เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 15:29:34
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ตลาดกลางซื้อขายสินค้าออนไลน์
| |-+  พระเครื่อง-วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ความเชื่อ ลี้ลับ (ผู้ดูแล: NOtis, micky13)
| | |-+  พระเครื่องสาย หลวงปู่ทองดำ ฐิตวฺณโณ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน พระเครื่องสาย หลวงปู่ทองดำ ฐิตวฺณโณ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์  (อ่าน 1645 ครั้ง)
โด อุตรดิตถ์
สมาชิกลงทะเบียน
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



« เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2017, 20:09:12 »


ประวัติของหลวงปู่ทองดำ พอสังเขป

       หลวงปู่ทองดำ นามเดิมชื่อ ทองดำ เม่นพริ้ง เกิดวันพุธ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ. 2441 ที่บ้านไซโรงโขน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร บิดาชื่อ นายบุญนาค มารดาชื่อ นางจ่าย เม่นพริ้ง ยึดอาชีพล่องเรือค้ายาสูบเลี้ยงครอบครัวมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
.......ขณะเด็กชายทองดำ อายุ 3 ขวบ บิดามารดาได้นำไปถวายเป็นบุตรบุญธรรมกับหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ (วัดบางคลาน จ.พิจิตร) หลวงพ่อเงินเห็นครั้งแรกได้เอ๋ยคำออกมา "ไอ้หนูเด็กน้อยคนนี้เป็นเทวดามาเกิด ใครเสี้ยงก็ไม่ได้ มาเป็นลูกของเราเถิดนะ" หลวงพ่อเงินเอาผ้าผืนลงปูรองรับเด็กน้อยคนนี้ ทำพิธีรับลูก จากนั้นเด็กคนนี้ได้รับการเลี้ยงดูอุปถัมภ์ สั่งสอน อบรม วิชาความรู้ และสรรพวิชาต่าง ๆ โดยได้พักอาศัยกับหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อเงินเงินท่องบทสวดมนต์เด็กชายทองดำก็สามารถท่องได้จบเล่มในวันเดียว ชาวบ้านรู้ข่าวต่างแห่มาดูการใหญ่ว่าเด็กน้อยคนนี้มีหน้าตาอย่างไร กระทั่งโตขึ้นบิดามารดามารับเด็กชายทองดำไปเล่าเรียนศึกษากับอาจารย์โต (เจ้าอาวาสวัดท่าทอง ต.วังกะพี้ จ.อุตรดิตถ์ในสมัยนั้น)
…..นายทองดำได้ฝึกฝนและศึกษาศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยจนมีความชำนาญ จนได้เป็นนักมวยที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง ซึ่งช่วงวัยหนุ่มนี้ทองดำได้เพื่อนคนหนึ่งชื่อ "เล็กย่งหลี"(ต้นตระกูลเล็กอุทัย)มีรูปร่างเล็กไปไหนไปด้วยกันประจำ ได้ฝึกชกมวยด้วยกันมา หากออกชกมวยที่ไหนจะให้เล็กย่งหลีขึ้นไปเปรียบหาคู่ชก แต่ตอนเวลาชกนายทองดำจะเป็นผู้ชกแทน ก่อนชกนายทองดำจะบริกรรมคาถาที่ได้ร่ำเรียนมาโยมปู่จนรู้สึกตัวหนา(ของขึ้น)และนายทองดำก็สามารถชกมวยชนะแทบทุกครั้ง อายุครบเกณฑ์ทหาร ได้เข้ารับเป็นทหาร 2 ปี ปลดจากทหารประจำการแล้วจึงได้อุปสมบทสู่ร่มพระศาสนา
.......อุปสมบทเมื่ออายุ 22 ปี ณ. พระอุโบสถ วัดวังหมู ต.หาดกรวด อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ โดยมีพระครูวิเชียรปัญญามหามุนี (เรือง )เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าอาวาสวัดท่าถนน ต.ท่าอฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ในขณะนั้นเป็นองค์อุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2463 พระอาจารย์แส เจ้าอาวาสวัดวังหมู ต.หาดกรวด อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐิตวณโณ” เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดท่าทอง 1 พรรษา ทางวัดท่าทอง ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง คณะศรัทธา วัดท่าทองได้ลงความเห็นพ้องกัน โดยได้ไปกราบนมัสการเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อขออนุญาตจากเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วยดี คณะศรัทธาให้”พระภิกษุทองดำ” เพื่อนิมนต์ให้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทอง ซึ่งหลวงพ่อเองก็มีเจตนาอันบริสุทธิ์และจิตใจอันแน่วแน่ต่อพระพุทธศาสนาและเป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาทำนุบำรุงเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุงเรืองยิ่งขึ้นสมความตั้งใจ หลวงพ่อจึงรับภารกิจนิมนต์ครั้งนี้และย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2468เป็นต้นมา
......... ระหว่างเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าทอง หลวงปู่ทองดำได้ศึกษาความรู้ด้านปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมตรี ซึ่งระหว่างเรียนหลวงปู่ ก็มุ่งมั่นพัฒนาวัดท่าทองไปพร้อม ๆ กันจนเป็นที่เชิดหน้าชูตาทางพุทธศาสนาวัดหนึ่งในอุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ. 2504 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเป็น “พระนิมมานโกวิท”และในปี พ.ศ. 2510 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์
......... นอกจากเล่าเรียนทางปริยัติธรรมแล้ว หลวงปู่ทองดำยังสนใจในวิชาโหราศาสตร์ พุทธ คุณและคาถาอาคม โดยช่วงวัยเด็กระหว่างเรียนหนังสือกับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ได้ศึกษาวิชาอยู่ยงคงกระพันกับโยมปู่เพื่อป้องกันตัวและในช่วงวัยรุ่นเคยใช้ คาถาปลุกจิตใจให้ฮึกเหิมก่อนขึ้นสังเวียนชกมวยด้วย และระหว่างจำพรรษาที่วัดท่าถนนยังไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อทิมวัดกลาง อ.เมืองพิจิตร เกจิชื่อดังเกี่ยวกับ “ตะกรุดโทน” และหลวงพ่อทิมได้เมตตาถ่ายทอดวิชาและมอบตำราไสยเวทต่าง ๆ ให้จนหมดสิ้น ซึ่งหลวงปู่ทองดำได้ใช้วิชาความรู้พัฒนาพุทธศาสนาเรื่อยมา


