เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 04:44:41
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  นักลงทุน การเงิน การธนาคาร
| | |-+  ท่านเข้ามาเป็น นลท.ชื้อ-ขาย "หุ้น" ด้วยเหตุผลใด?
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน ท่านเข้ามาเป็น นลท.ชื้อ-ขาย "หุ้น" ด้วยเหตุผลใด?  (อ่าน 3676 ครั้ง)
watinta
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 19:27:27 »

ขออนุญาตสอบถามท่าน นลท.ทุกๆท่านหน่อยครับ  ครั้งแรกที่ท่านสนใจเข้ามาเป็น นลท.ซื้อ-ขาย "หุ้น" ท่านมีเหตุผลอะไร หรือ มีอะไรเป็นสิ่งจูงใจครับ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 19:36:53 »

รู้สึกว่าถูกธนาคารที่ไปฝากเงินเอาเปรียบ ที่จะได้ดอกเบี้ยเฉพาะวันที่ 1 มกราคม กะ 1 กรกฎาคม http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_wrapper&Itemid=87
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 20:52:26 »

....ไปโรงเรียน เรียนให้จบแล้วไปเป็นเจ้าของกิจการและเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ.....คำสอนของพ่อรวย  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

แล้วคนสมถะ ล่ะ เข้ามาเป็น นลท.เพราะเหตุอันใดเรอะ  ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 10:42:41 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
แมงมุม
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,890


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 21:42:59 »

.

ผมรู้สึกว่า มันมีโอกาสอยู่เสมอที่จะทำให้เงินเพิ่มขึ้นครับ

.
IP : บันทึกการเข้า

...เงินดีงานเดิน...เงินเกินงานวิ่ง...Line=i6629
krunid
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 374


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 21:47:31 »

อยากซื้อแต่ทำไม่เป็น สอน หน่อย สอนหน่อยคร้าาาา ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 21:54:37 »

อยากซื้อแต่ทำไม่เป็น สอน หน่อย สอนหน่อยคร้าาาา ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
แนะนำไปที่โบรค แล้วให้เจ้าหน้าที่หรือมาร์เก็ตติ้ง สอนครับ สะดวกกว่า  ยิงฟันยิ้ม
ถ้าเข้าใจกับ bid และ offer ล่ะก็โลดเลยล่ะ


* svSHARES_wideweb__470x296,0.jpg (36.63 KB, 470x296 - ดู 387 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 มิถุนายน 2011, 22:01:56 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 15:42:03 »

อายุเพียง 25 ปี 'ฮง' เด็กหนุ่มที่พ่อแม่ค้าเสื้อยืดย่านพระราม 2 เล่นหุ้นตั้งแต่เรียนปี 1 'ม.กรุงเทพ' ปั่นเงินจาก 'หลักแสน' เพิ่มเป็น 'หลายสิบล้าน' ภายใน 7 ปี..ฝันอีก 'สิบปี' พอร์ตแตะ 300 ล้านบาท


"ฮง" สถาพร งามเรืองพงศ์ ชื่อนี้แทบไม่เป็นที่รู้จักในวงการตลาดหุ้น แต่ถ้าเอ่ยนามแฝง "ฮงแวลู" (Hongvalue) เซียนหุ้น "วัยรุ่น" รายนี้เป็นที่รู้จักอย่างดีในเว็บบอร์ด Thaivi.com ที่วันนี้เริ่มอัพเกรดตัวเองไปเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องหุ้นให้กับนักลงทุนกลุ่มเล็กๆ หลังชีวิตการลงทุนตลอด 7 ปีประสบความสำเร็จอย่างงดงามมีพอร์ตลงทุน "หลายสิบล้านบาท"


ตี๋หนุ่มวัยเพียง 25 ปีรายนี้เลือกเดินในอาชีพ "นักเล่นหุ้น" อย่างแน่วแน่ และกำลัง "ป็อปปูล่า" วัดความดังได้จากงานสัมมนาเล็กๆ ที่ฮงและก๊วนเพื่อนร่วมกันแชร์ประสบการณ์ในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจ (ซับไพร์ม) ปี 2551 ที่เขาได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 10 เท่าตัวหากรู้จักเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐาน เปิดให้จองที่นั่งเข้าฟังบรรยายเพียงไม่กี่ชั่วโมงมีนักลงทุนรายเล็กรายใหญ่ แห่จองกันเต็ม 230 ที่นั่ง

หลังจบงานสัมมนามีคนตามทวิตเตอร์ของ Hongvalue เพิ่มขึ้นกว่า 100 คน เขายกตัวอย่างหุ้นที่เคยทำเงินเข้ากระเป๋าได้อย่าง “มหาศาล” ในช่วงหลังวิกฤติปี 2551 นั่นคือ หุ้นเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และหุ้นโพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) (PTL) รวมถึงหุ้นอีกหลายตัวที่ทะยานขึ้นอย่างมาก

ตี๋หนุ่มคุยว่าพอร์ตลงทุนของตัวเองเติบโตก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และเริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวง Value Investor มากขึ้นหลังสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เท่า ภายในระยะเวลา 2 ปี ขณะเดียวกันถ้าวัดตั้งแต่เริ่มลงทุนปี 2547-2553 ภายในระยะเวลา 7 ปี พอร์ตลงทุนขยายตัวประมาณ 40-50 เท่า


"ฮง" เซียนหุ้นอัจฉริยะรายนี้เป็นลูกคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 3 คน เขาเล่าว่า พี่ชายคนโตปัจจุบันอายุ 33 ปีคนนี้ก็เล่นหุ้นเหมือนกันแต่มูลค่าพอร์ตลงทุนยังไม่ใหญ่ประมาณ 3 ล้านบาท พี่ชายจะเน้นดูเทคนิเคิลมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ส่วนพี่สาวคนรองอายุ 29 ปี เรียนจบแพทย์ ปัจจุบันเดินทางไปศึกษาต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง สาขาช่องท้อง ที่สหรัฐอเมริกา

