เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 25 เมษายน 2024, 03:37:24
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  สรุปแล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์
ผู้เขียน สรุปแล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร  (อ่าน 7621 ครั้ง)
gorilla
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 06 พฤษภาคม 2011, 15:12:27 »

ลองเข้ามาศึกษาซิครับ มีคำตอบอยู่แล้ว อย่างคำว่าให้เห็นการดับ การเกิด คือไร ถ้าคุณลองนั่งสมาธินะ เวลาคุณดูลมหายใจเข้าออกอยู่ แล้วจิตไปคิด อดีต อนาคต พอใจ ไม่พอใจ สุข ทุกข์ ทั้งหลาย นั่นคือเกิดแล้ว แต่ถ้าคุณละความเพลินในความคิดนั้น แล้วกลับมาที่ลมหายใจ ความคิดทุกอย่างจะดับ นี่ละคือเกิดดับ เพราะธรรมชาติของจิตจะจับแค่อารมณ์เดียว ไม่มีทางจับได้ทั้งลม และความคิด  นี่แค่ชั้นอนุบาลในธรรมะพุทธองค์ ส่วนธรรมมะชั้นลึกต้องศึกษา
IP : บันทึกการเข้า
nansom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461



« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 17 พฤษภาคม 2011, 11:36:02 »

สอนหื้อดำรงชีวิตอย่างมีเหตุมีผล ใน 2 คู่เหตุผลของ อริยสัจ 4 คือ
คู่แรก รู้สภาพสิ่งที่เป็นอยู่ (ทุกข์) และรู้สาเหตุของสภาพที่มันเกิด (สมุทัย)
คู่ที่สอง รู้สภาพที่สามารถแก้ไขได้แล้วว่ามันจะเป็นอย่างไร (นิโรธ ตรงข้ามกับทุกข์) จากน้ัน รู้วิธีการที่จะนำไปสู่นิโรธ
เมื่อดำเนินการทั้ง 2 คู่แล้ว ก็จะพบกับอ้ายปั๋ญญา เมื่อมีแล้วก็สามารถบรรลุตั้งแต่ขั้นต่ำไปหาขั้นสูงได้เน้อ
IP : บันทึกการเข้า
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 21 พฤษภาคม 2011, 12:51:17 »

มีหลายท่านมาตอบไว้อย่างหลากหลาย
จึงขอแสดงความคิดเห็นบ้าง
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ เมื่อกล่าวโดยสรุปให้เข้าใจง่ายๆแล้ว
พระองค์ทรงประทานในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง
    การไม่ทำบาปทั้งปวง  หมายถึงให้ละเว้นจากความชั่ว

กุสะลัสสูปะสัมปะทา
    การทำกุศลให้ถึงพร้อม      หมายถึงให้ทำความดี

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง
    การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ     หมายถึงการทำจิตให้ปราศจากกิเลสทั้งหลาย มีโลภโกรธหลงเป็นต้น


ถ้ามีใครถามควรตอบดังนี้....และถ้าสามารถอธิบายได้ว่าอะไรคือความดี อะไรคือความชั่ว ทำอย่างไรจะทำจิตให้หมดจดได้ ผู้ฟังจะมีความเข้าใจพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น
สาธุ ภันเต
ถ้ามันยังย้อนถามว่าอันไหนดี อันไหนชั่ว ก็อย่าไปคุยกับมันเลยเพราะมันคือเดรัจฉาน
ไม่รู้ดี-ชั่ว
IP : บันทึกการเข้า
เวียงเก่า
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280



« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2011, 20:14:54 »

ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นนะครับ เมื่ออ่านความเห็นของทุกท่านแล้ว เอามาตรึก เอ สรุปแล้วผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีหรือปล่าวเนี้ย ศีลที่พยายามรักษาก็ไม่ได้บริสุทธิ์ ด่างพร้อยเนื่องจากการไม่สังวรระวัง สมาธิที่พยายามรักษาก็มลายหายศูนย์ เพราะความฟุ้งซ่าน ส่วนปัญญาแห่งการรู้เห็นจริงการเกิดดับของทุกอย่าง ก็ไม่ต้องพูดถึง   ปัญญาที่ได้รับจากการสดับฟังพระธรรมก็เป็นเพียงแต่สัญญา ถึงคราวความทุกข์เข้ามาขี่คอก็ไม่สามารถเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ได้แต่นั่งจมอยู่ในความทุกข์ เห็นทีจะต้องทบทวนดูแล้วว่าได้ ดำเนินชีวิตมาตามแนวทางที่พระพุทธองค์สอนแล้วหรือเปล่า หรือว่าเราจะมาผิดทาง
ยอมรับว่ามีบ้างครั้งเหมือนกันนะครับที่ไปสวดมนต์ร้องขอต่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ช่วยอะไรขึ้นมา พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสอนให้เราร้องขอ แต่สอนฝึกตนให้เข้าใจกระบวนการของจิต ให้ยอมรับสิ่งต่างๆที่ไม่คงที่มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่ว่าสิ่งนั้นเราจะชอบ จะชัง หรือจะเฉยๆ แต่หนทางที่จะทำให้ใจยอมรับแบบ  มันชั่งแสนยากนะครับ สิ่งต่างๆที่ผ่านการนึกคิดล้วนแต่เป็นสัญญา ไม่ใช่ปัญญาที่แท้จริงๆ
IP : บันทึกการเข้า

ผลมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง จะมานั่งเสียใจไปทำไม เมื่อได้พยายามทำเหตุให้ดีที่สุดแล้ว
lyo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 23:19:58 »

ชี้ทางให้พ้นทุกข์
ชี้สุขเกษมศานต์
ชี้ทางพนฤพาน
อันพ้นโศกวิโยคภัย

เจตนาของการถาม  หากเพราะสงสัย  ก็ขออรรถาธิบายดังกล่าว
แต่หากเจตนาเพื่อปรามาท  ก็พึงรู้เถอะว่า
พระศาสดาทุกพระองค์  ไม่ว่าศาสนาใด  ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ทำได้ที่สุด  ก็คือผู้ชี้ทาง เท่านั้นครับ
ไม่มากกว่านี้  และ ไม่น้อยกว่านี้

การดำเนินไปหรือไม่  อยู่ที่ตัวท่านเท่านั้น
IP : บันทึกการเข้า
☺ (ต้นฟ้า1 อิดเหนื่อย) ☺
มีเงินล้นฟ้า ไม่เท่าค่าของคน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,194


** ความสุขเล็กๆ **


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2011, 23:27:32 »

เว้นจากการทำบาปทั้งปวง
หมั่นสร้างความดี
ทำจิตใจให้ผ่องใส
3 ข้อสั้นๆง่ายๆครับ
มีหลายท่านมาตอบไว้อย่างหลากหลาย
จึงขอแสดงความคิดเห็นบ้าง
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ เมื่อกล่าวโดยสรุปให้เข้าใจง่ายๆแล้ว
พระองค์ทรงประทานในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง
    การไม่ทำบาปทั้งปวง  หมายถึงให้ละเว้นจากความชั่ว

กุสะลัสสูปะสัมปะทา
    การทำกุศลให้ถึงพร้อม      หมายถึงให้ทำความดี

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง
    การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ     หมายถึงการทำจิตให้ปราศจากกิเลสทั้งหลาย มีโลภโกรธหลงเป็นต้น


ถ้ามีใครถามควรตอบดังนี้....และถ้าสามารถอธิบายได้ว่าอะไรคือความดี อะไรคือความชั่ว ทำอย่างไรจะทำจิตให้หมดจดได้ ผู้ฟังจะมีความเข้าใจพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น
ตามนี้ครับ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

รับซื้อ-ขายมือถือ มือ 2 ทุกรุ่น ราคามิตรภาพ Line id = spphone  อิดเหนื่อย
ClanNad
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41



« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2011, 08:22:06 »

ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นนะครับ เมื่ออ่านความเห็นของทุกท่านแล้ว เอามาตรึก เอ สรุปแล้วผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีหรือปล่าวเนี้ย ศีลที่พยายามรักษาก็ไม่ได้บริสุทธิ์ ด่างพร้อยเนื่องจากการไม่สังวรระวัง สมาธิที่พยายามรักษาก็มลายหายศูนย์ เพราะความฟุ้งซ่าน ส่วนปัญญาแห่งการรู้เห็นจริงการเกิดดับของทุกอย่าง ก็ไม่ต้องพูดถึง   ปัญญาที่ได้รับจากการสดับฟังพระธรรมก็เป็นเพียงแต่สัญญา ถึงคราวความทุกข์เข้ามาขี่คอก็ไม่สามารถเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ได้แต่นั่งจมอยู่ในความทุกข์ เห็นทีจะต้องทบทวนดูแล้วว่าได้ ดำเนินชีวิตมาตามแนวทางที่พระพุทธองค์สอนแล้วหรือเปล่า หรือว่าเราจะมาผิดทาง
ยอมรับว่ามีบ้างครั้งเหมือนกันนะครับที่ไปสวดมนต์ร้องขอต่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ช่วยอะไรขึ้นมา พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสอนให้เราร้องขอ แต่สอนฝึกตนให้เข้าใจกระบวนการของจิต ให้ยอมรับสิ่งต่างๆที่ไม่คงที่มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่ว่าสิ่งนั้นเราจะชอบ จะชัง หรือจะเฉยๆ แต่หนทางที่จะทำให้ใจยอมรับแบบ  มันชั่งแสนยากนะครับ สิ่งต่างๆที่ผ่านการนึกคิดล้วนแต่เป็นสัญญา ไม่ใช่ปัญญาที่แท้จริงๆ

