เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 24 เมษายน 2024, 11:32:26
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ธุรกิจเครือข่าย MLM งานออนไลน์
| |-+  ธุรกิจเครือข่าย MLM - ขายประกัน
| | |-+  เรื่องงานเรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน...ปลดล๊อคตัวเองจากข้อจำกัดของชีวิตคุณได้
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เรื่องงานเรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน...ปลดล๊อคตัวเองจากข้อจำกัดของชีวิตคุณได้  (อ่าน 549 ครั้ง)
khwanchaisai
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2016, 14:53:04 »

       เรื่องงาน เรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน...เคยสงสัยมั้ยว่า อาชีพนักเที่ยวเขาทำกันยังงัย?..และมันคืออะไร?...ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจว่า...ที่จะพูดถึงนี้คือ "คลับท่องเที่ยวนะครับ ไม่ใช่ บริษัททัวร์"
        คลับท่องเที่ยว คือ การรวมตัวของผู้ที่มีความสนใจ และหลงไหลในการท่องเที่ยว โดยมีบริษัทที่
บริหารงานคลับนี้ ชื่อว่า "World ventures"
        เวลาที่คุณไปเที่ยว ไม่ว่าจะไปไหนจะมีการใช้บริการหลักๆ ที่เราจะใช้บริการ 5-6 อย่าง คือ
1.ตั๋วเครื่องบิน , 2.โรงแรม ,3.ตั๋วเครื่องบิน ,4.รถเช่า ,5.บัตรเข้าสถานที่เที่ยว ต่างๆ ,6. เรือ คลุยซ์ (ล่องเรือสำราญ) ถ้าเราไปกับ บริษัททัวร์ ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะรวบรวมบริการเหล่านี้เป็นแพ็คเก็จ แล้วก็มาขายให้เรา
        แต่ในปัจจุบันที่การสื่อสารมัน World Wide มากขึ้นเราสามารถหาซื้อบริการเหล่านี้ได้เอง ผ่านทางระบบออนไลน์ 29 ปี มาแล้วที่มีบริษัทหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา ชื่อว่า บริษัท Rovia (Rovia.com) เขาทำธุรกิจรับจองการเดินทาง ทางออนไลน์ที่ติดอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา โดยดำเนินงานในรูปแบบ B to B (Business to Business) คือตัด ล๊อทโรงแรมแบบจำนวนขายส่ง นำไปขายให้กับบริษัทเอเจนซี่ (บริษัทขายส่ง) ให้แก่ลูกค้าปลีกอีกทีนึง
       สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ วันนี้บริษัท"World ventures" เจ้าของคลับท่องเที่ยวของเรา ได้เข้ามาซื้อกิจการของบริษัท Rovia ทำให้ "World ventures"สามารถเข้าถึงดีลราคาส่งโดยปริยาย ถ้าเป็นคุณคุณจะทำอย่างไรครับ ในเมื่อฝั่งนึงคือ สมาชิกคลับท่องเที่ยวทั่วโลก ที่หลงไหลในการท่องเที่ยว อีกฝั่งนึงคือ ดีลราคาสุดพิเศษ สรุปทุกวันนี้ "World ventures"ออกแบบ product มา 4 รูปแบบใหญ่ๆ คือ