ฮงกล่าว่าครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมีฐานะพอกินพอใช้ พ่อแม่ทำธุรกิจผลิตเสื้อยืดขายย่านถนนพระราม 2 มานานกว่า 20 ปี เพิ่งเลิกทำไปเมื่อต้นปี 2554 นี้เอง และหันไปปลูกต้นลีลาวดีขาย ชื่อว่า "สวนลีลาวดีภิรมย์" บนเนื้อที่ 33 ไร่ ย่านบางขุนเทียน

ประสบการณ์เล่นหุ้นครั้งแรกของฮงต้อง "แอบพ่อ" ที่ไม่อยากให้ลูกชายเข้าไปข้องแวะกับตลาดหุ้น โดยเริ่มลงทุนครั้งแรกในชีวิตเมื่อปลายปี 2547 ช่วงนั้นเรียนอยู่ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีเงินลงทุนก้อนแรก 100,000 บาท เป็นเงิน "แต๊ะเอีย" ที่เก็บสะสมมาจากญาติๆให้แต่ละปีรวมกับเงินเก็บ เงินเก็บก้อนนี้ถูกพ่อแม่บังคับให้เอาไปเข้าธนาคารกลัวลูกเอาไปซื้อเกมส์มาเล่น


สำหรับผู้ที่จุดประกายให้ฮงเข้าสู่ตลาดหุ้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน เห็นเพื่อนซื้อหุ้น SHIN ที่ต้นทุนหุ้นละ 26-27 บาท ไปขายตอนราคา 40 บาท ได้กำไรประมาณ 50% ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนจากคำแนะนำของญาติ ทำให้เด็กหนุ่มมีความฝันอยากได้กำไรอย่างเพื่อนคนนั้นบ้าง


แม้วันนี้พอร์ตลงทุนของฮงจะเติบโตขึ้นอย่างมากจากเมื่อ 7 ปีก่อน จากหลัก "แสนบาท" เป็นหลัก "สิบล้านบาท" แต่นั่นยังไม่ใช่เป้าหมาย


"ภายใน 10 ปีข้างหน้า (2554-2563) ผมต้องการมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 300 ล้านบาท เติบโตให้ได้เฉลี่ยปีละ 20% นี่คือเป้าหมายของผม" สถาพร กล่าวกับทีมงาน กรุงเทพธุรกิจ BizWeek โดยมั่นใจว่าตัวเลขนี้ทำได้แน่นอน ทุกวันนี้ฮงเป็นนักลงทุน Full Time หลังค้นพบว่าการเล่นหุ้นเป็นทางเดินชีวิตที่มาถูกทาง


"แม้ผมจะอายุยังน้อยในสายตาใครต่อใคร แต่ก็ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติการเงิน (ซับไพร์ม) มาแล้ว เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกบรรยากาศ แล้วก็ทำได้ดีด้วย" เขาไม่ลืม "คุย"


ฮงจัดเป็น "เซียนหุ้นอัจฉริยะ" ที่จับทางตลาดหุ้นออกในเวลาอันรวดเร็ว เขารู้ว่าหุ้นแบบไหนจะขึ้นเยอะ และควรลงทุนสไตล์ไหนถ้าจับถูกตัว


"วันนี้ผมจับจุดถูกรู้ว่าจะลงทุนหุ้นสักหนึ่งตัว ต้องดูอะไรเป็นหลัก ถ้าผมจะพลาดก็ต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะเหตุการณ์แบบนั้นคงไม่มีใครตั้งตัวขายหุ้นทัน"

การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอายุยังน้อยฮงต้องศึกษาทำการบ้านอย่างหนัก เขาศึกษาแนวทางการวิเคราะห์หุ้นแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ ปีเตอร์ ลินช์ อย่างแตกฉาน ทั้ง 2 กูรูยังเป็น "ไอดอล" ที่ฮงฝันอยากเป็น

"ผมคิดว่าคำสอนที่สำคัญที่สุด การซื้อหุ้นคือการซื้อธุรกิจ ถ้าซื้อเพราะคิดว่าราคาหุ้นจะขึ้น รับรองไม่มีทางได้กำไร(รวย)"

ครั้งแรกที่เล่นหุ้นฮงไปเปิดพอร์ตกับบล.ธนชาต ใช้ชื่อตัวเองไม่ได้เพราะยังเด็กเกินไป ต้องใช้ชื่อคุณแม่เป็นคนเปิดพอร์ต เวลาสั่งซื้อขายก็ให้ส่งจดหมายไปที่บ้านญาติเพื่อไม่ให้คุณพ่อรู้ เพราะพ่อมี "อคติ" กับตลาดหุ้นมองว่าการ “เล่นหุ้น” ไม่ต่างอะไรกับ “เล่นการพนัน” ในความเป็นจริงคุณแม่ก็ไม่ชอบให้เล่นหุ้น แต่ทนรบเร้าหาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบายไม่ไหว เมื่อเห็นความตั้งใจจริงแม่ก็เลยยอม

"ยอมรับตรงๆ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องซื้อหุ้นกลุ่มไหน มีวิธีการลงทุนอย่างไร ดูไม่เป็นสักอย่าง ผมเริ่มต้นแสวงหาความรู้ตัวคนเดียว (ชวนเพื่อนแต่เขาไม่ไป) ผมไปนั่งฟังงานสัมมนาฟรีต่างๆ เมื่อก่อนโบรกเกอร์หลายแห่งจะชอบจัดอบรมดูงบการเงินวันเสาร์-อาทิตย์ รู้ว่าที่ไหนมีฟรีผมไปหมด"

