เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 06:38:08
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  ## โปรโมชั่นลดราคา สินค้าเกษตร ถูกมาก สุดคุ้ม ด่วน!! ที่ KOKOMAX.COM
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 [12] 13 14 15 16 17 พิมพ์
ผู้เขียน ## โปรโมชั่นลดราคา สินค้าเกษตร ถูกมาก สุดคุ้ม ด่วน!! ที่ KOKOMAX.COM  (อ่าน 54581 ครั้ง)
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #220 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2018, 09:12:03 »



เรื่องนี้สำหรับคนที่จิตใจไม่อยู่กับที่ทำงานในบริษัท หรือหน่วยงานราชการนะครับ หากต้องการมาเป็นเกษตรกรต้องเตรียมความพร้อมอะไรบ้าง ผมเล่าจากประสบการณ์ของผมเอง ไม่ใช่เป็นหลักการหรือทฤษฎีอะไร ใครที่มีงานทำมีเงินเดือนอยู่อย่าเพิ่งตัดสินใจลาออกกระทันหันครับ ตอนที่คุณทำงานมีเงินเดือนอยู่นี่แหละครับคุณก็สามารถเตรียมตัวเป็นเกษตรกร ได้ แต่คุณต้องมีที่ดินก่อน ที่ดินเป็นเรื่องสำคัญมาก มีใจรักแต่ไม่มีที่ดินก็ไม่ต้องคิดอะไรต่อแล้ว ผมจะสรุปสิ่งจำเป็นในการเป็นเกษตรกรเป็นข้อๆ ดังนี้

1. มีใจรัก คิดว่าการที่จะลาออกมาทำสวนคุณต้องมีใจรักก่อน ถ้าคุณไม่มีใจรักงานทางด้านนี้ก็อย่าฝืนครับ
2. มีที่ดิน ไม่จำเป็นต้องมีมากครับคนมีที่ดินแค่สองงานปลดหนี้หลักแสนก็มีมาแล้ว
3. มีกำลัง ใครที่คิดว่ารอซักอายุ 50 แล้วลาออกไปทำสวน ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ยิ่งคนที่ไม่เคยจับจอบมาก่อนอย่าแม้แต่จะคิด การเป็นเกษตรกรถ้าทำเองไม่จ้างเขา กำลังเป็นสิ่งสำคัญ มือแตกเป็นเรื่องปกติ
4. มีความรู้ คุณอยากทำอะไร สนใจอะไรหาความรู้ไว้ก่อนยิ่งมีสื่ออินเทอร์เน็ต ยิ่งสะดวกสบายใหญ่ค้นข้อมูลแป๊บเดียวก็ได้แล้ว แต่อย่าหวังว่าข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจะช่วยคุณได้ทุกอย่าง ต้องอ่านและพิจารณาดีๆ ข้อมูลจากนักวิชาการบางครั้งนักวิชาการก็รู้แต่ทฤษฎีไม่เคยลงมือทำ เชื่อเขาทั้งหมดทำตามหมดก็เจ๊งได้ การหาความรู้อีกทางคือ การเข้าร่วมฝึกอบรมเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายของสันติอโศก หรือเครือข่ายมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ หรือที่อื่นๆ อย่ายึดติดกับแหล่งใดแหล่งหนึ่ง นำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้เอาเอง
5. มีเงินทุน ข้อ นี้ก็สำคัญไม่น้อยลาออกมาแล้วจะกินอะไร เอาเงินที่ไหนใช้จ่าย การเริ่มต้นชีวิตเกษตรกรใช่ว่าทำเดือนสองเดือนแล้วมีเงินเข้ามา ต้นไม้พืชผัก จะบังคับให้มันโตตามใจเราไม่ได้ถามว่ามีเท่าไหร่ถึงจะพอ ผมก็ตอบไม่ได้ครับ ข้อนี้ต้องคิดเองยิ่งคุณมีภาระทางครอบครัวแล้วคิดให้หนัก คิดไม่ออกก็เป็นลูกจ้างต่อไปครับ
6. ยังคิดไม่ออก ช่วยคิดต่อนะครับ

ที่เล่ามาทั้งหมดไม่ได้ชักจูงให้ใครลาออกจากงานนะครับ ทำงานเป็นลูกจ้างมีความสุขอยู่แล้วก็ทำไป แต่เมื่อไหร่ที่ไม่มีความสุข แล้วหาทางออกไม่ได้เกษตรกรก็เป็นทางเลือกหนึ่ง

สำหรับคนที่ทำงานอยู่ไม่ว่าจะบริษัท หรือราชการมีที่ดินอยู่แล้ว สมมติว่ามีที่ดินยังไม่ได้ทำประโยชน์ คุณกลับไปปลูกป่าจะเป็นรอบๆที่ดิน หรือเต็มพื้นที่ สมมติว่าปลูกตะเคียนทอง อีกยี่สิบสามสิบปีข้างหน้าคุณจะขายตะเคียนทองได้เท่าไหร่ ถือเป็นเงินบำเน็จบำนาญก็ได้ หากคุณไม่ทันใช้ลูกหลานก็คงขอบคุณคนที่ปลูกเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะขายได้เงิน หรือได้ไม้สร้างบ้าน

สำหรับคนที่จิตใจไม่อยู่กับบริษัท หรือราชการแล้ว และมีที่ดินอยู่แล้ว ใครไม่มีที่ดินก็หาที่ดินเสียนะครับ อย่างที่บอกว่าอย่าเพิ่งลาออก เสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุด ก็ไปปลูกป่าเอาไว้ก่อน ทดลองใช้ชิวิตเกษตรกรก่อนว่าทำไหวมั๊ย ทำไว้พอประมาณแล้วค่อยลาออก แล้วคุณจะพบว่าเกษตรกรเป็นวิถีชีวิตที่มีความสุข ไม่มีคนมาคอยสั่งงาน ไม่เป็นลูกจ้าง เป็นเจ้านายตัวเอง แต่เกษตรกรก็ต้องเหนื่อย แต่เหนื่อยก็มีความสุข


ที่มา: http://www.kasedtakon.com/10

สินค้าเกษตร ที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #221 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2018, 09:48:42 »