จะอันพระพุทธเจ้า เปิลคงบ่าบอกหือ เดิน ทางสายกลาง หรอกครับ ลองไปอ่านผ่อก่อนครับ มัญชิมาปฏิปทา แล้วค่อยมาคิดว่า ท่านจะดำเนินชีวิตจะใด อ่านแล้วคิดทบทวนตวยหนา บ่าใจ้แค่อ่านบ่าดาย
IP : บันทึกการเข้า
iw
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,482


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2011, 11:36:49 »

รวมทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนทั้งหมดคือ

1 ทำความดี
2 ละทิ้งความชั่ว
3 ทำใจให้บริสุทธิ์
 
แต่ถ้าหากเอาทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนอะไรสำคัญที่สุดก็คือ

ความไม่ประมาท  หรือจงอยู่ด้วยความไม่ประมาท ไม่ประมาทในทุกสิ่งโดยเฉพาะ การเวียน ว่าย ตาย เกิด ครับผม
IP : บันทึกการเข้า
ใต้ฟ้า..เจียงฮาย
<<< Fibre optic>>>
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,552


บริการ เดินสาย Fiber optic ,LAN


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 19 มิถุนายน 2011, 11:55:59 »

แก่นแท้..หัวใจพุทธศาสนา..สอนให้คน...
ละเว้นความชั่ว....ประพฤติความดี....ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ 
IP : บันทึกการเข้า

<<รับเดินสาย Fiber Optic
ระบบ FTTR,กล้องวงจรปิด,สาย LAN ,ซ่อมคอมพิวเตอร์ และเครื่องพิมพ์ Printer>>งานช่างทั่วไป..<<>>
ลุงหนาน
ผู้ดูแลบอร์ด
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 249



« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 10:18:57 »

ขอร่วมแจมด้วยคน..พระพุทธเจ้าสอนอะไร.. โดยหลักที่แท้จริงแล้ว พระพุทธเจ้าสอนให้เราสร้างบารมี แล้วที่สำคัญสอนให้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ จากชั่วไปดี..จากดีก็ดียิ่งๆ ขึ้นไป ไปสู่สิ่งสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา. ที่ทุกศาสนาในโลกไม่มี คือพระนิพพาน  อาจจะไม่ใช่ชาตินี้ แต่เป็นการสั่งสมๆ เหมือนรอให้น้ำเต็มภาชนะ..หากยังไม่เต็มก็ต้องทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็ม ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม สรุปก็ึืคือ เกิดมาเพื่อสร้ัางบารมี..แต่จะสร้างอย่างไร ก็ขยายกันเอาเอง..
IP : บันทึกการเข้า

อย่ายึดมั่นกับสิ่งใดๆ เพราะอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน
เดียวดายใต้เงาจันทร์
ข้าเดินทางเพียงลำพัง
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


ข้าเห่าไม่เป็น กัดลูกเดียว


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 16:15:22 »

มีคนเคยตรัสถามพระพุทธเจ้าว่า หากสรุปว่าศาสนาพุทธคืออะไรในประโยคเดียว ท่านจะสรุปว่าอย่างไร
พระพุทธองค์ตอบว่า "สิ่งทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่น"
IP : บันทึกการเข้า


C#.NET/ASP.NET Developer
เวียงเก่า
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280



« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 21 มิถุนายน 2011, 10:15:00 »

ชอบจัง ประโยคนี้ ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ก็ดีใจนะครับบอร์ดเรายังมีพุทศสนิกชนตัวจริงอยู่มากพอสมควร
IP : บันทึกการเข้า

ผลมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง จะมานั่งเสียใจไปทำไม เมื่อได้พยายามทำเหตุให้ดีที่สุดแล้ว
chamanant
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2011, 22:48:33 »