......... กิตติศัพท์ความเลื่องลือในปฏิปทาอันแรงกล้าและจริยวัตรอันงดงามของหลวงปู่ ทองดำขจรขจายไปไกลทุกสารทิศ เกจิรุ่นหลังหลายรูป ได้ให้ความเคารพนับถือในตัวหลวงปู่ เดินทางมากราบไหว้และสนทนาธรรมอยู่เนือง ๆ รวมทั้ง พระเทพวิทยาคมเถร (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) อริยสงฆ์แห่งแดนที่ราบสูงที่ปัจจุบันจำพรรษาที่วัดหนองบัวรอง จ.นครราชสีมา ก็เคยมากราบไหว้สนทนาธรรมกับหลวงปู่ทองดำถึงวัดท่าทอง สร้างความฮือฮาให้กับพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าวเป็นยิ่งนัก
......... พระนิมมานโกวิท หรือหลวงปู่ทองดำ เจ้าอาวาสวัดท่าทอง หมู่ 2 ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ พ.ศ.2542 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จวบจนมรณภาพ

IP : บันทึกการเข้า

‪#‎สนใจ สั่งจองพระเครื่อง วัตถุมงคล‬ พระบูชา เครื่องราง ชุดพิธีตั้งเสาเอกเสาโท เหล็กไหล มีดดาบเหล็กนำพี้ เหล็กน้ำพี้แท้ วัตถุมงคลแก้ปีชง ‪#‎โทร‬: 085-2711594 (‪‎โด‬ อุตรดิตถ์) Line id : gu.nubell
โด อุตรดิตถ์
สมาชิกลงทะเบียน
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2017, 20:22:58 »



เหรียญโภคทรัพย์ เนื้อเงิน

เหรียญโภคทรัพย์ เนื้อเงิน หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์ ปี 2538
 อายุพระก็ผ่านมา 22 ปีมาแล้วแต่สภาพของเหรียญยังสวยๆ ใสๆ คมชัดทุกมิติ รับประกันของแท้ทันหลวงปู่ปลุกเสกแน่นอน พระราคาเบาๆแต่พุทธคุณนั้นหาที่เปี่ยมมิได้ ปัจจุบันหายากแล้ว เค้าว่ากันว่าพ่อค้าแม่ขาย ควรมีเหรียญนี้ไว้ในครอบครอง เป็นเหรียญแห่งเมตตามหานิยม

บูชา 2,700 บาท   

มีเหรียญเดียว ท่านใดสนใจติดต่อสอบถามมาได้เลยครับ

#โทร: 085-2711594 (#โด อุตรดิตถ์)
 Line id :  gu.nubell
E-mail :   thanapon.utdid@gmail.com
Facebook :  www.facebook.com/do.utdid 
#สนใจสั่งจองวัตถุมงคล พระบูชา เครื่องราง ชุดพิธีตั้งเสาเอกเสาโท เหล็กไหล มีดดาบเหล็กนำพี้ เหล็กน้ำพี้แท้ วัตถุมงคลแก้ปีชง ดูสินค้าได้ที่  www.utdidshop.com/ 


IP : บันทึกการเข้า

‪#‎สนใจ สั่งจองพระเครื่อง วัตถุมงคล‬ พระบูชา เครื่องราง ชุดพิธีตั้งเสาเอกเสาโท เหล็กไหล มีดดาบเหล็กนำพี้ เหล็กน้ำพี้แท้ วัตถุมงคลแก้ปีชง ‪#‎โทร‬: 085-2711594 (‪‎โด‬ อุตรดิตถ์) Line id : gu.nubell
โด อุตรดิตถ์
สมาชิกลงทะเบียน
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 06 มกราคม 2017, 20:25:02 »