      1. Dreamtrips ( ดรีมทริป เป็นทริปท่องเที่ยว ที่รวมบริการหลักๆ ก็คือ โรงแรมที่พัก รถรับส่ง กิจกรรมต่างๆ สถานที่เที่ยว กว่า 12,000 ทริป ต่อปี จากสถานที่สวยงามทั่วทุกมุมโลก)
      2. เวบไซด์ จองการเดินทาง ทุกคนที่เข้ามาเป็นสามชิกคลับท่องเที่ยว จะได้หน้าเวปไซด์การจอง การเดินทางการเดินทางออนไลน์ เป็นของตนเอง ซึ่งสมาชิกสามารถใช้บริการจองเองได้ หรือจะส่งให้เพื่อนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกก็สามารถจองได้ในราคาเดียวกัน
      3. Local Dreamtrips เป็นโปรเจ็คที่บริษัท เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร สปา หรือว่าร้านขายของต่างๆ เข้ามาจอยกับบริษัท และเมื่อสมาชิกเข้ามาใช้บริการกับร้านเหล่านี้ ก็จะได้ส่วนลด พร้อมกับแต้มสะสม เพื่อใช้ในการท่องเที่ยวกับดรีมทริปในครั้งต่อไป บางคนก็บอกว่าอย่างนี้ "เรื่องกินเรื่องเที่ยว ก็กลายเรื่องเดียวกันอะดิ๊"
     4. Voluntour เรียกได้ว่าเป็นทริปอาสา คือพาคนไปทำความดี เช่น การสร้างสนามเด็กเล่น การสร้างห้องสมุด หรือว่าทาสีโรงเรียน ก็ถือว่าเป็นการคืนกำไรสู่สังคม ดีมั้ยครับ คนไปกลับมา สวย หล่อ ขึ้นมาทันทีเลยทีเดียวเชียว
                        **********************************************
    ในส่วนสุดท้ายก็คือ การทำการตลาดครับ "World ventures" ทำการตลาดในโมเดลของ เน็ตเวิร์คมาเก็ตติ้ง หรือว่า  ธุรกิจเครือข่าย แน่นอนที่สุดครับ ผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิก สามารถเลือกได้ 2 แบบ คือ
    1.เข้ามาท่องเที่ยวอย่างเดียว  ( สมัครเพื่อเที่ยวในราคาสุดประหยัด )
    2.เข้ามาท่องเที่ยวและชวนเพื่อนเที่ยว พร้อมกับสร้างเครือข่ายไปด้วย ( สมัครแบบทำธุรกิจ)ตรงนี้ แหละครับ ที่เขาเรียกว่า "เรื่องงาน เรื่องเที่ยว เรื่องเดียวกัน"
    จากภาพรวมทั้งหมดนี้นะครับ ท่านสังเกต ได้ว่า คลับท่องเที่ยวแห่งนี้ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่หลงไหลในการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เพราะเขาสร้างเครื่องมือในการแก้ไขอุปสรรค ขั้นพื้นฐาน ของนักเดินทาง ที่ยังทำให้ไม่สามารถเดินทางไปในที่ต่างๆได้ เป็นต้นว่า
   ถาม : ฉันอยากไปนะ   แต่ฉันไม่รู้จะไปยังงัย ไม่ชำนาญเส้นทาง !
    ตอบ : เรามีทริปทั่วทุกมุมโลก เธออยากไปไหนหล่ะ ?
   ถาม : อยากไปเที่ยว แต่ตังค์ในกระเป๋าไม่เป็นใจ นะสิ !
    ตอบ : ทำงานแล้วตังค์ไม่พอใช้ งั้นชวนเพื่อนเที่ยวดูมั้ย ?
   ถาม : อยากไปเที่ยว แต่งานเยอะมาก ล้นไปถึงชาติหน้า นะสิ !
    ตอบ : มีตารางทริป ล่วงหน้านานเป็นปี ลองวางแผน พักผ่อนบ้างมั้ย ?
