เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 เมษายน 2024, 23:07:18
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  ทำไม? ถึงไม่มีชื่อสกุล ณ เชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] 4 พิมพ์
ผู้เขียน ทำไม? ถึงไม่มีชื่อสกุล ณ เชียงราย  (อ่าน 36115 ครั้ง)
ChitChat
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 475



« ตอบ #40 เมื่อ: วันที่ 01 กรกฎาคม 2010, 12:19:38 »

แล้วเชื้อเมืองพานนี่หละ เห็นมีเยอะพอสมควรนะนามสกุลนี้ ใครพอรู้บ้าง
IP : บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน    จะทำคนให้ทนทาน
เด็กชาววัง(หงส์)แพร่
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 325



« ตอบ #41 เมื่อ: วันที่ 01 กรกฎาคม 2010, 17:17:06 »

เชื้อเมืองพาน เป็นนามสกุลที่สืบมาจากเจ้ายองที่อยู่ลำพูน ในสมัยฟื้นเมืองเชียงราย เมืองพาน เมืองพะเยา เมืองต่างๆ เหล่านี้ขึ้นใหม่เมื่อประมาณ พ.ศ.2368 (ถ้าจำไม่ผิด) เจ้าหลวงลำพูนได้ให้เจ้าเชื้อสายยองพาคนมาตั้งเมืองพานที่ร้างไป และให้เป็นเมืองขึ้นกับลำพูน ลูกหลานที่นามสกุล "เชื้อเมืองพาน" "มหาวรรณ" "ไชยชนะ" ล้วนสืบมาจากนี้
คำว่าเมืองพาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น2 ตอน ตอนที่1 เมืองพานเป็นชุมชนเมืองมาก่อน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คนที่นี่จริงๆ อพยพมาจากเมืองพาน (เมืองพานคนมืองที่อยู่ประเทศพม่าขณะนั้นเมืองพานยังเป็นเมืองหนึ่งในอณาจักรเชียงแสน(ขณะนั้นเมืองเป็นยุคเริ่มต้นของล้านนา) อยู่เหนือเชียงรายขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) แต่ถูกภัยสงครามของกองทับเจงกิสข่าน(สมัยพญาเม็งรายพอดี) จึ่งต้อง ร่นอพยบลงมา เมืองพานที่อยู่ในเขตพม่านั้นจึงกลายเป็นเมืองร้างนอกประวัติศาสตร์ไปโดยปริยายซึ่งโดยความสำคัญแล้ว เมืองพาน(พม่า) เป็นเมืองที่เคยเป็นหนึ่งหัวเมืองสำคัญของเชียงแสน ประกอบด้วย เชียงของ เมืองฝาง เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) เชียงทอง(หลวงพระบาง) เชียงตุง เชียงรุ้ง น่านเจ้า สิบสองปันนา รามัญ เวียงละกอนหรือเขลางละกอน(ลำปางหรือเขลางนคร) ภูกามยาว(ผะยาว) เมืองพาน(พม่า) เมืองพระพิสนุ(พิษณุโลกเขียนแบบปัจจุบัน) เมืองชัยนาราย เวียงกาหลง(เวียงป่าเป้า) วังเหนือ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เมื่อพู่คน อพยพมามากขึ้น จึ้งได้จัดเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น และคนอพยพมากขึ้น ผู้คนที่นี่เลยเรียกตัวเองและดินแดนแถบนี้ว่าเมืองพาน ตามชื่อเดิม แล้วต้นตระกูล "เชื้อเมืองพาน" มาจากไหน แน่นอนต้องเป็นคนที่มีเชื้อเมืองพาน โดยเริ่มแต่ยุคของ พญายอดเชียงราย(เดิมชื่อ เจ้ายอดเจียงฮาย) ครองเมืองเชียงราย ได้ประทานนามของพระองค์ ให้กับผู้ปกครองเมืองพานขณะนั้น(ไม่ทราบชื่อแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด) ให้นามว่า "เจ้ายอดเจียง" เป็นผู้ปกครองเมืองพาน และพญายอดเชียงรายไปปกครองเชียงใหม่(ในขณะนั้นศูนย์กลางของล้านนาจะอยู่ที่3เมืองสลับกันไปมาอันได้แก่ เชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่) เมื่อล้านนาตอนปลาย พมายกกองทัพมาปราบเชียงใหม่ ขณะนั้นศูนย์กลางการปกครองของล้านนา อยู่เมืองเชียงใหม่พอดี อณาจักรในล้านนาและเมืองทุกเมืองก็ ต้องตกไปอยู่ในอาณัติ ของพม่า รวมทั้ง เชียงแสน เชียงทอง เชียงราย สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ล้านช้าง(บางส่วน) ฝาง รวมทั้งเมืองพาน 200ปีผ่านไป พระเจ้ากาวิละ ได้พยายามที่จะปลดล้านนาออกจากการปกครองของพม่า และขึ้นอยู่กับสยาม จึงได้รวมรวมหัวเมืองต่างๆ ของล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ให้กลับคืนมา เช่น เมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงทอง เชียงรุ้ง เชียงตุง เมืองฝาง เมือง น่าน สิบสองปันนา และเมืองพาน แต่ก็กลับคืนได้ไม่มากนัก เช่น สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ยังอยู่ได้การปกครองของพม่าอยู่ และขณะนั้น เมืองพานก็ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของหริภุญชัย ตระกูลของ "เจ้ายอดเจียง" ที่มีมากมาย และมีการเปลี่ยนกมาปกครองของเจ้าเมือง ให้มีการใช้นามสกุลเจ้าเมืองนำหน้าว่า" ณ " แต่เมืองพาน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ"ณ"อันแสดงถึงเชื้อสายเจ้าเมืองอย่างหลายๆ เมือง และลูกหลานสืบความสามัคคีต่อไป จึงให้ชื่อตระกูลว่า "เชื้อเมืองพาน" แทนที่จะเป็น "ณ เชียงราย" อย่างที่หลายคนคิด และอย่างที่อื่นๆ ตะกูลเชื้อเมืองพาน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุด (ในหัวเมืองเหนือ) และเป็นตระกูลที่ ไม่ได้มีการแตกแยกเป็นตระกูลย่อยๆเช่น"มหาวรรณ" "ไชยชนะ" สาขาอื่นๆ จึงทำให้มีลูกหลานมากมาย ไปทัวล้านนาและเมืองเหนือ และตระกูล"เชื้อเมืองพาน"ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตระกูลใดๆ ในเชื้อสาย เจ้าเจ็ดตน กาวิละ ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ น่าน เลย แต่หากจะว่าไป เชื้อสายนี้ มีมาแต่ก่อนที่จะมีล้านนา เสียอีก จึงนับได้ว่า มีมากว่า 700กว่าปี (ก่อนที่จะมีเชียงใหม่ซึ่งสร้างราว700กว่าปี ต้นๆ) ย้อนไปเมือ เมืองพานได้ตกไปอยู่ภายได้การปกครองของเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ขณะนั้น เมืองพานกลายเป็น อำเภอหนึ่งของ เมืองลำพูน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นมลฑล เมืองพานอยู่ภายได้การปกครองของมลฑลมหาราช(เขตเชียงราย อ.พะเยา เมืองน่าน เมืองแพร่ อุตรดิษฐ์ เชียงคำ ) มีเมืองเชียงรายเป็นเมืองหลวง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งเป็นจังหวัด เมืองพานจึง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูน และขึ้นอยู่กับ จังหวัดเชียงรายอีกครั้ง มลฑลถูกยกเลิก และเป็นจังหวัด และเปลี่นชื่อจากอำเภอเมืองพาน เป็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย "เชื้อเมืองพาน"จึงกลายเป็น ตระกูลใหญ่ของเมืองพานนี้ และเชียงรายไปโดยปริยาย

IP : บันทึกการเข้า
ChitChat
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 475



« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 06 กรกฎาคม 2010, 11:22:19 »