เหรียญโภคทรัพย์ เนื้อนวะโลหะ หมายเลข ๒๕๕

เหรียญโภคทรัพย์ เนื้อนวะ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์ ปี 2538
        เหรียญเนื้อนวะโลหะ สร้างไม่ถึงพันองค์ และเป็นเนื้อที่นิยมกันมาก จนเป็นที่ต้องการของหลายๆคน ด้วยเนื้อหาของเหรียญที่หลอมจากโลหะหลายชนิดจนเกิดเป็นมิติและมีสีผิวที่สวยงามเป็นมนเสน่ห์ของเนื้อนวะโลหะ
         หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง ปลุกเสกอย่างเข้มขลัง อายุพระ 21 ปี มาแล้วแต่สภาพยังคงสวยงาม มาพร้อมกระดาษแปะหมายเลขเดิมๆ เหรียญสวยคมทุกมิติ ระดับส่งประกวดได้เลย
         รับประกันความแท้ตลอดชีพ การันตรี เหรียญนี้เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้ามาก ซึ่งพุทธคุณเด่นด้านค้าขาย มีเงินมีทองไหลมาเทมา มีไว้จักค้าขายดี ซื่อง่ายขายของ โชคลาภวาสนาเพิ่มพูน และยังแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวงอีกด้วย

บูชา 4,800 บาท   

มีเหรียญเดียว ท่านใดสนใจติดต่อสอบถามมาได้เลยครับ

#โทร: 085-2711594 (#โด อุตรดิตถ์)
 Line id :  gu.nubell
E-mail :   thanapon.utdid@gmail.com
Facebook :  www.facebook.com/do.utdid 
#สนใจสั่งจองวัตถุมงคล พระบูชา เครื่องราง ชุดพิธีตั้งเสาเอกเสาโท เหล็กไหล มีดดาบเหล็กนำพี้ เหล็กน้ำพี้แท้ วัตถุมงคลแก้ปีชง ดูสินค้าได้ที่  www.utdidshop.com/ 
IP : บันทึกการเข้า

‪#‎สนใจ สั่งจองพระเครื่อง วัตถุมงคล‬ พระบูชา เครื่องราง ชุดพิธีตั้งเสาเอกเสาโท เหล็กไหล มีดดาบเหล็กนำพี้ เหล็กน้ำพี้แท้ วัตถุมงคลแก้ปีชง ‪#‎โทร‬: 085-2711594 (‪‎โด‬ อุตรดิตถ์) Line id : gu.nubell
โด อุตรดิตถ์
สมาชิกลงทะเบียน
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 0



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 07 มกราคม 2017, 11:58:11 »





พระปิดตายันต์ยุ่ง หรือ พระปิดตาเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง

            พระปิดตายันต์ยุ่ง หรือ พระปิดตาเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์  ปี 2537 อายุพระผ่านมา 23 ปี แล้วแต่ยังคงเข้มขลังด้วยพุทธคุณ จำนวนสร้าง 3,000 องค์ ซึ้งถือว่าน้อยมากและยังมีวนเวียนให้เห็นกันเป็นจำนวนน้อยเพราะลูกศิษย์ที่เคารพท่านต่างพากันเก็บเข้ากรุ พระปิดตาเหล็กน้ำพี้เป็นอีกรุ่นที่หลวงปู่ทองดำท่านตั้งใจสร้างให้กับลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่ศรัทธาองค์หลวงปู่ฯ ท่านจึงดำริสร้างพระเนื้อเหล็กน้ำพี้ เพื่อให้มีอนุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่แรงกล้า เหล็กน้ำพี้ เป็นวัตถุอาถรรพณ์ มีความขลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง เหล็กน้ำพี้จึงเป็นที่เสาะแสวงหาของชาวไทย เพื่อนำมาเป็นเครื่องรางของขลัง และ ผสมลงในวัตถุมงคล
           -เปิดที่ราคา 5,000 บาท

ประวัติความเป็นมาในการสร้างพระรุ่นนี้
ขอบพระคุณข้อมูลจากสมาชิกบอร์ดพลังจิต @คุณไม่เกิด
http://board.palungjit.org/5117858-post2467.html

         วันนี้จะนำข้อมูลวัตถุมงคลชุดเหล็กน้ำพี้ ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2537มาให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆและผู้ที่สนใจได้ศึกษากันครับ .... ข้อมูลที่ผมนำมาให้ศึกษานั้นนำมาจากหนังสือพระเครื่องกรุงสยามปีที่ 2 ฉบับที่19เจ้าของหนังสือคือคุณอุ๊กรุงสยามและบทความเขียนโดยคุณสุวัฒน์เหมอังกูร
ผมต้องขออนุญาติคุณอุ๊กรุงสยามและคุณสุวัฒน์เหมอังกูรไว้ณ.ที่นี้ด้วยครับที่นำบทความมาลงไว้ที่กระทู้นี้เพื่อให้เพื่อนๆสมาชิกและผู้ที่สนใจในวัตถุมงคลที่หลวงปู่ทองดำปลุกเสก..... ได้ศึกษา
ขออนุญาติท่านดินระเบิด นำรูปวัตถุมงคลมาให้เพื่อนๆ สมาชิกและผู้ที่สนใจได้ศึกษา... (ขอขอบคุณทุกท่านไว้ณ. ที่นี้ด้วยครับ..... )

