|
|
ChitChat
ชั้นประถม
ออฟไลน์
กระทู้: 475
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 06 กรกฎาคม 2010, 11:22:19 » |
|
เชื้อเมืองพาน เป็นนามสกุลที่สืบมาจากเจ้ายองที่อยู่ลำพูน ในสมัยฟื้นเมืองเชียงราย เมืองพาน เมืองพะเยา เมืองต่างๆ เหล่านี้ขึ้นใหม่เมื่อประมาณ พ.ศ.2368 (ถ้าจำไม่ผิด) เจ้าหลวงลำพูนได้ให้เจ้าเชื้อสายยองพาคนมาตั้งเมืองพานที่ร้างไป และให้เป็นเมืองขึ้นกับลำพูน ลูกหลานที่นามสกุล "เชื้อเมืองพาน" "มหาวรรณ" "ไชยชนะ" ล้วนสืบมาจากนี้ คำว่าเมืองพาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น2 ตอน ตอนที่1 เมืองพานเป็นชุมชนเมืองมาก่อน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คนที่นี่จริงๆ อพยพมาจากเมืองพาน (เมืองพานคนมืองที่อยู่ประเทศพม่าขณะนั้นเมืองพานยังเป็นเมืองหนึ่งในอณาจักรเชียงแสน(ขณะนั้นเมืองเป็นยุคเริ่มต้นของล้านนา) อยู่เหนือเชียงรายขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) แต่ถูกภัยสงครามของกองทับเจงกิสข่าน(สมัยพญาเม็งรายพอดี) จึ่งต้อง ร่นอพยบลงมา เมืองพานที่อยู่ในเขตพม่านั้นจึงกลายเป็นเมืองร้างนอกประวัติศาสตร์ไปโดยปริยายซึ่งโดยความสำคัญแล้ว เมืองพาน(พม่า) เป็นเมืองที่เคยเป็นหนึ่งหัวเมืองสำคัญของเชียงแสน ประกอบด้วย เชียงของ เมืองฝาง เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) เชียงทอง(หลวงพระบาง) เชียงตุง เชียงรุ้ง น่านเจ้า สิบสองปันนา รามัญ เวียงละกอนหรือเขลางละกอน(ลำปางหรือเขลางนคร) ภูกามยาว(ผะยาว) เมืองพาน(พม่า) เมืองพระพิสนุ(พิษณุโลกเขียนแบบปัจจุบัน) เมืองชัยนาราย เวียงกาหลง(เวียงป่าเป้า) วังเหนือ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เมื่อพู่คน อพยพมามากขึ้น จึ้งได้จัดเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น และคนอพยพมากขึ้น ผู้คนที่นี่เลยเรียกตัวเองและดินแดนแถบนี้ว่าเมืองพาน ตามชื่อเดิม แล้วต้นตระกูล "เชื้อเมืองพาน" มาจากไหน แน่นอนต้องเป็นคนที่มีเชื้อเมืองพาน โดยเริ่มแต่ยุคของ พญายอดเชียงราย(เดิมชื่อ เจ้ายอดเจียงฮาย) ครองเมืองเชียงราย ได้ประทานนามของพระองค์ ให้กับผู้ปกครองเมืองพานขณะนั้น(ไม่ทราบชื่อแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด) ให้นามว่า "เจ้ายอดเจียง" เป็นผู้ปกครองเมืองพาน และพญายอดเชียงรายไปปกครองเชียงใหม่(ในขณะนั้นศูนย์กลางของล้านนาจะอยู่ที่3เมืองสลับกันไปมาอันได้แก่ เชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่) เมื่อล้านนาตอนปลาย พมายกกองทัพมาปราบเชียงใหม่ ขณะนั้นศูนย์กลางการปกครองของล้านนา อยู่เมืองเชียงใหม่พอดี อณาจักรในล้านนาและเมืองทุกเมืองก็ ต้องตกไปอยู่ในอาณัติ ของพม่า รวมทั้ง เชียงแสน เชียงทอง เชียงราย สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ล้านช้าง(บางส่วน) ฝาง