เขาเล่าว่า บางงานไม่ให้เข้าเพราะไม่ใช่ลูกค้าเขา ก็ต้องหาเหตุผลสารพัดไปหลอกเจ้าหน้าที่หน้าห้องว่าขอเข้าไปฟังก่อนนะครับ..ถ้าโอเค! เดี๋ยวจะกลับมาเปิดพอร์ตด้วย แต่ก็มีบางงานที่ฮงถูกปฏิเสธกับเหตุผลตื้นๆ แต่เมื่อไปถึงแล้วเขาก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าไปฟังวิทยากรบรรยาย แถมยังเกาะติดนอกรอบไปขุดไปคุ้ยไขข้อข้องใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

"เมื่อก่อนผมเจ็บใจมาก ด้วยความที่เรายังเด็กอายุแค่ 20 ปี เวลาไปถามวิทยากรนอกรอบงานสัมมนาต่างๆ เขาเห็นเราเด็กก็มักไม่ยอมตอบ แต่จะหันไปตอบคำถามคนอื่นที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ตอนนั้นในหัวผมคิดว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม มันทรมานมากช่วงนั้น ไม่รู้จะทำอย่างไร"

ฮงขวนขวายหาหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนอ่านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในใจเขาคิดว่าต้องอ่านหนังสือเยอะๆ ไปงานสัมมนามากๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเอง กว่าเขาจะได้ "วิชา" มาทำกำไรอย่างเป็นล่ำเป็นสันในตลาดหุ้นต้องใช้ความทุ่มเท ฮงยังค้นไม่พบความลับการลงทุน 1 ปีครึ่งผ่านไป การลงทุนของเขาไม่ได้กำไรเลยเพราะยังดูงบการเงินไม่เป็น และอ่านอนาคตธุรกิจไม่ออก ตอนนั้นฮงตัดสินใจซื้อหุ้น TTA ADVANC และ TPC

"เท่าที่จำได้ซื้อหุ้น ADVANC ราคา 95 บาท ขาย 105 บาท และซื้อหุ้น TPC ราคา 210 บาท ขายขาดทุน 190 บาท ส่วนหุ้น TTA จำราคาซื้อขายไม่ได้ เมื่อเริ่มดูงบการเงินเป็นนิดหน่อย พอรู้ว่าต้องเลือกบริษัทที่ไม่เป็นหนี้ และมีกระแสเงินสดเยอะๆ ก็เลยซื้อหุ้น CSL จำเหตุผลที่ซื้อและถือยาว 7-8 เดือนได้ว่าเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 4 ครั้ง แถมมีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 8-10% ที่สำคัญเห็นว่าอนาคตกำไรจะเติบโตสูง ตอนนั้นซื้อมา 5-6 บาท พอขึ้นมา 9 บาทก็ขาย ถือเป็นหุ้นตัวแรกที่ได้กำไรเป็นเนื้อเป็นหนังจากการลงทุน"

เมื่อเริ่มเห็นผลงาน (กำไร) และความแน่วแน่ที่จะเดินในอาชีพ "นักเล่นหุ้น" แม่จึง "เพิ่มทุน" ให้อีกหลัก "แสนบาท" เพื่อนำไปลงทุนหุ้น CPALL จำนวน 100,000 หุ้น ต้นทุน 7 บาท พอปลายปี 2551 ก็ขายไปที่ราคา 11 บาท เพราะช่วงนั้นเกิดวิกฤติการเงินโลก (ซับไพร์ม) หุ้นทุกตัวลงหมด แต่หุ้น CPALL ไม่สะทกสะท้าน แต่ฮงกลัวเลยตัดทิ้งไปก่อน "ตอนนั้นผมกลัวติดยอดดอยแล้วลงไม่ได้"

หลังจากนั้นก็คิดจะนำเงินไปซื้อหุ้น PS แต่ภาวะเศรษฐกิจช่วงนั้นไม่ดี ฮงวิเคราะห์ว่าหุ้นพฤกษาจะไม่สามารถขายที่อยู่อาศัยได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจ "กำเงินสด" เกิน 5 แสนบาทไว้ในมือ

“ที่แม่ตัดสินใจให้เงินเพิ่มเพราะเห็นว่าผมจริงจังมาก เสาร์-อาทิตย์ไม่เคยอยู่บ้านไปอบรมเกี่ยวกับเรื่องหุ้นตลอด อีกเหตุผลหนึ่งแม่มองว่าที่ผมสนใจการลงทุน ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นสามารถคุยกับผู้ใหญ่รู้เรื่อง”


ความมุ่งมั่นศึกษางบการเงินอย่างจริงจัง ฮงเริ่มแตกฉานและมั่นใจในตัวเอง เขากำเงินสดไว้ในมือเพียง 2 เดือน ก็นำไปลงทุนต่อในหุ้น AP และ TOP แต่ยังไม่กล้าเล่นเต็มพอร์ต สาเหตุที่เลือกซื้อ TOP เพราะก่อนหน้านั้นไทยออยล์มีกำไรต่ำมากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงฮวบฮาบ และราคาน้ำมันก็ผกผันกับเงินดอลลาร์ เขาวิเคราะห์ว่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนตัวราคาน้ำมันก็น่าจะขึ้น จึงคาดว่ากำไรของบริษัทจะต้องพลิกกลับมาดีขึ้นอย่างมาก