        พระปิดตายันต์ยุ่งเนื้อเหล็กน้ำพี้ สุดยอดแห่งปรากฎการณ์ใหม่ของวงการพระเครื่อง ที่มีการนำเหล็กน้ำพี้ วัตถุอาถรรพ์มาหล่อหลอมเป็นพระเครื่องด้วยเนื้อล้วนๆ แทนการนำแร่เหล็กที่เป็นเพียงสายแร่ตำให้ละเอียดแล้วผสมลงในการสร้างพระเครื่องดังเช่นสมัยก่อนๆ และอาจกล่าวได้ว่า พระปิดตายันต์ยุ่ง เนื้อเหล็กน้ำพี้เป็นนวัตกรรมชั้นเยี่ยม แห่งยุค เกิดขึ้นเพื่อประดับวงการโดยเฉพาะอย่างยิ่งยุทธจักรพระปิดตา
ที่กล้ากล่าวเช่นนั้น เพราะยังไม่เคยมีการสร้างในลักษณะอย่างนี้มาก่อน นั้นคือการใช้เนื้อเหล็กน้ำพี้บริสุทธ์ ทำเป็นองค์พระขึ้นมาเพื่อถวายให้อริยะสงฆ์แห่งบ้านท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ ถิ่นกำเนิดของเหล็กน้ำพี้ เป็นองค์ผุ้ปลุกเสก เพิ่มพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจจิต ผสมผสานกับความขลังในตัวของเหล็กน้ำพี้ที่ได้รับความเชื่อถือศรัทธามาแต่ครั้งโบราณ บังเกิดเป็นวัตถุมงคลที่ยิ่งยงด้วยประสบการณ์ แม้ว่าจะปรากฏโฉมได้ไม่นานนัก ถึงตรงนี้ หลายท่านอาจจะสงสัยและอยากทราบว่า เหล็กน้ำพี้ คืออะไร.... ?
        อันว่าเหล็กน้ำพี้ที่กล่าวถึงนี้ เป็นเหล็กอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นในเขตอำเภอทองแสนขัน ตรงบริเวณที่เรียกกันว่า บ้านน้ำพี้ ซึ่งมีนิยายโบราณที่เกี่ยวข้องกับความวิเศษของเหล็กน้ำพี้ เล่าสืบต่อกันมาว่า .... มีเจ้าเมืององค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระเจ้าร่มขาว ออกเสด็จประพาสป่า ล่าสัตว์ และพลัดหลงจากกองทหารติดตาม วนเวียนอยู่ในป่าอดข้าวอดน้ำ จนป่วยเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ด้วยบารมีจึงทำให้ทรงพบกับพรานป่า และได้ช่วยชีวิตพระองค์ไว้ พาไปรักษาดูแลจนแข็งแรงดี ในระหว่างที่พักอยู่กับพรานป่า 2 คน ทำให้เกิดความสนิทสนมถึงกับสาบานเป็นเพื่อนตาย เมื่อถึงเวลาอันสมควร นายพรานจึงพาพระเจ้าร่มขาวออกมาส่งที่ชายป่า ก่อนจากกัน พระองค์บอกพรานป่าว่า ถ้ามีเวลาให้ไปเยี่ยมพระองค์บ้าง ฝ่ายนายพรานซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ทราบว่า ผู้ที่ตัวเองช่วยชีวิตไว้เป็นถึงเจ้าเมือง ก็ถามขึ้นว่า แล้วบ้านของเกลออยู่ตรงไหน มีรูปร่างอย่างไร พระเจ้าร่มขาวจึงชี้ทิศทางพร้อมบอกว่า เมื่อพบบ้านสูงๆ หลังคาแหลมๆ ละก็ใช่บ้านฉันแน่ จากนั้นจึงเดินทางกลับพระราชวัง ต่อมานายพรานบังเกิดความรู้สึกคิดถึงเพื่อนว่าจากไปเป็นเวลานานแล้ว จึงคิดเดินทางออกจากป่าไปเยี่ยมเยียนเพื่อน แต่ก่อนไปต้องหาของที่ดีที่สุดนำไปกำนัลเพื่อนรัก คิดได้ดังนั้นจึงนำมีดอีโต้ ที่ตีด้วยเหล็กน้ำพี้ไปด้วย เมื่อเดินทางไปถึงพระราชวังก็ได้รับการต้อนรับขับสู้ และเลี้ยงดูจากพระเจ้าร่มขาวเป็นอย่างดี นายพรานดีใจมากเมื่อรู้ว่าเพื่อนเป็นถึงเจ้าเมืองและยังไม่ลืมตน จึงหยิบมีดอีโต้เหล็กน้ำพี้ ของรักและหวงแหนขึ้นมาถวายอย่างไม่เสียดาย โดยคิดว่าเป็นของวิเศษที่ตัวเองมีอยู่ และอยากมอบให้เพื่อนด้วยน้ำใจ เมื่อพระเจ้าร่มขาวทอดพระเนตรเห็นมีดถึงกับหัวเราะ พร้อมกับพูดว่า เอามาทำไมมีดแบบนี้ ไม่เห็นสวยเลย เอากลับไปเถอะ ในท้องพระคลังของฉันมีดีกว่านี้ตั้งเยอะแยะ เมื่อพรานป่าได้ยินดังนั้น ทำให้รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง คืนนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน พอเช้ามืดจึงตัดสินใจออกเดินทางกลับ ขณะเดินผ่านท้องพระโรงไม่ได้ระมัดระวัง ถือมีดอีโต้เหล็กน้ำพี้ลากไปกับพื้นท้องพระโรง ซึ่งเป็นหินปรากฏว่าพื้นแตก แยกออกเป็นทางตามที่มีดอีโต้ลากไป เมื่อถึงเวลาออกว่าราชการ พระเจ้าร่มขาวเสด็จเข้าท้องพระโรงทอดพระเนตรเห็นพื้นแตกแยกเช่นนั้น จึงสอบถามสาเหตุ ทหารที่อยู่เวรยามจึงกราบทูลเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฟัง พระองค์จึงทรงเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้เพื่อนเสียใจ และยังต้องสูญเสียของวิเศษอีกด้วย จึงสั่งให้ทหารออกตาม ปรากฏว่าทหารติดตามไปทันนายพรานที่วังน้ำวนแห่งหนึ่ง พร้อมกับแลเห็นพรานป่าโยนมีดอีโต้เหล็กน้ำพี้ลงไปในน้ำวน จึงกลับมากราบทูลพระเจ้าร่มขาว พระเจ้าร่มขาวจึงนำทหารตรงไปที่วังน้ำวนแห่งนั้น และรับสั่งให้ทหารลงไปงมมีดขึ้นมา แต่ทหารที่ลงไป ถูกมีดอีโต้เหล็กน้ำพี้หมุนวนตามกระแสน้ำตัดแขนขาขาดตายไปหลายคน พระเจ้าร่มขาวจึงสั่งยกเลิก และเสด็จกลับวัง วังน้ำวนที่พรานป่าโยนมีดอีโต้เหล็กน้ำพี้ลงไปคือ บริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่า วังน้ำเย็น ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดพิษณุโลก นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา คนยุคใหม่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีใครได้ยินมากนัก จนแทบจะลืมเลือนกันไปหมด ดีที่เรื่องนี้ยังอยู่ในความทรงจำของหลวงปู่ทองดำ แห่งวัดท่าทอง ซึ่งเป็นผุ้ถ่ายทอดให้ผู้เขียนฟังหลายครั้งด้วยกัน ทำให้ผู้เขียนจำได้อย่างแม่นยำ เลยถือโอกาสบอกต่อมายังท่านผู้อ่าน เพื่อให้เห็นภาพว่า เหล็กน้ำพี้นี้ดีเยี่ยมอย่างไร คนโบราณเชื่อถือกันมานานมากแค่ไหนแล้ว