เชื้อเมืองพาน เป็นนามสกุลที่สืบมาจากเจ้ายองที่อยู่ลำพูน ในสมัยฟื้นเมืองเชียงราย เมืองพาน เมืองพะเยา เมืองต่างๆ เหล่านี้ขึ้นใหม่เมื่อประมาณ พ.ศ.2368 (ถ้าจำไม่ผิด) เจ้าหลวงลำพูนได้ให้เจ้าเชื้อสายยองพาคนมาตั้งเมืองพานที่ร้างไป และให้เป็นเมืองขึ้นกับลำพูน ลูกหลานที่นามสกุล "เชื้อเมืองพาน" "มหาวรรณ" "ไชยชนะ" ล้วนสืบมาจากนี้
คำว่าเมืองพาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น2 ตอน ตอนที่1 เมืองพานเป็นชุมชนเมืองมาก่อน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คนที่นี่จริงๆ อพยพมาจากเมืองพาน (เมืองพานคนมืองที่อยู่ประเทศพม่าขณะนั้นเมืองพานยังเป็นเมืองหนึ่งในอณาจักรเชียงแสน(ขณะนั้นเมืองเป็นยุคเริ่มต้นของล้านนา) อยู่เหนือเชียงรายขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) แต่ถูกภัยสงครามของกองทับเจงกิสข่าน(สมัยพญาเม็งรายพอดี) จึ่งต้อง ร่นอพยบลงมา เมืองพานที่อยู่ในเขตพม่านั้นจึงกลายเป็นเมืองร้างนอกประวัติศาสตร์ไปโดยปริยายซึ่งโดยความสำคัญแล้ว เมืองพาน(พม่า) เป็นเมืองที่เคยเป็นหนึ่งหัวเมืองสำคัญของเชียงแสน ประกอบด้วย เชียงของ เมืองฝาง เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) เชียงทอง(หลวงพระบาง) เชียงตุง เชียงรุ้ง น่านเจ้า สิบสองปันนา รามัญ เวียงละกอนหรือเขลางละกอน(ลำปางหรือเขลางนคร) ภูกามยาว(ผะยาว) เมืองพาน(พม่า) เมืองพระพิสนุ(พิษณุโลกเขียนแบบปัจจุบัน) เมืองชัยนาราย เวียงกาหลง(เวียงป่าเป้า) วังเหนือ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เมื่อพู่คน อพยพมามากขึ้น จึ้งได้จัดเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น และคนอพยพมากขึ้น ผู้คนที่นี่เลยเรียกตัวเองและดินแดนแถบนี้ว่าเมืองพาน ตามชื่อเดิม แล้วต้นตระกูล "เชื้อเมืองพาน" มาจากไหน แน่นอนต้องเป็นคนที่มีเชื้อเมืองพาน โดยเริ่มแต่ยุคของ พญายอดเชียงราย(เดิมชื่อ เจ้ายอดเจียงฮาย) ครองเมืองเชียงราย ได้ประทานนามของพระองค์ ให้กับผู้ปกครองเมืองพานขณะนั้น(ไม่ทราบชื่อแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด) ให้นามว่า "เจ้ายอดเจียง" เป็นผู้ปกครองเมืองพาน และพญายอดเชียงรายไปปกครองเชียงใหม่(ในขณะนั้นศูนย์กลางของล้านนาจะอยู่ที่3เมืองสลับกันไปมาอันได้แก่ เชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่) เมื่อล้านนาตอนปลาย พมายกกองทัพมาปราบเชียงใหม่ ขณะนั้นศูนย์กลางการปกครองของล้านนา อยู่เมืองเชียงใหม่พอดี อณาจักรในล้านนาและเมืองทุกเมืองก็ ต้องตกไปอยู่ในอาณัติ ของพม่า รวมทั้ง เชียงแสน เชียงทอง เชียงราย สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ล้านช้าง(บางส่วน) ฝาง รวมทั้งเมืองพาน 200ปีผ่านไป พระเจ้ากาวิละ ได้พยายามที่จะปลดล้านนาออกจากการปกครองของพม่า และขึ้นอยู่กับสยาม จึงได้รวมรวมหัวเมืองต่างๆ ของล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ให้กลับคืนมา เช่น เมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงทอง เชียงรุ้ง เชียงตุง เมืองฝาง เมือง น่าน สิบสองปันนา และเมืองพาน แต่ก็กลับคืนได้ไม่มากนัก เช่น สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ยังอยู่ได้การปกครองของพม่าอยู่ และขณะนั้น เมืองพานก็ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของหริภุญชัย ตระกูลของ "เจ้ายอดเจียง" ที่มีมากมาย และมีการเปลี่ยนกมาปกครองของเจ้าเมือง ให้มีการใช้นามสกุลเจ้าเมืองนำหน้าว่า" ณ " แต่เมืองพาน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ"ณ"อันแสดงถึงเชื้อสายเจ้าเมืองอย่างหลายๆ เมือง และลูกหลานสืบความสามัคคีต่อไป จึงให้ชื่อตระกูลว่า "เชื้อเมืองพาน" แทนที่จะเป็น "ณ เชียงราย" อย่างที่หลายคนคิด และอย่างที่อื่นๆ ตะกูลเชื้อเมืองพาน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุด (ในหัวเมืองเหนือ) และเป็นตระกูลที่ ไม่ได้มีการแตกแยกเป็นตระกูลย่อยๆเช่น"มหาวรรณ" "ไชยชนะ" สาขาอื่นๆ จึงทำให้มีลูกหลานมากมาย ไปทัวล้านนาและเมืองเหนือ และตระกูล"เชื้อเมืองพาน"ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตระกูลใดๆ ในเชื้อสาย เจ้าเจ็ดตน กาวิละ ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ น่าน เลย แต่หากจะว่าไป เชื้อสายนี้ มีมาแต่ก่อนที่จะมีล้านนา เสียอีก จึงนับได้ว่า มีมากว่า 700กว่าปี (ก่อนที่จะมีเชียงใหม่ซึ่งสร้างราว700กว่าปี ต้นๆ) ย้อนไปเมือ เมืองพานได้ตกไปอยู่ภายได้การปกครองของเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ขณะนั้น เมืองพานกลายเป็น อำเภอหนึ่งของ เมืองลำพูน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นมลฑล เมืองพานอยู่ภายได้การปกครองของมลฑลมหาราช(เขตเชียงราย อ.พะเยา เมืองน่าน เมืองแพร่ อุตรดิษฐ์ เชียงคำ ) มีเมืองเชียงรายเป็นเมืองหลวง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งเป็นจังหวัด เมืองพานจึง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูน และขึ้นอยู่กับ จังหวัดเชียงรายอีกครั้ง มลฑลถูกยกเลิก และเป็นจังหวัด และเปลี่นชื่อจากอำเภอเมืองพาน เป็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย "เชื้อเมืองพาน"จึงกลายเป็น ตระกูลใหญ่ของเมืองพานนี้ และเชียงรายไปโดยปริยาย