พอก้าวเข้าสู่ไตรมาส 3 ปี 2552 ฮงเข้าเก็บหุ้น CPF ตัวนี้ทำให้เขารวยขึ้นอีกขั้น เขาทุ่มเล่นบัญชีเงินสด 100% และอัดมาร์จิ้นอีก 80% เพราะมองว่า CPF ต้องเป็นหุ้น "ป็อกเด้ง" แน่นอน


"ช่วงนั้นผมอัดมาร์จิ้นซื้อหุ้น CPF เต็มแม็ก เพราะกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2552 ออกมา 3,249 ล้านบาท มากกว่าทั้งปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิ 3,128 ล้านบาท ช่วงนั้นผมประเมินว่าทั้งปี 2552 หุ้น CPF น่าจะมีกำไรสุทธิ 9,000 ล้านบาท ถือเป็นการทำนิวไฮครั้งใหม่ (CPF ประกาศกำไรสุทธิปี 2552 จำนวน 10,190 ล้านบาท) ผมมองว่าธุรกิจเกษตรกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นตามเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว"


อีกอย่างตอนนั้นฮงเช็คราคาขายหมูและไก่เฉลี่ยของปี 2552 ไม่ได้น้อยกว่าปี 2551 แต่ต้นทุนอาหารสัตว์อย่างกากถั่วเหลืงกับข้าวโพดลดลง เพราะคนนำไปทำเป็นพลังงานทดแทนพอราคาน้ำมันตกต่ำความต้องการเอาไปทำพลังงานทดแทน (เอทานอล) หายหมด ซึ่ง CPF ก็รู้เลยตุนกากถั่วเหลืงกับข้าวโพดไว้ แบบนี้จะไม่ให้กำไรเยอะได้อย่างไร


เมื่อผ่านไป 1-2 เดือน ฮงขายหุ้น CPF ได้ราคา 9.60 บาท จากต้นทุนที่ซื้อมา 7.80 บาท เพราะราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 วันติดกัน เนื่องจากนักลงทุนคิดว่างบไตรมาส 3 ปี 2552 จะขยายตัวต่อเนื่อง ช่วงนั้นโบรกเกอร์เริ่มทยอยออกมาปรับราคาเป้าหมาย CPF แต่ฮงได้กำไรเข้ากระเป๋า 400,000-500,000 บาท มูลค่าพอร์ตลงทุนพุ่งขึ้นเป็น "หลักล้านบาท" แล้ว


"จากนั้นคุณแม่ก็เติมเงิน (เพิ่มทุน) ให้อีกครั้งหลัก "ล้านบาท" คราวนี้มีทุนเยอะทำให้พอร์ตลงทุนขยับเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว หลังจากกำไรหุ้น CPF ก็ไปเข้าหุ้น VNG ตอนนั้นอัดเต็มพอร์ต เพราะเห็นว่างบไตรมาส 4 ปี 2552 มีกำไรต่อหุ้น 0.27 บาท ราคาหุ้นวันนั้น 3 บาท ถ้าวนชัย กรุ๊ป สามารถรักษาระดับกำไรต่อหุ้นได้แบบนี้ เชื่อว่ากำไรต่อหุ้นทั้งปี 2553 จะยืน 1 บาท"


ฮงถือหุ้น VNG แค่ 3 เดือน ขายออกที่ราคา 5 บาท ได้กำไร 70% ทำให้มูลค่าพอร์ตลงทุนของเขาพุ่งขึ้นเป็นหลัก "สิบล้านบาท" เมื่อขายหุ้น VNG เกลี้ยงพอร์ต ก็โยกเงินไปซื้อหุ้น PTL ที่ราคา 7.50 บาท ช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ทยอยสะสมก่อน 30% ของพอร์ต พอราคาหุ้นขึ้นมา 15 บาท คราวนี้อัดเต็ม 100% ของพอร์ต ใช้มาร์จิ้นซื้ออีก 60% รวมเป็น 160% แล้วไปขายออกในเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่ราคา 45 บาท


หุ้นโพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) คือจุดหักเหครั้งสำคัญทำให้ฮงรวยขึ้นมหาศาล "หลายเท่าตัว" พอร์ตของเขาขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น "หลายสิบล้านบาท" ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ฮงบอกกับทีมงานกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่าปัจจุบันมูลค่าพอร์ตของเขาเท่าไร แต่ขอไม่ให้เปิดเผยตัวเลขกับสาธารณะ


หลังจากที่ประสบความสำเร็จได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ฮงบอกว่าจากนั้นก็ซื้ออะไรไปเรื่อยเปื่อย เช่น หุ้น TVO และหุ้น STA ตอนที่ช้อนหุ้น TVO ราคาเฉลี่ย 27-29 บาท เพราะเห็นว่าราคาถั่วเหลืองในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,300 เซ็นต์ต่อบุชเชล ภายในเวลา 2 เดือน แต่ถือหุ้นตัวนี้ไม่ถึง 2 เดือน ก็ขายออกในราคา 31 บาทได้กำไรไม่เท่าไร


ส่วนหุ้น STA ซื้อมา 36 บาท เพราะเห็นว่าราคายางพาราทำจุดสูงสุดใหม่ แต่สุดท้ายก็ยอมขายขาดทุน 35 บาท เพราะราคาหุ้นไม่ขยับตัวตามราคายาง "ตัวไหนถือไว้ดูท่าจะไม่รุ่ง ผมจะขายทิ้ง"


จาก "ไอ้ตี๋หนุ่ม" หน้าละอ่อน ถามใครใครก็เมิน วันนี้กลายเป็น "เซียนฮง" อย่างเต็มภาคภูมิ เจ้าตัวก็เลย "ยืด" ได้ (ขอคุยหน่อย) บอกว่าที่จริงไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แค่รู้ว่าเล่นหุ้นแบบไหนแล้วได้กำไร หลังจากเป็นเศรษฐีย่อมๆ ภายในเวลาไม่กี่ปี วันนี้ครอบครัวแฮปปี้มากพ่อแม่เปลี่ยนทัศนคติแล้วว่าการเล่นหุ้น "ไม่ใช่การพนัน" แต่เป็น "การลงทุน" ที่ให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า


