เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 24 เมษายน 2024, 10:30:51
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ปางอะไร
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ปางอะไร  (อ่าน 2221 ครั้ง)
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 07:01:25 »

เดี๋ยวนี้มีอะไรแปลกๆ เมื่อวานไปเจอพระพุทธรูปปางอะไรไม่รู้มีหลายเีศียรมาก
เลยถ่ายรูปมาให้ดูกันครับ ใครพอจะรู้บ้างครับว่าปางอะไร
เท่าที่ศึกษามาไม่เคยเห็นครับ แล้วสมาชิกทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับกับพระพุทธรูปปางนี้...


* DSC08530 (Medium).jpg (98.85 KB, 536x800 - ดู 220 ครั้ง.)

* DSC08531 (Medium).jpg (106.54 KB, 536x800 - ดู 222 ครั้ง.)

* DSC08532 (Medium).jpg (94.74 KB, 536x800 - ดู 218 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

..............
۰•ฮักแม่จัน©®
เลวบ้างในบางเวลา
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,017


"มารบ่มี บารมี บ่เกิด.."


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 07:42:46 »

โอ้ว..ยังไม่เคยเห็นเลยครับ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"ทำบุญเท่าไรก็ไม่สามารถลบล้างบาปได้ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป"

ไม่มีใครหรอกที่จะเลวโดยสันดาน ..
หากแต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ทำ
D-max
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,130



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 08:30:22 »

สงสัยเป็น ปาง9 เศรียร ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ple
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 10:36:04 »

 ยิ้ม :)นี่เค้าเรียกว่า พระเศรษฐีนวโกฎิ (พระเก้าหน้า) ค่ะ ยิ้ม ยิ้ม

     พระเศรษฐีนวโกฏิเป็นรูปเคารพแทนมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านในสมัยพุทธกาล ท่านเหล่านี้เป็นผู้สร้างคุณประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่พระพุทธศาสนา มีความมั่งคั่งในโภคทรัพย์อยู่ในระดับเดียวกับกษัตริย์ ทั้งยังเป็นสัมมาทิฏฐิ และยังเป็นพุทธอุปฐากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงยกย่องว่า ท่านเหล่านี้เป็นผู้เลิศในการทำทาน และเป็นยอดของมหาเศรษฐีทั้งปวง เศรษฐีทั้ง 9 นี้ได้แก่
1.ธนันชัยเศรษฐี
2.ท่านยัสสะเศรษฐี
3.ท่านสุมานะเศรษฐี
4.ท่านชะฏิกัสสะเศรษฐี
5.ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี
6.ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี
7.ท่านโชติกะเศรษฐี
8.ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี
9.ท่านวิสาขามหาอุบาสิกา
ผู้รู้ได้ถือเอาคตินี้มาสร้างเป็นพระนวโกฏิให้มีพระพักตร์ทั้งหมด 9 พระพักตร์ แทนใบหน้าของนวเศรษฐีทั้งเก้าในสมัยพุทธกาล เชื่อว่ามีคุณทางโชคลาภ อำนวยลาภสักการะ และความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้เลื่อมใสบูชา
     มหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านนี้ ล้วนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ทั้งที่ดำรงเพศฆราวาสอยู่ ตามตำนานของชาวล้านนา สมัยหนึ่งเกิดทุกข์เข็ญ ทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้น จึงมีพระภิกษุผู้เป็นอริยะรูปหนึ่ง ได้แนะนำให้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อทำการสักการบูชาแก้เคล็ดในความทุกข์ยากทั้งหลาย และเมื่อสร้างและทำการฉลองสำเร็จ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์ปรากฏขึ้นเป็นอัศจรรย์คือ ความทุกข์ยากอดอยากทั้งหลาย ได้บรรเทาลงและสงบระงับในที่สุด จึงเป็นคติที่เชื่อถือของชาวล้านนาว่า ถ้าผู้ใดได้บูชาพระเศรษฐีนวโกฏิแล้ว จะมีสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น ประสบแต่โชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์แห่งบารมีธรรมของเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน

ตำราการสร้าพระเศรษฐีนวโกฏิ ได้รับการถ่ายทอดมาแต่ท่านเจ้าประคุณ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท) วัดบรมนิวาส ระบุว่าพระเศรษฐีนวโกฏิ ต้องทำจากไม้ยอป่า และไม้ราชพฤกษ์ โดยที่ไม้ยอป่านั้นจะต้องขึ้นอยู่บนจอมปลวก หรือมีจอมปลวกขึ้นที่โคนต้น และมีรังมดแดงอยู่บนต้น จึงจะถูกต้งตามตำรา สัณฐานของพระนวเศรษฐีนั้นมี 9 พระพักตร์ซ้อนกันอยู่ หรือบางแห่งทำให้ซ้อนกันขึ้นไปด้านบน ปางนั่งขัดสมาธิเพชรบนฐานบัว พระหัตถ์พนมมือ ระดับนิ้วพระหัตถ์กลางจะตรงต้นพระศอ (ปลายนิ้วกลางอยู่ตรงพระหนุพอดี) ใต้ฐานเจาะรูเพื่อบรรจุตะกรุดเงิน หรือทองคำ แล้วอุดด้วยครั่ง ชันนะโรง หรือขี้ผึ้ง พระเศียรทั้ง 9 ทำด้วยไม้ราชพฤกษ์เจาะรูด้านบนเพื่อบรรจุพระธาตุพระสีวลี พระวรกายแกะจากไม้ยอป่า แล้วลงรักปิดทองทั้งองค์ ตะกรุดที่บรรจุใต้ฐานเขียนคาถาอักขระลงไปดังนี้ มาขะโยมาวะโย มัยหังมาจะโกจิ อุปัททะโว ธัญญะธารานิเม ปะวัสสันตุ ธนันชัยยัสสะ ยะถาคะเร สุวัณณานิหิรัญญาจะ สัพพะโภคาจะรัตตะนา ปะวัสสันตุเม เอวังคาเร สุมะนะปฏิลัสสะจะ อะนาถะปิณฑิกะ เมณฑะกัสสะโชติกะ มันธาตุเวสสันตะรัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สัพพะสิทธิ ภะวันตุเม เสร็จแล้วปลุกเสกด้วยพระคาถาดังกล่าว 108 คาบ แล้วจึงม้วนตะกรุดบรรจุอุดใต้ฐานให้เรียบร้อย แล้วเสกด้วย คาถาอาการ 32 ธาตุ 4 ขันธ์ 5 เสกครั้งสุดท้ายด้วย คาถาจินดามณีบทใหญ่ 108 วัน โดยให้เสกตามกำลังวัน
     พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐี เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย เงิน ทอง โภคสมบัติ และเป็นสัญลักษณ์แห่งตัวแทนของท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน

ในสมัยพุทธกาล มหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ได้เป็นพุทธอุปัฎฐากขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "เป็นผู้เลิศในการทำบุญและเป็นยอดแห่งมหาเศรษฐีทั้งปวง"

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน มีรายนามดังนี้

1.ธนัญชัยมหาเศรษฐี 2.ยัสสะมหาเศรษฐี 3.สุมนะมหาเศรษฐี 4.ชฏิสัสสะมหาเศรษฐี 5.อนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี 6.เมณฑกะมหาเศรษฐี 7.โชติกะมหาเศรษฐี 8.สุมังคละมหาเศรษฐี 9.มหาอุบาสิกาวิสาขา (พระนางวิสาขา)

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ล้วนแต่เป็นพระอริยโสดาบันทั้งสิ้น กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม ความดีงาม

พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มีตำนานเล่าขานในราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ ว่าในยุคหนึ่งได้เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกเจ็ดปี เกิดทุกข์เข็ญ ความเดือดร้อน ตลอดทั้งเกิดโรคอหิวาตกโรค ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก

ในเวลาต่อมา ได้มีพระอรัญญวาสี (พระผู้อยู่ในป่า) ผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้มาบอกให้เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักรว่า " ให้พากันสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐีขึ้นมาทำการสักการบูชาเสียแล้วเหตุเภทภัยทั้งหลาย จะระงับดับไป "


พระอรัญญวาสี ยังได้บอกเคล็ดและวิธีการต่างๆ ตลอดถึงฤกษ์ยามอันเป็นมงคล สำหรับใช้ในการจัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ

เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักร ได้ทำตามวิธีการนั้น ไม่นานปรากฏผล เรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้เกิดระงับดับไปตามที่พระอรัญญวาสีองค์นั้นได้บอกไว้ทุกประการ ตลอดทั้งเกิดความอุดมสมบูรณ์ ด้วยข้าวปลาอาหาร ร่มเย็นเป็นสุข

ด้วยเหตุนี้ ประชาชนแห่งราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ จึงนิยมจัดสร้างและบูชาสักการะองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ส่วนกำเนิดพระมหาเศรษฐีนวโกฏิในแผ่นดินสยาม พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ พระอาจารย์ใหญ่ สายวิปัสสนากัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในสมัยที่ท่านได้ไปเป็นผู้ปกครองการคณะสงฆ์ในตำแหน่งพระสังฆปาโมกข์ ที่นครจำปาศักดิ์ และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดอำมาตยาราม ได้รับการสืบทอดตำรามาจากญาท่านสำเร็จลุน วัดบ้านเวินไซ

เมื่อท่านได้รับการถ่ายทอดตำรามาแล้ว ท่านได้ศึกษาค้นคว้าจนเข้าใจถึงอรรถาธิบาย ถึงวิธีการสร้าง พิธีการจัดการปลุกเสก ตลอดถึงฤกษ์ยามในพิธีการจัดสร้าง จนเป็นที่เข้าใจ

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) ได้มอบตำรานี้แก่พระเทพวรคุณ (หลวงปู่อ่ำ ภัทราวุโธ) วัดมณีชลขันธ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ผู้เป็นน้องชาย

ต่อมา ตำราการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ได้ตกทอดไปอยู่กับพระปราจีนมุนี วัดมะกอก จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

พ.ศ.2489 พระปราจีนมุนี ได้มอบตำราการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ให้กับหลวงปู่มา ญาณวโร

ภายหลัง หลวงปู่มา ได้รับการสืบทอดตำราแห่งการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หลวงปู่ได้ออกธุดงควัตร จนกระทั่ง สร้างวัดวิเวกอาศรม ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และได้จัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มอบให้กับลูกศิษย์ใกล้ชิด

พ.ศ.2519 หลวงปู่มา ญาณวโร ได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิแกะสลักจากไม้ยอป่า จัดสร้างเป็นวัตถุงคลพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เป็นรูปหล่อลอยองค์เป็นครั้งแรก

พ.ศ.2550 เป็นปีแห่งมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา

พระอาจารย์แสวง เขมญาโณ ในฐานะลูกศิษย์หลวงปู่มา ญาณวโร ได้ขออนุญาตหลวงปู่มา จัดสร้างองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสยาม สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเป็นการจัดสร้างเพื่อให้เป็นการดำรงไว้ซึ่งตำราอันศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่คู่กับแผ่นดินสยามประเทศสืบต่อไป

