.jpg (18.71 KB, 332x448 - ดู 117582 ครั้ง.)

* พระเจียงแสน.jpg (260.88 KB, 859x645 - ดู 83975 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 21:52:10 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 22:26:41 »

ก็อปเปิ้นมาแหมกำ ลองอ่านผ่อเน้อ

พลิกฟื้นพระเจ้าล้านตื้อ ประวัติศาสตร์ลำน้ำโขงของเมืองเชียงแสน

ลำน้ำโขงเป็นสายน้ำใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนสองฝากฝั่ง สายน้ำไหลเชี่ยว ดุดัน จากจีน มุ่งผ่าน พม่า ไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ประวัติศาสตร์ ของชาติต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำโขง จึงหนีไม่พ้นสายน้ำแห่งนี้

น้ำโขงไหลผ่านทวีปนี้ราวกับมีชีวิต 10 ปี ไหลไปทางหนึ่ง 100 ปี ไหลไปอีกทางหนึ่ง เปลี่ยนทางไปอีกทางหนึ่ง มีตำนานเล่าว่าถึงเกาะเก่าแก่กลางลำแม่น้ำโขง “เกาะดอนแท่น” เดิมทีเป็นผืนดินในไทยโดยเป็นทีอาศัยของผู้คนเชียงแสนในยุคก่อน เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของวัดกว่า 10 วัด ตามที่ระบุไว้ในพงศาวดาร เมืองเงินยางเชียงแสนภาคที่ 61 ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งของ วัดพระเจ้าทองทิพย์ อันเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพทุธรูปสำริดขนาดใหย่ ซึ่งชาวบ้านกล่าวขานนามว่า “พระเจ้าล้านตื้อ คำว่า ตื้อ คือมาตราวัดของชาวล้านนา หมายถึงโกฏิ ดังนั้นคำว่า "ล้านตื้อ" ก็หมายถึงองค์พระนี้มีขนาดและน้ำหนักมาก สันนิฐานว่าองค์พระคงจมลงไปพร้อมกับเการะดอนแท่น ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณน้ำโขงหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน
ประจักษ์พยานที่ชัดเจนคือ พระรัศมีพระเจ้าล้านตื้อ ซึ่งมีขนาดกว้าง 55 CM สูง 70 CM คาดกันว่าพระรัศมีถูกงมขึ้นมาก่อนปี พ.ศ.2446 และมีการประมาณว่าพระเจ้าล้านตื้อหากมีอยู่จริง หน้าตักคงกว้างประมาณราว 8.5 m สูง 10 m

อย่างไรก็ตามคำเล่าขานจึงไม่ใช่เรื่องที่ฝังนิ่งอยู่ในตำนานแต่เป็น เรื่องจริงต้องรอคอยว่าวันหนึ่งองค์พระเจ้าล้านตื้อจะกลับมาสู่เมือง วิธีการกลับคืนมาสู่เมืองจะเป็นอย่างไร คงต้องรอติดตามอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนจะกลับมาในรุ่นเรา รุ่นลูก หรือรุ่นหลาน หรือกว่านั้น ก็ต้องรอคอยด้วยในอันศรัทธาเหมือนกัน