รวมทั้งเมืองพาน 200ปีผ่านไป พระเจ้ากาวิละ ได้พยายามที่จะปลดล้านนาออกจากการปกครองของพม่า และขึ้นอยู่กับสยาม จึงได้รวมรวมหัวเมืองต่างๆ ของล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ให้กลับคืนมา เช่น เมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงทอง เชียงรุ้ง เชียงตุง เมืองฝาง เมือง น่าน สิบสองปันนา และเมืองพาน แต่ก็กลับคืนได้ไม่มากนัก เช่น สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ยังอยู่ได้การปกครองของพม่าอยู่ และขณะนั้น เมืองพานก็ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของหริภุญชัย ตระกูลของ "เจ้ายอดเจียง" ที่มีมากมาย และมีการเปลี่ยนกมาปกครองของเจ้าเมือง ให้มีการใช้นามสกุลเจ้าเมืองนำหน้าว่า" ณ " แต่เมืองพาน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ"ณ"อันแสดงถึงเชื้อสายเจ้าเมืองอย่างหลายๆ เมือง และลูกหลานสืบความสามัคคีต่อไป จึงให้ชื่อตระกูลว่า "เชื้อเมืองพาน" แทนที่จะเป็น "ณ เชียงราย" อย่างที่หลายคนคิด และอย่างที่อื่นๆ ตะกูลเชื้อเมืองพาน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุด (ในหัวเมืองเหนือ) และเป็นตระกูลที่ ไม่ได้มีการแตกแยกเป็นตระกูลย่อยๆเช่น"มหาวรรณ" "ไชยชนะ" สาขาอื่นๆ จึงทำให้มีลูกหลานมากมาย ไปทัวล้านนาและเมืองเหนือ และตระกูล"เชื้อเมืองพาน"ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตระกูลใดๆ ในเชื้อสาย เจ้าเจ็ดตน กาวิละ ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ น่าน เลย แต่หากจะว่าไป เชื้อสายนี้ มีมาแต่ก่อนที่จะมีล้านนา เสียอีก จึงนับได้ว่า มีมากว่า 700กว่าปี (ก่อนที่จะมีเชียงใหม่ซึ่งสร้างราว700กว่าปี ต้นๆ) ย้อนไปเมือ เมืองพานได้ตกไปอยู่ภายได้การปกครองของเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ขณะนั้น เมืองพานกลายเป็น อำเภอหนึ่งของ เมืองลำพูน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นมลฑล เมืองพานอยู่ภายได้การปกครองของมลฑลมหาราช(เขตเชียงราย อ.พะเยา เมืองน่าน เมืองแพร่ อุตรดิษฐ์ เชียงคำ ) มีเมืองเชียงรายเป็นเมืองหลวง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งเป็นจังหวัด เมืองพานจึง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูน และขึ้นอยู่กับ จังหวัดเชียงรายอีกครั้ง มลฑลถูกยกเลิก และเป็นจังหวัด และเปลี่นชื่อจากอำเภอเมืองพาน เป็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย "เชื้อเมืองพาน"จึงกลายเป็น ตระกูลใหญ่ของเมืองพานนี้ และเชียงรายไปโดยปริยาย
ขอบคุณครับ ประดับความรู้ไว้ได้อีกเรื่องหนึ่ง
|
ความทุกข์ที่ทานทน จะทำคนให้ทนทาน
|
|
|
|
|
|
Singhakara
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2010, 02:26:41 » |