การเลี้ยงผึ้ง



วัสดุ/อุปกรณ์
คอนประกอบด้วยลังเลี้ยง ทำจากไม้เนื้อแข็งขนาด 27x45x21 ซ.ม. ที่เกาะรวงผึ้งประกอบด้วย ไม้รูปสี่เหลี่ยม ขนาด 21x24x3 ซ.ม. ภายในขึงด้วยลวด 4-5 เส้น

วิธีดำเนินการ
1. สภาพพื้นที่ต้องมีแหล่งที่มีอาหารเพียงพอ เช่น สวนมะพร้าวที่มีจั่นออกดอกตลอดปี รวมทั้งมีน้ำหวานจากไม้ผลที่ออกดอกตามฤดูกาลและจากวัชพืชต่างๆ
2. แหล่งของผึ้งที่จะนำมาเลี้ยงมาจากแหล่งต่างๆ ดังนี้

-จากธรรมชาติ
โดยการทำรังล่อไปวางไว้ในแหล่งที่มีผึ้งและเป็นที่ร่มรื่นใกล้แหล่งอาหาร ด้วยการปักเสาหลักสูงประมาณ 1 เมตร เพื่อวางรังล่อโดยทาฝารังด้านในด้วยไขผึ้งหลังจากมีผึ้งเข้ามาอาศัย จึงเคลื่อนย้ายไปยังลานเลี้ยงต่อไป

-จากแหล่งเลี้ยงผึ้ง
ผึ้งที่ซื้อมาเลี้ยงควรเป็นผื้งที่มีความสมบูรณ์สูง และมีครบทุกวัยทำงาน มีปริมาณเกสรน้ำผึ้งมาก นางพญาวางไข่ดี

-จับผึ้งป่ามาเลี้ยง
1. จัดมาเลี้ยงในคอน โดยเลี้ยงในพื้นที่เดิม 2-3 วัน แล้วเคลื่อนย้ายไปสถานที่ต้องการใน เวลากลางคืน
2. การเพิ่มจำนวนของผึ้งในแต่ละรัง ต้องคัดเลือกนางพญาผึ้งให้มีการวางไข่ได้อย่างสม่ำเสมอมีการตัดแต่งรัง การรวมรัง และการขยายวงจรในการวางไข่
3. เพิ่มความแข็งแรงและความสมบูรณ์ให้กับรังด้วยการให้อาหารเสริมในช่วงที่ผึ้ง ขาดแคลนอาหาร บางครั้งจะต้องเคลื่อนย้ายรังไปยังแหล่งที่มีอาหารสมบูรณ์ เช่น สวนมะพร้าวหรือมะม่วงที่กำลังออกดอก
4. การเก็บน้ำผึ้งจากคอน ให้สังเกตดูที่ส่วนบนของคอน ถ้าพบว่ามีสีขาวขุ่นแสดงว่ามีน้ำผึ้งอยู่ภายใน ใช้มีดกรีดรวงผึ้งเป็นรูปตัวยูแล้วเลือกส่วนบนที่ติดกับสันคอนออก นำไปใส่ผ้ากรองที่มีถังรองรับ คอนฝึ้งที่ถูกตัดน้ำผื้งออก ให้นำกลับไปเลี้ยงตามเดิม หลังจากนั้นผึ้งก็จะสร้างรวงขึ้นมาใหม่ภายใน 1-2 เดือนค่ะ

วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเลี้ยงผึ้ง
-ชุดหีบเลี้ยงผึ้งโพรงไทย
-แผ่นฐานรวง
-เหล็กงัดรังผึ้ง
-กระป๋องรมควัน
-อุปกรณ์สลัดน้ำผึ้งออกจากรวง

ที่มา: http://www.kasedtakon.com/77

สินค้าเกษตร ที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #222 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2018, 12:20:50 »



โรคโคนเน่า (ต้นกล้า)

อาการ
เป็นได้ตั้งแต่ทำให้เมล็ดไม่งอก  หรือเมล็ดงอกเป็นต้นอ่อนแล้วตาย หรือชะงักการเจริญเติบโต  สังเกตได้จากแผลที่โคนต้นบริเวณที่ติดกับผิวดิน ที่ทำให้ต้นคอดลง/แห้ง ต้นล้ม ไม่ตั้งขึ้น

ชื่ออื่น โรคเน่าคอดิน โรครากเน่าโคนเน่า กล้าตายพราย

สาเหตุ
เชื้อราในดิน ซึ่งมีหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ ซึ่งเชื้อรานี้มาได้จาก (1) ติดมากับเมล็ด (2) ในดินและวัสุดปลูก (3) ในน้ำที่ใช้รด (4) จากถาดที่ใช้เพาะกล้า
สภาพแวดล้อมที่ทำให้เชื้อรานี้ระบาดได้ง่ายคือ เมื่อมีอากาศร้อนและมีความชื้นสูง ดิน/วัสดุเพาะระบายน้ำไม่ดี และมีสภาพเป็นกรดมากเกินไป

วิธีป้องกัน

เลือกใช้ดิน/วัสดุปลูกที่ค่อนข้างสะอาด ระบายน้ำได้ดี
เพิ่มสัดส่วนของปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยมูลไส้เดือนในวัสดุเพาะ เพื่อเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์
ทำความสะอาดถาดเพาะด้วยด่างทับทิม (อัตราส่วน 1 กรัม/น้ำ 1 ลิตร ใช้แช่ทิ้งไว้ 2 – 3 ชั่วโมง) โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาโรคโคนเน่าแล้ว ถาดเพาะมีโอกาสที่จะมีเชื้อติดอยู่มาก
ถ้าเมล็ดมีความเสี่ยงติดเชื้อรา อาจทำความสะอาดเมล็ดก่อนเพาะด้วยจุนสี (อัตราส่วน 1 กรัม/น้ำ 1 ลิตร ใช้แช่ทิ้งไว้ 2 – 3 ชั่วโมง แล้วล้างออกก่อนนำไปเพาะ)
ใช้เชื้อไตรโคเดอร์มาผสมกับดินปลูก คลุกเมล็ด หรือผสมกับน้ำที่ใช้รดกล้าผัก
เวลาเพาะกล้า อย่าใส่เมล็ดในวัสดุเพาะลึกเกินไป
อย่าเพาะกล้าหนาแน่นเกินไป เลือบริเวณเพาะกล้าที่มีสภาพอากาศโปร่ง อากาศระบายได้ดี ไม่มีความชื้นสูง และระวังอย่ารดน้ำมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน
เลือกแหล่งน้ำที่สะอาดหน่อยสำหรับใช้ในการรดกล้าผัก
ในกรณีที่แปลง/ถาดเพาะเริ่มระบาด ให้รีบนำถาดที่มีโรคออก เพื่อทำลายทิ้ง และฉีดพ่นแปลง/ถาดเพาะข้างเคียงน้ำด้วยน้ำกระเทียมสะกัด (ต้มน้ำให้ร้อน แต่ไม่ถึงน้ำเดือด ใส่กระเทียมโขลก 5 – 6 กลีบ นาน 20 นาที ปล่อยให้น้ำเย็น เอากากกระเทียมออก เติมสบู่ธรรมชาติเล็กน้อย กรอง แล้วจึงนำไปฉีดพ่น)

ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #223 เมื่อ: วันที่ 24 ตุลาคม 2018, 09:34:44 »



นี่เป็นอัตราเริ่มต้น เหมาะสำหรับทำใช้ในครัวเรือน และพื้นที่น้อย

– ถังพลาสติกที่มีฝาปิดใส่น้ำสะอาด 8 ลิตร ถ้าเป็นน้ำประปาก็ขังไว้ให้หมดคลอรีน 3-4 วัน
– ใส่กากน้ำตาล 300 ซีซี (ครึ่งขวดเล็ก) คนให้กากน้ำตาลละลาย
– ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์ 300 ซีซี คนให้เข้ากัน (หัวเชื้อแอ๊คติโนมัยซิท หรือหัวเชื้อบาซิลลัส )
– ปิดฝาซีนให้แน่น 3-4 วัน

เมื่อครบ 3-4 วัน พอเปิดฝาถังออกจะเกิดฝ้าขาวลอยอยู่ด้านบน
นั่นแสดงว่าขบวนการหมักสมบูรณ์ดี ประโยชน์การใช้ถ้านำไปใช้กับสิ่งแวดล้อม
ประมง การปศุสัตว์ใช้เวลาหมัก 3-7 วันก็สามารถนำไปใช้ได้แล้ว เพราะว่าเอาแค่จุลินทรีย์ไม่ได้เอาธาตุอาหาร

แต่ถ้าใช้กับต้นไม้ ให้หาธาตุอาหารมาใส่ และหมักไปถึง 3 เดือน ให้ความเป็นกรดลดลงเสียก่อน
แต่เนื่องจากความแตกต่างของพืชแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เช่น พืชบางชนิดต้องการดอก
บางชนิดต้องการผล บางชนิดต้องการต้นและใบ

ถ้าจะเร่งต้น เร่งใบ ก็เอา พืชประเภท ไนโตรเจน มาใส่ เช่น กระถิน กระเฉด คะน้า กวางตุ้ง ถั่วต่างๆ
เอามาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกันให้ได้ 1 ก.ก.สับเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถุงตาข่าย นำไปหมัก 3 เดือน
ถ้าเร่งดอก ก็ใช้หนอ่ไม้ฝรั่ง ใบแก่ชะอม มูลค้างคาว หินฟอสเฟต เปลือกกุ้ง ฟักทอง บล๊อกโคลี่ เปลือกไข่
ถ้าเร่งผล ก็พวก ผลไม้สุก กล้วยหอมงอม พริกสด กระเจี๊ยบเขียว

อัตราการใช้ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร ฉีด พ่น ราด รด วันเว้นวัน จะช่วยปรับปรุงดิน ธาตุอาหารจะช่วยบำรุงต้นไม้
ใช้กับสิ่งแวดล้อม นำไปใส่ท่อเพื่อขจัดไขมันอุดตัน ใส่แหล่งน้ำเพื่อขจัดน้ำเสีย ใส่ห้องน้ำดับกลิ่น
ใช้กับปศุสัตว์ 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 50 ลิตร ให้สัตว์กิน ผสมน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นเพื่อขจัดกลิ่น

ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com

IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #224 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2018, 10:12:43 »



วัตถุที่ใช้แทนกากน้ำตาล

– น้ำผึ้ง , น้ำตาลทรายแดง , นมสด
– น้ำผลไม้สดทุกชนิด เช่น น้ำมะพร้าว น้ำส้ม น้ำสับปะรด น้ำอ้อน ฯลฯ
– น้ำซาวข้าว
– น้ำปัสสาวะ
– ฯลฯ

สำหรับคนที่มีเศษอาหารสดในครัวเรือนมากมายต่อวัน อย่าขุดฝังใต้โคนต้นไม้นะคะ เพราะจะเน่าเสีย นอกจากคุณจะมีพื้นที่บ้านมากพอ
อย่าโยนใส่รถขยะเทศบาล เพราะจะเน่าเสีย กว่ารถจะนำไปกลบฝังหรือบำบัดแบบอื่นๆ กรุณาร่วมใจ ช่วยกันบำบัดสดครัวเรือน ด้วยการหมักเป็นปุ๋ยชีวภาพ เศษอาหาร ผัก ผลไม้ ที่เหลือจากการบริโภค ทุกอย่าง ยกเว้นน้ำมัน

ใส่ถังหมัก หรือ ภาชนะ หรือแม้แต่ถุงดำหนาๆ เติมน้ำตาล หรือ กากน้ำตาล และน้ำเปล่า ใช้สูตรการหมักโดยน้ำหนัก
เศษอาหาร 5 ส่วน ต่อกากน้ำตาล 1 ส่วน ต่อน้ำเปล่า 1 ส่วน เคล้าให้เข้ากัน ปิดฝาถัง ตั้งไว้ในที่ร่ม อย่าให้โดดแดดส่อง เพราะจุลินทรีย์จะตาย ฝาไม่ต้องปิดสนิท เพราะจะมีแก๊ซบางชนิดเกิดในระหว่างการหมัก