ตามรอยพระเจ้าล้านตื้อ
จากคำบอกเล่าของชาวเชียงแสน ที่บรรทุกไว้ในหนังสือตามรอยพระเจ้าล้านทองทิพ (พระเจ้าล้านตื้อ) ประวัติศาสตร์ลำน้ำโขงเมืองเชียงแสน (หาซื้อได้ ที่พิพิธภันฑ์สถานแห่งชาติ เชียงแสน กล่าวว่าคืนพบพระพุทธรูปกลางลำน้ำโขงครั้งแรกเมือราวปี พ.ศ.2479 พรานหาปลา ผู้หนึ่งทอดแหหาปลาอยู่กลางน้ำโขงบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอเชียงแสนได้ เห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่โพล่ขึ้นมากลางน้ำจำได้ว่ามีพระรัศมีบนพระเกศาและ เห็นส่วนพระเศียรเพียงแค่พระหนุ แต่อย่างไรก็ตาม การพบเห็นของพรานปลาผู้นั้นขัดกับหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ที่ว่าการค้นพบพระรัศมีนั้นพบก่อน ปี พ.ศ.2446 เมื่อครั้งแรกได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดคว้าง (หลังตลาดเชียงแสน) ต่อมาย้ายไปรักษาที่วัดปงสนุก และวัดมุงเมืองตามลำดับ เมื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ เสร็จจึงนำออกแสดงจนมาถึงทุกวันนี้ ต่อมาในปี พ.ศ.2488 มีพรานปลาอีกคนหนึ่งพบเสาวิหารขนาดใหญ่จำนวน 2-3 ต้นล้มทับกันจมอยู่ในน้ำโขง ลึกราว 4 เมตร ที่บริเวณสามแยกหน้าสถานีตำรวจ

ครั้นถึงปี พ.ศ.2492–2493 เพียสมบูรณ์ (ชาวลาวอพยพมาตั้งถิ่นฐานในอำเภอเชียงแสน) ฝันว่าพระพุทธรูปล้มคว่ำพระเศียรลง หันไปทางทิศใต้ ดังนั้นราวเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม ของปีเดียวกันนั้นจึงมีการลงคลำหาพระพุทธรูปกันอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากตั้งศาลเพียงตาขึ้นในบริเวณเกาะดอนแท่นและทำพิธีบวงสรวงพระพุทธรูป เตรียมเรือเหล็กขนาดใหญ่ 2 ลำ พร้อมช้าง 3-4 เชือก นิมนต์พระสงฆ์ทำพิธี เนื่องจากกระแสน้ำแรงและเย็นมากจึงไม่อาจพบพระรูปแต่อย่างใด

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์–เดือนมีนาคม พ.ศ.2509 อิตาเลียน–ไทย จำกัด ได้สัมปทานการสร้างสนามบินในหลวงพระบาง มาพักอยู่ที่เชียงแสน (สมัยนั้นการเดินทางไปหลวงพระบางต้องใช้วิธีการเดินเรือจากเชียงแสนไปถึงจะสะดวกที่สุด) นายชูสง่า ไชยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ขณะนั้นจึงได้ให้ทางบริษัทฯ ดังกล่าว ส่งนักประดาน้ำและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อค้นหาและกู้เอาพระพุทธรูปขึ้นมา ซึ่งเป็นจุดที่เกาะกลางน้ำตรงหน้าสถานีตำรวจบริเวณดังกล่าวเป็นน้ำวน เชี่ยวมาก นักประดาน้ำทนความเย็นไม่ไหว การค้นหาในตอนนั้นจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ได้เพียงพระพุทธรูปองค์เล็ก และโบราณวัตถุอื่นๆอีกเพียงเล็กน้อยจึงหยุดค้นหา
        
การค้นหาพระพุทธรูปที่จมอยู่ในลำน้ำโขง ตั้งแต่การพบครั้งแรกจนกระทั้งถึงทุกวันนี้กว่า 70 ปีแล้วเรื่องราวยังเป็นที่สนใจและถูกเล่าขานผ่านลูกหลานชาวเชียงแสน เมื่อสืบทอดผ่านกันมาจึงกลายเป็นตำนานและนิทานพื้นบ้าน

พระพุทธรูปนวล้านตื้อ (จำลอง)
พระพุทธรูปสีทองขนาดใหญ่ น้ำหนัก 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 เมตร สูง 15.99 เมตร ประทับอยู่บนเรือนแก้วกุศลธรรมขนาดใหญ่
พระพุทธนวล้านตื้น องค์นี้สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่จมลงแม่น้ำโขง หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน สมัยรัชกาลที่ 3
และสร้างขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองด้วยบุศราคัม น้ำหนักถึง 69 ตัน หน้าตักกว้าง 9.99 ม.สูง 15.99 ม. ประทับนั่งบน "เรือแก้วกุศลธรรม" ขนาดใหญ่ พร้อมกันนั้นก็ได้สร้างตุงหลวง สูง 17.99 ม. ศูนย์ OTOP ล้านนา ซุ้มประตูโขงและพระมหาโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว สูง 9.99 ม.) ทั้งหมดนี้ได้ใช้งบประมาณถึง 69 ล้านบาท

