soil
เตรียมอนุบาล
ออฟไลน์
กระทู้: 62
|
|
« เมื่อ: วันที่ 04 สิงหาคม 2017, 05:52:25 » |
|
เบอร์โทร 088-3834084 ,086-5874781 ประโยชน์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายด้านใช้ได้กับทั้งพืช สัตว์ การบำบัดน้ำ และมนุษย์ ประโยชน์กับพืช - ช่วยตรึง เพิ่ม ไนโตรเจนให้กับพืช - ช่วยกำจัดแก็สไฮโดรเจนซัลไฟล์(แก๊สไข่เน่า)ในดินจากกระบวนการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ ที่เป็นพิษต่อรากพืช - ทำให้พืชโตเร็วขึ้น โดยการเพิ่มแร่ธาตุในดินและย่อยสลายแร่ธาตุในดินให้พืชนำมาใช้ได้ - เป็นตัวทำกระบวนการรีไซเคิลให้กับ คาร์บอน , ไนโตรเจน , และสารประกอบจำพวกซัลเฟอร์ ทำให้พืชใบเขียวนาน มัน และไม่เหี่ยวง่าย - เป็นแหล่งรวมแร่ธาตุต่างๆ ที่มีประโยชน์ เช่น กรดอะมิโน ( Amino acids ), กรดนิวเคลียริค ( Nucleic acids ) , สารประกอบทางกายภาพ ( Physiologically active compounds ) และ โพลีแซคคาไรด์ ( Polysaccharides ) etc. เนืองจากเซลล์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จะประกอบด้วยโปรตีนประมาณร้อยละ 60 ซึ่งโปรตีนเหล่านี้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน และยังมีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น B1 B2 B6 B12 กรดโฟลิค วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี รงควัตถุสีแดง (carotenoid) และสารโคแฟคเตอร์ เช่น ยูบิควิโนน โคเอนไซม์คิวเท็น ไซโตไคนิน ซีเอติน ออกซิน กรดอินโดล -3- อะซิติก (Indole-3-acetic acid : IAA) กรดอินโดล -3-บิวทีริก (Indole-3-butyric acid : IBA) ซึ่งเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช - ทำให้พืชมีรสชาติ ผลสมบูรณ์ โตเร็ว แข็งแรง - ช่วยทำให้รากของพืชแข็งแรงโตเร็วสามารถหาอาหารได้เก่งสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น - ช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยหลักลง 50 % - ช่วยให้ผลิตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30 % เนื่องจากพืชมีความสามารถในการดูดกินปุ๋ยได้ดีขึ้น ช่วย ให้พืชมีความแข็งแรงและต้านทานโรคและแมลงต่างๆได้ดีขึ้น ใช้ในนาข้าว,พืชไร่,ไม้ผล,ไม้ประดับ ฯลฯ โดยเฉพาะการใช้เพิ่มผลผลิตข้าวได้มากถึงไร่ละ 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะดินในบริเวณราก ข้าวจะเกิดแก๊สไข่เน่า(ไฮโดรเจนซัลไฟด์) ซึ่งไปยับยั้งการดูดซึมของรากข้าว แต่จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงจะไปเปลี่ยนแก๊สไข่เน่าให้ไปอยู่ในรูปสารประกอบซัลเฟอร์ที่ไม่เป็นพิษต่อรากทำให้รากข้าวเจริญงอกงามสามารถดูดซึมอาหารให้ ต้นข้าวแข็งแรงและขจัดสารพิษในนา ส่วนในพืชอื่นๆก็เช่นกัน และจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงยังมีโปรตีนสูงและวิตามินแร่ธาตุมากมาย เป็นประโยชน์กับพืชอย่างมากเพิ่มคุณภาพผลผลิต ช่วยเพิ่มแร่ธาตุในดิน เช่น ไมคอริซ่า,อาโซโตแบคเตอร์ ฯลฯ