เติมเศษอาหารใหม่ได้ทุกวัน ใช้สูตรผสมตามเดิม น้ำตาลเป็นส่วนสำคัญในการหมัก เพราะจุลินทรีย์ที่มีในถังหมัก ต้องกินน้ำตาล
น้ำปุ๋ยชีวภาพ ใช้ผสมน้ำ 1 ถ้วยแก้ว ต่อน้ำ 1 ถัง ใช้รดน้ำต้นไม้ สัปดาห์ละสองครั้งกำลังดี
ชนิดเข้มข้น ใช้ราดในโถส้วม ราดท้องร่อง หรือบริเวณน้ำขังเน่าเสีย
ชนิดเจือจางสามถึงห้าเท่า ใช้ราดดับกลิ่นมูลสัตว์ หรือผสมน้ำอาบสุนัข ล้างคอกสัตว์เลี้ยง ดับกลิ่นต่างๆ
เนื้อปุ๋ย ใช้ผสมดิน 5 เท่า สำหรับปลูกผัก หรือขุดหลุมฝังที่โคนต้นไม้

ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #225 เมื่อ: วันที่ 26 ตุลาคม 2018, 09:20:47 »



การขยายจุลินทรีย์ EM
1. จุลินทรีย์ EM 2 ช้อนโต๊ะ
2. กากน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำสะอาด 1 ลิตร

วิธีทำ
ผสมจุลินทรีย์ EM กากน้ำตาล และน้ำเข้าด้วยกัน ใส่ขวดพลาสติกชนิดฝาเกลียวปิดฝาให้แน่น เก็บไว้ 3 – 5 วัน
จะเป็นหัวเชื้อขยายเป็นการนำจุลินทรีย์มาขยายให้ได้จำนวนมาก ลดต้นทุนนำไปใช้หรือขยายต่อได้อีก
( เก็บไว้ได้นาน 3 เดือน)

วิธีใช้
ใช้ทำปุ๋ยน้ำ ฮอร์โมน สารไล่แมลง และปุ๋ยแห้ง ฯลฯ
หมายเหตุ
1 แก้ว ประมาณ 250 ซีซี
2 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 10 ซีซี

ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com




http://www.servecars.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 ตุลาคม 2018, 13:11:43 โดย srithanaagro » IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #226 เมื่อ: วันที่ 29 ตุลาคม 2018, 08:12:57 »



น้ำหมักชีวภาพ สูตรไล่หอย เพลี้ยไฟ

1. ยอดยูคาลิปตัส 2 กก.
2. ยอดสะเดา 20 ยอด หรือ 2 กก.
3. ข่าแก่ 2 กก.
4. บอระเพ็ด 2 กก.
5. จุลินทรีย์ EM 1 แก้ว
6. กากน้ำตาล 1 แก้ว

วิธีทำ
นำยอดยูคาลิปตัส ยอดสะเดา ข่าแก่ และบอระเพ็ด แต่ละอย่างแยกกันใส่ปิ๊บ ใส่น้ำให้เต็ม ต้มให้เหลือน้ำ
อย่างละครึ่งปิ๊บ ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาเทรวมกันในถังใหญ่หรือโอ่ง ใส่จุลินทรีย์ EM 1 แก้ว

วิธีใช้
ใช้แก้วผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีด พ่น รด ในแปลง ผัก พืช ในนาข้าว ป้องกันใบข้าวไหม้ด้วย


ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com

IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #227 เมื่อ: วันที่ 30 ตุลาคม 2018, 09:03:36 »

น้ำหมักชีวภาพ สูตรสารไล่แมลง

1. ลูกยอสุก 1 กก.
2. จุลินทรีย์ EM 1 แก้ว
3. กากน้ำตาล 1 แก้ว

วิธีทำ
นำลูกยอสุกมาสับให้ละเอียด ใส่น้ำพอท่วมผสมจุลินทรีย์ EM กากน้ำตาล คนให้เข้ากัน หมักไว้ 10 วัน พอได้ที่คั้นเอาแต่น้ำมาใช้

วิธีใช้
สารไล่แมลง 1 แก้ว ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีด พ่น รด ราด

ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com

IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #228 เมื่อ: วันที่ 31 ตุลาคม 2018, 08:43:38 »




วิธีการทำปุ๋ยน้ำชีวภาพตัวขยาย

นี่เป็นอัตราเริ่มต้น เหมาะสำหรับทำใช้ในครัวเรือน และพื้นที่น้อย
– ถังพลาสติกที่มีฝาปิดใส่น้ำสะอาด 8 ลิตร ถ้าเป็นน้ำประปาก็ขังไว้ให้หมดคลอรีน 3-4 วัน
– ใส่กากน้ำตาล 300 ซีซี (ครึ่งขวดเล็ก) คนให้กากน้ำตาลละลาย
– ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์ 300 ซีซี คนให้เข้ากัน (หัวเชื้อแอ๊คติโนมัยซิท หรือหัวเชื้อบาซิลลัส )
– ปิดฝาซีนให้แน่น 3-4 วัน

เมื่อครบ 3-4 วัน พอเปิดฝาถังออกจะเกิดฝ้าขาวลอยอยู่ด้านบน
นั่นแสดงว่าขบวนการหมักสมบูรณ์ดี ประโยชน์การใช้ถ้านำไปใช้กับสิ่งแวดล้อม
ประมง การปศุสัตว์ใช้เวลาหมัก 3-7 วันก็สามารถนำไปใช้ได้แล้ว เพราะว่าเอาแค่จุลินทรีย์ไม่ได้เอาธาตุอาหาร

แต่ถ้าใช้กับต้นไม้ ให้หาธาตุอาหารมาใส่ และหมักไปถึง 3 เดือน ให้ความเป็นกรดลดลงเสียก่อน
แต่เนื่องจากความแตกต่างของพืชแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เช่น พืชบางชนิดต้องการดอก
บางชนิดต้องการผล บางชนิดต้องการต้นและใบ