ที่มา
นิตยสารแนะนำการท่องเที่ยวเชียงรายไกด์บุ๊ค ฉบับที่ 5 เล่มที่ 51 ประจำเดือน มีนาคม 2549


* พระรัศมี.jpg (6.39 KB, 218x282 - ดู 66492 ครั้ง.)

* พระพุทธรูปนวล้านตื้อ (จำลอง).jpg (45.28 KB, 500x375 - ดู 69805 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 22:35:11 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 22:34:04 »

เชียงราย – ทีมค้นหา “พระเจ้าล้านตื้อ-วัตถุโบราณ” กลางแม่น้ำโขง ต้องเลิกกะทันหัน สปป.ลาว ไม่ให้ขึ้นเกาะที่โผล่ขึ้นมาหลังน้ำแห้ง อ้างผิดสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ขณะที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้มีพระพุทธรูปเก่าแก่จมใต้แม่น้ำโขงจริง กลุ่มสภาวัฒนธรรมฯ เตรียมขอกรมศิลป์ส่งทีมช่วยอีกรอบในฤดูฝน เมื่อน้ำท่วมเกาะ

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ค. 2552 กรมทรัพยากรธรณี ร่วมกับประชาชนชาวเชียงแสนโดยมีสภาวัฒนธรรม อ.เชียงแสน เป็นหน่วยงานประสานงานมีกำหนดทำการค้นหาโบราณวัตถุกลางแม่น้ำโขงบริเวณด้าน หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน หลังจากเมื่อเดือน มิ.ย.2549 กรมทรัพยากรธรณีเคยนำเรือและเครื่องโซน่า เข้าค้นหาโบราณวัตถุตามคำบอกเล่าและหลักฐานพระรัศมีสัมริด ของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 70 เซ็นติเมตร เมื่อคำนวณว่า จากพระรัศมีดังกล่าวพบว่า จะได้องค์พระพุทธรูปสูงถึง 9 เมตร ซึ่งตามประวัติเรียกขานชื่อกันว่า “พระเจ้าทองทิพหรือพระเจ้าล้านตื้อ” จนพบวัตถุต้องสงสัยที่ไม่ใช่มาจากธรรมชาติมาก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังการค้นหา 1 วันที่ผ่านมา คณะจากกรมทรัพยากรธรณีและชาวบ้านที่ไปมุงดูหลายร้อยคนต่างก็ต้องผิดหวัง เพราะจุดที่กรมทรัพยากรธรณีเคยกำหนดเอาไว้ว่า พบวัตถุต้องสงสัยใต้น้ำ ในปัจจุบันกลับมีสภาพเป็นเกาะทรายกว้าง อันเกิดจากการเกาะกันของตะกอนดินทรายกลางแม่น้ำโขง และตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ก็ระบุให้เกาะกลางแม่น้ำโขงเป็นของ สปป.ลาว ด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปค้นหาบริเวณดังกล่าวได้ ทั้งๆ ที่ได้มีการนำเครื่องมือขุดเจาะไปแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ก็ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปบนเกาะแต่อย่างใด