"ผมจะขอยึดอาชีพนักลงทุนเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่คิดไปทำงานอย่างอื่น แต่ถ้ามีเงินตามเป้าหมายอาจแบ่งมาลงทุนทำอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า เท่านี้ชีวิตผมก็มีความสุขแล้ว"

เรื่องราวของ "ฮง" เซียนหุ้นอัจฉริยะยังไม่จบ เขามีกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร..? สามารถปั่นเงินจาก "หลักแสน" เป็น "หลายสิบล้านบาท" ได้ อะไรคือความลับการทำกำไรในตลาดหุ้นที่เด็กหนุ่มค้นพบ..คอยติดตาม




Tags : สถาพร งามเรืองพงศ์
ธุรกิจ : BizWeek
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


* news_img_394435_1.jpg (24.94 KB, 394x500 - ดู 376 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 15:46:44 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
ฟาแลน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 17:37:16 »

สุดยอดเลย อ่านแล้วมีกำลังใจที่จะศึกษาการลงทุนในหุ้นอย่างจริงๆจังๆซะที
ขอบคุณท่านเปา มากๆๆที่หาสิ่งดีๆมาลงนะคะ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
watinta
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 21:25:44 »

....ไปโรงเรียน เรียนให้จบแล้วไปเป็นเจ้าของกิจการและเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ.....คำสอนของพ่อรวย  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

แล้วคนสมถะ ล่ะ เข้ามาเป็น นลท.เพราะเหตุอันใดเรอะ  ยิงฟันยิ้ม
ขออภัยครับช่วงนี้ผมยังไม่ว่างพอที่จะมาตอบ ยิงฟันยิ้ม เพราะตอนนี้ผมกำลังจับตาดูว่าพายุ"ไซโคลน"ที่เข้าตลาดหุ้นไทย ว่ามันจะหยุดเมื่อใหร่  จะได้เข้าไปซื้อสินค้าราคาถูกเอาไปขายทำกำไรครับ เพราะตอนนี้ไม่มีสินค้าในสต็อคเลยครับ แฮ่ๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 21:35:29 โดย ฅนสมถะ » IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 21:33:06 »

สุดยอดเลย อ่านแล้วมีกำลังใจที่จะศึกษาการลงทุนในหุ้นอย่างจริงๆจังๆซะที
ขอบคุณท่านเปา มากๆๆที่หาสิ่งดีๆมาลงนะคะ ยิงฟันยิ้ม
ครับ อ่านแล้วก็น่าอิจฉาในความสำเร็จการลงทุน ในความคิดของผม หนุ่มคนนี้ก็เก่งนะ แต่อาจมีดวงหรือความเฮงเข้ามาช่วย เพราะเข้ามาลงทุนหลังหุ้นไทยตกต่ำมากก่อนนั้นแล้ว ช่วง 7 ปีที่เข้ามาลงทุน set ก็ดีขึ้นตลอด มีเพียงปี 2551 เท่านั้นที่ร่วงลงไปมาก แต่ 2552-2553 กลับพรวดขึ้นมาแตะ 1000 กว่าจุด ถึงปีนี้ช่วงไตรมาสแรกก็ยังสดใส มาเดือนนี้แหละที่ทำให้วิตกนิดๆ  ยิงฟันยิ้ม  ถ้าพ่อหนุ่มคนนี้เข้าลงทุนช่วงฟองสบู่แตกหรือวิกฤติต้มยำกุ้ง ก็ไม่รู้จะออกท่าไหน เผลอๆต้องไปขายแซนวิช อีกคนรึป่าวก็ไม่รู้  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 15:58:32 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,535


..........................


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 21:34:58 »

....ไปโรงเรียน เรียนให้จบแล้วไปเป็นเจ้าของกิจการและเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ.....คำสอนของพ่อรวย  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม

แล้วคนสมถะ ล่ะ เข้ามาเป็น นลท.เพราะเหตุอันใดเรอะ  ยิงฟันยิ้ม
ขออภัยครับช่วงนี้ผมยังไม่ว่างพอที่จะมาตอบ ยิงฟันยิ้ม เพราะตอนนี้ผมกำลังจับตาดูว่าพายุ"ไซโคลน"ที่เข้าตลาดหุ้นไทย ว่ามันจะหยุดเมื่อใหร่  จะได้เข้าไปซื้อสินค้าราคาถูกเอาไปขายทำกำไรครับ เพราะตอนนี้ไม่มีสินค้าในสตอร์คเลยครับ แฮ่ๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
มีตัวไหนน่าลงทุน ก็อย่าลืมกระซิบให้เพื่อนๆด้วย

   โบรกฯ ชี้ หุ้นไทยพรุ่งนี้ร่วงต่อแต่ไม่ลงแรงเกือบ 2% เหมือนวันนี้ หลังต่างชาติขาย
เหตุผวาการเมืองไทย แถม มอร์แกนสแตนเลย์ สั่งลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย แนะลงทุนใน
กรอบแนวรับ-แนวต้าน โดยประเมินแนวรับ 1,000-1,004 จุด แนวต้าน 1,025 จุด  
   
   วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,014.58 จุด ลดลง 20.17 จุด หรือ 1.95%มูลค่าการ
ซื้อขาย 36,547.28 ลบ.        

   สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 19.61  ล้านบาท นักลงทุน
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ114.79  ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,311.84 ล้าน
บาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 6,407.02  ล้านบาท

   นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการสายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผย
ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ปรับตัวลดลงแรง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชีย
ด้วยกัน โดยปรับลดเกือบ 2% ซึ่งตลาดหุ้นเอเชียปรับลดเฉลี่ยไม่เกิน 1% โดยเบื้องต้นเชื่อว่ามา
จากแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ยังไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์การเมืองไทย หลังจาก
สถาบันจัดอันดับมอร์แกนสแตนเลย์ได้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยลง
   สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะคงปรับลดไม่มากเท่ากับวันนี้ เพราะ
ภาพรวมตลาดมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางอยู่ โดยยังคงต้องติดตามต่อไปจากปัญหาหนี้ใน
ประเทศแถบยุโรป และการจัดทำงบประมาณของประเทศสหรัฐฯ รวมไปถึงปัจจัยการเมืองภาย
ในประเทศ
   กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเล่นหุ้นในกรอบแนวรับ-แนวต้าน โดยประเมินแนวรับ
1,000-1,004 จุด แนวต้าน 1,025 จุด
   ด้านนางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.
ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ได้ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง กว่า
20 จุด เนื่องจาก นักลงทุนต่างชาติได้เริ่มขายสุทธิเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน ประกอบกับ ก่อนหน้า
นี้โบรกเกอร์ต่างชาติได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะยังมีความกังวลกับการ
เลือกตั้งที่ยังมีความไม่ชัดเจน สะท้อนได้จากแรงขายสุทธิในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่ม
พลังงานและกลุ่มธนาคารที่มีแรงขายสุทธิค่อนข้างสูง
   สำหรับหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ ประเมินแนวรับอยู่ที่ 1,009-1,010 จุด และเชื่อว่าหาก
ดัชนีฯลดระดับลงมาแตะที่ 1,000 จุด มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อกลับเข้ามา
ประเมินแนวต้านอยู่ที่ 1,019-1,025 จุด
   กลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือพอร์ตหุ้นไม่เกิน 25% หรือลงทุนหุ้นรายตัว โดยเฉพาะที่
มีข่าวดี            
   
         
            
 

รายงาน   โดย ชัยรัตน์ พุ่มมาลา
เรียบเรียง โดย อิทธิพล พันธ์ธรรม
อนุมัติ    โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น  commentnews@efinancethai.com

คำเตือน.....การลงทุนมีความเสี่ยง
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 22:00:42 โดย ซาลาเปา » IP : บันทึกการเข้า
watinta
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 10:12:24 »

มาแล้วครับ และคำตอบของผมก็อยู่ที่ท่าน cupid แล้วครับ ยังไงก็ไปเชิญท่านมาตอบก็แล้วกันครับ  (ล้อเล่นครับแฮ่ๆ ยิงฟันยิ้ม) ขออนุญาตเล่าย้อนอดีดให้ฟังคร่าวๆสักเล็กน้อย ครั้งแรกเมื่อผมอายุประมาณ 20 ปีต้นๆ ผมได้มีความสนใจตลาดหุ้นมากแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีประกอบกับเป็นคนมีความรู้น้อย แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งธนาคารไทยพานิชย์  ประกาศขายกองทุนรวม(เปิด) ไทยพานิชย์....โดยมีกำหนดอายุ 5 ปีถ้าจำไม่ผิด  ผมจึงตัดสินใจนำเงินสะสมจากการทำงาน 50,000 บาท เข้าไปซื้อโดยตั้งใจว่าจะถือให้ครบกำหนดโดยไม่ขายและไม่ได้สนใจดูราคาอีกเลย จนกระทั้ง1ปีผ่านไป ผมเข้ามาเช็คราคาดู ปรากฏว่าผมขาดทุนไป 17-18 % และเฝ้าดูราคาประมาณ 2-3 เดือน แต่ราคาก็ยังมีแนวโน้มที่จะลงไปอีก ผมจึงตัดสินใจขายทั้งหมดโดยขาดทุนไป8,000กว่าบาท และนำเงินที่เหลือบวกกับเงินสะสมใหม่ ไปเช่าห้องเปิดกิจการเล็กๆกับคู่ชีวิต(ผู้ร่วมทุกข์ร่วมยากมาด้วยกัน)ที่หน้าสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง โดยหวังแค่ว่าข้อให้มีรายได้หลังหักค่าเช่าแล้ว เหลือเดือนละ 3,000 ก็พอใจแล้ว แต่จะเป็นเพราะโชคดีหรือถูกที่ถูกเวลาก็ไม่ทราบ ปรากฏว่าเปิดร้านวันแรกลูกค้าเต็มร้าน และเบ็ดเสร็จวันนั้นมีรายได้เข้าร้าน 1,600 กว่าบาท เกินความคาดหมาย และนับวันงานยิ่งเยอะจนแทบไม่ได้พักผ่อน  ชีวิตนำเนินมาอย่างนี้หลายปีก็พอจะมีเงินเก็บสะสมบ้าง จึงพยายามคิดหาช่องทางต่อยอดทำกิจการอย่างอื่นดูบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรจริงๆสักอย่าง จนกระทั้งวันหนึ่ง ผมได้เข้าไปหาซื้อหนังสือในร้านหนังสือเก่ามือ2แห่งหนึ่ง   บังเอิญตาผมเหลือบไปเห็นหนังสือเกี่ยวกับหุ้น4-5เล่ม สอนและแนะนำวิธี ซื้อ-ขายหุ้น มีการถาม-ตอบขอสงสัยการลงทุนหุ้น พร้อมกับยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้น มาลงในลักษณะการสัมภาษณ์ ถาม-ตอบ ซึ่งผมสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และหนังสือชุดนี้นี่เองที่เป็นแรงบันดารใจและเป็นจุดเริ่มต้นของผม เข้าไปเปิดกิจการร้านค้าเล็กๆ ในตลาดที่ใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้ครับ อ้าว! ตกใจ แล้วใครหัวแดงๆ มาตะโกนหน้าร้านละนั้น สงสัยมีคนมาเสนอขายสินค้าราคาถูกกว่าปกติ  20-30% อีกแล้วครับ ขยิบตา เดี๋ยวๆครับเดี๋ยว รอแป๊บหนึ่งครับโผมมม.. เดี๋ยวออกไปดูครับ เอ่อ..ผมต้องขอตัวทุกๆท่านไปดูสินค้าก่อนนะครับ เผื่อจะมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูกมาเสนอขาย ยิ่งช่วงนี้ร้านผมไม่มีสินค้าวางขายอยู่ด้วย  เดี๋ยวโอกาศหน้า(ถ้าท่านไม่รังเกียจติ)ผมจะมาเล่าต่อว่าผมไปเจออะไร ใคร ในตลาดแห่งนี้บ้างครับ อ้าว..หน้าร้านก็ตะโกนเรียกอยู่ได้ ผมลาละครับ  เจ๋ง ออกไปเดี๋ยวนี้ละครับโผม.. 
IP : บันทึกการเข้า
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 10:20:41 »