|
ต้องไปดูเรื่องของกบฏเงี้ยวครับ...ว่าทำไมไม่มี ณ เชียงราย
|
|
|
|
pakai
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2010, 16:18:36 » |
|
ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
|
happiness'969
มัธยม
ออฟไลน์
กระทู้: 786
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2010, 21:31:25 » |
|
จะบอกว่ามีค่ะ
ตอนนี้ใช้อยู่ค่ะ
จะบอกว่ายังข้องใจไม่หายครับ อยากให้ไขข้อข้องใจให้กระจ่างด้วยครับ คงมีหลายๆ ท่านรอฟังคำตอบอยู่ ถามต่อเลยนะครับ หากน้องเขาใช้นามสกุลนี้จริง ถือว่าใช้ได้หรือไม่ เพราะน้องเขาบอกว่าใช้อยู่ อาจจะตั้งมาทีหลัง (ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ผิดนะ คงไม่มีกฏหมายข้อไหนห้ามใช้นามสกุลนี้) ช่วยชี้แจงหน่อยก็ดีครับ นามสกุล ที่ใช้ ณ นอเณร เหมือนว่ากฏหมายไม่ให้สามารถตั้งเองได้นะคับ ณ นอเณรมันเป็นนามสกุลพระราชทานใช้ไหมคับ นอกจากใช้ นะ สระ อะ ผมแค่ที่ยินมาคราวๆคับ รองผู้รู้จริงมาตอบ แล้วผมไม่เห็น เทพหัสดินทร์ ณ อยุธยา อ่ะคับ แต่ก็แอบดีใจนิดๆมีนามสกุลตัวเองด้วย
|
|
|
|
|
Blue Wave
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2011, 16:10:34 » |
|
เชื้อเมืองพาน เป็นนามสกุลที่สืบมาจากเจ้ายองที่อยู่ลำพูน ในสมัยฟื้นเมืองเชียงราย เมืองพาน เมืองพะเยา เมืองต่างๆ เหล่านี้ขึ้นใหม่เมื่อประมาณ พ.ศ.2368 (ถ้าจำไม่ผิด) เจ้าหลวงลำพูนได้ให้เจ้าเชื้อสายยองพาคนมาตั้งเมืองพานที่ร้างไป และให้เป็นเมืองขึ้นกับลำพูน ลูกหลานที่นามสกุล "เชื้อเมืองพาน" "มหาวรรณ" "ไชยชนะ" ล้วนสืบมาจากนี้ คำว่าเมืองพาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น2 ตอน ตอนที่1 เมืองพานเป็นชุมชนเมืองมาก่อน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คนที่นี่จริงๆ อพยพมาจากเมืองพาน (เมืองพานคนมืองที่อยู่ประเทศพม่าขณะนั้นเมืองพานยังเป็นเมืองหนึ่งในอณาจักรเชียงแสน(ขณะนั้นเมืองเป็นยุคเริ่มต้นของล้านนา) อยู่เหนือเชียงรายขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) แต่ถูกภัยสงครามของกองทับเจงกิสข่าน(สมัยพญาเม็งรายพอดี) จึ่งต้อง ร่นอพยบลงมา เมืองพานที่อยู่ในเขตพม่านั้นจึงกลายเป็นเมืองร้างนอกประวัติศาสตร์ไปโดยปริยายซึ่งโดยความสำคัญแล้ว เมืองพาน(พม่า) เป็นเมืองที่เคยเป็นหนึ่งหัวเมืองสำคัญของเชียงแสน ประกอบด้วย เชียงของ เมืองฝาง เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) เชียงทอง(หลวงพระบาง) เชียงตุง เชียงรุ้ง น่านเจ้า สิบสองปันนา รามัญ เวียงละกอนหรือเขลางละกอน(ลำปางหรือเขลางนคร) ภูกามยาว(ผะยาว) เมืองพาน(พม่า) เมืองพระพิสนุ(พิษณุโลกเขียนแบบปัจจุบัน) เมืองชัยนาราย เวียงกาหลง(เวียงป่าเป้า) วังเหนือ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เมื่อพู่คน