สำหรับท่านที่มีคำถาม สามารถเขียนคอมเม้น เข้ามาได้เลยนะครับ หรือจะติดต่อตามนี้นะครับ
โทรศัพท์  : 089-4333259  ( ขวัญชัย )
ID Line    : Poo130920
Facbook  :  Khwanchai Saikruakham


       


















IP : บันทึกการเข้า
khwanchaisai
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2016, 14:55:29 »



IP : บันทึกการเข้า
khwanchaisai
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2016, 14:58:10 »

เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากทริป ฮ่องกงดิสนี่ย์แลนด์ ( 17-19 ตค.59 นี้เองครับ) เชื่อเถอะครับ ไปจริง อะไรจริงครับ
IP : บันทึกการเข้า
khwanchaisai
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 23 ตุลาคม 2016, 00:54:50 »

“Passive income” คือการหยุดทำงานแต่ก็ยังมีรายได้อยู่ เป็นรายได้ที่ทำให้เราเกิดอิสรภาพในการใช้ชีวิต คือการมีทั้งเงินและเวลาไปพร้อมๆกัน ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า ธุรกิจเครือข่าย ก่อนอื่นความเข้าใจ นี่สำคัญมาก ในการที่เราจะลงมือทำ แล้วก็ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจนี้ โดยมี “Passive income”เป็นเป้าหมายของเรา ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายกันก่อนดีกว่านะครับว่ามันคืออะไร
“ธุรกิจเครือข่าย” (Network Marketing) เป็นระบบการตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถเคลื่อนสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และมั่นคงที่สุด และยังเป็นรูปแบบที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุด เช่นเดียวกันครับ คำว่า MLM  (Multi - Level Marketing ) ถ้าแปลกันตรงตัวก็ คือการตลาดแบบหลายชั้น ที่นี้เรามาว่ากันที่การตลาด กันก่อนดีกว่าครับ การตลาด คืออะไร? การตลาด คือ การเคลื่อนสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ไม่ใช่การขาย ไม่ใช่การโปรโมท โพสเว็ป หรือว่าการลงโฆษณา ตรงนั้นเขาเรียกว่า วิธีทำการตลาด แต่พื้นฐานของคำว่าการตลาด จริงๆ คือการเคลื่อนสินค้าไปสู่ผู้บริโภค โดยรูปแบบการเคลื่อนสินค้านั้น ก็จะมีโมเดลมากมายเลยครับ แต่ผมจะยกมาเพียงแค่ 3-4 ตัวอย่างเท่านั้น เพื่อให้เราได้เข้าใจได้อย่างรวดเร็วนะครับ
แบบที่ 1. คือ การค้าปลีก (REtialing) เป็นรูปแบบที่เราคุ้นเคยกันดีครับ เช่น เซเว่น บิ๊กซี โลตัส เหล่านี้คือค้าปลีก คือการเคลื่อนสินค้า ผ่านร้านค้า หรือว่าสโตร์ ต่างๆ