คนเราช่วงอายุ ๒๕- ๓๐ ถ้ามีหุ้นส่วนชีวิตที่ดีสักคน ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว ดร.นิเวศน์ฯ กล่าว...แต่ผมก็ยังไม่เจอ.. ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ขอแสดงความยินดีกับท่านคนสมถะด้วย...ที่เจอ... ยิงฟันยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 10:22:44 โดย Temujin » IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
watinta
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 10:24:32 »

คนเราช่วงอายุ ๒๕- ๓๐ ถ้ามีหุ้นส่วนชีวิตที่ดีสักคน ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว ดร.นิเวศน์ฯ กล่าว...แต่ผมก็ยังไม่เจอ.. ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ขอแสดงความยินดีกับท่านคนสมถะด้วย...ที่เจอ... ยิงฟันยิ้ม
เป็นความโชคดีของผมมากกว่าครับผม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 13:50:24 »

มาแล้วครับ และคำตอบของผมก็อยู่ที่ท่าน cupid แล้วครับ ยังไงก็ไปเชิญท่านมาตอบก็แล้วกันครับ  (ล้อเล่นครับแฮ่ๆ ยิงฟันยิ้ม) ขออนุญาตเล่าย้อนอดีดให้ฟังคร่าวๆสักเล็กน้อย ครั้งแรกเมื่อผมอายุประมาณ 20 ปีต้นๆ ผมได้มีความสนใจตลาดหุ้นมากแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีประกอบกับเป็นคนมีความรู้น้อย แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งธนาคารไทยพานิชย์  ประกาศขายกองทุนรวม(เปิด) ไทยพานิชย์....โดยมีกำหนดอายุ 5 ปีถ้าจำไม่ผิด  ผมจึงตัดสินใจนำเงินสะสมจากการทำงาน 50,000 บาท เข้าไปซื้อโดยตั้งใจว่าจะถือให้ครบกำหนดโดยไม่ขายและไม่ได้สนใจดูราคาอีกเลย จนกระทั้ง1ปีผ่านไป ผมเข้ามาเช็คราคาดู ปรากฏว่าผมขาดทุนไป 17-18 % และเฝ้าดูราคาประมาณ 2-3 เดือน แต่ราคาก็ยังมีแนวโน้มที่จะลงไปอีก ผมจึงตัดสินใจขายทั้งหมดโดยขาดทุนไป8,000กว่าบาท และนำเงินที่เหลือบวกกับเงินสะสมใหม่ ไปเช่าห้องเปิดกิจการเล็กๆกับคู่ชีวิต(ผู้ร่วมทุกข์ร่วมยากมาด้วยกัน)ที่หน้าสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง โดยหวังแค่ว่าข้อให้มีรายได้หลังหักค่าเช่าแล้ว เหลือเดือนละ 3,000 ก็พอใจแล้ว แต่จะเป็นเพราะโชคดีหรือถูกที่ถูกเวลาก็ไม่ทราบ ปรากฏว่าเปิดร้านวันแรกลูกค้าเต็มร้าน และเบ็ดเสร็จวันนั้นมีรายได้เข้าร้าน 1,600 กว่าบาท เกินความคาดหมาย และนับวันงานยิ่งเยอะจนแทบไม่ได้พักผ่อน  ชีวิตนำเนินมาอย่างนี้หลายปีก็พอจะมีเงินเก็บสะสมบ้าง จึงพยายามคิดหาช่องทางต่อยอดทำกิจการอย่างอื่นดูบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรจริงๆสักอย่าง จนกระทั้งวันหนึ่ง ผมได้เข้าไปหาซื้อหนังสือในร้านหนังสือเก่ามือ2แห่งหนึ่ง   บังเอิญตาผมเหลือบไปเห็นหนังสือเกี่ยวกับหุ้น4-5เล่ม สอนและแนะนำวิธี ซื้อ-ขายหุ้น มีการถาม-ตอบขอสงสัยการลงทุนหุ้น พร้อมกับยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้น มาลงในลักษณะการสัมภาษณ์ ถาม-ตอบ ซึ่งผมสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และหนังสือชุดนี้นี่เองที่เป็นแรงบันดารใจและเป็นจุดเริ่มต้นของผม เข้าไปเปิดกิจการร้านค้าเล็กๆ ในตลาดที่ใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้ครับ อ้าว! ตกใจ แล้วใครหัวแดงๆ มาตะโกนหน้าร้านละนั้น สงสัยมีคนมาเสนอขายสินค้าราคาถูกกว่าปกติ  20-30% อีกแล้วครับ ขยิบตา เดี๋ยวๆครับเดี๋ยว รอแป๊บหนึ่งครับโผมมม.. เดี๋ยวออกไปดูครับ เอ่อ..ผมต้องขอตัวทุกๆท่านไปดูสินค้าก่อนนะครับ เผื่อจะมีสินค้าคุณภาพดีราคาถูกมาเสนอขาย ยิ่งช่วงนี้ร้านผมไม่มีสินค้าวางขายอยู่ด้วย  เดี๋ยวโอกาศหน้า(ถ้าท่านไม่รังเกียจติ)ผมจะมาเล่าต่อว่าผมไปเจออะไร ใคร ในตลาดแห่งนี้บ้างครับ อ้าว..หน้าร้านก็ตะโกนเรียกอยู่ได้ ผมลาละครับ  เจ๋ง ออกไปเดี๋ยวนี้ละครับโผม.. 