ถ้าจะเร่งต้น เร่งใบ ก็เอา พืชประเภท ไนโตรเจน มาใส่ เช่น กระถิน กระเฉด คะน้า กวางตุ้ง ถั่วต่างๆ
เอามาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกันให้ได้ 1 ก.ก.สับเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถุงตาข่าย นำไปหมัก 3 เดือน
ถ้าเร่งดอก ก็ใช้หนอ่ไม้ฝรั่ง ใบแก่ชะอม มูลค้างคาว หินฟอสเฟต เปลือกกุ้ง ฟักทอง บล๊อกโคลี่ เปลือกไข่
ถ้าเร่งผล ก็พวก ผลไม้สุก กล้วยหอมงอม พริกสด กระเจี๊ยบเขียว

อัตราการใช้ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร ฉีด พ่น ราด รด วันเว้นวัน จะช่วยปรับปรุงดิน ธาตุอาหารจะช่วยบำรุงต้นไม้
ใช้กับสิ่งแวดล้อม นำไปใส่ท่อเพื่อขจัดไขมันอุดตัน ใส่แหล่งน้ำเพื่อขจัดน้ำเสีย ใส่ห้องน้ำดับกลิ่น
ใช้กับปศุสัตว์ 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 50 ลิตร ให้สัตว์กิน ผสมน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นเพื่อขจัดกลิ่น

ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #229 เมื่อ: วันที่ 01 พฤศจิกายน 2018, 10:22:15 »



เครือหมาน้อย

ชื่อสามัญ
หมาน้อย (อีสาน) กรุงเขมา (นครศรีธรรมราช) วุ้นหม้อน้อย; ขงเขมา; พระพาย (กลาง); หมาน้อย; เครือหมาน้อย (อีสาน); ก้นปิด (ใต้); เปล้าเลือด (แม่ฮ่องสอน); สีฟัน (เพชรบุรี); อะกามินเยาะ (นราธิวาส)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์และเกษตร

เป็นไม้เถาเลื้อยพัน ใบเดี่ยว (simple) รูปร่างใบเป็นรูปหัวใจ (cordate) โคนใบแบบก้นปิด (peltate) ใบกว้าง 5.6 – 6.6 เซนติเมตร ยาว 6.9 – 7.6 เซนติเมตร หน้าใบและหลังใบมีขนสีน้ำตาลยาวประมาณ 1 มิลิเมตร ปกคลุมหนาแน่น หลังใบมีขนปกคลุมหนาแน่นมากกว่าหน้าใบ ก้านใบมีขน ยาว 1.7 – 2.5 เซนติเมตร ดอกตัวผู้และตัวเมียเซนติเมตร ขอบใบเรียบ (entire) ใบเป็นมัน หน้าใบหลังใบไม่มีขน ยอดอ่อนสีน้ำตาลแดง ใบแก่สีเขียวเข้ม ก้านใบยาว 0.4 – 0.6 เซนติเมตร ออกดอกที่ยอดหรือปลายกิ่ง ช่อดอกมี 4 – 5 ดอก ยาว 6.0 – 6.5 เซ็นติเมตร ดอกย่อยแยกจากกัน มีขนาดเล็กสีเขียว เมล้ดโค้ง (เหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว) ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือหน่อ

แหล่งที่พบและเก็บรวบรวมพันธุ์
พบขึ้นทั่วไปในที่รกร้างว่างเปล่า ในสวนป่า เช่น อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร (PC 537) อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี (SN 364) ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 80 – 130 เมตร

การใช้ประโยชน์
เป็นอาหารสัตว์ โค กระบือ ชาวบ้านใช้ใบมาตำ ขยำกับน้ำ นำมาปรุงอาหาร ถ้าทิ้งไว้จะแข็งตัวเหมือนวุ้น สมุนไพร ราก มีรสหอมเย็น แก้ไข้ ดีซ่าน เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงอวัยวะเพศให้แข็งแรง แก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ใบ ใช้ทาแก้โรคผิวหนัง มีสารอัลคาลอยด์ เช่น Hayatinine; Hayatine; Beburine; Sepurine; Cissampeline; Pelosine Quercitol และ Sterol

วิธีการทำอาหารประเภทหมาน้อย

ส่วนประกอบเพื่อให้อร่อย
1. ใบหมาน้อย 1 กอบ (อุ้งมือ)
2 ปลาช่อน
3. เครื่องปรุงอาหารประภทลาบ เช่น ข้าวคั่ว ปลาร้า….
4. ใบผักหอมแป (สระแหน่ใบแบนยาว) ผักใบมน (สระแหน่อีกอัน Mint)

วิธีการ
1. หากคุณทำป่นปลาเป็น ก็ทำป่นปลา ขั้นตอนนี้ไม่ขออธิบาย
แต่ว่าอธิบายเผื่อคนไม่รู้ดีกว่า
– เอาปลาที่ได้มาทำการต้มจนสุก โดยน้ำต้มก็จะมีน้ำปลาแดก เพื่อให้ปลาหอมสักหน่อย
– นำปลาที่ต้มสุกแล้ว มาแกะให้เหลือแต่เนื้อปลา
– ตำปลาที่แกะแล้วในครกด้วยสาก
– พอละเอียดแล้วใส่พริกผง (พริกป่น) น้ำปลา ผงชูรส เพื่อให้อร่อย

เสร็จการทำป่น
ต่อไป

2. นำใบหมาน้อยมายอง (ขยี้) จนใบหมาน้อยเหลือแต่เส้นใบ ทำคล้ายๆยอง(ขยี้) ย่านางใส่แกงหน่อไม้นั่นแหละ ยองจน 1 กอบ เหลือแต่ก่าง (เหลือแส้นใบ)
3. นำไปกรองเอาก่างออกจากน้ำหมาน้อยให้หมด เหมือนแต่น้ำหมาน้อย
4. นำเอาป่นปลาที่ได้ ใส่ลงไปในน้ำหมาน้อย
5. ใส่หอมแป ผักใบมน คนให้เข้ากัน สะระหล่า
6. ใส่ข้าวคั่ว หัวหอม ปลาแดก และ เครื่องปรุงอื่นๆ เหมือนทำลาบ
7. คนให้เข้ากัน
8. ลองชิมดู ขาดอะไรก็เพิ่ม เพื่อให้อร่อย