วัสดุในการจัดสร้างองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ในตำรากล่าวไว้ว่า ให้สร้างจากไม้มหามงคล 3 ประการ คือ

1.ไม้โพธิ์ ให้ใช้กิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก และห้ามไปตัดไปโค่นลง ต้องรอให้หักลงมาเองตามกาลเวลา หรือให้นั่งอธิษฐานจิตขอจากเทพเทวดาที่รักษาต้นโพธิ์ จนต้นโพธิ์ได้หักลงมา

2.ไม้ยอป่าที่เกิดกลางตอไม้ หรือไม้ยอป่าที่เกิดกลางจอมปลวก ถือว่าเป็นราชาของไม้เพราะเกิดในที่สูง ถ้าเกิดนอกนั้นใช้ไม่ได้ ในตำราไสยศาสตร์ถือว่า เป็นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อิทธิคุณสูง มีเทวดาคุ้มครองรักษาอยู่ ก่อนจะตัดต้องทำพิธีเซ่นสรวงก่อน

3.ไม้คูณที่ตายพราย คือ เป็นต้นไม้คูณที่ตายไปเองโดยธรรมชาติ ห้ามไปตัดไปโค่นลงทำให้ตาย หรือจะเรียกว่าไม้ตายยืนต้น

หากใช้โลหะในการจัดสร้าง ต้องประกอบด้วยนวโลหะ 9 ประการ คือ ทองคำ, เงิน, ทองแดง, ทองเหลือง, ตะกั่ว, ชิน, เจ้าน้ำเงิน, ดีบุก, สังกะสี

ผงศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วย ดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล คือ สถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม และนิพพาน

สำหรับการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิในครั้งนี้ ได้สร้างเป็นกรณีพิเศษ สำหรับบรรจุดวงพิชัยสงครามให้กับผู้สั่งจองเป็นรายบุคคลมีจำนวนจำกัด ปริศนาธรรมแห่งองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ แนวคิด ปรัชญา และปริศนาธรรมของผู้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หน้าตัก 80 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสยาม และพระบูชา ตลอดจนถึงพระเครื่องรุ่น 9 เศรษฐีมหาบารมี

ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกเป็นปฐมฤกษ์ ในวันพุธที่ 22 สิงหาคม ณ วัดป่าสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
IP : บันทึกการเข้า
taekeuk_poomse
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 10:37:09 »

ว้า..............................มาช้าไป กำลังจะมาตอบ ตามมั้นเลยครับ เป็นพระเศรษฐี นวโกฏิ
IP : บันทึกการเข้า
ple
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 10:38:22 »

การบูชา พระเศรษฐีนวโกฎิ ให้ได้ผลดีนั้น ท่านผู้ศรัทธา

พึงปฎิบัติดังนี้

พระคาถาบูชาพระ ว่าดังนี้ ตั้งนะโม ฯ 3 จบ

มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว

ธัญญะธารานิ ปะวัสสันตุ ธนัญชัย ยัสสะยะถาคะเร

สุวัณณานิ หิรัญญาจะ สัพพะโภคา จะ รัตตะนา

ปะวัสสันตุ เม เอวังคะเร สุมะนะ ชะฎิสัสสะ

จะอะนาถะบิณฑิกะ เมทะ กัสสะ โชติกะ สุมังคะ สัสสะ

จะ มัณฑาตุ เวสสันตะ รัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร

เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวัน ตุ เม.


พระคาถานี้ เดิมที เป็นของเจ้าประคุณ

พระอุบาลี คุณูปรมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)

อดีตเจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส

เป็นพระคาถาบูชาพระเศรษฐีนวโกฎิ ในอันที่จะบรรดาล

ให้เกิดโชคลาภ สิริมงคล ท่านให้ภาวนาพระคาถานี้

บูชาเถิด ปรารถนา อธิษฐานเอาสิ่งใด จะได้สมดังความตั้งใจ

หากทำการค้าขาย ก่อนเปิดร้าน ให้อาราธนาพระนวโกฎิ

ด้วยพระคาถานี้ ครบ 3 จบ ด้วยใจมั่นแล จะค้าขายดี

มีเงินทองมากมาย ไม่นานจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล

อนึ่งถ้ามีทุกข์ ภัย ให้อาราธนาพระเศรษฐีนวโกฎินี้ ลงสรงน้ำ

อาราถนาให้น้ำกลายเป็นน้ำพระพุทธมนต์

สวดพระคาถานี้ 9 จบ เอาน้ำรด อาบ กิน ทุกข์จะโยก

โศกจะหมด เคราะห์กรรม จะคลาย มลายสิ้นไป จะบันดาล

ความสุขสวัสดิ์ และโชคลาภมาให้

เมื่อถึงวันเถลิงศก คือ วันที่ 15 เมษายน ของทุก ๆ ปี

จึงให้จัดหาดอกไม้ขาว 9 กระทง เช่น ดอกมะลิ

ข้าวตอก 9 กระทง อาหารคาว หวาน 9 อย่าง ธูป 9 ดอก

เทียน 9 เล่ม จุดบูชา พระนวโกฎินี้ แล้วสวดคาถานี้

ให้ได้ 9 จบ นิมนต์พระสรงน้ำ ขออาราธนาทำเป็น

น้ำพระพุทธมนต์ เอามาอาบกิน ประพรมบ้านเรือน เรือกสวน

ไร่นา บริวาร ทั้งหลาย จะอยู่เย็น เป็นสุข ตลอดทั้งปี แล

พระนวโกฎินี้ ใครหมั่นอาราธนา พร้อมสวดพระคาถาบูชาอยู่

เป็นเนืองนิตย์ จะไม่รู้ยากจนเลย และหากยังมั่นคงใน

ศีล 5 หนักแน่นเท่าใด จะยิ่งบริบูรณ์ เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน แล