    ไม่ต้องรีบครับ (เร็วๆหน่อย... ยิ้มกว้างๆ) วันนี้ของถูกเยอะ แต่พรุ่งนี้อาจมีถูกกว่า ยังไงๆทยอยเก็บวันนี้บ้าง เดี๋ยวไม่มีของขาย (ถ้าพรุ่งนี้มีคนมาแย่งกันซื้อ... ยิ้มกว้างๆ)
IP : บันทึกการเข้า
WalkManUser
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,392


ยิ่งโต ยิ่งเหนื่อย อยากกลับไปเป็นเด็ก


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 14:26:22 »

คนเราช่วงอายุ ๒๕- ๓๐ ถ้ามีหุ้นส่วนชีวิตที่ดีสักคน ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว ดร.นิเวศน์ฯ กล่าว...แต่ผมก็ยังไม่เจอ.. ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ขอแสดงความยินดีกับท่านคนสมถะด้วย...ที่เจอ... ยิงฟันยิ้ม

มีอยู่ม่ะจั้ยก่ะคุณบิ๊ก แค่เค้าหนีกลับบ้านไปหาแฟนใหม่แค่นั้นเอง ซีเรียสไปได้ โกรธ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 17:34:02 »

คนเราช่วงอายุ ๒๕- ๓๐ ถ้ามีหุ้นส่วนชีวิตที่ดีสักคน ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว ดร.นิเวศน์ฯ กล่าว...แต่ผมก็ยังไม่เจอ.. ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ขอแสดงความยินดีกับท่านคนสมถะด้วย...ที่เจอ... ยิงฟันยิ้ม

มีอยู่ม่ะจั้ยก่ะคุณบิ๊ก แค่เค้าหนีกลับบ้านไปหาแฟนใหม่แค่นั้นเอง ซีเรียสไปได้ โกรธ ยิงฟันยิ้ม
โหๆ มีซ้ำเติม ที่กล่าวมาอยากกินเบียร์ใช่มั้ยเนี๊ย... ยิงฟันยิ้ม พรุ่งนี้น้องก็ขนของกลับ เอารถเครื่องที่ผมเคยขับกลับด้วย คุณพระเอกต้องมารับมาส่งผมแล้วหละ รอรถคันใหม่แม่ส่งมา... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 20:26:49 »

   ผมเคยลงทุนทำกิจการมาหลายอย่าง ถูกโกงจากหุ้นส่วนบ้าง ลูกจ้างโกงบ้าง ขี่ช้างเอา
บ้าง ถูกลูกค้าชักดาบบ้าง ลูกหนี้หนีหายแซ็บบ้าง บางกิจการก็ไม่ work  ทำให้อิดหนาระ
อาใจ เบื่อหน่าย  จึงลองเข้าตลาดหลักทรัพย์ (ทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะเข้า)

   ลงทุนในหุ้น ไม่เหมือนกิจการอย่างอื่นที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนมากเหลือเกิน ทั้งลูกจ้าง
ลูกค้า คู่แข่ง หุ้นส่วน ต้องเอาใจ ต้องแข่งขัน แต่หุ้นนั้นคิดเอง ทำเอง คนเดียว ไม่ต้อง
เอาใจใคร ไม่ต้องแข่งกับใคร ไม่ต้องรับผิดชอบลูกค้า ลูกจ้าง ไม่ต้องตามลูกหนี้ให้ปวดหัว
เพียงแต่ต้องติดตามข่าวสารต่างๆทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ ให้เป็นปัจจุบัน

   บัดนี้ผมว่าการเป็นนักลงทุนในหลักทรัพย์ เหมาะกับผม... ยิ้มเท่ห์
    


* จรเข้.gif (4.9 KB, 100x100 - ดู 306 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 20:44:22 โดย cupid » IP : บันทึกการเข้า
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 20:45:40 »

ผมก็กำลังศึกษาอยู่ครับ

เพิ่งไปถอยหนังสือ พ่อรวยสอนลูก มา ป้ายแดงเลย

และต้องใช้เวลาศึกษาอีกสักระยะครับ

ยังไงก็แนะนำหน่อยนะครับ

ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

Cupid
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,941


Experience is the best teacher.


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 20:48:56 »

ผมก็กำลังศึกษาอยู่ครับ

เพิ่งไปถอยหนังสือ พ่อรวยสอนลูก มา ป้ายแดงเลย

และต้องใช้เวลาศึกษาอีกสักระยะครับ

ยังไงก็แนะนำหน่อยนะครับ

ขอบคุณครับ

ด้วยความยินดีครับ ไม่คิดตังค์.. ยิ้มกว้างๆ

IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!