ประโยชน์กับการปศุสัตว์และประมง - ช่วยลดแก๊สและของเสีย หรือสิ่งปฏิกูลในเล้าสัตว์ - ทำให้น้ำหนักเพิ่ม โดยเพิ่มสารอาหารแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสัตว์ - ทำให้คุณภาพของเนื้อและสีของเนื้อดี รสชาติดีขึ้น - ช่วยป้องกันให้สัตว์มีความทนทานต่อแบคทีเรียที่ไม่ดี ทำให้สัตว์มีชีวิตชีวา - โปรตีนใน PSB ช่วยเพิ่มให้คุณภาพของเนื้อปลาดีขึ้น โดยเพิ่มสารอาหารเข้าไปทำให้ร่างกายของปลามีความสมดุล - ทำให้มีอาหารของปลาเพิ่มขึ้นโดยการเพิ่มแพลงตอนในน้ำมากกว่าเดิม 70 เท่า - ช่วยป้องกันโรคที่เกิดมาจากแบคทีเรีย จำพวก บาซิลลัส และ ไมล์ดิว - ควบคุมน้ำเสียในบ่อสัตว์น้ำ อัตรารอดสูงและเพิ่มปริมาณผลผลิตมากขึ้น - กำจัดกลิ่นเหม็นในฟาร์มทำให้สัตว์เลี้ยงแข็งแรงต้านทานโรคดี ผลผลิตสูง นำไปผสมเป็นอาหารเสริมเพราะเซลล์ของจุลินทรีย์นี้ประกอบด้วยโปรตีนสูงถึง ร้อย ละ 60-65 มีกรดอะมิโนที่ จำเป็นครบถ้วนและยังมีวิตามินแร่ธาตุ เช่น วิตามิน บี 1 กรดฟอลิค (B9) วิตามิน ดี วิตามิน บี 2 วิตามิน บี12 วิตามิน อี วิตามิน บี 3 วิตามิน ซี วัตถุสีแดง(CAROTENOID) และให้สารโคแฟคเตอร์ เช่น ยูนิควิโนน โคเอนไซม์ Q10 ออกซิน ไซโตไคนิน ซีเอติน กรดบิวทีริกและกรดอะซิติก เป็นสารอาหารเสริมในสัตว์ แข็งแรง ปลอดโรค โตไว มีคุณภาพเพิ่มผลผลิต การบำบัดน้ำเสีย - ช่วยลดสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น คลอไรด์ ( Chloride ) , ไฮโดรเจน ซัลไฟด์ ( Hydrogen sulfide ) , ไดอะมายด์ ( Diamine ) etc. - ช่วยลำบัดน้ำเสียในแหล่งน้ำต่างๆ รวมถึงในบ้าน ครัวเรือน โรงงาน และคอกสัตว์ ประโยชน์กับมนุษย์ - ปัจจุบันได้มีการทดลองการใช้ ALA ที่ผลิตจากแบคทีเรียสังเคราะห์แสงมาใช้รักษามะเร็งในส่วนต่างๆเช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งช่องปาก เป็นตัน - แบคทีเรียสังเคราะห์แสงสามารถสังเคราะห์ยูบิควิโนน (ubiquinone ; UQ10) ขึ้นภายในเซลล์ได้ โดยแบคทีเรียสังเคราะห์แสงที่นิยมนำมาใช้ผลิต เช่น Rhodocyclus gelatinosus Rhodobacter capsulatus Rhodospirillum rubrum ฯลฯ ซึ่งยูบิควิโนนที่สกัดจากแบคทีเรียสังเคราะห์แสงนำมาเป็นอาหารเสริมในผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด การเพาะเชื้อหรือขยายต้องมีหัวเชื้อเริ่มต้น ซึ่งในปัจจุบันก็หาซื้อหัวเชื้อได้หลายๆที่ สามารถใช้ได้ทุกสายพันธุ์ เพราะผ่านการคัดและทดลองมาแล้ว ดีทุกสายพันธุ์ มีประโยชน์ทุกสายพันธุ์ และถ้าอยู่รวมกันก็ยิ่งใช้งานได้ดี หาหัวเชื้อมาเพียงครั้งเดียวก็สามารถเพาะขยายได้เลื่อยๆ การใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น ปริมาณของอินทรีย์วัตถุในดินต้องมีเพียงพอ และควรใช้ร่วมกับธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช จุลินทรีย์กลุ่มอื่นๆ เช่น จุลินทรีย์หน่อกล้วย จาวปลวก ฮอร์โมนไข่ จานด่วน อีกทั้งสามารถยังใช้ควบคู่กับเชื้อรากำจัดแมลงได้ด้วย ทั้งนี้เพื่อผลที่ดีที่สุดในการเจริญเติบโตของพืช คงเป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ ที่ได้รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มานำเสนอพอให้ได้รู้และนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
วิธีการใช้งานกับพืช สัดส่วนการใช้มีมากมายหลายอัตราส่วนการใช้งาน แต่ที่ง่ายที่สุดคือ เทลงไปในน้ำเปล่าในภาชนะขนาดใดก็ได้ที่จะใช้ผสม สังเกตว่าน้ำเริ่มเปลี่ยนสีเข้มขึ้นเป็นชมพูจางๆ เป็นอันนำไปใช้ได้ จากการทดลองนำไปใช้งานมาและรวมรวมผลจากกลุ่มผู้ใช้ การรดหรือฉีกลงที่โคนต้นจะได้ผลกับพืชมากที่สุด เพราะเขาคือแบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตไม่ใช่ฮอร์โมนหรือสารอาหารและอาศัยอยู่ในดิน ระยะเวลาที่ต้องรดหรือฉีดพ่น ทุก 7 วัน/ครั้ง หรือ 14 วัน/ครั้ง ก็ได้ ให้สังเกตว่าดินบริเวณที่เราปลูกพืชนั้นมีความชื้นที่เหมาะสมหรือไม่ ไม่แห้งไป ไม่เปียกไป เพราะ PSB และแบคทีเรียทั่วๆ ไปจะอาศัยและมีชีวิตได้ดีในดินที่มีความชื้น เปียกพอเหมาะ ถ้าชื้นเปียกกำลังดี ก็ 14 วัน/ครั้ง หรือถ้า แห้ง ก็ถี่ขึ้น ที่มา : - รศ.ดร.นภาวรรณ นพรัตนราภรณ์ ผู้เชียวชาญงานวิจัยด้านจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง - ดัดแปลงจาก Kabayashi (2000) - สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช) การนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงไปใช้งาน ด้านการเกษตร,พืช สำหรับการเพาะปลูกข้าว ดินบริเวณรากข้าวในระยะข้าวตั้งท้อง จะมีสภาวะแบบไม่มีออกซิเจน ทำให้แบคทีเรียที่ในกลุ่มแอนแอ-โรบิคแบคทีเรียเจริญได้ดี สร้างก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์(H2S)ขึ้นมา ทำให้มีผลไปยับยั้งกระบวนการสร้างเมตาโบลิซึมของรากข้าวซึ่งเป็นพิษต่อราก แต่เมื่อนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงมาใส่ลงในดินในระยะ เวลาดังกล่าว จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จะเปลี่ยนไฮโดรเจนซัลไฟด์ ให้อยู่ในรูปสารประกอบซัลเฟอร์ ที่ไม่เป็นพิษต่อราก จึงมีผลให้รากของต้นข้าวเจริญงอกงามมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและลักษณะของต้นข้าวก็มีความแข็งแรง ซึ่งมีผลให้ผลผลิตของข้าวมากขึ้นตามไปด้วย ลักษณะทางกายภาพและทางเคมีร่วมกันของพื้นที่ให้ผลผลิตสูงของจากผลการวิเคราะห์ดิน เต็มไปด้วย 1.