อพยพมามากขึ้น จึ้งได้จัดเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น และคนอพยพมากขึ้น ผู้คนที่นี่เลยเรียกตัวเองและดินแดนแถบนี้ว่าเมืองพาน ตามชื่อเดิม แล้วต้นตระกูล "เชื้อเมืองพาน" มาจากไหน แน่นอนต้องเป็นคนที่มีเชื้อเมืองพาน โดยเริ่มแต่ยุคของ พญายอดเชียงราย(เดิมชื่อ เจ้ายอดเจียงฮาย) ครองเมืองเชียงราย ได้ประทานนามของพระองค์ ให้กับผู้ปกครองเมืองพานขณะนั้น(ไม่ทราบชื่อแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด) ให้นามว่า "เจ้ายอดเจียง" เป็นผู้ปกครองเมืองพาน และพญายอดเชียงรายไปปกครองเชียงใหม่(ในขณะนั้นศูนย์กลางของล้านนาจะอยู่ที่3เมืองสลับกันไปมาอันได้แก่ เชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่) เมื่อล้านนาตอนปลาย พมายกกองทัพมาปราบเชียงใหม่ ขณะนั้นศูนย์กลางการปกครองของล้านนา อยู่เมืองเชียงใหม่พอดี อณาจักรในล้านนาและเมืองทุกเมืองก็ ต้องตกไปอยู่ในอาณัติ ของพม่า รวมทั้ง เชียงแสน เชียงทอง เชียงราย สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ล้านช้าง(บางส่วน) ฝาง รวมทั้งเมืองพาน 200ปีผ่านไป พระเจ้ากาวิละ ได้พยายามที่จะปลดล้านนาออกจากการปกครองของพม่า และขึ้นอยู่กับสยาม จึงได้รวมรวมหัวเมืองต่างๆ ของล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ให้กลับคืนมา เช่น เมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงทอง เชียงรุ้ง เชียงตุง เมืองฝาง เมือง น่าน สิบสองปันนา และเมืองพาน แต่ก็กลับคืนได้ไม่มากนัก เช่น สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ยังอยู่ได้การปกครองของพม่าอยู่ และขณะนั้น เมืองพานก็ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของหริภุญชัย ตระกูลของ "เจ้ายอดเจียง" ที่มีมากมาย และมีการเปลี่ยนกมาปกครองของเจ้าเมือง ให้มีการใช้นามสกุลเจ้าเมืองนำหน้าว่า" ณ " แต่เมืองพาน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ"ณ"อันแสดงถึงเชื้อสายเจ้าเมืองอย่างหลายๆ เมือง และลูกหลานสืบความสามัคคีต่อไป จึงให้ชื่อตระกูลว่า "เชื้อเมืองพาน" แทนที่จะเป็น "ณ เชียงราย" อย่างที่หลายคนคิด และอย่างที่อื่นๆ ตะกูลเชื้อเมืองพาน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุด (ในหัวเมืองเหนือ) และเป็นตระกูลที่ ไม่ได้มีการแตกแยกเป็นตระกูลย่อยๆเช่น"มหาวรรณ" "ไชยชนะ" สาขาอื่นๆ จึงทำให้มีลูกหลานมากมาย ไปทัวล้านนาและเมืองเหนือ และตระกูล"เชื้อเมืองพาน"ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตระกูลใดๆ ในเชื้อสาย เจ้าเจ็ดตน กาวิละ ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ น่าน เลย แต่หากจะว่าไป เชื้อสายนี้ มีมาแต่ก่อนที่จะมีล้านนา เสียอีก จึงนับได้ว่า มีมากว่า 700กว่าปี (ก่อนที่จะมีเชียงใหม่ซึ่งสร้างราว700กว่าปี ต้นๆ) ย้อนไปเมือ เมืองพานได้ตกไปอยู่ภายได้การปกครองของเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ขณะนั้น เมืองพานกลายเป็น อำเภอหนึ่งของ เมืองลำพูน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นมลฑล เมืองพานอยู่ภายได้การปกครองของมลฑลมหาราช(เขตเชียงราย อ.