แบบที่ 2. คือ แบบขายตรง (Direct Sale) อันนี้ก็พวก ขายประกันชิวิต มิสทีน สาวเอว่อน สาวยาคู้ อะไรพวกนี้ ถูกมั้ยครับเหล่านี้คือการขายตรง คือการเคลื่อนสินค้าผ่านตัวแทนขาย คือมีการเปิดให้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิก เป็นตัวแทนขาย แล้วก็ตัวแทนก็เอาสินค้าไปขาย อันนี้คือขายตรง นะครับ คือการเคลื่อนสินค้าผ่านตัวแทนขาย แบบขายตรงนี้จะถูกเข้าใจผิดกับธุรกิจเครือข่าย (MLM) อยู่พอสมควรเลยครับ เพราะ 2 อย่างนี้มันมีความเหมือนกันอยู่นะ สิ่งที่มันเหมือนกันก็คือ มีการสมัครสมาชิกเข้าไปเป็นตัวแทนเหมือนกัน ขายตรงก็มีการสมัครเข้าไปเป็นตัวแทนถูกมั้ยครับ ธุรกิจเครือข่าย หรือว่า MLM ก็มีการสมัครเข้าเป็นสมาชิกเหมือนกัน แต่รูปแบบในการเคลื่อนสินค้านั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ คนส่วนใหญ่มักจะแยกสิ่งเหล่านี้ไม่ออกนะครับ จึงมักเหมารวมกันไปหมดเลยว่ามันคืออันเดียวกัน อาจจะเพราะว่าธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่นะจะมีชื่อเป็นสมาชิกอยู่ใน สมาคมขายตรงด้วย เราก็เลยคิดว่ามันเป็นขายตรงเหมือนกัน แต่ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ที่บริษัทธุรกิจเครือข่าย ต้องมีชื่ออยู่ในสมาคมขายตรงก็เพราะว่า มีการเปิดให้สมัครสมาชิกเข้าไปเป็นตัวแทนอิสระได้ นี่จึงเป็นเหตุให้บริษัทเหล่านั้นต้อง เข้าไปเป็นสมาชิกกับสมาคมขายตรงครับ แต่ด้วยโมเดลมันแล้ว แตกต่างกันครับ แตกต่างกันยังไง แตกต่างกันแบบนี้ครับ แต่ก่อนที่เราจะไปว่ากันตรงนั้น ผมขอพูดถึงรากของมันก่อน พูดถึงที่มาของ MLM ก่อนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเกิดขึ้นแบบนี้ครับ ผู้บริโภคก็จะเข้าไปซื้อสินค้า กับผู้ผลิตแบบปกตินี่แหละ ผมจะสมมติว่า เป็น C1แล้วกัน ซึ่ง C1 ก็จะซื้อของมาใช้ ของตัวเองส่วนตัวครับ แล้วก็เกิดใช้ดีไง พอใช้ดีก็เลยเริ่มรู้สึก ตื่นเต้น เมื่อตื่นเต้นทำยังไงครับ แน่นอนละ C1 ก็จะเริ่มบอกต่อคนรู้จักครับ ก็ไปบอก C2 ให้ C2 ไปซื้อสินค้ากับผู้ผลิตโดยตรง โดยที่C1 ไม่ได้เอาอะไรไปขาย C2 ถูกมั้ยครับ แล้วพอ C2 พอใช้ดี ก็เหมือนกันครับ บอกต่อครับ อาจจะเป็น C3 และ C4  ซึ่งทั้ง C3และC4 ก็ไปซื้อสินค้ากับผู้ผลิตเหมือนกัน โดยที่ C2 ไม่ได้เอาอะไรไปขาย 2 คนนี้เลย สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือ ผู้ผลิต ไม่ต้องลงมาทำการตลาดกับคนเหล่านี้โดยตรง แต่เคลื่อนสินค้าผ่าน C1 เห็นมั้ยครับ นักธุรกิจที่เห็นช่องทางตรงนี้ จึงคิดค้นโมเดลการเคลื่อนสินค้าแบบนี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า “Multi - Level Marketing”หรือ MLM นั่นหละครับ ด้วยพลังของการแตกขยายที่มันจะไปเติบโตของมันเองทำให้ โมเดลนี้มีความสามารถในการเคลื่อนไหวสินค้า ที่สูงมาก และยั่งยืนกว่ามาก