ขอบคุณครับ ประดับความรู้ไว้ได้อีกเรื่องหนึ่ง
IP : บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน    จะทำคนให้ทนทาน
Yong Long Hair
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 470



« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 13 กรกฎาคม 2010, 19:03:07 »

ความรู้ ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

ล้อล้านนา
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 444


« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 15 กรกฎาคม 2010, 08:38:41 »

ตระกูลเชื้อเมืองพาน ที่ได้นำเสนอ ณ ที่นี้ ผมเห็นว่าเป็นข้อความที่น่าจะก็อปมาจากไหนสักที่ ที่สำคัญคือข้อมูลไม่ได้ถูกต้องเลยครับ ไว้มีเวลาจะชี้แจงในลำดับต่อไปครับ
IP : บันทึกการเข้า
AMD[[kUBoTA]]1983
สมาชิกลงทะเบียน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 209


EDDY - Line : ittipon2526


« ตอบ #45 เมื่อ: วันที่ 18 กรกฎาคม 2010, 08:08:33 »

อยากทราบจังเลยว่า ทำไมถึงไม่มีชื่อสกุล ณ เชียงราย ทั้งๆที่มีชื่อสกุล เชื้อเมืองพาน ณ เมืองพาน ใครรู้วานบอกทีเถอะเอาบุญ ฮืม ฮืม