     สำหรับปีนี้ ผู้ที่เกิดราศี พฤษภ, ราศีเมถุน, ราศีตุลย์ บูชาเศรษฐีนวโกฏิแล้วดีค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
Lovely
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 10:51:07 »

ยิ้ม :)นี่เค้าเรียกว่า พระเศรษฐีนวโกฎิ (พระเก้าหน้า) ค่ะ ยิ้ม ยิ้ม

     พระเศรษฐีนวโกฏิเป็นรูปเคารพแทนมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านในสมัยพุทธกาล ท่านเหล่านี้เป็นผู้สร้างคุณประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่พระพุทธศาสนา มีความมั่งคั่งในโภคทรัพย์อยู่ในระดับเดียวกับกษัตริย์ ทั้งยังเป็นสัมมาทิฏฐิ และยังเป็นพุทธอุปฐากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงยกย่องว่า ท่านเหล่านี้เป็นผู้เลิศในการทำทาน และเป็นยอดของมหาเศรษฐีทั้งปวง เศรษฐีทั้ง 9 นี้ได้แก่
1.ธนันชัยเศรษฐี
2.ท่านยัสสะเศรษฐี
3.ท่านสุมานะเศรษฐี
4.ท่านชะฏิกัสสะเศรษฐี
5.ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี
6.ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี
7.ท่านโชติกะเศรษฐี
8.ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี
9.ท่านวิสาขามหาอุบาสิกา
ผู้รู้ได้ถือเอาคตินี้มาสร้างเป็นพระนวโกฏิให้มีพระพักตร์ทั้งหมด 9 พระพักตร์ แทนใบหน้าของนวเศรษฐีทั้งเก้าในสมัยพุทธกาล เชื่อว่ามีคุณทางโชคลาภ อำนวยลาภสักการะ และความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้เลื่อมใสบูชา
     มหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านนี้ ล้วนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ทั้งที่ดำรงเพศฆราวาสอยู่ ตามตำนานของชาวล้านนา สมัยหนึ่งเกิดทุกข์เข็ญ ทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้น จึงมีพระภิกษุผู้เป็นอริยะรูปหนึ่ง ได้แนะนำให้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อทำการสักการบูชาแก้เคล็ดในความทุกข์ยากทั้งหลาย และเมื่อสร้างและทำการฉลองสำเร็จ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์ปรากฏขึ้นเป็นอัศจรรย์คือ ความทุกข์ยากอดอยากทั้งหลาย ได้บรรเทาลงและสงบระงับในที่สุด จึงเป็นคติที่เชื่อถือของชาวล้านนาว่า ถ้าผู้ใดได้บูชาพระเศรษฐีนวโกฏิแล้ว จะมีสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น ประสบแต่โชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์แห่งบารมีธรรมของเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน

ตำราการสร้าพระเศรษฐีนวโกฏิ ได้รับการถ่ายทอดมาแต่ท่านเจ้าประคุณ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท) วัดบรมนิวาส ระบุว่าพระเศรษฐีนวโกฏิ ต้องทำจากไม้ยอป่า และไม้ราชพฤกษ์ โดยที่ไม้ยอป่านั้นจะต้องขึ้นอยู่บนจอมปลวก หรือมีจอมปลวกขึ้นที่โคนต้น และมีรังมดแดงอยู่บนต้น จึงจะถูกต้งตามตำรา สัณฐานของพระนวเศรษฐีนั้นมี 9 พระพักตร์ซ้อนกันอยู่ หรือบางแห่งทำให้ซ้อนกันขึ้นไปด้านบน ปางนั่งขัดสมาธิเพชรบนฐานบัว พระหัตถ์พนมมือ ระดับนิ้วพระหัตถ์กลางจะตรงต้นพระศอ (ปลายนิ้วกลางอยู่ตรงพระหนุพอดี) ใต้ฐานเจาะรูเพื่อบรรจุตะกรุดเงิน หรือทองคำ แล้วอุดด้วยครั่ง ชันนะโรง หรือขี้ผึ้ง พระเศียรทั้ง 9 ทำด้วยไม้ราชพฤกษ์เจาะรูด้านบนเพื่อบรรจุพระธาตุพระสีวลี พระวรกายแกะจากไม้ยอป่า แล้วลงรักปิดทองทั้งองค์ ตะกรุดที่บรรจุใต้ฐานเขียนคาถาอักขระลงไปดังนี้ มาขะโยมาวะโย มัยหังมาจะโกจิ อุปัททะโว ธัญญะธารานิเม ปะวัสสันตุ ธนันชัยยัสสะ ยะถาคะเร สุวัณณานิหิรัญญาจะ สัพพะโภคาจะรัตตะนา ปะวัสสันตุเม เอวังคาเร สุมะนะปฏิลัสสะจะ อะนาถะปิณฑิกะ เมณฑะกัสสะโชติกะ มันธาตุเวสสันตะรัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สัพพะสิทธิ ภะวันตุเม เสร็จแล้วปลุกเสกด้วยพระคาถาดังกล่าว 108 คาบ แล้วจึงม้วนตะกรุดบรรจุอุดใต้ฐานให้เรียบร้อย แล้วเสกด้วย คาถาอาการ 32 ธาตุ 4 ขันธ์ 5 เสกครั้งสุดท้ายด้วย คาถาจินดามณีบทใหญ่ 108 วัน โดยให้เสกตามกำลังวัน
     พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐี เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย เงิน ทอง โภคสมบัติ และเป็นสัญลักษณ์แห่งตัวแทนของท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน

ในสมัยพุทธกาล มหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ได้เป็นพุทธอุปัฎฐากขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "เป็นผู้เลิศในการทำบุญและเป็นยอดแห่งมหาเศรษฐีทั้งปวง"

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน มีรายนามดังนี้

1.ธนัญชัยมหาเศรษฐี 2.ยัสสะมหาเศรษฐี 3.สุมนะมหาเศรษฐี 4.ชฏิสัสสะมหาเศรษฐี 5.อนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี 6.เมณฑกะมหาเศรษฐี 7.โชติกะมหาเศรษฐี 8.สุมังคละมหาเศรษฐี 9.มหาอุบาสิกาวิสาขา (พระนางวิสาขา)

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ล้วนแต่เป็นพระอริยโสดาบันทั้งสิ้น กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม ความดีงาม

พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มีตำนานเล่าขานในราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ ว่าในยุคหนึ่งได้เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกเจ็ดปี เกิดทุกข์เข็ญ ความเดือดร้อน ตลอดทั้งเกิดโรคอหิวาตกโรค ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก

ในเวลาต่อมา ได้มีพระอรัญญวาสี (พระผู้อยู่ในป่า) ผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้มาบอกให้เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักรว่า " ให้พากันสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐีขึ้นมาทำการสักการบูชาเสียแล้วเหตุเภทภัยทั้งหลาย จะระงับดับไป "


พระอรัญญวาสี ยังได้บอกเคล็ดและวิธีการต่างๆ ตลอดถึงฤกษ์ยามอันเป็นมงคล สำหรับใช้ในการจัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ

เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักร ได้ทำตามวิธีการนั้น ไม่นานปรากฏผล เรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้เกิดระงับดับไปตามที่พระอรัญญวาสีองค์นั้นได้บอกไว้ทุกประการ ตลอดทั้งเกิดความอุดมสมบูรณ์ ด้วยข้าวปลาอาหาร ร่มเย็นเป็นสุข

ด้วยเหตุนี้ ประชาชนแห่งราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ จึงนิยมจัดสร้างและบูชาสักการะองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ส่วนกำเนิดพระมหาเศรษฐีนวโกฏิในแผ่นดินสยาม พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ พระอาจารย์ใหญ่ สายวิปัสสนากัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในสมัยที่ท่านได้ไปเป็นผู้ปกครองการคณะสงฆ์ในตำแหน่งพระสังฆปาโมกข์ ที่นครจำปาศักดิ์ และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดอำมาตยาราม ได้รับการสืบทอดตำรามาจากญาท่านสำเร็จลุน วัดบ้านเวินไซ

เมื่อท่านได้รับการถ่ายทอดตำรามาแล้ว ท่านได้ศึกษาค้นคว้าจนเข้าใจถึงอรรถาธิบาย ถึงวิธีการสร้าง พิธีการจัดการปลุกเสก ตลอดถึงฤกษ์ยามในพิธีการจัดสร้าง จนเป็นที่เข้าใจ

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) ได้มอบตำรานี้แก่พระเทพวรคุณ (หลวงปู่อ่ำ ภัทราวุโธ) วัดมณีชลขันธ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ผู้เป็นน้องชาย

ต่อมา ตำราการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ได้ตกทอดไปอยู่กับพระปราจีนมุนี วัดมะกอก จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

พ.ศ.2489 พระปราจีนมุนี ได้มอบตำราการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ให้กับหลวงปู่มา ญาณวโร

ภายหลัง หลวงปู่มา ได้รับการสืบทอดตำราแห่งการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หลวงปู่ได้ออกธุดงควัตร จนกระทั่ง สร้างวัดวิเวกอาศรม ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และได้จัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มอบให้กับลูกศิษย์ใกล้ชิด

พ.ศ.2519 หลวงปู่มา ญาณวโร ได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิแกะสลักจากไม้ยอป่า จัดสร้างเป็นวัตถุงคลพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เป็นรูปหล่อลอยองค์เป็นครั้งแรก

พ.ศ.2550 เป็นปีแห่งมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา

พระอาจารย์แสวง เขมญาโณ ในฐานะลูกศิษย์หลวงปู่มา ญาณวโร ได้ขออนุญาตหลวงปู่มา จัดสร้างองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสยาม สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเป็นการจัดสร้างเพื่อให้เป็นการดำรงไว้ซึ่งตำราอันศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่คู่กับแผ่นดินสยามประเทศสืบต่อไป

วัสดุในการจัดสร้างองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ในตำรากล่าวไว้ว่า ให้สร้างจากไม้มหามงคล 3 ประการ คือ

1.ไม้โพธิ์ ให้ใช้กิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก และห้ามไปตัดไปโค่นลง ต้องรอให้หักลงมาเองตามกาลเวลา หรือให้นั่งอธิษฐานจิตขอจากเทพเทวดาที่รักษาต้นโพธิ์ จนต้นโพธิ์ได้หักลงมา