9. ขั้นตอนสำคัญ ที่จะบอกว่า ใบที่คุณนำเอามา เป็นหมาน้อยหรือไม่ คือ ขั้นตอนนี้
– นำไปพักไว้สักครู่ ไม่ใช่ทิ้งไว้สักครู่นะ น้ำหมาน้อยจะเริ่มเปลี่ยนโมเลกุลของสารภายในที่อยู่อย่างอิสระ มารวมตัวกันเหมือนเยลลี่ เหมือนขนมปีโป้ จนเปลี่ยนจากคุณสมบัติของ “ของแหลว” กลายไปเป็น “ของแข็ง”


ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #230 เมื่อ: วันที่ 02 พฤศจิกายน 2018, 10:55:50 »




สินค้าเกษตรชีวภาพ ชั้นนำ บริการส่งฟรีทุกชิ้น ช็อปเลยที่ http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #231 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2018, 21:13:44 »



ผลิตภัณฑ์การเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX โปรโมชั่น 5 แถม 1 ทุกชนิด และเมื่อซื้อครบ 3,990 บาท รับฟรีทันที ถังฉีด 16 ลิตร  1 ใบ ทันที ดูสินค้าชีวภัณฑ์ และสั่งซื้อได้เลยที่ http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #232 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2018, 09:49:46 »



การปลูกผักบนต้นกล้วยทำได้จริง

ปลูกผักบนต้นกล้วย เป็นการปลูกพืชผักที่น่าสนใจมากเนื่องจากเกือบจะไม่ต้องใช้น้ำเลย และ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้เกษตรกรที่มีสวนกล้วยหรือปลูกอยู่แล้ว ได้ใช้ต้นกล้วยที่ตัดแล้วให้เกิดประโยชน์อีกทางหนึ่งด้วยเมื่อกล้วยออกเครือแก่แล้วตัดเครือกล้วยออกไป ส่วนใหญ่เราก็จะตัดต้นกล้วยลงไปด้วยจึงได้มีการศึกษาว่าจะทำอย่างไรถึงจะนำต้นกล้วยที่ตัดเครือออกแล้วมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง ปัจจุบันนี้ได้มีเกษตรส่วนหนึ่งได้ปลูกผักบนต้นกล้วยซึ่งได้ผลผลิตที่ดีมากเช่นเกษตรกรจากเวียดนามขั้นตอนและวิธีการปลูกผักบนต้นกล้วยมี 2 ขั้นตอน

ขึ้นตอนที่1การเตรียมหรือการเพาะต้นกล้า
เตรียมดินเพาะกล้า โดยใช้ปุ๋ยคอก ผสม ขุยมะพร้าวหรือขี้เลื้อย และหรือเศษวัสดุอื่นๆ แล้วเพาะกล้า ลงแปลงเพาะกล้าไว้เมื่อต้นกล้าผักเจริญเติบโตมีใบประมาณ 3-4 ใบ จึงนำออกมาปลูกบนต้นกล้วยได้


ขั้นที่2สำหรับการปลูกผักไร้ดินบนต้นกล้วย
     
สำหรับการปลูกผักไร้ดินบนต้นกล้วย ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ซึ่งต้นกล้วยนั้นหลังจากที่ตัดเครือ กล้วยที่แก่แล้วออก จะตัดต้นกล้วยทิ้งซึ่งเป็นการสูญเสียไปเปล่าๆ โดยที่ไม่ได้อะไร ดังนั้น เมื่อตัดเครือกล้วยแล้ว (จะเป็นกล้วยน้ำว้าหรือกล้วยอะไรก็ได้)ก็ให้เจาะรูที่ต้นกล้วยให้รูมีขนาดเท่ากับที่จะนำกล้าลงไปปลูกในต้นกล้วย และทำไม้ที่ตั้งต้นกล้วย ส่วนจำนวนผักที่จะปลูกมากหรือน้อย ไม่สามารถบอกได้ ให้ดูขนาดของต้นกล้วยว่าใหญ่หรือเล็ก และก็ไม่ต้องรดน้ำ ให้ต้นกล้วยแต่อย่างใด หลังจากนั้น ประมาณ 30 วัน (ขึ้นอยู่กับอายุของผักที่ปลูก) ก็เก็บเกี่ยวผักไปกินหรือนำไปขายได้เลย ผักที่นำมาปลูก ได้แก่ ผักสลัด ผักบุ้ง ผักกาดขาว หรือผักอะไรก็ได้ที่ ใช้เวลา ประมาณ 30 – 40 วัน ถ้าเกินนี้ต้นกล้วยจะโทรมและเหี่ยวแห้งตายเสียก่อน ผักที่ได้จะมีรสชาติดีมาก หวาน และกรอบ ใบเป็นเงางาม ทั้งนี้ เป็นเพราะต้นกล้วยมีธาตุโพแทสเซียมสูงนั่นเอง ผักที่ปลูกควรเป็นผักกินใบที่ไม่ต้องการแสงแดดที่แรงมากนัก

วิธีการปลูกผักบนต้นกล้วยมีดังนี้

วัสดุ – อุปกรณ์

เมล็ดพันธุ์ผัก ประเภท กินใบ อายุการเก็บเกี่ยวสั้น เช่น ผักกาดหอม(ไม่ห่อหัว) จำพวกผักสลัด
กระบะเพาะกล้า หรือ ตะกร้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ถาดหลุมพลาสติก
กระดาษหนังสือพิมพ์
ขี้เถ้าแกลบ,ทราย
ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก


วิธีการปลูกผักบนต้นกล้วย

การเพาะกล้าในตะกร้าพลาสติก/กระบะเพาะ
ปูประดาษหนังสือพิมพ์(แผ่นเดี่ยว)บนตะกร้าพลาสติก แล้วจัดกระดาษให้เข้ารูปกับตะกร้า ใส่ทรายลงไปในตะกร้าที่เตรียมไว้ให้ได้ความสูงประมาณ 2 ใน 3 ของความสูง ขีดทรายตามแนวยาวของตะกร้าให้เป็นร่องลึกประมาณ 1 ซม. 2-3 แถว โรยเมล็ดพันธุ์ผักลงไปบางๆ แล้วกลบเบาๆ ด้วยทราย จากนั้นนำกระดาษหนังสือพิมพ์(แผ่นเดี่ยว)วางปิดทับด้านบน พร้อมจัดกระดาษให้เข้ารูปกับตะกร้า ใช้บัวรดน้ำ ลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์ (พอให้มีน้ำขังบนผิวหน้าเล็กน้อย) จัดวางตะกร้าไว้ในที่ร่ม หมั่นรดน้ำเช้า-เย็น เมื่อกล้าผักเริ่มงอก ให้เอากระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปิดทับด้านหน้าออก แล้วรดน้ำเช้า – เย็น เมื่อต้นกล้าเริ่มมีใบจริงใบแรก หรือ เมื่อมีอายุประมาณ 10-14 วัน ให้ย้ายกล้าในกระบะเพาะลงปลูกในถาดหลุมพลาสติก