อันนี้พอได้อ่านจากหลักฐานบางชิ้นเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ของต้นตระกูล ณ ทั้งหลาย ในล้านนา คร่าวๆ เอาแบบภาษาง่ายๆ พอเข้าใจ คือทั้ง ณ ลำพูน ณ ลำปาง ณ เชียงใหม่ .... สืบเชื้อสายมาจากสายสกุลทิพย์ช้าง (พระยาทิพย์ช้าง หรือ พญาทิพย์ช้าง แห่งเมืองละคอน หรือลำปาง) ลูกหลานคนสำคัญในสายสกุลนี้ คือ พระยากาวิละ กษัตริย์ล้านนายุค เดียวกับ รัชกาลที่ 1 ผู้ช่วยรัฐไทยกอบกู้เอกราชจากพม่า นำล้านนาเข้าสู่ยุค "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" หลังฟื้นม่านแล้ว ได้คุณงามความดี  ลูกหลานที่อยู่ตามหัวเมืองเล็กๆ น้อยจึงได้รับพระราชทานนามสกุล ณ..... ทั้งหลาย ในส่วนของเชียงราย กับ พะเยาก็ตามที่ท่านข้างบนได้กล่าวถึง แต่ก็มีลูกหลานในสายสกุลนี้อยู่นะครับ ก็คือ นามสกุล "เชื้อเจ็ดตน" นั่นเองครับ ที่ว่าเชื้อเจ็ดตน ก็เพราะ ลูกหลานของพระยาทิพย์ช้าง ที่เด่นๆ ที่ปกครองตามหัวเมืองเหนือต่างๆ มีทั้งหมด 7 พระองค์ รวมทั้ง พระเจ้ากาวิละด้วย จึงได้นามสกุล เชื้อเจ็ดตนด้วยประการฉะนี้แล

ส่วนประวัติของพระยาทิพย์ช้าง กับเจ้าทั้ง 7 ตน ไว้วันหลังจะเอามาลงอีกนะครับ ขอไปค้นอีกรอบก่อน
IP : บันทึกการเข้า



EDDY::>>083-0470495
Singhakara
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2010, 02:26:41 »

ต้องไปดูเรื่องของกบฏเงี้ยวครับ...ว่าทำไมไม่มี ณ เชียงราย
IP : บันทึกการเข้า
pakai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #47 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2010, 16:18:36 »

ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
^อยากขี้เหล่^
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557


ฮ่าตึงว่าละหนา!!???


« ตอบ #48 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2010, 15:24:06 »

มันเป๋นจะอี๋นี่เองหน่ะ
IP : บันทึกการเข้า

happiness'969
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 786



« ตอบ #49 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2010, 21:23:00 »

     นามสกุล ที่ใช้ ณ นอเณร เหมือนว่ากฏหมายไม่ให้สามารถตั้งเองได้นะคับ ณ นอเณรมันเป็นนามสกุลพระราชทานใช้ไหมคับ นอกจากใช้ นะ
สระ อะ ผมแค่ที่ยินมาคราวๆคับ รองผู้รู้จริงมาตอบ
     แล้วผมไม่เห็น เทพหัสดินทร์ ณ อยุธยา  อ่ะคับ แต่ก็แอบดีใจนิดๆมีนามสกุลตัวเองด้วย
IP : บันทึกการเข้า
happiness'969
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 786



« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2010, 21:31:25 »

    
จะบอกว่ามีค่ะ

ตอนนี้ใช้อยู่ค่ะ
จะบอกว่ายังข้องใจไม่หายครับ อยากให้ไขข้อข้องใจให้กระจ่างด้วยครับ คงมีหลายๆ ท่านรอฟังคำตอบอยู่

   ถามต่อเลยนะครับ หากน้องเขาใช้นามสกุลนี้จริง ถือว่าใช้ได้หรือไม่ เพราะน้องเขาบอกว่าใช้อยู่ อาจจะตั้งมาทีหลัง (ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ผิดนะ คงไม่มีกฏหมายข้อไหนห้ามใช้นามสกุลนี้) ช่วยชี้แจงหน่อยก็ดีครับ


    นามสกุล ที่ใช้ ณ นอเณร เหมือนว่ากฏหมายไม่ให้สามารถตั้งเองได้นะคับ ณ นอเณรมันเป็นนามสกุลพระราชทานใช้ไหมคับ นอกจากใช้ นะ
สระ อะ ผมแค่ที่ยินมาคราวๆคับ รองผู้รู้จริงมาตอบ
     แล้วผมไม่เห็น เทพหัสดินทร์ ณ อยุธยา  อ่ะคับ แต่ก็แอบดีใจนิดๆมีนามสกุลตัวเองด้วย
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #51 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2010, 20:44:04 »

