“น้ำเหลืองเสีย” ที่เป็นเหมือนคำสามัญประจำบ้าน ที่เราได้ยินได้ฟังกันมาตั้งแต่เด็กๆแต่ก็มีหลายคน ที่ยังไม่เข้าใจคำว่า น้ำเหลืองเสีย ผมจึงขอนำเรื่องของระบบน้ำเหลือง มาเล่าสู่กันฟังเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้น และก็จะขอถือโอกาสนำเสนอทางเลือกหรือการแพทย์ทางเลือกมาให้ท่านได้พิจารณาเพื่อ ให้ท่านนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาน้ำเหลืองเสีย ที่ลูกหลาน บุคคลอันเป็นที่รัก หรือตัวท่านเอง โดยจะนำเอาข้อมูลที่ค่อนข้างเป็นวิชาการสักนิด มีศัพท์แสงทางการแพทย์ ที่อาจไม่คุ้นเคยให้ได้ยินหลายคำ แต่ก็ขอให้ท่านที่ส่วนใหญ่เป็นแฟนรายการนี้ ได้ฟังกันบ่อยๆ จะได้มีพื้นฐานในการคิดต่อยอด โดยเฉพาะในด้านสุขภาพของตัวท่านเอง ดังรายละเอียดเป็นเรื่องๆต่อไปนี้ครับ
ระบบน้ำเหลือง (lymphatic system) จัดเป็นส่วนหนึ่งของระบบหมุนเวียน (circulatory system) ในร่างกาย ประกอบด้วยท่อที่เชื่อมโยงกันเรียกว่า ท่อน้ำเหลือง (lymphatic vessels) ภายในบรรจุของเหลวใสที่เรียกว่า น้ำเหลือง (lymph) โดยระบบน้ำเหลืองนั้นไม่เป็นระบบปิด มีหน้าที่หลักคือนำของเหลวที่ซึมออกมาจากหลอดเลือดฝอยกลับเข้าสู่หลอดเลือดดำของระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งการอุดตันของการไหลเวียนน้ำเหลืองอาจทำให้เกิดการบวม ขึ้นได้ ระบบน้ำเหลืองจะไม่มีอวัยวะสำหรับสูบฉีดไปยังส่วนต่างๆ ระบบน้ำเหลืองประกอบไปด้วย
ก. น้ำเหลือง (Lymph) เป็นของเหลวที่ซึมผ่านผนังเส้นเลือดฝอยออกมาอยู่ระหว่างเซลล์หรืออยู่ รอบๆเซลล์ เพื่อหล่อเลียงเซลล์ ในน้ำเหลืองจะมีโปรตีนโมเลกุลเล็ก เช่น อัลบูมิน และสารที่มีโมเลกุลเล็ก เช่นก๊าซ นำน้ำตาลกลูโคส
ข. ท่อน้ำเหลือง (Lymph vessel) เป็นท่อตันมีอยู่ทั่วร่างกายมีขนาดต่างๆกัน มีลักษณะคล้ายเส้น เลือดดำ คือ มีลิ้นกันป้องกันการไหลกลับของน้ำเหลือง น้ำเหลืองไหลไปตามท่อน้ำเหลือง โดยอาศัยปัจจัย 3 ประการ คือ
- การหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อที่จะไปกดหรือคลายท่อน้ำเหลือง
- ความแตกต่างระหว่างความดัน ซึ่งท่อน้ำเหลืองขนาดเล็กมีมากกว่า ท่อน้ำเหลืองขนาดใหญ่
- การหายใจเข้า ซึ่งไปมีผลขยายทรวงอกและลดความดันทำให้ท่อน้ำเหลืองขยายตัว
ค. อวัยวะน้ำเหลือง (lymph organ) อวัยวะน้ำเหลืองเป็นศูนย์กลางในการผลิตเซลล์ที่ใช้ในการต่อต้านเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม ประกอบด้วย ต่อมน้ำเหลือง (lymph node) พบอยู่ระหว่างทางเดินของท่อน้ำเหลือง ลักษณะเป็นรูปไข่ กลม หรือรี จะมีท่อน้ำเหลืองเข้าและท่อน้ำเหลืองออกภายในเต็มไปด้วยเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ ต่อมน้ำเหลืองทำหน้าที่กรองน้ำเหลืองให้สะอาดทำลายแบคทีเรีย และทำลายเม็ดเลือดขาวที่อยู่ในวัยชรา ต่อมทอนซิล (Tonsil gland) มีอยู่ 3 คู่ คู่ที่สำคัญอยู่รอบๆหลอดอาหาร ภายในต่อมทอนซิลมีลิมโฟไซต์ทำลายจุลินทรีย์ที่ผ่านมาในอากาศไม่ให้เข้าสู่หลอดอาหารและกล่องเสียง ถ้าต่อมทอนซิลติดเชื้อจะมีอาการบวมขึ้น เรียกว่า ต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมไทมัส (Thymus gland) เป็นต่อมที่มีขนาดใหญ่ตอนอายุน้อยเมื่ออายุมากจะเล็กลงและฝ่อลงในที่สุด เป็นต่อมไร้ท่ออยู่ตรงทรวงอกรอบเส้นเลือดใหญ่ของหัวใจ ทำหน้าที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ T มีหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคและสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งการต้านอวัยวะที่ปลูกถ่ายจากผู้อื่น
ม้าม (spleen) เป็นอวัยวะน้ำเหลืองที่ใหญ่ที่สุด มีเส้นเลือดมาเลียงมากมาย ไม่มีท่อน้ำเหลืองเลย สามารถยืดหดตัวได้ นุ่มมีสีม่วง อยู่ใกล้ๆกับกระเพาะอาหารใต้กระบังลมข้างซ้าย รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว ภายในจะมีลิมโฟไซต์อยู่มากมายหน้าที่ของม้ามมีดังนี้
1) ทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุแล้ว
2) สร้างเม็ดเลือดขาว พวกลิมโฟไซต์ และโมโนไซต์ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคที่เข้าไปในกระแสเลือด
3) สร้างแอนติบอดี
