ไม่ได้เข้าบอร์ดนี้ซะนานขอย้อนอดีตซะหน่อยนะครับ...หลังจากแยกทางกับหุ้นส่วนชีวิตตอนอยู่เชียงราย ปลายปี 54 (ปีน้ำท่วมใหญ่)
ผมก็ได้ย้ายตัวเองเข้าอยู่กรุงฯ ทำงานกับเจ้านายคนเก่าได้ปีเศษ รุ่นพี่ที่ทำงานอยู่หน่วยงานราชการนึงพี่เขาเลยแนะนำ
ให้ผมสอบบรรจุเข้าเป็น ขรก.ผมก็มาสอบ ตอนนั้นคุณวุฒิผมตรง 3 ตำแหน่ง ผมก้จัดเต็ม ผ่านภาค ข. ทั้ง 3 ตำแหน่ง ภาค.ค เหลือ 2
และก็มีตำแหน่งนึงที่ผมได้บรรจุหลังสงกรานต์ปี 56 กระทั่งวันนี้ก็ 3 ปีเศษๆ แล้ว แต่ระบบ ขรก.ก็ไม่ได้กลืนกินสายเลือดนักลงทุนผมไป ^^
ที่ผมตัดสินใจมาเป็น ขรก.ก็ไม่เพราะอะไรนะครับ ตอนแรกนี่ผมไม่อยากเป้นที่สุดคือ ขรก. เพราะรายได้มันน้อย (มองมุมเดียว)
แต่ก็ได้ยินน้าและ รุ่นพี่บอกแกบอกว่ามันก้ไม่ได้ขนาดนั้นในตอนนี้มันยังมี ค่าตอบแทนพิเศษ ค่าครองชีพให้อีก สวัสดิการต่างให้ครอบครัว
เอ่อ...! ผมลืมมองจุดนี้ไปจริง ๆ และที่สำคัญ ขรก.มีเวลามากกว่าทำงานเอกชน ซึ่งตรงนี้หลายคนใฝ่หา ผมก็เช่นกัน.....
ปลายปีที่แล้วแม่ผมตรวจพบมะเร็งเต้านม ตอนนี้ก็ผ่าตัดทำคีโมมา 6 รอบแล้ว ผมก็ได้อานิสงค์จากการมาเป็น ขรก.รวมทั้งประกัน
ที่ผมเคยทำไว้เมื่อ 6 ปีก่อน แม่นอน 16 คืน ไม่ได้เสียเงินสักบาทค่ารักษา + ค่าห้องพิเศษ แต่ก็มีส่วนต่าง 300 ค่าพยาบาลมาดู
ซึ่งตรงนี้หักจากประกันก็แค่ 10% ซึ่งถ้าผมไม่ได้วางแผนไว้ก้คงลำบากอยู่ ไหนจะค่ารถ ค่าอาหารการกิน ญาติๆ ไปเยี่ยม ฯลฯ ถ้ามี....
ตอนนี้ผมก็ยังลงทุนนะครับ อาจจะไม่ได้มากที่ตลาหุ้น แต่ผมลงทุนกับหุ้นส่วนชีวิตอีกคน และมีอีกคน ตอนนี้ 1 ขวบแล้ว ^^
เขายังกินนมแม่ แม่เขาก็ยังมอบความรักความอบอุ่นให้อยู่มิได้ขาด ซึ่งผมก็ให้แม่เขาออกจากระบบไปเป้นแม่บ้านเต็มตัว
แต่ผมก็ยังจ่ายประกันสังคม มาตรา 39+ประกันชีวิตให้อยู่ทุกเดือน และผมลงทุนซื้อเสาคอนกรีตร่วม 500 ต้น ลวดหนามล้อมที่นา
ทำคอก ปลูกหญ้า กับซื้อแม่วัวให้เขาดูแล เขาบอกว่าเขาก็มีความสุขที่ได้อยู่แบบนั้น อยู่กับธรรมชาติ ลูกและเงื่อนไขที่ไม่มากมาย
เหมือนสังคมเมืองที่เขาเคยอยู่ ซึ่งผมก็ว่า แหงหละ...ใครอยากที่จะฝ่ารถติดไป-กลับทำงานเกือบทุกวันจริงมั้ย...?
พรุ่งนี้วันหยุด วันนี้เพื่อนจะกลับบ้านเขาจะแวะมารับ เขาจะไปดูกิจการที่ผมทำไว้ ต่างไปเยี่ยมเยียนแฟนผมกับลูกด้วย
ต้องขอหยุดเล่าเอาไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เดียวว่างๆ จะแวะเข้ามาจิ้มประสบการณ์อะไร ๆ ให้ฟังต่อ ผมเจ็บมาเยอะ