          เล่านิทานกันมาพอหอมปากหอมคอ ต่อไปผมขอเล่าถึงการสร้าง การปลุกเสก และประสบการณ์บ้าง ความคิดในการสร้างพระเครื่องด้วยเหล็กน้ำพี้ล้วนๆ มิได้เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นครั้งแรก ได้มีผู้พยายามทำมาหลายครั้งหลายครา แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเหล็กน้ำพี้มีจุดหลอมละลายสูง แข็งตัวเร็ว และเป็นเหล็กที่ไม่ค่อยมียาง คงต้องทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านเกี่ยวกับเหล็กน้ำพี้ที่นำมาใช้กันเสียก่อน ในปัจจุบันนี้ถ้าเราไปที่บริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้ หรือปริมณฑลจะพบก้อนหินผสมด้วยสายแร่เหล็กมากบ้างน้อยบ้าง ในปริมาณความเข้มข้นที่ไม่เท่ากันในแต่ละก้อน บางก้อนเข้มข้นขนาดแม่เหล็กดูดติด การหลอมเนื้อเหล็กออกมา จึงพยายามเก็บก้อนหินที่มีแร่เหล็กมากๆ มารวมกันแล้วหลอมและถ้าหลอมแบบธรรมดาในปัจจุบันจะได้เนื้อเหล็กออกมาน้อย และเนื้อเหล็กที่ได้จะไม่เกาะกันแน่ มีลักษณะเหมื่อนเหล็กหมดยาง ดังนั้นถ้าจะหลอมนำเหล็กนี้ออกมาใช้ได้ คงต้องพึ่งเทคโนโลยีทีสูง พอสมควร แต่ไม่มีใครลงทุน เพราะปริมาณเหล็กมีไม่มากในเชิงพาณิชย์ ณ.ปัจจุบันชาวบ้านจึงไม่สามารถสกัดแร่เหล็กออกมาใช้ได้ แล้วเหล็กที่เขานำมาตีดาบขาย หรือที่นำมาทำพระชุดเหล็กน้ำพี้ได้มาจากไปไหน เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ท่านผู้อ่าน เหล็กที่นำมาใช้กันอยู่ในขณะนี้คือเหล็กผสมตะกรัน ที่ชาวบ้านจะพากันออกไปเก็บเศษเหล็กผสมตะกรัน ซึ่งคนโบราณ หลอมปล่อยที้งไว้ เพราะเป็นส่วนที่ไม่ต้องการ นำมารวมกันแล้วหลอมด้วยถ่านไม้ธรรมดา เป่าด้วยพัดลม เหล็กจะอ่อนตัวลง แต่ไม่ละลาย ส่วนที่ละลายออกไปบ้างคือ ตะกรัน แล้วนำขึ้นมาตีเพื่อไล่ตะกรันอีกจนกระทั่งเป็นเหล็กแท่งสีเหลี่ยม ซึ่งยังมีตะกรันผสมอยู่บ้าง จากนั้นจะนำเหล็กนี้ไปตีมีดดาบ เพื่อนำไปขาย จึงเกิดอาชีพเสริมคือ เมื่อว่างจากทำนา ชาวบ้านจะพากันออกไปขุดหาตะกรันเหล็กกันเป็นกลุ่มๆ ตามเตาหลอม ซึ่งคนโบราณแถบนั้นหลอมเหล็กเพื่อนำมาใช้เตาหลอมเหล่านี้ มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป บางครั้งโชคดีชาวบ้านไปพบตรงจุดที่มีเศษเหล็กผสมตะกรันมากก็จะเก็บได้มาก เมื่อเก็บได้ก็จะนำมาให้ช่างที่รับหลอม เหลือน้ำหนักเหล็กเท่าไหร่ จะแบ่งรายได้กัน โดยคนหลอมได้ 1 ใน 5 ของมูลค่าที่ขายได้ ปัจจุบันตะกรันผสมเหล็กหายากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นมาก
            ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ ท่านอาจจะสงสัยแบบที่ผู้เขียนเคยสงสัยว่า ทำไมชาวบ้านจึงไม่เก็บหินที่มีสายแร่เหล็กมาหลอม เพื่อแยกเหล็กออกมาเหมื่อนกับที่คนโบราณเขาทำกันนั้นขาดการสืบทอด ทำให้เคล็ดลับในการทำสาบสูญไปด้วย ซึ่งเราต้องยอมรับกันว่าคนโบราณนั้นมีความเฉลียวฉลาดมากทีเดียว เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามหลวงปู่ทองดำ ท่านบอกว่า ที่จริงมีเคล็ดลับอยู่นิดเดียว แต่ชาวบ้านนึกไม่ถึงหรือไม่รู้ เป็นเรื่องหญ้าปากคอก แล้วท่านก็บอกวิธีการนั้นให้ผู้เขียนฟัง ซึ่งผู้เขียนจะไม่ขอเล่าต่อ เพราะพูดไปก็คงทำไม่ได้อยู่ดี ต้องมีเครื่องมือประกอบด้วย
           สำหรับเหล็กน้ำพี้ที่ใช้ตีมีด ตีดาบในปัจจุบัน และนำออกมาจำหน่ายนั้นเป็นเหล็กที่ยังไม่มีตะกรันผสมอยู่มาก เหล็กจึงไม่แข็ง ไม่สามารถฟันตะปูได้ขาดอย่างที่พูดกัน เพราะฉะนั้นถ้าไปซื้อดาบที่ขายๆ กันว่า เป็นดาบเหล็กน้ำพี้นั้น อย่าได้นำมาทดลอง เพราะนอกจากตะปูไม่ขาดแล้ว ดาบยังจะบุบเว้าเข้าไปเป็นรอยตะปูอีกด้วย ท่านผู้อ่านก็คงต้องสงสัยอีกว่า เหล็กน้ำพี้ที่ว่าแข็งและฟันตะปูขาดก็คงเป็นราคาคุยเสียละมัง ขอเรียนอธิบายว่าตัดขาดและแข็งจริง ถ้าเหล็กนั้นได้รับการหลอมละลายและไล่ตะกรันออกหมดแล้ว เรื่องนี้ผู้เขียนพิสูจน์ได้ตรงที่พระทั้งสองพิมพ์ ที่สร้างใช้แผ่นเงินตอกโค้ดแล้วปิดไว้ ที่เป็นอย่างนั้น เพราะโค้ดไม่สามารถตอกพระที่ทำขึ้นมาได้ เนื่องจากองค์พระที่ทำจากเหล็กน้ำพี้แข็งมาก ขนาดผู้เขียนสั่งทำโค้ด โดยขอให้เขาชุบแช็งพิเศษ จำนวนนับสิบๆ อัน เมื่อนำมาตอก โดยใช้วิธีตอกอย่างแรงๆ แต่ปรากฎว่าองค์พระที่เป็นเหล็กน้ำพี้ไม่มีรอยบุบหรือขีดข่วนแม้แต่น้อย ส่วนโค้ดนั้นเยินบู้บี้หมดทุกอัน ตอกกันจนอ่อนใจก็ไม่ได้ผล จึงต้องรามือ เหตุที่องค์พระแข็งมาก เพราะเหล็กที่เทนั้นถูกไล่ตะกรันออกจนหมดก่อน ในขณะที่หลอมก่อนจะเทลงในพิมพ์ จากการใช้แผ่นโค้ตปิดแทนการตอกโค้ดที่องค์พระนี้เอง ทำให้คนที่ไม่ค่อยจะหวังดีหรืออิจฉาตาร้อนก็ไม่ทราบได้ มักจะค่อนแคะว่า โค้ดก็ไม่มี ใช้แผ่นอะไรก็ไม่รู้มาแปะไว้ เรื่องนี้ผู้เขียนไม่ได้ใส่ใจ เพราะมั่นใจว่า ถึงโค้ดจะหลุดก็ยังมีเอกลักษณ์ของเหล็กที่ดูได้ และความยากของการทำนี่เอง จะทำให้คนไม่สามารถปลอมได้และคุณสมบัติในเรื่องความแข็งของเหล็กยังเป็นเครื่องป้องกันการปลอมได้อีกทางหนึ่งด้วย
            ที่นี้ขอ วกมาถึงเรื่องการสร้างสักหน่อย ความคิดในเรื่องการทำพระโดยใช้เหล็กน้ำพี้นั้น ผู้เขียนคิดมาตั้งแต่ในสมัยอยู่จังหวัดอุตรดิตถ์ ช่วงพ.ศ. 2529 – 2532 แต่ไม่มีหนทางทำได้สำเร็จ ต่อมาเมื่อย้ายมาอยู่ในกรุงเทพฯ ได้สร้างเหรียญกฐิน พ.ศ. 2536 จึงได้รู้จักกับ คุณพิศาล วณิชย์ชัยอาภรณ์ ซึ่งสร้างพระให้กับวัดบวรนิเวศ หลายรุ่น รวมทั้งหลวงพ่อต่างๆ อีกหลายวัด ผู้เขียนจึงปรึกษาเรื่องของเหล็กน้ำพี้ เพราะเห็นว่าเครื่องไม้เครื่องมือของเขาทันสมัย คุณพิศาล บอกผู้เขียนว่าไม่น่าจะมีปัญหา ความจริงก่อนหน้าจะพบกับคุณพิศาล ผู้เขียนได้ติดต่อช่างมาหลายคนแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ
             ผู้เขียนจึงเริ่มดำเนินการซื้อเหล็กน้ำพี้ในหมู่บ้านน้ำพี้มาจำนวนหนึ่ง เพื่อทดลอง ทางคุณพิศาล ทดลองหลอมดู ปรากฏว่า ทำให้ละลายเป็นน้ำได้ ผู้เขียนจึงเริ่มดำเนินการให้ช่างปั้นแบบพระปิดตายันต์ยุ่ง และรูปเหมื่อนของหลวงปู่ทองดำ จากนั้นถ่ายรูปจากต้นแบบออกโฆษณา และทางวัดก็รับจองพระทันที จากนั้นผู้เขียนก็เดินทางไปซื้อเหล็กน้ำพี้มาอีกเป็นจำนวนมาก นำมาให้หลวงปู่ทองดำปลุกเสก แล้วเก็บไว้รอเวลาว่าจะเทพระรุ่นนี้ออกมา เวลาผ่านไประยะหนึ่งผู้เขียนเกือบช็อค เมื่อคุณพิศาลบอกว่า ที่ว่าหลอมละลายได้ นั่นนะหลอมได้จริงแต่เทเป็นองค์พระไม่สำเร็จ ทำอย่างไรดีล่ะที่นี้ รับเงินจากคนจองมาแล้ว แต่พระยังสร้งไม่สำเร็จ คุณพิศาลบอกว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามปรึกษาทั้งนักเคมี และผู้ชำนาญการหล่อพระ ก็ยังไม่สำเร็จสักที เวลานั้นผู้เขียนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เครียดจนกระทั่งต้องไปพบหมอ ท้ายที่สุดไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี จึงจุดธูปบอกกล่าว และขอบารมีจากองค์หลวงปู่ทองดำ ขอให้การสร้างพระเครื่องจากเหล็กน้ำพี้นี้ ทำได้สำเร็จทันเวลาด้วย และด้วยบารมีแห่งองค์หลวงปู่ทองดำ บันดาลให้ลูกน้องของคุณพิศาลคนหนึ่ง ไปปรึกษากับช่างหล่อพระที่มีความชำนาญทำการผสมดินเพื่อหุ้มหุ่นเทียนรองรับเหล็กน้ำพี้ที่ละลายและร้อนจัดได้ จึงทำให้การหล่อครั้งนี้สำเร็จลงได้ เดิมทีทำไม่สำเร็จ เพราะดินหุ่นไม่สามารถรับความร้อนได้ ทำให้แตกบ้าง ทะลุบ้าง เทออกมาแล้วได้พระไม่เต็มองค์ บางทีไม่เป็นองค์พระเลย
             เมื่อทดลองสำเร็จ จึงทำการเทพระออกมา แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคอีกประการหนึ่งคือ เบ้าที่ใช้หลอมชำรุดเร็วมาก คือหลอมได้ 2 – 3 ครั้ง เบ้าก็เสีย ทำให้หมดเปลืองเบ้าหลอมไฟฟ้าเป็นร้อยลูก ผลที่ตามมาคือต้นทุนในการสร้างพระชุดนี้สูงมาก ในระหว่างการเทพระไปนั้น บางครั้งช่างเทจะนำเอาเบ้าที่ใช้แล้วจากการเทพระอื่นๆ มาใช้ พอดีมีเบ้าอยู่ 2 – 3 ใบ บังมีเนื้อนวโลหะติดอยู่ทำให้พระปิดตาบางองค์มีเนื้อนวโลหะผสมอยู่บ้าง แต่มีจำนวนน้อย ส่วนที่คนทำจงใจก็คือการเทพระรูปเหมื่อนหลวปู่ทองดำด้วยเนื้อเหล็กน้ำพี้ผสมนวโลหะอย่างละครึ่ง ทำให้พระที่ออกมาเนื้อแปลกๆ อยู่เหมื่อนกัน แต่มีอยู่แค่ 18 องค์เท่านั้น ซึ่งผู้เขียนขออนุญาตทางวัดแจกกับคนมาช่วยงาน และหน่วยรับจองไปจนหมด พระทั้งหมดเมื่อเทออกมาแล้วจะมีสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง เพราะเทแบบโบราณ ที่สำคัญคือมีความแข็งจนไม่สามารถตอกโค้ดได้ดังกล่าว แม้กระทั่งรูปเหมื่อนเนื้อสตางค์ทองที่จะเทออกมาจำนวน 500 องค์ เพื่อสมนาคุณให้กับกรรมการและผู้ที่จงพระจำนวนมากๆ ช่างก็ทำการบอกสั่ง คือผสมเหล็กน้ำพี้ลงไปด้วย ถึงแม้ว่าปริมาณจะไม่มาก แต่ก็ไม่สามารถตอกโค้ดได้เช่นเดียวกันแสดงให้เห็นว่าเหล็กน้ำพี้นี้แข็งมาก

เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อย จึงได้จัดพิธีปลุกเสกขึ้นในพระอุโบสถวัดท่าทอง ในช่วงออกพรรษาของปีพ.ศ. 2537 โดยมีวัตถุมงคลที่เข้าปลุกเสก ดังนี้

1. รูปหล่อบูชาหลวงปู่ทองดำ หน้าตัก 5 นิ้ว เนื้อทองเหลืองรมมันปู
จำนวนการสร้าง 999 องค์ บูชาองค์ละ 1,500 บาท
2. รูปหล่อบูชาตั้งหน้ารถขนาดหน้าตัก 1.5 นิ้ว
จำนวนการสร้าง 2,500 องค์ บูชาองค์ละ 500 บาท
3. รูปหล่อขนาดเล็ก
เนื้อทองคำ
จำนวนการสร้าง 96 องค์ บูชาองค์ละ 12,000 บาท>
เนื้อเหล็กน้ำพี้
จำนวนการสร้าง 9,696 องค์ บูชาองค์ละ 500 บาท
เนื้อทองแดงสร้าง 12,896 องค์ บูชาองค์ละ 200 บาท
เนื้อสตางค์ทองสร้าง ( แจกกรรมการ ) จำนวนการสร้าง 500 องค
4.พระปิดตายันต์ยุ่ง เนื้อเหล็กน้ำพี้
จำนวนการสร้าง 3,000 องค์ บูชาองค์ละ 300 บาท
5.พระปิดตามหาลาภ เนื้อผงพุทธคุณ
โค้ดทองคำ 960 องค์ บูชาองค์ละ 200 บาท
โค้ดเงิน 20,000 องค์ บูชาองค์ละ 100 บาท
6.ล็อกเก็ต อยู่ เย็น เป็น สุข
พื้นสีเขียว 96 องค์ บูชาองค์ละ 1,500 บาท
พื้นสีน้ำตาล 96 องค์ บูชาองค์ละ 1,500 บาท
7. ภาพสีบูชา อยู่เย็นเป็นสุข
ขนาด 10นิ้ว คูณ 14 นิ้ว บูชาภาพละ 100 บาท