ฟอสฟอรัสที่พืชใช้ได้ ( เพิ่มการแตกกอ แตกรวง เพิ่มการทำให้สุก) 2. ความอิ่มตัวด่างสูง ( ปุ๋ยยาวนาน) 3.ฮิวมัสพืชมาก ( ทำให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมในสภาวะอากาศรุนแรงได้ดี) - ระยะเวลาใช้ : ระยะทำเทือก อัตราการใช้ : 3-5 ลิตรต่อน้ำ 40 ลิตรต่อไร่ วิธีใช้ : ผสมน้ำสาดหรือฉีดให้ทั่ว ระหว่างการไถทำเทือก - ระยะเวลาใช้ : ข้าวอายุ 30 วัน อัตราการใช้ 100-200 cc ต่อน้ำ 25 ลิตร วิธีใช้ : ผสมน้ำสาดหรือฉีดให้ทั่วแปลง ก่อนการหว่านปุ๋ยหลัก และควรลดการใส่ปุ๋ยหลักลง 50 % - ระยะเวลาใช้ : ก่อนข้าวตั้งท้อง อัตราการใช้ : 200-300 cc ต่อน้ำ 25 ลิตร วิธีใช้ : ผสมน้ำสาด/ฉีด พ่น ให้ทั่วแปลง ก่อนการหว่านปุ๋ยหลัก และควรลดการใส่ปุ๋ยหลักลง 50 % ไม้ผล ระยะเวลาใช้ : ทุกๆ 7 วัน อัตราการใช้ : 100 cc ต่อน้ำ 25 ลิตร วิธีใช้ : ผสมน้ำฉีดพ่นทางใบหรือราดโคนต้น ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง •ช่วยทำให้รากพืชขึ้นเร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้น • ลดการติดเชื้อ • ลดแบคทีเรียที่เมล็ดพืช • ช่วยทำให้ปุ๋ยมีอายุยาวนาน • ช่วยลดแก๊สที่เป็นอันตราย • ช่วยลดกลิ่นเหม็น • ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีโตขึ้น • ช่วยทำให้สีของผลไม้สวยงาม • ช่วยทำให้รสชาติ หวานอร่อย • ช่วยเพิ่มน้ำหนัก • ช่วยป้องกันแมลง • ช่วยป้องกันการตกหล่นก่อนการเก็บเกี่ยว สำหรับการใช้งานกับมะนาว ผสม PSB 100cc /น้ำ 25 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุกๆ7-10วัน ผสม PSB 200-300 cc /น้ำ 25 ลิตร ใช้กับระบบน้ำหยด สปริงเกอร์ ฉีดพ่นทางดิน ทุกๆ7-10วัน ช่วยทำให้มะนาวแตกยอดอ่อนพร้อมดอก ได้เร็ว ระบบรากฝอยเยอะ ใบเขียวเข้ม สำหรับการใช้งานกับยางพารา ผสม PSB 100cc /น้ำ 25 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ สำหรับยางเล็ก ,, ยางโต ให้ฉีดลงพื้นดิน อัตรา 200 cc / น้ำ 25 ลิตร ทุกๆ7-10วัน ผสม PSB 200-300 cc /น้ำ 2 ลิตร ทาหน้ายาง ตรงรอยกรีด ช่วยเพิ่มน้ำยาง หน้ายางนิ่ม กรีดง่าย ป้องกันเชื้อรา ทาหน้ายาง ทุกๆ 2-3วัน พืชผักสวนครัว/พืชล้มลุก - ระยะเวลาใช้ : เตรียมแปลงก่อนทำการหว่านเมล็ด อัตราการใช้ : 100 cc ต่อน้ำ 25 ลิตร วิธีใช้ : ผสมน้ำสาดหรือรดให้ทั่วแปลงเพาะปลูก - ระยะเวลาใช้ : ทุกๆ 7-10 วัน