พะเยา เมืองน่าน เมืองแพร่ อุตรดิษฐ์ เชียงคำ ) มีเมืองเชียงรายเป็นเมืองหลวง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งเป็นจังหวัด เมืองพานจึง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูน และขึ้นอยู่กับ จังหวัดเชียงรายอีกครั้ง มลฑลถูกยกเลิก และเป็นจังหวัด และเปลี่นชื่อจากอำเภอเมืองพาน เป็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย "เชื้อเมืองพาน"จึงกลายเป็น ตระกูลใหญ่ของเมืองพานนี้ และเชียงรายไปโดยปริยาย
ผมเกิดและใหญ่เมืองพานยังบะเกยได่ยินกำเตือ ได่ข้อมูลมาจากตางดัยครับไค่ฮุ้เพิ่มเติม บ้านเกิดครับ
|
|
|
|
|
|
CEI_Lover
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 14:46:17 » |
|
สืบหาเก๊า เด้าหาฮาก
|
|
|
|
CEI_Lover
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 15:00:18 » |
|
นามสกุลนี้ มีนัก ทั้งที่เป็นเครือญาติและไม่ใช่เครือญาติกั๋น หมู่บ้านที่มีนักที่สุด ก็คือ บ้านฮ่องก๊ด (ร่องคต บ่าเดี่ยวมี หมู่ ๑ กับหมู่ ๑๐ เก่าก่อนเป็น หมู่เดียวกัน แต่ การเมืองไทย สมัยทักษิณ ก็แบ่งออกเป็น ๒ หมู่บ้าน บ่เมินนานมานี้)
สำหรับ นามสกุล "ไชยชนะ" เปื่อนของผม เป็นหลานอุ้ยหม่อนแก้ว (แม่ญิง - แต่ไม่ฮู้ว่าเป็น ย่า หรือ ยาย (นับแบบสยาม)) อยู่ใกล้ กาดหกแยก
ผมเกยหันฮูปถ่าย อุ้ยหม่อนแก้วป่อจาย (บ่ฮู้ว่าเป็น ปู่ หรือ ตา (นับแบบสยาม) ใส่ชุดเสื้อคลุม (ครุย) ก๋ำดาบ ในฐานะ เป็น เจ้าเมืองพาน (ปกครอง) อยู่ (แต่คิดว่าไม่ใช่ตำแหน่งเจ้าหลวง)
คาดว่า น่าจะได้รับการแต่งตั้งในสมัย รัชกาลที่ ๖ ต๋อนที่เสด็จมาประทับที่ ม่อนป่าซาง (วัดป่าซาง) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ ที่ว่าการอำเภอพาน
เต๊าเอี้ยก่อนน่อ
ว่าจะไปแวะเวียนเยือนเยี่ยม ไปขอถ่ายฮูป อุ้ยหม่อนแก้ว ก็ไม่มีเวลาไปสักเตื่อ ถ้าได้ถ่ายมาแล้วจะเอามา โพสท์ หื้อกั๋นได้ผ่อได้แยง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 31 มกราคม 2011, 15:04:51 โดย CEI_Lover »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CEI_Lover
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 15:06:28 » |
|
เพิ่มเติมแหมสักน้อย
บ่าเดี่ยวนี้ ด้วยการใช้นามสกุลที่บางสายไม่ได้เป็นเครือญาติกั๋นเลย
จึงมี บางท่านบางคน บางครอบครัว เปลี่ยนไปใช้ นามสกุลใหม่ ที่ ยังบอกถึง ที่มาของนามสกุลเก่า "เชื้อเมืองพาน" อยู่ คือ "วงศ์บุรินทร์พาน" แทน
งามไปแหมอย่าง
|
|
|
|
|
|