4) ในสภาพผิดปกติ สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้ เช่น มะเร็งเม็ดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรค ได้แก่ แบคทีเรีย เชื้อราไวรัส พยาธิต่างๆ สารเคมีที่เจือปนอยู่ในอากาศที่จะเข้าสู่ร่างกายทาง ผิวหนัง ทางระบบหายใจ ทางระบบย่อยอาหาร หรือทางระบบหมุนเวียนเลือด โดยปกติร่างกายจะมีการป้องกันและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยระบบภูมิคุ้มกัน( immunity ) สิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย เพราะร่างกายมีด่านป้องกันและต่อต้านเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมหลายขั้น
ขั้นที่ 1 ผิวหนังห่อหุ้มร่างกาย จุลินทรีย์ไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้และร่างกายจะขับกรดแลกตริคออกมาพร้อมกับเหงื่อจะป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้และร่างกายมีการสร้างน้ำ น้ำลาย ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายแบคทีเรีย เป็นการช่วยให้เชื้อโรคหลุดออกจากร่างกายทางหนึ่งด้วยนอกจากนี้ การไอหรืออาเจียนก็มีผลให้เชื้อโรคหลุดออกจากร่างกาย
ขั้นที่ 2 เมื่อเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ เซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่บริเวณนั้น ทั้งที่อยู่ในเนื้อเยื่อและท่อน้ำเหลืองก็จะเคลื่อนที่แบบ อะมีบาเข้าทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมโดยวิธีฟาโกไซโทซิส
ขั้นที่ 3 ถ้าสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายมีปริมาณมากและมีสมบัติพิเศษ ที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ด้วยขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ร่างกายจะใช้กลไกการตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยการสร้างภูมิคุ้มกัน ( Immunity ) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงเข้าทำลาย
จะเห็นได้ว่า เมื่อผิวหนังเราเป็นฝี หนอง และพบว่ามีน้ำเหลืองซึมออกมาตลอดเวลา ลักษณะดังกล่าวเป็นการแสดงออกของผิวหนังรวมทั้งร่างกายที่เราเคยรับรู้กันมาว่า น้ำเหลืองเสีย เป็นการที่ร่างกายมีภูมิต้านทานอ่อนแอ ไม่สามารถควบคุมการทำงานของการไหลซึมของน้ำเหลืองตามหน้าที่ที่ออกแบบไว้ได้ ไม่สามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค ออกจากระบบของร่างกายได้ และเราพบว่าคนที่ร่างกายมีภูมิต้านทานแข็งแรง เมื่อมีแผลหรือตุ่มฝีหนองตามส่วนต่างๆของร่างกาย แผลหรือตุ่มฝีหนองนั้นก็จะหายไปในเวลาไม่ช้า เราคงไม่อยากให้ระบบภูมิต้านทานของเราต่ำและมีแผล ฝีหนอง มีน้ำเหลืองซึมอยู่เป็นเวลานาน วิธีเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายให้มากขึ้น สามารถทำได้โดยกินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่กินอาหารด้อยคุณค่าหรืออาหารที่ผ่านการปรุงแต่งหรือน้ำตาลมากเกินไป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือกินสมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันได้ สำหรับสูตรตำรับหรือผลิตภัณฑ์ที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาด ที่มีการระบุไว้ในฉลากข้างขวดตามที่ อย.อนุญาตไว้ว่า แก้ฝีหนอง น้ำเหลืองเสีย ก็หมายความว่า ทางราชการได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าสูตรตำรับนั้น สามารถช่วยรักษา แผลที่เป็นฝีหนองหรือน้ำเหลืองเสียได้ ซึ่งหากท่านได้ฟังบทความที่ผมนำมาเล่าให้ท่านฟังผ่านไปแล้วนี้ จะลองทบทวนเนื้อหาให้ละเอียด ก็จะเข้าใจดีว่า น้ำเหลืองเสีย ก็คือระบบภูมิต้านทานไม่ปกติ ไม่เหมือนคนทั่วไป เมื่อสมุนไพรที่ระบุว่าแก้ฝีหนองและน้ำเหลืองเสีย ก็คือสมุนไพรช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ซึ่งเมื่อระบบภูมิคุ้มกันเป็นปกติ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคได้ตามปกติ หมายถึงน้ำเหลืองเสียกลับมาเป็นปกติ แต่เรื่องของสมุนไพรและคน เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ไม่ได้เป็นสมการตรงๆเช่น 1+1=2 แต่ผลของมันอาจเท่ากับ 1 หรือ 3 ก็ได้ เป็นความไม่แน่นอนอย่างที่ภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทยกล่าวว่า ลางเนื้อชอบลางยา ดังนั้นท่านก็พิจารณาตามความเหมาะสมว่าจะลองใช้สมุนไพรหรือตำรับสมุนไพรอะไรที่เหมาะสมกับท่านที่สุด แล้วตัดสินใจเองบนพื้นฐานสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่ปัจจุบันมีสื่อให้เราเลือกบริโภคมากมายเป็นผู้ช่วยในการตัดสินใจ
จากรูปภาพประกอบแผลน้ำเหลืองเสีย น้องพรรษา กิน Uss Herb Capsule คาวตองแคปซูล วันละ 1 แคปซูล 7 วัน เท่านั้น เพียง แผงละ 200 บาท
อย.52-2-01657-1-0029
http://www.prosumeronline.org