2.ไม้ยอป่าที่เกิดกลางตอไม้ หรือไม้ยอป่าที่เกิดกลางจอมปลวก ถือว่าเป็นราชาของไม้เพราะเกิดในที่สูง ถ้าเกิดนอกนั้นใช้ไม่ได้ ในตำราไสยศาสตร์ถือว่า เป็นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อิทธิคุณสูง มีเทวดาคุ้มครองรักษาอยู่ ก่อนจะตัดต้องทำพิธีเซ่นสรวงก่อน

3.ไม้คูณที่ตายพราย คือ เป็นต้นไม้คูณที่ตายไปเองโดยธรรมชาติ ห้ามไปตัดไปโค่นลงทำให้ตาย หรือจะเรียกว่าไม้ตายยืนต้น

หากใช้โลหะในการจัดสร้าง ต้องประกอบด้วยนวโลหะ 9 ประการ คือ ทองคำ, เงิน, ทองแดง, ทองเหลือง, ตะกั่ว, ชิน, เจ้าน้ำเงิน, ดีบุก, สังกะสี

ผงศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วย ดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล คือ สถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม และนิพพาน

สำหรับการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิในครั้งนี้ ได้สร้างเป็นกรณีพิเศษ สำหรับบรรจุดวงพิชัยสงครามให้กับผู้สั่งจองเป็นรายบุคคลมีจำนวนจำกัด ปริศนาธรรมแห่งองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ แนวคิด ปรัชญา และปริศนาธรรมของผู้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หน้าตัก 80 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสยาม และพระบูชา ตลอดจนถึงพระเครื่องรุ่น 9 เศรษฐีมหาบารมี

ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกเป็นปฐมฤกษ์ ในวันพุธที่ 22 สิงหาคม ณ วัดป่าสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด



เก่งมากเพื่อนสาว
IP : บันทึกการเข้า
D-max
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,130



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 11:57:34 »

อ่านจ๋นต๋าลายเลยครับ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Jip Rider
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,291


jiprider


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 23:05:06 »

คนสวยความรู้แน่นจิงๆ ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ

 จุมพิต จุมพิต จุมพิต จุมพิต
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010, 23:08:46 »

 ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ...กะทู้นี้เข้าทางน้องเปิ้ลเลยครับ...
ยิ้ม :)นี่เค้าเรียกว่า พระเศรษฐีนวโกฎิ (พระเก้าหน้า) ค่ะ ยิ้ม ยิ้ม

     พระเศรษฐีนวโกฏิเป็นรูปเคารพแทนมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านในสมัยพุทธกาล ท่านเหล่านี้เป็นผู้สร้างคุณประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่พระพุทธศาสนา มีความมั่งคั่งในโภคทรัพย์อยู่ในระดับเดียวกับกษัตริย์ ทั้งยังเป็นสัมมาทิฏฐิ และยังเป็นพุทธอุปฐากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงยกย่องว่า ท่านเหล่านี้เป็นผู้เลิศในการทำทาน และเป็นยอดของมหาเศรษฐีทั้งปวง เศรษฐีทั้ง 9 นี้ได้แก่
1.ธนันชัยเศรษฐี
2.ท่านยัสสะเศรษฐี
3.ท่านสุมานะเศรษฐี
4.ท่านชะฏิกัสสะเศรษฐี
5.ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี
6.ท่านเมนฑะกัสสะเศรษฐี
7.ท่านโชติกะเศรษฐี
8.ท่านสุมังคะกัสสะเศรษฐี
9.ท่านวิสาขามหาอุบาสิกา
ผู้รู้ได้ถือเอาคตินี้มาสร้างเป็นพระนวโกฏิให้มีพระพักตร์ทั้งหมด 9 พระพักตร์ แทนใบหน้าของนวเศรษฐีทั้งเก้าในสมัยพุทธกาล เชื่อว่ามีคุณทางโชคลาภ อำนวยลาภสักการะ และความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้เลื่อมใสบูชา
     มหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านนี้ ล้วนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ทั้งที่ดำรงเพศฆราวาสอยู่ ตามตำนานของชาวล้านนา สมัยหนึ่งเกิดทุกข์เข็ญ ทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้น จึงมีพระภิกษุผู้เป็นอริยะรูปหนึ่ง ได้แนะนำให้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อทำการสักการบูชาแก้เคล็ดในความทุกข์ยากทั้งหลาย และเมื่อสร้างและทำการฉลองสำเร็จ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์ปรากฏขึ้นเป็นอัศจรรย์คือ ความทุกข์ยากอดอยากทั้งหลาย ได้บรรเทาลงและสงบระงับในที่สุด จึงเป็นคติที่เชื่อถือของชาวล้านนาว่า ถ้าผู้ใดได้บูชาพระเศรษฐีนวโกฏิแล้ว จะมีสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น ประสบแต่โชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์แห่งบารมีธรรมของเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน

ตำราการสร้าพระเศรษฐีนวโกฏิ ได้รับการถ่ายทอดมาแต่ท่านเจ้าประคุณ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท) วัดบรมนิวาส ระบุว่าพระเศรษฐีนวโกฏิ ต้องทำจากไม้ยอป่า และไม้ราชพฤกษ์ โดยที่ไม้ยอป่านั้นจะต้องขึ้นอยู่บนจอมปลวก หรือมีจอมปลวกขึ้นที่โคนต้น และมีรังมดแดงอยู่บนต้น จึงจะถูกต้งตามตำรา สัณฐานของพระนวเศรษฐีนั้นมี 9 พระพักตร์ซ้อนกันอยู่ หรือบางแห่งทำให้ซ้อนกันขึ้นไปด้านบน ปางนั่งขัดสมาธิเพชรบนฐานบัว พระหัตถ์พนมมือ ระดับนิ้วพระหัตถ์กลางจะตรงต้นพระศอ (ปลายนิ้วกลางอยู่ตรงพระหนุพอดี) ใต้ฐานเจาะรูเพื่อบรรจุตะกรุดเงิน หรือทองคำ แล้วอุดด้วยครั่ง ชันนะโรง หรือขี้ผึ้ง พระเศียรทั้ง 9 ทำด้วยไม้ราชพฤกษ์เจาะรูด้านบนเพื่อบรรจุพระธาตุพระสีวลี พระวรกายแกะจากไม้ยอป่า แล้วลงรักปิดทองทั้งองค์ ตะกรุดที่บรรจุใต้ฐานเขียนคาถาอักขระลงไปดังนี้ มาขะโยมาวะโย มัยหังมาจะโกจิ อุปัททะโว ธัญญะธารานิเม ปะวัสสันตุ ธนันชัยยัสสะ ยะถาคะเร สุวัณณานิหิรัญญาจะ สัพพะโภคาจะรัตตะนา ปะวัสสันตุเม เอวังคาเร สุมะนะปฏิลัสสะจะ อะนาถะปิณฑิกะ เมณฑะกัสสะโชติกะ มันธาตุเวสสันตะรัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สัพพะสิทธิ ภะวันตุเม เสร็จแล้วปลุกเสกด้วยพระคาถาดังกล่าว 108 คาบ แล้วจึงม้วนตะกรุดบรรจุอุดใต้ฐานให้เรียบร้อย แล้วเสกด้วย คาถาอาการ 32 ธาตุ 4 ขันธ์ 5 เสกครั้งสุดท้ายด้วย คาถาจินดามณีบทใหญ่ 108 วัน โดยให้เสกตามกำลังวัน
     พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐี เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย เงิน ทอง โภคสมบัติ และเป็นสัญลักษณ์แห่งตัวแทนของท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน

ในสมัยพุทธกาล มหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ได้เป็นพุทธอุปัฎฐากขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และยังเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "เป็นผู้เลิศในการทำบุญและเป็นยอดแห่งมหาเศรษฐีทั้งปวง"

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน มีรายนามดังนี้

1.ธนัญชัยมหาเศรษฐี 2.ยัสสะมหาเศรษฐี 3.สุมนะมหาเศรษฐี 4.ชฏิสัสสะมหาเศรษฐี 5.อนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี 6.เมณฑกะมหาเศรษฐี 7.โชติกะมหาเศรษฐี 8.สุมังคละมหาเศรษฐี 9.มหาอุบาสิกาวิสาขา (พระนางวิสาขา)

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ล้วนแต่เป็นพระอริยโสดาบันทั้งสิ้น กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม ความดีงาม

พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มีตำนานเล่าขานในราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ ว่าในยุคหนึ่งได้เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกเจ็ดปี เกิดทุกข์เข็ญ ความเดือดร้อน ตลอดทั้งเกิดโรคอหิวาตกโรค ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก

ในเวลาต่อมา ได้มีพระอรัญญวาสี (พระผู้อยู่ในป่า) ผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้มาบอกให้เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักรว่า " ให้พากันสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐีขึ้นมาทำการสักการบูชาเสียแล้วเหตุเภทภัยทั้งหลาย จะระงับดับไป "


พระอรัญญวาสี ยังได้บอกเคล็ดและวิธีการต่างๆ ตลอดถึงฤกษ์ยามอันเป็นมงคล สำหรับใช้ในการจัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ

เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักร ได้ทำตามวิธีการนั้น ไม่นานปรากฏผล เรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้เกิดระงับดับไปตามที่พระอรัญญวาสีองค์นั้นได้บอกไว้ทุกประการ ตลอดทั้งเกิดความอุดมสมบูรณ์ ด้วยข้าวปลาอาหาร ร่มเย็นเป็นสุข

ด้วยเหตุนี้ ประชาชนแห่งราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ จึงนิยมจัดสร้างและบูชาสักการะองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ส่วนกำเนิดพระมหาเศรษฐีนวโกฏิในแผ่นดินสยาม พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ พระอาจารย์ใหญ่ สายวิปัสสนากัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในสมัยที่ท่านได้ไปเป็นผู้ปกครองการคณะสงฆ์ในตำแหน่งพระสังฆปาโมกข์ ที่นครจำปาศักดิ์ และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดอำมาตยาราม ได้รับการสืบทอดตำรามาจากญาท่านสำเร็จลุน วัดบ้านเวินไซ

เมื่อท่านได้รับการถ่ายทอดตำรามาแล้ว ท่านได้ศึกษาค้นคว้าจนเข้าใจถึงอรรถาธิบาย ถึงวิธีการสร้าง พิธีการจัดการปลุกเสก ตลอดถึงฤกษ์ยามในพิธีการจัดสร้าง จนเป็นที่เข้าใจ

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) ได้มอบตำรานี้แก่พระเทพวรคุณ (หลวงปู่อ่ำ ภัทราวุโธ) วัดมณีชลขันธ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ผู้เป็นน้องชาย

ต่อมา ตำราการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ได้ตกทอดไปอยู่กับพระปราจีนมุนี วัดมะกอก จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