โดยทางผู้ผลิตก็จะเปิดให้กับผู้บริโภคนั่นแหละสามารถสมัครเข้ามาเป็นตัวแทนได้ และสิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ ใช้สินค้าส่วนตัวเท่านั้น และสร้างเครือข่ายผู้บริโภค ให้เกิดขึ้นโดยทุกคนก็จะทำเหมือนกันครับ คือเข้าไปสมัครแล้วก็ใช้สินค้าส่วนตัวเหมือนกันหมดไม่ได้เอาอะไรไปขาย เห็นมั้ยครับโดยโมเดลนี้ทางผู้ผลิตก็จะจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้บริโภคที่ช่วยเขาสร้างเครือข่าย โดยจะมีการจ่ายผลตอบแทนหลายชั้น แต่ละบริษัทก็จะจ่ายผลตอบแทนลึกไม่เท่ากัน ถูกมั้ยครับ บางที่ก็จ่ายลึก 5 ชั้น บางที่ก็จ่ายลึก 7 ชั้น 9 ชั้น แล้วแต่บริษัทไหนจะจ่ายเท่าไหร่ จ่ายยังไง คราวนี้มันก็จะมีอีกรูปแบบหนึ่งครับ ที่ถูกเข้าใจผิดมาก พอกันนั้นก็คือ
แบบที่ 3. คือ แชร์ลูกโซ่ หรือพีระมิด ครับ หรือมันนี่เกม (Money game) นี่เอง อันนี้เรามักเข้าใจว่ามันเป็นอย่างเดียวกัน ถูกมั้ยครับ หรือหลายคนก็จะมองว่าไอ้ธุรกิจที่เราทำนี่ มันคือแชร์ลูกโซ่ ถูกมั้ยครับ จริงๆแล้ว MLM กับแชร์ลูกโซ่ มีความเหมือนกันอยู่นะครับ นั่นคือ มีการหาสมาชิกเหมือนกัน ถูกมั้ยครับ ธุรกิจเครือข่าย ก็มีการหาสมาชิกเข้ามาเป็นเครือข่าย แชร์ลูกโซ่ ก็มีการหาสมาชิกเข้ามาเป็นเครือข่ายเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ แชร์ลูกโซ่ สินค้า ไม่มีการเคลื่อนไหว หรืออาจไม่มีสินค้าเลย เคยเห็นมั้ยครับ สมัครครั้งเดียวจบ ไม่ต้องต่ออายุ ไม่ต้องรักษายอด ไม่ต้องมีการซื้อซ้ำใดๆ ทั้งนั้น เนี๊ยะ พวกนี้คือแชร์ลูกโซ่ มันนี่เกมทั้งนั้น เมื่อมันไม่เกิดการซื้อซ้ำรายได้ของแชร์ลูกโซ่ จึงเกิดจากการเอาเงินคนใหม่ มาจ่ายคนเก่าเท่านั้น วันใดวันนึง เลิกหาสมาชิก รายได้ก็หยุด ถูกมั้ยครับ แต่ธุรกิจเครือข่าย เมื่อเราสร้างเครือข่ายไว้เรียบร้อยแล้ว วันใดวันนึง เลิกหาสมาชิกเราก็ยังคงมีรายได้อยู่ เพราะทุกคนยังคงซื้อใช้สินค้าซ้ำอยู่ตลอดเวลา ต่อเนื่องคอมมิทชั่น ก็ขึ้นมา ธุรกิจ MLM จึงเป็นธุรกิจที่หยุดทำได้ครับ ทีนี้เขาบอกว่าถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย เราทำแค่ 4 ข้อ ครับ นั่นคือ
ข้อ1.สมัคร (Joint) ก็คือสมัครเข้าไปเป็นสมาชิกของบริษัทนั้นๆ
ข้อ2.ซื้อใช้สินค้าส่วนตัว ตลอดต่อเนื่อง (Autoship) ย้ำนะครับซื้อใช้สินค้าแค่ส่วนตัวพอ ตลอดต่อเนื่อง
ข้อ.3 แนะนำ (Sponsor) คนเข้ามาเป็นเครือข่ายของเราแนะนำอะไร ก็แนะนำให้เขาสมัครและก็ใช้สินค้าส่วนตัว ตลอดต่อเนื่องเหมือนกับเราครับ
ข้อ.4 สอน (Teach) สอนอะไร ก็สอน ให้เขาสมัคร ซื้อสินค้า ใช้ส่วนตัว และสามารถ Sponsor ต่อได้นั่นเอง
คำถามคือในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นต้องรู้จักคนเยอะมั้ย หรือจำเป็นต้อง Sponsorคนให้ได้เยอะรึเปล่า คำตอบคือไม่ครับ มาดูกันครับเราอาจจะเริ่มต้นด้วยการ Sponsorคนซัก 2 คน และก็สอนให้เขา Sponsorได้อีกคนละ 2 คนเหมือนกับเราก้จะเกิดเป็น 4 คน ถูกมั้ยครับ ทีนี้เราก็สอนต่อครับสอนอะไร ก็สอน 2 คนแรกให้ไปสอนต่ออีกคนละ 2 คนเมือเขาสอนต่อได้คนละ2 ก็จะเกิดเป็น 8 คน ถูกมั้ยครับ 2 คนแรกSponsorได้คนละ 2 กลายเป็น 4 และ 4 ท่านนี้ถูกสอนให้ Sponsorได้อีกคนละ 2 ก็จะกลายเป็น 8 คน และคราวนี้ก็จะกลายเป็น 16 คน ถูกมั้ยครับ โดยตอนนี้จะเกิดเป็น เครือข่ายเกิดขึ้นถึง 30 ท่าน ถูกมั้ยครับ ทุกคนก็ใช้สินค้าส่วนตัวเหมือนกันหมดครับ เห็นมั้ยครับว่าสินค้ามันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และทวีคูณขั้นเรื่อยๆ เริ่มต้นจาก 2 ท่านเท่านั้น ทีนี้ลองตัวเลข 3 ดูบ้างครับ ทำเหมือนกันเลยครับ จาก 3 Sponsor คนละ 3 เกิดเป็น 9 แล้วก็สอนให้ Sponsor เหมือนกันก็จะเกิดเป็น 27 เป็น 81 เห็นมั้ยครับว่าส่วนต่างที่เกิดขึ้นคือ 16-81 = 65 ท่านเลยทีเดียว จากที่เราทำเพิ่มเพียงแค่คนละ 1 เท่านั้น เห็นมั้ยครับมาถึงตรงนี้เราจะเห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า เราจะเห็นพลังของธุรกิจเครือข่ายมีแรงทวีคูณมากขนาดไหน นี่คือเหตุผลที่แชร์ลูกโซ่ หรือ มันนี่เกม พยายามที่จะเลียนแบบ ธุรกิจ MLM เพราะด้วยพลังแห่งการทวีคูณ ตรงนี้จึงทำให้เขาพยายามที่จะลอกเลียนแบบเรา แต่ที่แตกต่างกันระหว่างแชร์ลูกโซ่ กับ ธุรกิจ MLM ก็คือธุรกิจเครือข่ายสินค้ามีการเคลื่อนไหว มีการเคลื่อนตัว หรือจะเรียกง่ายๆว่า ธุรกิจ MLM เคลื่อนสินค้าผ่านการสอนก็ว่าได้ครับ จากที่เราเห็นเราแค่บวกกันคนละ 1 เท่านั้นคราวนี้ลองดูตัวเลข 4 กันบ้าง จาก 4 เป็น 16 เป็น 64 เป็น 256 เห็นมั้ยครับ ตอนนี้ส่วนต่างจาก 3 มาเป็น 4 คือ 65-256 =  175 ท่าน เลยทีเดียว เป็นอีกเกมการเงินอย่างหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น ถัดมาเป็นตัวเลขสุดท้าย คือ จาก 5 เป็น 25 เป็น 125 เป็น 625 ท่าน นี่คือความแตกต่างที่น่าทึ่งของธุรกิจนี้ มันเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แต่รู้อะไรมั้ยครับ ว่าความแตกต่างที่แท้จริงอยู่ตรงนี้ครับ อยู่ตรงที่ทุกคนแนะนำและสอนเพิ่ม เท่านั้น คนส่วนใหญ่ยอมสอนคน 2 -5 คนมากกว่าจะยอมรับการสร้างองค์กรขนาดใหญ่ซะอีกลองนึกภาพตัวคุณเองครับ กับตัวเลขขนาดใหญ่ คือ 625 คนใครกันครับจะไปดูแลคนได้ขนาดนั้นเองทั้งหมดไหว แต่ถ้าผมบอกว่าให้คุณดูแลคนเอาจริงเพียงแค่ 5 คน เท่านั้นและทำงานร่วมกับคนเอาจริง แค่ 5 คน องค์กรขนาดใหญ่มหาสารก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติครับ จากการที่แต่ละคนดูแลคนละเล็กละน้อยเท่านั้นครับ  ลองรวมตัวเลขในจำนวนฐานที่ 5 คน ดูครับ จากตัวเลข 5+25+125+625 = 780 คนเลยทีเดียว ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าตัวเลข 780 นี้เกิดจากการที่คุณแนะนำคนแค่ 5 ท่าน และสอนให้ 5 ท่านนั้นดูแลคนละ 5 ท่าน เหมือนกับคุณและมันก็จะเกิดองค์กรขนาดใหญ่ที่แตกขยายทวีคูณขึ้นมากลายเป็น 780 ท่าน ซึ่งถ้า 780 ท่านนี้ใช้สินค้าแค่ของตัวเองส่วนตัวไม่ได้ไปขายใครนะครับ สมมติว่าใช้สินค้าส่วนตัวเป็นยอดคนละ 1,000.-บาท คุณจะมียอดรวมทั้งองค์กรถึง 780,000.-บาทเลยทีเดียว เห็นมั้ยครับจากการที่คุณทำแค่ 5 เท่านั้น มียอดเกิดขึ้นถึง 780,000.-บาท ตลกดีมั้ยครับ นี่คือผลลัพธ์จากการทำคนละเล็กละน้อย เมื่อเทียบกับองค์กรเครือข่ายอื่นๆ หลายคนจะประหลาดใจว่า ทำไมองค์กรของคุณถึงได้เติบโตได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ แม้ว่าบางคนจะอยู่ในธุรกิจมานานกว่าคุณก็ตาม สุดท้ายเขาก็จะเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ครับ แล้วเริ่มถามคุณว่า คุณทำมันได้ยังไง และคำตอบที่เราจะให้เขาไป เราจะถามเขากลับ ถามเขาว่าคุณทำงานร่วมกับคุณติดตัวกี่คนกัน เชื่อเถิดครับว่าหลายคนจะตอบว่าซัก 10 คน 25 คนไปจนถึง 50 และก็ 100 คน ซึ่งคุณไม่ต้องแปลกใจเลยนะครับ เพราะนี่คือความจริงของคนที่เข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เพราะพวกเขาคิดว่าจะต้อง Sponsorคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วก็ Sponsor แล้วก็ Sponsor แล้วสุดท้ายพอเขามองกลับมาองค์กรของเขาก็แทบไม่เหลืออีกเลย นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจหลักการสร้างธุรกิจเครือข่ายจริงๆ ครับว่ามันเป็นเพียงแค่การทำงานร่วมกับคนที่เอาจริงๆเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น คุณไม่ควรทำงานกับคนที่เอาจริงเกินกว่า5คนในเวลาเดียวกันนะครับ การที่คุณจะต้องดูแลคนเอาจริง มากเกินกว่า 5 คน ในเวลาเดียวกันมันจะทำให้คุณสับสนครับ และก็กังวลกับหลายสิ่งหลายอย่างมากจนเกินไป จนทำให้คุณเริ่มงงกับกิจวัติประจำวันของคุณเอง คุณต้องแน่ใจว่าคุณจะทำงานร่วมกับคนเอาจริงเหล่านั้นเพื่อสร้างสายงานชั้นลึก และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง คนเหล่านั้นก็จะไม่ต้องการคุณอีกครับ เขาจะเริ่มดูและธุรกิจและองค์กรของเขาได้เอง เมื่อนั้นแหละครับคุณถึงสามารถปล่อยวางได้จริงๆ มาถึงตรงนี้คงทำให้คุณได้เข้าใจถึงหลักการในการสร้างธุรกิจเครือข่ายกันไปแล้วนะครับ ขอให้โชคดีและประสบความสำเร็จนะครับ ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!