การย้ายกล้าผักลงปลูกในถาดหลุม
นำขี้เถ้าแกลบผสมเข้ากับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักพอใส่ลงถาดหลุมให้เต็มทุกหลุม จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม ใช้ไม้แทงนำในขี้เถ้าแกลบให้เป็นรู เพื่อนำต้นกล้าลงปลูก ใช้มือจับยอดต้นกล้าผักเบาๆ แล้วนำไม้ขุดแซะรากกล้าผักขึ้นมาจากกระบะเพาะ จากนั้นแยกกล้าลงปลูกในหลุมถาดที่เตรียมไว้ กดปิดบริเวณรูเบา ๆ ทำจนครบทุกหลุมแล้วจัดเรียงถาดหลุมที่ย้ายกล้าเสร็จแล้วไว้ในที่ร่มรำไร พอมีแสงส่องถึง จัดวางไว้บนชั้นให้น้ำไหลผ่านได้โดยสะดวก เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบหรือประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังปลูก ก็สามารถย้ายกล้าผักไปปลูกบนต้นกล้วยได้แล้ว
การปลูกผักลงบนต้นกล้วย


เจาะรูบนต้นกล้วยที่ตัดเครือแล้ว โดยกะจำนวนรูที่จะปลูกผักให้เหมาะสมกับขนาดของต้นกล้วย ให้รูมีขนาดเท่ากับหลุมในถาดหลุมเพื่อ่ยึดรากต้นกล้าผัก จากนั้นจึงเอาต้นกล้าผักยัดใส่ลงไปในรูของต้นกล้วยที่เจาะไว้ ประมาณ 30 วันก็สามารถเก็บผักที่ปลูกบนต้นกล้วยมารับประทานได้ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของผักที่ปลูก)
 

ทั้งนี้ ผักที่ปลูกไม่ควรมีอายุเกิน 40 วัน และควรปลูกผักกินใน ที่ไม่ต้องการแสงแดดจัด

 
ขอขอบคุณ หม่อนไม้ monmai


ขอบคุณ http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #233 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2018, 10:04:10 »



ฮอร์โมนเร่งโต เร่งดอก เร่งใบ เร่งราก

วัสดุอุปกรณ์

1.ยอดกระถิน (เก็บตอนเช้ามืดยังไม่ถูกแสงแดด) 1 กก.
2.หัวไชเท้า 1 กก.
3.มะพร้าวขูด 1 กก.
4.น้ำมะพร้าวแก่ 19 ลิตร
5.จุลินทรีย์ 1 ลิตร

ขั้นตอนที่ 1
การขยายจุลินทรีย์ในน้ำมะพร้าว นำจุลินทรีย์ 1 ลิตร ผสมลงในน้ำมะพร้าวแก่ จำนวน 19 ลิตร คนให้เข้ากัน 1-3 วันแรกเปิดฝาระบายอาศวันละครั้งหมักไว้ 15 วัน

ขั้นตอนที่ 2
ก็บยอดกระถินตอนเช้ามืดสับหรือโขลกให้พอแตก หัวไซเท้าสับหรือโขลกให้พอแตก มะพร้าวขูดนำทั้ง 3 อย่างมาห่อผ้าเสื้อยึดอย่างหนา แช่ในน้ำมะพร้าวที่ขยายในจุลินทรีย์ หมักไว้ 15 วัน ยกถุงพืชออบีบน้ำ นำน้ำหมักที่ได้บรรจุใส่ขวดเก็บไว้ใช้ในการฉีดพ่นเป็นฮอร์โมน
ประโยชน์ : เป็นฮอร์โมนเร่งโต เร่งดอก เร่งใบ เร่งราก
อัตราการใช้ : 40 ซีซี ต่อ น้ำ 20 ลิตร ควรฉีดพ่น 10-15 วันต่อครั้ง

ที่มา http://www.kasedtakon.com

สินค้าเกษตรชีวภาพ จาก KOKOMAX พร้อมส่งถึงบ้านที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #234 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2018, 09:31:20 »



การทำปุ๋ยแห้ง (โบกาฉิ)

1. มูลสัตว์ (ทุกชนิด) 1 ส่วน ( กระสอบ)
2. แกลบดิบ 1 ส่วน ( กระสอบ)
3. รำละเอียด 1 ส่วน ( กระสอบ)
4. จุลินทรีย์ EM 20 ซีซี (2 ช้อนโต๊ะ)
5. กากน้ำตาล 20 ซีซี (2 ช้อนโต๊ะ)
6. น้ำสะอาด 10 ลิตร หรือ 1 ถัง

วิธีทำ
ขั้นที่ 1 เตรียมจุลินทรีย์ EM , กากน้ำตาล , น้ำสะอาด , ผสมไว้ในถังน้ำ
ขั้นที่ 2 นำมูลสัตว์ + รำละเอียดผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
ขั้นที่ 3 นำแกลบดิบใส่ลงในน้ำที่ขยายจุลินทรีย์ EM ในขั้นที่ 1 จุ่มให้เปียกแล้วบีบพอหมาดๆ

