เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ดียังไง....ข้อดีที่หลายคนไม่เคยรู้^^

[MeenaKA]

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช

---การขยายพันธุ์พืช โดยการใช้ ต้น หรือ ใบ หรือ ดอก หรือราก หรือ ยอด----(ไม่ต้องใช้เมล็ดก็ได้)

1.เพื่อการผลิตต้นพันธุ์พืชปริมาณมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว

และจะมีคุณสมบัติเหมือนต้นแม่ทุกประการ เช่น ต้นกล้วยแม่พันธุ์

เป็นต้นที่ออกลูก เครือละ 20 หวี ต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยง

เนื้อเยื่อ  ก็จะมีคุณสมบัติ เหมือนกันทุกประการ

***ดังนั่นสมควรคัดเลือกแม่พันธุ์เอง เพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่า ในระยะให้ผลผลิต หรือสมควรถามผู้ขายไม้ขวด ถึงหน้าตาต้นแม่ และปริมาณการให้ผลผลิต เพราะแม่พันธุ์ที่ให้ผลผลิตเครือละ 20 หวี กับเครือละ 10หวี ทำให้รายได้หายไปครึ่งหนึ่งต่อการปลูก 1 ต้น*****


2. เพื่อเป็นการขยายพันธุ์พืชที่มีการ ปรับปรุงพันธุ์

หรือปรับสภาพเข้ากับสภาวะอากาศบ้านเราแล้ว เช่น ผลไม้

ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ที่นำต้นพันธุ์มาจากต่างประเทศ แต่มีการ

เลี้ยงและให้ผลได้ ในเมืองไทยแล้ว ถ้านำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ก็

จะได้ ต้นพันธุ์ที่ทน ได้ปริมาณมาก ลดต้นทุนได้มูลค่าหลายล้าน

โดยไม่ต้องนำเข้า คะ

เช่น แบล๊คเบอร์รี่ นำเข้า ต้นละ  1,000 บาท

จะทำเป็นสวนให้พอเก็บขาย อาจจะต้องลงปลูก 1,000 ต้น

เป็นเงินลงทุน 1,000,000 บาท

แต่ถ้าเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 1,000 ต้น ต้นละไม่เกิน 25 บาท จะเป็น

เงินลงทุนแค่ 25,000 บาท

***ถือว่าประหยัดไป เกือบ ล้าน บาทเลยคะ***


3  เพื่อการเก็บรักษาพันธุ์พืช หรือ ขยายพันธุ์พืช

ตามความชอบส่วนบุคคลเช่น การผสมพันธุ์กล้วยไม้ให้ได้

กล้วยไม้ดอกแปลกๆ หรือการผสมพันธ์ดอกไม้บางชนิดให้ได้

สายพันธุ์ใหม่ แล้วจึงนำส่วนของต้นไม้นั่นมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

เพื่อให้เหมือนต้นแม่ ไม่กลายพันธุ์


4 เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจ เพราะพืช

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจะอยู่ในขวดปลอดเชื้อ ซึ่งสามารถนำออกนอก

ประเทศ หรือส่งออกได้ในสภาพปลอดเชื้อได้คะ 

[MeenaKA]

ดันหน่อยคะ