ด้าน นายบุญส่ง เชื้อเจ็ดตน ประธานสภาวัฒนธรรม อ.เชียงแสน กล่าวว่า หลังจากทำพิธีบวงสรวงกันตามประเพณีแล้วกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งเดินทางไปค้นหาพระเจ้าล้านตื้อที่หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน หลายครั้ง ก็เริ่มนำเครื่องมือที่ทันสมัยลงไปหาในน้ำ และเตรียมเครื่องมือทางบกเอาไว้ด้วย แต่ปรากฏว่าจุดที่เคยกำหนดเอาไว้ว่าเคยพบวัตถุที่เชื่อว่าจะเป็นพระเจ้าล้าน ตื้อ กลับเป็นเกาะกลางแม่น้ำโขงไปเสีย จึงนับว่าน่าเสียดายอย่างมาก เพราะเราใกล้ความจริงมาทุกขณะ แต่ก็ต้องยกเลิกไป ดังนั้นตนในฐานะชาวเชียงแสน จะขอให้ทางกรมทรัพยากรธรณีนำเครื่องมือกลับไปสำรวจหาอีกครั้งในเดือน ก.ย.-ต.ค. 2552 เพราะเป็นช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำจะท่วมเกาะจนหมดทำให้สามารถแล่นเรือไปได้โดยไม่ต้องติดเรื่องสนธิสัญญา ระหว่างประเทศ

นายบุญส่งกล่าวอีกว่า จุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดเอาไว้จากการใช้โซน่าห่างจากเรือกลางแม่น้ำโขงเพียง ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น หากเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ยินยอมก็จะใช้เวลาค้นหาเพียงแค่ 1 วันก็จะเห็นผลแล้ว แต่เมื่อไม่ยินยอมก็ทำให้คณะต้องค้นหาจุดอื่นตั้งแต่หน้าวัดผ้าขาวป้านไปจน ถึงบริเวณท่าเรือเชียงแสน ซึ่งก็ไม่พบสิ่งใดเพราะไม่ใช่จุดที่เครื่องโซน่าฉายพบวัตถุต้องสงสัย ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่าทางเจ้าหน้าที่ไทยจะเห็นความสำคัญ เข้ามาดำเนินการอีกครั้งเพราะใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาปัจจุบันพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ได้ระบุข้อความภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสนว่า ชาวเชียงแสนซึ่งตั้งถิ่นฐานมานาน 25-65 ปี เชื่อว่าบริเวณหน้าเมืองเชียงแสน มีพระเจ้าล้านตื้อหรือพระเจ้าทองทิพ จมอยู่กลางแม่น้ำโขงตามที่บรรพบุรุษเคยเล่าให้ฟัง และการค้นหาพระเจ้าล้านตื้อ มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 โดยพรานหาปลาที่ทอดแหและได้เห็นเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมากลางน้ำ แต่ไม่มีพระรัศมีบนพระเกตุมาลา สอดคล้องกับหลักฐานที่ค้นพบเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน ซึ่งเป็นพระรัศมีสำริดขนาดใหญ่ ที่นำไปเก็บรักษาไว้ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสนดังกล่าว

จากนั้นก็มีค้นหาตามประสาชาวบ้าน และปรากฏเรื่องราวปาฏิหาริย์หลายครั้ง เช่น เรือของเจ้าหน้าที่ ที่ไปค้นหาบริเวณดังกล่าวถูกแรงดันให้เรือถอยออกมา เกิดฝนฟ้าตกคะนองเมื่อเข้าใกล้จุดดังกล่าว เป็นต้น

รายงานข่าวแจ้งอีกว่าเอกสารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสนสรุปอีกว่า เรื่องนี้ถูกเล่าขานจากชาวเชียงแสนและคนต่างถิ่นสืบทอดกันมานานจึงมิใช่ ตำนานหรือนิทานพื้นบ้าน และสันนิษฐานได้ว่าพระเจ้าทองทิพ หรือพระเจ้าล้านตื้อ รวมทั้งโบราณวัตถุต่างๆ เคยอยู่บนเกาะดอนแท่นหรือเกาะดอนแห้ง กลางแม่น้ำโขง หน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน จริง แต่เกาะได้ล่มลงก่อนที่จะมีการทำสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส เรื่องการแบ่งปันเขตแดน เมื่อปี พ.ศ.2469 และช่วงรัชกาลที่ 1 ก็มีการเผาเมืองจนร้างจึงทำให้เหลือหลักฐานอยู่น้อยมาก