อัตราการใช้ : 100 cc ต่อน้ำ 25 ลิตร วิธีใช้ : ผสมน้ำสาดหรือรดให้ทั่วแปลงเพาะปลูก - ระยะเวลาใช้ : ก่อนการเก็บเกี่ยว 1-2 วัน อัตราการใช้ : 100 cc ต่อน้ำ 25 ลิตร วิธีใช้ : ผสมน้ำสาดหรือรดให้ทั่วแปลงเพาะปลูก อัตราการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกับพืช ผัก ผลไม้ต่าง ๆ นาข้าว ปาล์ม ยาง มันสำปะหลัง อ้อย 200-300 cc /25 ลิตร ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผัก 50-100 cc/ น้ำ 25 ลิตร พืชไร่ ผลไม้ 100-200 cc / 25ลิตร ฉีดพ่นทางใบ และบริเวณโคนต้น ทุกๆ 7-10วัน หรือ เดือนละ2-3 ครั้ง 1 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 5ไร่ ไม้ดอก/ไม้ประดับ/ไม้ใบ - ระยะเวลาใช้ : ทุกๆ 7 วัน อัตราการใช้ : 50-100 cc ต่อน้ำ 25 ลิตร วิธีใช้ : ผสมน้ำฉีดพ่นทางใบหรือราดโคนต้น ประโยชน์จากการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง 1.ลำต้นพุ่งโตเร็ว 2.ทนทานต่อโรค 3.คุณภาพดีขึ้น 4.ผลผลิตเพิ่มขึ้น 5.ช่วยต้านทานโรค 6.ทำให้มีสีสวย 7.ช่วยป้องกันไม่ให้รากเน่า 8.ช่วยลดการใช้ปุ๋ย ด้านปศุสัตว์ - ระยะเวลาใช้ : ทุกวัน อัตราการใช้ : 1 ลิตร ต่อ อาหาร 25 กิโลกรัม วิธีใช้ : ใช้ผสมอาหารให้สัตว์กิน - ระยะเวลาใช้ : ทุกๆ 2 วัน อัตราการใช้ : 1 ลิตร ต่อ น้ำ 200 ลิตร วิธีใช้ : ผสมลงในแท็งก์น้ำให้สัตว์กิน ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง • ช่วยลดต้นทุนในการกาจัดของเสียของสัตว์ • ช่วยลดแบคทีเรีย ที่อวัยวะภายในของสัตว์ • ทำให้สัตว์โตเร็วขึ้น • ช่วยทำให้สัตว์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น • ช่วยทำให้คุณภาพของเนื้อสัตว์ดีขึ้น • ช่วยลดกลิ่นเหม็นจากของเสีย • ช่วยลดต้นทุนในการกำจัดของเสียของสัตว์ • ช่วยเพิ่มอัตราการออกไข่ • ช่วยทาให้สีของไข่แดงสวยตามธรรมชาติ • ช่วยเพิ่ม ใยอาหารและวิตามินในไข่แดง ด้านประมง - ระยะเวลาใช้ : การเตรียมบ่อ อัตราการใช้ : 10 ลิตร ต่อไร่ วิธีใช้ : สาดให้ทั่วบ่อ - ระยะเวลาใช้ : ระหว่างการเลี้ยง อัตราการใช้ : 5 ลิตร ต่อไร่ วิธีใช้ : สาดให้ทั่วบ่อ สัปดาห์ละครั้ง - ระยะเวลาใช้ : ทุกวัน อัตราการใช้ 1 ลิตร ต่อ อาหาร 25 กิโลกรัม วิธีใช้ : ผสมอาหาร หว่านให้ทั่วบ่อ ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง •ช่วยเพิ่มอัตราการเก็บเกี่ยวและอัตราการรอดตาย • ทำให้คุณภาพเนื้อดีขึ้น • ทำให้สัตว์มีความแข็งแรงขึ้น • ช่วยป้องกันโรคซึ่งมีสาเหตุเกิดจากแบคทีเรีย เช่น Bacillus และ mildew • ทำให้น้ำมีความสะอาดหมายเหตุ : ปริมาณในการใช้เป็นอัตราส่วนแนะนำ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
|