พ.ศ.2489 พระปราจีนมุนี ได้มอบตำราการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ให้กับหลวงปู่มา ญาณวโร

ภายหลัง หลวงปู่มา ได้รับการสืบทอดตำราแห่งการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หลวงปู่ได้ออกธุดงควัตร จนกระทั่ง สร้างวัดวิเวกอาศรม ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และได้จัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มอบให้กับลูกศิษย์ใกล้ชิด

พ.ศ.2519 หลวงปู่มา ญาณวโร ได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิแกะสลักจากไม้ยอป่า จัดสร้างเป็นวัตถุงคลพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เป็นรูปหล่อลอยองค์เป็นครั้งแรก

พ.ศ.2550 เป็นปีแห่งมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา

พระอาจารย์แสวง เขมญาโณ ในฐานะลูกศิษย์หลวงปู่มา ญาณวโร ได้ขออนุญาตหลวงปู่มา จัดสร้างองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสยาม สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งเป็นการจัดสร้างเพื่อให้เป็นการดำรงไว้ซึ่งตำราอันศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่คู่กับแผ่นดินสยามประเทศสืบต่อไป

วัสดุในการจัดสร้างองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ในตำรากล่าวไว้ว่า ให้สร้างจากไม้มหามงคล 3 ประการ คือ

1.ไม้โพธิ์ ให้ใช้กิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก และห้ามไปตัดไปโค่นลง ต้องรอให้หักลงมาเองตามกาลเวลา หรือให้นั่งอธิษฐานจิตขอจากเทพเทวดาที่รักษาต้นโพธิ์ จนต้นโพธิ์ได้หักลงมา

2.ไม้ยอป่าที่เกิดกลางตอไม้ หรือไม้ยอป่าที่เกิดกลางจอมปลวก ถือว่าเป็นราชาของไม้เพราะเกิดในที่สูง ถ้าเกิดนอกนั้นใช้ไม่ได้ ในตำราไสยศาสตร์ถือว่า เป็นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อิทธิคุณสูง มีเทวดาคุ้มครองรักษาอยู่ ก่อนจะตัดต้องทำพิธีเซ่นสรวงก่อน

3.ไม้คูณที่ตายพราย คือ เป็นต้นไม้คูณที่ตายไปเองโดยธรรมชาติ ห้ามไปตัดไปโค่นลงทำให้ตาย หรือจะเรียกว่าไม้ตายยืนต้น

หากใช้โลหะในการจัดสร้าง ต้องประกอบด้วยนวโลหะ 9 ประการ คือ ทองคำ, เงิน, ทองแดง, ทองเหลือง, ตะกั่ว, ชิน, เจ้าน้ำเงิน, ดีบุก, สังกะสี

ผงศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วย ดินจากสังเวชนียสถาน 4 ตำบล คือ สถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม และนิพพาน

สำหรับการสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิในครั้งนี้ ได้สร้างเป็นกรณีพิเศษ สำหรับบรรจุดวงพิชัยสงครามให้กับผู้สั่งจองเป็นรายบุคคลมีจำนวนจำกัด ปริศนาธรรมแห่งองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ แนวคิด ปรัชญา และปริศนาธรรมของผู้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หน้าตัก 80 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสยาม และพระบูชา ตลอดจนถึงพระเครื่องรุ่น 9 เศรษฐีมหาบารมี

ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกเป็นปฐมฤกษ์ ในวันพุธที่ 22 สิงหาคม ณ วัดป่าสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ordinaryboy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 479



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010, 00:44:09 »

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่นะครับ
ทั้ง จขก และสาวสวยผู้มาไขปัญหานะครับ
IP : บันทึกการเข้า

มิตรภาพ-ไม่มีวันตาย
ple
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010, 08:59:11 »

 ;)ขอโทษโตยเน่อเจ้า ตี้ทำหื้ออ้ายทุกคนต๋าลาย พอดีเนื้อหามันนักขนาด
IP : บันทึกการเข้า
เทพบุตรดาวเหนือ เคนชิโร่
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,614


เฮาจะฮักคนที่ฮักเฮา@^__^@


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010, 09:52:45 »

สาธุๆๆๆ เฮงๆๆรวยๆๆ เน้อ
IP : บันทึกการเข้า

ขายปลีกและส่ง
       - Micro SD Card,Flash Drive ยี่ห้อKingston Sandisk Apacer
       - Power Bank ,สายชาร์ท สายซิงค์ทุกรุ่น
       - ลำโพงกระป๋อง ,ลำโพงรถ
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010, 16:59:27 »

 ยิงฟันยิ้ม ยินดีกับทุกท่านตี้เข้ามาเยี่ยมมาไจ
ขอบคุณ คุณเปิ้ลมากๆครับ ที่ให้ความรู้  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

..............
ⒷⒼ*
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,369

นิพพานคือนิรันดร์


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010, 17:04:55 »

ยกนิ้วให้  ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า
oyoyo *^_^*
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,013



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010, 17:11:52 »

ควมรู้แน่นจริง ๆ ครับ.. ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

"มนุษย์ใช้เหตุผลทางความคิด
ในการตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด
ขณะที่ธรรมชาติใช้ความจริงทางจิต
ในการตัดสินว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาป"

วาทะดังตฤณ "ด้วยความเป็นห่วง"
anuraksir
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 547

ลูกชาย สุดที่รัก


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010, 17:47:51 »

แปลกดีครับ

สวยด้วย

คนตอบก็เก่งมากครับ
IP : บันทึกการเข้า

Tel.  0898519997
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!