นอกจากนี้ยังมีตำนานและพงศาวดารเกี่ยวกับเมืองเชียงแสนเมื่อประมาณ 500-700 ปี เคยระบุถึงเกาะดอนแท่นกลางแม่น้ำโขงหลายครั้ง เช่น พระเจ้าแสนภูสร้างเมืองเชียงแสนทรงประทับอยู่ในวังบนเกาะดอนแท่น ที่บริเวณหน้าเมืองเชียงแสน จนสวรรคตและตั้งพระบรมศพบนเกาะดอนแท่นระยะหนึ่ง หรือสมัยพระเจ้ากือนา ของเมืองเชียงใหม่ ทรงนำพระสีหลปฏิมาทำพิธีอภิเษกพระบนเกาะดอนแท่น แล้วนำไปประดิษฐานไว้ ณ วัดพระสิงห์ จ.เชียงราย เป็นต้น แต่ต่อมาเกาะดอนแท่นพังทลายลงในแม่น้ำโขงเมื่อใดไม่มีผู้ใดทราบ เนื่องจากเมืองเชียงแสนร้างไปตั้งแต่รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงรัชกาลที่ 5 จึงคาดว่าจะล่มสลายลงในช่วงเวลาดังกล่าว

ข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Loca/ViewNews.aspx?NewsID=9520000052680


* 001.jpg (92.08 KB, 800x200 - ดู 64583 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 22:39:05 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 55



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 12 มิถุนายน 2011, 23:48:35 »

พระเจียงแสนมีเก๊าตี้เมืองเจียงแสน ผะมาณพุทธศตวรรษที่ 17-21
พระหนี้งามอย่างราชสีห์เปิ้นเลยฮ้องว่าพระสิงห์หนึ่ง สิงห์สอง สิงห์สาม


ตี้มาของพระเจียงแสน นักวิชาก๋ารสันนิษฐานไว้ 2 กรณี
1. เอาอย่างศิลปะปาละของอินเดียมา
พระแบบปาละในล้านนา เจ่น พระศิลา (ปางทรมานช้างนาฬาคีรี) วัดเจียงหมั้น นครเจียงใหม่

2. เอาอย่างศิลปะคุปตะของอินเดียมา
เป๋นยุคเดียวกับพระของตางศรีวิชัย เซิ่งพระเจียงแสนมีลักษณะคล้ายกับพระศิลปะศรีวิชัย

ศิลปะปาละอาจมีส่วนกับพระเจียงแสน โดยเฉพาะฐานที่เยียะเป๋นบัวแบบต่างๆ
ก๋านแป๋งพระศิลปะเชียงแสนหนี้ขยายออกไป 2 ตาง คือ ทางตะวันตก (เจียงใหม่) กับ ทางใต้ (สุโขทัย)

รุ่นแรกเป็นศิลปะของเจียงแสนแต้ ลักษณะสำคัญ คือ ตั๋วอวบอ้วน หน้าสั้นมน ปากหน้อย กางเป็นป๋ม
อกปูด รัศมีฮูปบัวตูมหรือเป็นต่อมมน ตี๋นจีวรสั้น แลบาง พระเจียงแสนรุ่นแรก เปิ้นฮ้องว่า “สิงห์หนึ่ง”
รุ่นกลางฮ้อง “สิงห์สอง” รุ่นหลังฮ้อง “สิงห์สาม”

สำหรับพระรุ่นถัดมาจะแข็ง กระด้าง บ่อ่อนหวานนุ่มนวล ตั๋วผอมสูง บ่สมส่วน
หน้ายาวเป็นฮูปไข่ สังฆาฏิยาว พระตี้เกิดในรุ่นหลังนี้ เจ่น พระหริภุญชัยโพธิสัตว์ เป๋นเก๊า
พระรุ่นหลังนี้ยังได้เป๋นแบบหื้อพระในล้านจ๊างตวยเน้อ
 "ผมติดตามอ่านบทความที่คุณเชียงรายพันธุ์แท้นำมาถ่ายทอดหรือตอบกระทู้สมาชิกมาโดยตลอดครับ วันนี้ผมขออนุญาตชี้แจงว่ารูปภาพพระที่คุณเชียงรายพันธุ์แท้นำมาประกอบการตอบกระทู้นั้นไม่ใช่พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน:สิงห์๑แต่เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน:สิงห์๓ ครับ ส่วนพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน:สิงห์๑ ผมได้แนบไฟล์รูปมาให้ชมเป็นตัวอย่างครับ