นำมาคลุกกับส่วนผสม ขั้นที่ 2 ให้เข้ากันจะได้ความชื้น 40 – 50 %( กำแล้วไม่มีน้ำหยดจากง่ามมือ)
การ หมัก เอาส่วนผสมทั้งหมดบรรจุลงในกระสอบป่าน , ถุงปุ๋ย ที่อากาศถ่ายเทได้ โดยบรรจุลงไป ? ของกระสอบไม่ต้องกดให้แน่น นำไปวางลงในที่มีฟางรอง เพื่อการระบายอากาศในส่วนส่วนล่างพลิกกลับกระสอบ ในวันที่ 2,3,4 ทุกๆ วัน ในวันที่ 2 – 3 อุณหภูมิ จะสูงถึง 50 0c – 60 0c วันที่ 4 และวันที่ 5 อุณหภูมิเย็นลงจนปกติตรวจดูไม่ให้อุณหภูมิเกิน 36 0c ปุ๋ยแห้งสนิทสามารถนำไปใช้ได้

การเก็บรักษา
เก็บรักษาเมื่อโบกาฉิแห้งสนิทควรเก็บรักษาในที่ร่ม ไม่โดนฝนและไม่โดนแดด สามารถเก็บรักษา
ได้นานประมาณ 1 ปี

วิธีใช้
1. ใช้ปุ๋ยแห้งในแปลงปลูกต้นไม้ทุกชนิดในอัตราส่วนปุ๋ยแห้ง 1 กำมือ/พื้นที่ 1 ตรม. แล้วทำการเพาะปลูกได้
2. พืชผักที่มีอายุเกิน 2 เดือน เช่น ฟักทอง , แตงกวา , ถั่วฝักยาว , กระหล่ำปลี ใช้ปุ๋ยแห้งรองก้นหลุมก่อนปลูกใช้ประมาณ 1 กำมือ
3. ไม้ยืนต้น , ไม้ผล ควรรองก้นหลุ่มด้วย เศษหญ้า – ใบไม้ ฟางแห้ง และปุ๋ยแห้งประมาณ 1 – 2 บุ้งกี๋ ส่วนไม้ยืนต้น , ไม้ผลที่ปลูกแล้วให้ใส่ปุ๋ยแห้ง ให้รอบทรงพุ่มแล้วคลุมด้วยเศษหญ้า ใบไม้แห้ง , ฟางแห้ง
4. ไม้ดอก , ไม้ประดับ , ไม้กระถาง ควรใส่ปุ๋ยแห้งสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ รอบๆ โคนต้น
ข้อควรจำ
เมื่อใช้ปุ๋ยแห้ง (โบกาฉิ) ต้องใช้ปุ๋ยน้ำฉีดพ่นด้วยเสมอ เพื่อให้จุลินทรีย์ ที่พักตัวทำงานได้ดี

ที่มา:  http://www.kasedtakon.com/36

สินค้าเกษตรชีวภาพ ราคาถูก  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #235 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2018, 09:49:52 »



EM คืออะไร เอาไว้ทำไม เพื่ออะไร

EM จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ
EM กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพและให้ประโยชน์ในทางเกษตรกรรม โดยกลุ่มจุลินทรีย์นี้ได้รับการคัดและเลือกสรรเป็นอย่างดีจากธรรมชาติที่มี ประโยชน์ต่อพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อมมารวมกัน

สินค้าเกษตรชีวภาพ ราคาถูกที่ http://www.kokomax.com

EM มีลักษณะอย่างไร? EM มีประโยชน์อย่างไร? EM สามารถประยุกต์ใช้ได้หรือไม่?

อีเอ็ม (EM) คืออะไร
EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง ศ.ดร.เทรูโอะ ฮิงะ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ได้ศึกษาแนวคิดเรื่อง “ดินมีชีวิต” ของท่านโมกิจิ โอกะดะ (พ.ศ.2425-2498) บิดาแห่งการเกษตรธรรมชาติของโลก จากนั้น ดร.ฮิงะ เริ่มค้นคว้าทดลองตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 และค้นพบ EM เมื่อปี พ.ศ.2526 ท่านอุทิศทุ่มเททำการวิจัยผลว่ากลุ่มจุลินทรีย์นี้ใช้ได้ผลจริง หลังจากนั้นศาสตราจารย์วาคุกามิได้นำมาเผยแพร่ในประเทศไทย โดยท่านเป็นประธานมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนาหรือคิวเซ (คิวเซ แปลว่าช่วยเหลือโลก) ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จากการค้นคว้าพบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ว่ามี 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มสร้างสรรค์ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10%
กลุ่มทำลาย เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ ทำให้เกิดโรค มีประมาณ 10%
กลุ่มกลาง มีประมาณ 80% จุลินทรีย์กลุ่มนี้หากกลุ่มใดมีจำนวนมากกว่า กลุ่มนี้จะสนับสนุนหรือร่วมด้วย
ดัง นั้น การเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณภาพลงในดินก็เพื่อให้กลุ่มสร้างสรรค์มีจำนวน มากกว่า ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้กลับมีพลังขึ้นมา อีกหลังจากที่ถูกทำลายด้วยสารเคมีจนดินตายไป จุลินทรีย์มี 2 ประเภท

ข้อมูลรายละเอียด อ่านต่อที่ : http://www.kasedtakon.com/44


สินค้าเกษตรชีวภาพ ราคาถูก  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #236 เมื่อ: วันที่ 13 พฤศจิกายน 2018, 09:26:03 »


//*สินค้าเกษตรลดราคาประจำปี อุปกรณ์การเกษตร เริ่มแล้ว ที่  http://www.kokomax.com
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #237 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2018, 09:10:09 »



มหกรรมลดราคาสินค้าเกษตร ประจำปี 2561 เริ่มแล้ววันนี้ที่ http://www.kokomax.com ด่วน!! ถูกมาก สินค้ามีจำนวนจำกัด
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #238 เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2018, 09:17:34 »



มหกรรมลดราคาสินค้าเกษตร ประจำปี 2561 เริ่มแล้ววันนี้ที่ http://www.kokomax.com ด่วน!! ถูกมาก สินค้ามีจำนวนจำกัด
IP : บันทึกการเข้า
srithanaagro
ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ ผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 338


ชมรมส่งเสริมเกษตรชีวภาพ


« ตอบ #239 เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2018, 06:06:11 »



มหกรรมลดราคาสินค้าเกษตร ประจำปี 2561 เริ่มแล้ววันนี้ที่ http://www.kokomax.com ด่วน!! ถูกมาก สินค้ามีจำนวนจำกัด
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 [12] 13 14 15 16 17 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!