วัตถุประสงค์ของการจัดสร้าง
1. เพื่อสมทบทุนในการจัดสร้างกุฎิวิปัสสนา ซึ่งเป็นเจตนาที่สำคัญของหลวงพ่อ ทีจะจัดหาสถานที่ปฎิบัติธรรมให้กับพุทธศาสนิกชน
2. เพื่ออนุรักษ์เหล็กน้ำพี้ไว้ในรูปของพระเครื่องอันศักดิ์สิทธิ์
3. เพื่อฉลองอายุครบ 8 รอบ ของหลวงพ่อทองดำ ในปี พ.ศ. 2537
4. เพื่อให้ลูกศิษย์และผู้เคารพศรัทธามีวัตถุมงคล ที่เข้มขลังของหลวงพ่อไว้กราบไหว้บูชาได้อย่างทั่วถึง

IP : บันทึกการเข้า

‪#‎สนใจ สั่งจองพระเครื่อง วัตถุมงคล‬ พระบูชา เครื่องราง ชุดพิธีตั้งเสาเอกเสาโท เหล็กไหล มีดดาบเหล็กนำพี้ เหล็กน้ำพี้แท้ วัตถุมงคลแก้ปีชง ‪#‎โทร‬: 085-2711594 (‪‎โด‬ อุตรดิตถ์) Line id : gu.nubell
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!