* พระสิงห์๑.jpg (56.74 KB, 800x600 - ดู 107348 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 16:11:35 โดย ALPHA 1 » IP : บันทึกการเข้า

"คุณภาพคู่คุณธรรม"
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 14:52:25 »

เรียนท่านเชียงรายพันธุ์แท้ รูปที่แนบมาเป็นสิงห์สามครับ
IP : บันทึกการเข้า
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 16:22:01 »

เคยได้ยินว่ามีคนทอดแหไปติดกับสิ่งหนึ่ง เมื่อดำน้ำไปดูพบว่า เป็นเศียรพระที่มีขนาดใหญ่โตมาก  เด็กที่เคยเป็นลูกศิษย์บอกว่า เมื่อก่อนก็เห็นมาเหมือนกับริ้วน้ำที่เหมือนกับมีงูยักษ์อยู่ใต้น้ำบ่อยๆซึ่งก็เป้นตำนานคู่แม่น้ำโขงไปแล้ว

----มีคน กทม. เขาพาไปดูห้องพระ มีพระพุทธรูปศิลาแลงแบบเชียงแสน เขาบอกว่า ให้คนนั่งทางในดูหลายครั้ง พบว่า พวกฤาษี ใช้ซิลาแลงที่ปั้นทำกำแพงเมืองนั้นแหละปั้นขึ้นมา ที่ห้องผมก็มีแบบนี้อีก 1 องค์  นอกตากนั้นเขายังเอาก้อนหินกลมๆ ดูแล้วเหมือนส้มโอเป็นหินมาให้ และบอกว่า นี่คือ มะนาวโห่ เวลาใกล้แจ้งจะมีเหตุร้ายจะมาเข้าฝันให้รู้ นอกจากนี้ยังมีหินที่เหมือนรองเท้าฤาษี อะไรอีกหลายอย่าง ได้มาจาก ที่เชียงคาน จ.เลย  ผมยังเคยเห็นตัวหมากรุก และรูปหล่อทองเหลือง ของสุนัขเล็กๆ ได้มาจากแถวนั้น เป็นน้ำตก เขาบอกว่า มีตัวหมากรุกอันหนึ่ง-กันกระสุนได้ คือยิงไม่ออก  ยังคิดอยู่ว่าคนโบราณเรานี่สุดยอด
และนิทานปรัมปราของไทยที่ฝรั่งได้ยินแล้วทึ่งและพร้อมจะเชื่อ เนื่องจากฝรั่งค้นคว้ามาก บางคนก็อ่านภาษาขอมได้ด้วย

---ไม่ได้พาออกนอกเรื่องนะครับ เพราะเราพูดเรื่องพระ---ความศักดิ์สิทธิ์  คนโบราณทำลูกแก้วไว้ตามกู หรือเจดีย์ นานๆไป ลูกแก้วนั้นเรื่องแสงได้ และเหาะไปมาอยู่ตามวัดต่างๆ  สมัย 70ปีก่อน พ่อผมเล่าว่า วิ่งตามลูกแก้วที่เหาะต่ำไป จากวัดหนึ่งไปอีกวัดหนึ่งทุกคืนวันเพ็ญ แต่ก็จับไม่ได้--ทางพระธุดงค์เรียกว่า "ลูกแก้วเสด็จ"