เว้นจากการทำบาปทั้งปวง
หมั่นสร้างความดี
ทำจิตใจให้ผ่องใส
3 ข้อสั้นๆง่ายๆครับ
เจ๋ง..และอย่าประมาทด้วยนะ 555
IP : บันทึกการเข้า
แค่เอื้อม
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 56



« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 24 มิถุนายน 2011, 08:51:27 »

ละชั่ว  ทำดี  ทำจิตใจให้ผ่องใส  ครับ
IP : บันทึกการเข้า
inta
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,444


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 24 มิถุนายน 2011, 21:08:52 »

คนที่นับถือพุทธคงมีอีกมากที่ยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของศาสนาพุทธ  ที่เคยได้ยินมา
เป้าหมายสูงสุด   คือ  นิพพาน    แต่ถ้าแค่คนธรรมดาทั่วไปก็เอาแบบง่าย  ทำดีละชั่ว  หรือ  ลดโทสะโมหะโลภะ  ถ้าได้แค่นี้ก็น่าจะดีระดับหนึ่งแล้ว   แค่ไม่มีอบายมุข 6 ชีวิตก็จะเป็นสุขแล้ว 
IP : บันทึกการเข้า


สนใจ โทร 086-9176511
คนปีมะ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 157


ฝันหื้อใกล๋ ไปหื้อเถิง คือลูกป่อจายตัวจริง


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 09 กรกฎาคม 2011, 21:06:12 »

ถูกหมดละครับทุกความคิด แต่พระพุทธองค์ ท่านสอนทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ คือบทเรียนจากชีวิตจริง และก้อ ทำความดี ละเว้นความชั่วครับ
IP : บันทึกการเข้า
iw
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,482


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2011, 14:23:55 »

มีคนเคยตรัสถามพระพุทธเจ้าว่า หากสรุปว่าศาสนาพุทธคืออะไรในประโยคเดียว ท่านจะสรุปว่าอย่างไร
พระพุทธองค์ตอบว่า "สิ่งทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่น"
  ไม่เคยได้ยินเลย
IP : บันทึกการเข้า
เดียวดายใต้เงาจันทร์
ข้าเดินทางเพียงลำพัง
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


ข้าเห่าไม่เป็น กัดลูกเดียว


« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2011, 19:16:00 »

มีคนเคยตรัสถามพระพุทธเจ้าว่า หากสรุปว่าศาสนาพุทธคืออะไรในประโยคเดียว ท่านจะสรุปว่าอย่างไร
พระพุทธองค์ตอบว่า "สิ่งทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่น"
 ไม่เคยได้ยินเลย

จากหนังสือเข็มทิศชีวิตเล่มที่ 3 ของคุณฐิตินาถ ณ พัทลุงน่ะครับ เด๋วผมหาข้อมูลมาให้อีกที ^^

จากตรงนี้ก็มีคล้ายๆ ตรงคำถามแรก
http://www.dharma-gateway.com/ubasok/kukrit/kukrit-09-02.htm
เป็นวิวาทะ ระหว่าง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 กรกฎาคม 2011, 19:36:18 โดย เดียวดายใต้เงาจันทร์ » IP : บันทึกการเข้า


C#.NET/ASP.NET Developer
omglol
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 36


« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2011, 16:56:45 »

พระองค์เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาความตาย ครับ อย่างเดียวครับไม่ต้องเถียงกัน ทำยังไงไม่ให้เราตายครับ ธรรมมะชั้นลึกครับ
IP : บันทึกการเข้า
yuan lanna
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 09:58:07 »

รวมทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนทั้งหมดคือ

1 ทำความดี
2 ละทิ้งความชั่ว
3 ทำใจให้บริสุทธิ์
 
แต่ถ้าหากเอาทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนอะไรสำคัญที่สุดก็คือ

ความไม่ประมาท  หรือจงอยู่ด้วยความไม่ประมาท ไม่ประมาทในทุกสิ่งโดยเฉพาะ การเวียน ว่าย ตาย เกิด ครับผม

ตอนอ่านมาตั้งแต่ กระทู้แรกรอตอบอยู่ในใจ ถึงความไม่ประมาท แม้ปัจฉิมโอวาทพระพุทธองค์ก็กล่าวไว้ ทุกกระทู้ไม่ใช่การทุ่มเถียงกันครับ แต่เป็นหลักในศาสนาพุทธทั้งนั้น อย่างน้อยทุกท่านในกระทู้นี้ ก็พุทธแท้ล่ะครับ เพียงแต่ช่วยกันเอามาสาธยายตามจริตที่ชอบของแต่ล่ะท่าน  เท่านั้น  อนุโมทนาครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!