" ขนาดคนมีเงินสดๆเต็มวงเงิน ถ้าเป็นมือใหม่ โชคไม่ช่วยจริงๆ คือเข้ามาในขณะที่ตลาดเป็นขาขึ้นพอดี
เล่นไปเล่นมา อย่างเก่งก็เหลือเงินเท่าเดิมกลับออกไป ถ้าต้องมาเสียดอกเบี้ยมาร์จิน มีหวังเงินต้นหายกำไรหดหมด
เช่นพวกที่เข้ามาในช่วงปี 1998 จาก 200 จุดเศษ มา 800 นักลงทุนใหม่ๆ จะได้กำไรมากกว่าคนเก่าๆ
เนื่องจากยังไม่เคยเจอเหตุร้ายกับตัว เมื่อไม่เคยเจอ ก็ไม่รู้ และเมื่อไม่รู้ ย่อมไม่กลัว กล้าถือหุ้นให้ลื่นไหลไปตาม set
และ แล้ว ก็จะเข้าสู่จุดหลง คือหลงคิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าเล่นหุ้นน่ะง่ายมากเลย ไม่กี่ปี ก็กำไรได้ตั้ง 300%
มีการคิดว่า ถ้าเอากำไรทบเข้าไป ก็จะได้กำไรมหาศาลและยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ ถ้าเกิดมีความคิดว่า
ถ้าได้เพิ่มวงเงินเข้าไปสักเท่าตัว ก็จะยิ่งกำไรมากขึ้นอีก ฝันหวานว่าจะกลายเป็นมหาเศรษฐีตอนแก่
เช่น มีทุนอยู่ 1 ล้าน
เล่นมา 7 ปีแรก กำไร 3 ล้าน = 4 ล้าน
อีก 7 ปี น่าจะได้กำไรอีก 12 ล้าน = 16 ล้าน
อีก 7 ปี จะได้กำไรเพิ่มมาอีก 48 ล้าน = 64 ล้าน
อีก 7 ปี ได้กำไรเพิ่มอีก 192 ล้าน รวมเงินต้น = 256 ล้าน
แหม ถ้าได้ มาร์จินอีก 1 เท่าตัว มิได้กำไรตั้ง 500 กว่าล้านรึ มี คนมากมาย คิดยังงี้จริงๆ คนที่รวยอยู่แล้ว
ขนเงินมาลงเบาะๆ 40 ล้าน หวังจะได้สัก หนึ่งหมื่นล้าน "พวกวาดวิมานในอากาศทั้งนั้น " ..."
**************************************************************************
ไปเอามาจาก Internet ไม่รู้จะทิ้งไว้กระทู้ไหน เลยเอากระทู้ตัวเองนี่แหละ ซึ่งอ่านดูแล้วค่อนข้างจะจริงนะครับ
หลายๆ เหตุการณ์ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ การลงทุนในหุ้นมันเป็นอะไรที่ซับซ้อน ไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ
และอยู่ร่วมกับมันได้ ของเพียงเราเข้าใจ "อย่ากลัว อย่าโลภ" ตามคำกล่าวของกูรูหลายๆ ท่าน ตอนนี้ผมก็ถัวไปเรื่อยๆ
เป็นกิจกรรมนึงหลังได้รายรับเข้ามาของผมไปแล้ว แต่ผมไม่ได้เป็นพวกวาดวิมานในอากาศหนา บัญชีมาร์จิ้นผมยังไม่รู้เลย