-----นิทานโบราณกล่าวว่า วิทยาธร ถือลูกแก้วที่มีแสงมา และทำให้เหาะได้  เมื่อเผลอหลับไป เด็กได้โขมยลูกแก้วนั้น และเด็กก็เหาะได้เช่นกัน---นี่เหมือนเป็นสารคดีอย่างหนึ่ง เพราะคำว่า วิทยาธร คือ "ผู้มีความรู้"  การที่คนโขมยแล้วใช้งานได้ คือเหาะได้ นั่นคือ ลูกแก้วต้องเป็นเครื่องจักรกล หรือมีสนามพลังพิเศษ ซึ่งคนธรรมดาก็ใช้งานได้เหมือนวิทยุ ทีวี หนือโทรมือถือ-- เช่นเดียวกับการที่อเมริกาเก็บจานบินที่ตกแล้วนำมาศึกษา แต่ก็งงเป็นไก่ตาแตก เพราะมันไม่มีเครื่องยนต์ มีแต่ลูกแก้ว 3 ลูก ขนาดไข่นกกระจอกเทศ เมื่อปั่นให้มันหมุนไป ก็จะเกิดพลังให้จานบินลอยได้ แต่ก็ยังไม่คืบหน้า ทั้งๆที่ระดมสมองศึกษามาถึง 60 ปี--(ลองหาดูหนังชุดเรื่อง เทคเค่น--สปิลเบิร์กปั่นออกมาจากเรื่องจริง)----ด้วยภูมิปัญญาของคนโบราณจึงได้ทะลุกรอบความคิดทางวิทยาศาสตร์ออกมาได้
(ผมเองก็เรียนจบวิทยาศาสตร์)  การล่องหนหายตัว--หรือย่นระยะทาง ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแค่แถบบ้านเรานี้ มีทั่วโลก ถึงขนาดที่ทางวิทยาศาสตร์ี่ ต้องบัญญัติศัพท์เฉพาะไว้
--ล่องหนหายตัว--teleportation   เคลื่อนวัตถุด้วยพลังจิต-telekinesis   เห็นล่วงหน้า--เดจา วู-deja vu--ตาทิพย์ claivoyance--การหาหมอดูทำนายทายทักล่วงหน้า--ฝรั่งมานก็ทำกัน และจะมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำไป

--การสื่อสารด้วยพลังจิต พวกเรือดำน้ำจะสื่อสารกันไม่ได้ หรือจะโดนดักฟัง จึงให้พวกทหารเรือเก่งๆมาบวชที่วัดป่าของไทย แล้วนำไปสอนพวกทหารเรือที่อเมริกา
-ไ้ด้ผลเป็นที่น่าพอใจที่สุด
--พวกนักบินไทยจะต้องมีคอร์สไปฝึกที่เยอรมัน ด้านสมาธิ  พวกนั้นบอกว่า
ยูจะมาเรียนทำไม ไอก็ไปเรียนมาจากเมืองไทยนะแหละ  คอร์สคุณแม่สิริ สอนฟรี ดีกว่านี้ด้วย
ฝรั่งบางคน ไม่รู้หรอกว่าเมืองไทยมีที่เที่ยวที่ไหน ถามหาแต่สำนักหลวงพ่อชา หลวงพ่อเทียน
--คนไทยซะอีกไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้--อย่าใกล้เกลือกินด่างเลยครับ พลังจิตมีอยู่ในทุกคน รู้จักฝึกฝนและใช้บ้าง จะมีประโยชน์มากๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 มิถุนายน 2011, 16:25:50 โดย jesdath » IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 11:52:32 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
อ่านเพลินเลย ทั้งท่าน เชียงรายพันธุ์แท้ และท่าน  jesdath
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
ลูกหล้าแม่อุ้ย
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 332



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2011, 21:00:30 »

แล้วต๋อนนี้ทางก๋านเปิ้ลจะมีโครงก๋านลงงมหาพระเจ้าตองทิพแหมก่อหาคับ
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2011, 21:18:37 »

แล้วต๋อนนี้ทางก๋านเปิ้ลจะมีโครงก๋านลงงมหาพระเจ้าตองทิพแหมก่อหาคับ

ตางก๋านเปิ้นดักปิ้งเลยครับ บ่แน่ใจ๋เหมือนกั๋น


* 001.jpg (168.26 KB, 800x200 - ดู 63310 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 15 มิถุนายน 2011, 21:50:00 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
Nung Jr.
084-8877334 AIS3G 24 ชั่วโมง
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,114


0848877334


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 08:43:59 »

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลตี๊ดี๊ๆๆ
IP : บันทึกการเข้า

เต็งหนึ่งรถบ้านมือสองคุณภาพเต็มร้อย จัดได้ทุกอาชีพติดตรงไหนโทรมาปรึกษาได้ครับ ไม่ต้องเกรงใจ

084-8877334 ปรึกษาได้ตลอดเวลาครับ
vava0001
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 17 มิถุนายน 2011, 15:38:05 »

ขอบคุณทุกคนขะหนาดเจ้า ตี้ฮื้อความฮู้  ได้ความฮู้จาดนัก ยิงฟันยิ้ม ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
ALPHA1
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 55



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 18 มิถุนายน 2011, 03:37:47 »

ขอบคุณทุกคนขะหนาดเจ้า ตี้ฮื้อความฮู้  ได้ความฮู้จ๊าดนัก ยิงฟันยิ้ม ยิ้มกว้างๆ
  "พระพุทธรูปศิลปะเจียงแสน:พระสิงห์๑ องค์นี้ผมฮักขะหนาดครับ ก่เลยเอามาหื้อคุณvava0001เจ้าของกระทู้และสมาชิกไ้ด้ผ่อได้กอยพ่องครับ"


* พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนฯ.jpg (154.88 KB, 800x600 - ดู 78078 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

"คุณภาพคู่คุณธรรม"
athy
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2014, 15:23:05 »

เช็คองค์นี้ให้ด้วยครับ


* 2014-08-20 22 36 12.JPG (495.77 KB, 720x1280 - ดู 42132 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
chamrus
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 556


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 06 กันยายน 2014, 12:02:59 »

แวะมาแอ่วผ่อครับ มีความรู้ขึ้นอีกนักครับ
IP : บันทึกการเข้า
pairuch9889
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 198


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2014, 08:31:37 »

ผมเคยเห็นที่เชียงแสนครับ...แตกกรุช่วงเดือนกรกฎาคม และต้นเดือนกันยายน2557...(ชาวบ้านบางคนก่เล่าว่าขุดพบบ้าง...เจอในคู่เมืองเก่าบ้าง...แถวสนามหญ้าบ้าง...แท้จริงผมไม่รู้...รู้แต่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฝนตกหนักดินอาจถูกน้ำฝนเซาะ...วันเสาร์ที่ 6 ก.ย.57 ที่วัดกาสาแม่จันเห็นมีคนให้บูชาเหมือนกันครับ...เห็นว่ามีคนเหมาหมดครับ...ส่วนที่แม่สายได้ข่าวว่าก็มีผู้ใหญ่มาเช่า 10 องค์...อ่านแล้วก็พิจารณาด้วยนะครับข้อมูลนี้ผมไม่ได้พบเองแต่เป็นเสียงเล่าอ้างต่อ ๆ กันมา...ขอบคุณครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 กันยายน 2014, 07:30:07 โดย pairuch9889 » IP : บันทึกการเข้า
pairuch9889
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 198


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2014, 09:11:17 »

ผมเห็นเขามีการประมูลในเวปด้วยครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 กันยายน 2014, 12:50:19 โดย pairuch9889 » IP : บันทึกการเข้า
pairuch9889
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 198


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 19 กันยายน 2014, 08:47:17 »

มีคนเอาลงในเวปซื้อขายสินค้า...http://www.olx.co.th/product-100173204/
IP : บันทึกการเข้า
pairuch9889
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 198


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 23 กันยายน 2014, 12:17:28 »

http://www.gejisiam.com/shop/narain/product-121438
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!