จะบอกว่ามีค่ะ

ตอนนี้ใช้อยู่ค่ะ
ณ เชียงราย ไม่มีแน่นอนครับ หากมีจริงขอแสดงหลักฐานให้หลายๆ ท่านทราบ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ถ่ายรูปบัตรประชาชน หรือ ทะเบียนบ้าน มาให้ชมเป็นหน่อยได้ไหมครับ
IP : บันทึกการเข้า
Blue Wave
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2011, 16:10:34 »

เชื้อเมืองพาน เป็นนามสกุลที่สืบมาจากเจ้ายองที่อยู่ลำพูน ในสมัยฟื้นเมืองเชียงราย เมืองพาน เมืองพะเยา เมืองต่างๆ เหล่านี้ขึ้นใหม่เมื่อประมาณ พ.ศ.2368 (ถ้าจำไม่ผิด) เจ้าหลวงลำพูนได้ให้เจ้าเชื้อสายยองพาคนมาตั้งเมืองพานที่ร้างไป และให้เป็นเมืองขึ้นกับลำพูน ลูกหลานที่นามสกุล "เชื้อเมืองพาน" "มหาวรรณ" "ไชยชนะ" ล้วนสืบมาจากนี้
คำว่าเมืองพาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น2 ตอน ตอนที่1 เมืองพานเป็นชุมชนเมืองมาก่อน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว คนที่นี่จริงๆ อพยพมาจากเมืองพาน (เมืองพานคนมืองที่อยู่ประเทศพม่าขณะนั้นเมืองพานยังเป็นเมืองหนึ่งในอณาจักรเชียงแสน(ขณะนั้นเมืองเป็นยุคเริ่มต้นของล้านนา) อยู่เหนือเชียงรายขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) แต่ถูกภัยสงครามของกองทับเจงกิสข่าน(สมัยพญาเม็งรายพอดี) จึ่งต้อง ร่นอพยบลงมา เมืองพานที่อยู่ในเขตพม่านั้นจึงกลายเป็นเมืองร้างนอกประวัติศาสตร์ไปโดยปริยายซึ่งโดยความสำคัญแล้ว เมืองพาน(พม่า) เป็นเมืองที่เคยเป็นหนึ่งหัวเมืองสำคัญของเชียงแสน ประกอบด้วย เชียงของ เมืองฝาง เมืองหริภุญชัย(ลำพูน) เชียงทอง(หลวงพระบาง) เชียงตุง เชียงรุ้ง น่านเจ้า สิบสองปันนา รามัญ เวียงละกอนหรือเขลางละกอน(ลำปางหรือเขลางนคร) ภูกามยาว(ผะยาว) เมืองพาน(พม่า) เมืองพระพิสนุ(พิษณุโลกเขียนแบบปัจจุบัน) เมืองชัยนาราย เวียงกาหลง(เวียงป่าเป้า) วังเหนือ และเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง เมื่อพู่คน อพยพมามากขึ้น จึ้งได้จัดเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น และคนอพยพมากขึ้น ผู้คนที่นี่เลยเรียกตัวเองและดินแดนแถบนี้ว่าเมืองพาน ตามชื่อเดิม แล้วต้นตระกูล "เชื้อเมืองพาน" มาจากไหน แน่นอนต้องเป็นคนที่มีเชื้อเมืองพาน โดยเริ่มแต่ยุคของ พญายอดเชียงราย(เดิมชื่อ เจ้ายอดเจียงฮาย) ครองเมืองเชียงราย ได้ประทานนามของพระองค์ ให้กับผู้ปกครองเมืองพานขณะนั้น(ไม่ทราบชื่อแน่ชัดว่าเป็นผู้ใด) ให้นามว่า "เจ้ายอดเจียง" เป็นผู้ปกครองเมืองพาน และพญายอดเชียงรายไปปกครองเชียงใหม่(ในขณะนั้นศูนย์กลางของล้านนาจะอยู่ที่3เมืองสลับกันไปมาอันได้แก่ เชียงราย เชียงแสน และเชียงใหม่) เมื่อล้านนาตอนปลาย พมายกกองทัพมาปราบเชียงใหม่ ขณะนั้นศูนย์กลางการปกครองของล้านนา อยู่เมืองเชียงใหม่พอดี อณาจักรในล้านนาและเมืองทุกเมืองก็ ต้องตกไปอยู่ในอาณัติ ของพม่า รวมทั้ง เชียงแสน เชียงทอง เชียงราย สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ล้านช้าง(บางส่วน) ฝาง รวมทั้งเมืองพาน 200ปีผ่านไป พระเจ้ากาวิละ ได้พยายามที่จะปลดล้านนาออกจากการปกครองของพม่า และขึ้นอยู่กับสยาม จึงได้รวมรวมหัวเมืองต่างๆ ของล้านนาที่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ให้กลับคืนมา เช่น เมืองเชียงใหม่ เชียงราย เชียงแสน เชียงทอง เชียงรุ้ง เชียงตุง เมืองฝาง เมือง น่าน สิบสองปันนา และเมืองพาน แต่ก็กลับคืนได้ไม่มากนัก เช่น สิบสองปันนา เชียงตุง เชียงรุ้ง ยังอยู่ได้การปกครองของพม่าอยู่ และขณะนั้น เมืองพานก็ ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของหริภุญชัย ตระกูลของ "เจ้ายอดเจียง" ที่มีมากมาย และมีการเปลี่ยนกมาปกครองของเจ้าเมือง ให้มีการใช้นามสกุลเจ้าเมืองนำหน้าว่า" ณ " แต่เมืองพาน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ"ณ"อันแสดงถึงเชื้อสายเจ้าเมืองอย่างหลายๆ เมือง และลูกหลานสืบความสามัคคีต่อไป จึงให้ชื่อตระกูลว่า "เชื้อเมืองพาน" แทนที่จะเป็น "ณ เชียงราย" อย่างที่หลายคนคิด และอย่างที่อื่นๆ ตะกูลเชื้อเมืองพาน เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สุด (ในหัวเมืองเหนือ) และเป็นตระกูลที่ ไม่ได้มีการแตกแยกเป็นตระกูลย่อยๆเช่น"มหาวรรณ" "ไชยชนะ" สาขาอื่นๆ จึงทำให้มีลูกหลานมากมาย ไปทัวล้านนาและเมืองเหนือ และตระกูล"เชื้อเมืองพาน"ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ตระกูลใดๆ ในเชื้อสาย เจ้าเจ็ดตน กาวิละ ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน และ ณ น่าน เลย แต่หากจะว่าไป เชื้อสายนี้ มีมาแต่ก่อนที่จะมีล้านนา เสียอีก จึงนับได้ว่า มีมากว่า 700กว่าปี (ก่อนที่จะมีเชียงใหม่ซึ่งสร้างราว700กว่าปี ต้นๆ) ย้อนไปเมือ เมืองพานได้ตกไปอยู่ภายได้การปกครองของเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง ขณะนั้น เมืองพานกลายเป็น อำเภอหนึ่งของ เมืองลำพูน และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นมลฑล เมืองพานอยู่ภายได้การปกครองของมลฑลมหาราช(เขตเชียงราย อ.พะเยา เมืองน่าน เมืองแพร่ อุตรดิษฐ์ เชียงคำ ) มีเมืองเชียงรายเป็นเมืองหลวง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งเป็นจังหวัด เมืองพานจึง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำพูน และขึ้นอยู่กับ จังหวัดเชียงรายอีกครั้ง มลฑลถูกยกเลิก และเป็นจังหวัด และเปลี่นชื่อจากอำเภอเมืองพาน เป็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย "เชื้อเมืองพาน"จึงกลายเป็น ตระกูลใหญ่ของเมืองพานนี้ และเชียงรายไปโดยปริยาย



ผมเกิดและใหญ่เมืองพานยังบะเกยได่ยินกำเตือ  ได่ข้อมูลมาจากตางดัยครับไค่ฮุ้เพิ่มเติม  บ้านเกิดครับ
IP : บันทึกการเข้า
simplack
พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,211



« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2011, 11:23:28 »

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลครับ
IP : บันทึกการเข้า

ได้เกิดมาเป็นคนก็ดีแค่ไหนแล้ว
แมงคอลั่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,451



« ตอบ #54 เมื่อ: วันที่ 25 มกราคม 2011, 15:43:45 »

ราชวงค์มังรายสิ้นสุดตั้งแต่ม่านยึดเชียงใหม่แล้ว
ส่วนเชื้อเจ็ดตนคือ หลานหนานทิพย์ช้างแห่งบ้านปงยางครก อ.เกาะคา ลำปาง
ซึ่งมี 7 คน หนึ่งในนั้น คือ พญากาวิละ ผู้ที่ขอกำลังจากพระเจ้าตากมาขับไล่ม่านออกไปจากล้านนา เพราะฉนั้น เจ้าเมืองเชียงใหม่ตังหลายก็คือเชื้อสายของ ลำปาง
หรือไม่ก็อาจจะเป็นลูกหลานเหลนโหลนของเจ้าแม่จามเทวีแห่ง หริภุญชัย ก็ได้
IP : บันทึกการเข้า
CEI_Lover
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 14:46:17 »

สืบหาเก๊า เด้าหาฮาก
IP : บันทึกการเข้า
CEI_Lover
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 15:00:18 »

นามสกุลนี้ มีนัก ทั้งที่เป็นเครือญาติและไม่ใช่เครือญาติกั๋น
หมู่บ้านที่มีนักที่สุด ก็คือ บ้านฮ่องก๊ด (ร่องคต บ่าเดี่ยวมี หมู่ ๑ กับหมู่ ๑๐ เก่าก่อนเป็น หมู่เดียวกัน แต่ การเมืองไทย สมัยทักษิณ ก็แบ่งออกเป็น ๒ หมู่บ้าน บ่เมินนานมานี้)

สำหรับ นามสกุล "ไชยชนะ" เปื่อนของผม เป็นหลานอุ้ยหม่อนแก้ว (แม่ญิง - แต่ไม่ฮู้ว่าเป็น ย่า หรือ ยาย (นับแบบสยาม)) อยู่ใกล้ กาดหกแยก

ผมเกยหันฮูปถ่าย อุ้ยหม่อนแก้วป่อจาย (บ่ฮู้ว่าเป็น ปู่ หรือ ตา (นับแบบสยาม)
ใส่ชุดเสื้อคลุม (ครุย) ก๋ำดาบ ในฐานะ เป็น เจ้าเมืองพาน (ปกครอง) อยู่ (แต่คิดว่าไม่ใช่ตำแหน่งเจ้าหลวง)

คาดว่า น่าจะได้รับการแต่งตั้งในสมัย รัชกาลที่ ๖ ต๋อนที่เสด็จมาประทับที่ ม่อนป่าซาง (วัดป่าซาง) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ ที่ว่าการอำเภอพาน

เต๊าเอี้ยก่อนน่อ

ว่าจะไปแวะเวียนเยือนเยี่ยม ไปขอถ่ายฮูป อุ้ยหม่อนแก้ว ก็ไม่มีเวลาไปสักเตื่อ
ถ้าได้ถ่ายมาแล้วจะเอามา โพสท์ หื้อกั๋นได้ผ่อได้แยง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 31 มกราคม 2011, 15:04:51 โดย CEI_Lover » IP : บันทึกการเข้า
CEI_Lover
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 15:06:28 »

เพิ่มเติมแหมสักน้อย

บ่าเดี่ยวนี้ ด้วยการใช้นามสกุลที่บางสายไม่ได้เป็นเครือญาติกั๋นเลย

จึงมี บางท่านบางคน บางครอบครัว เปลี่ยนไปใช้ นามสกุลใหม่ ที่ ยังบอกถึง ที่มาของนามสกุลเก่า "เชื้อเมืองพาน" อยู่ คือ "วงศ์บุรินทร์พาน" แทน

งามไปแหมอย่าง
IP : บันทึกการเข้า
kooboori
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,270



« ตอบ #58 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 18:15:32 »

ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

" นกกระจอก ย่อมไม่เข้าใจ วิถีแห่ง อินทรี "
jesdath
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 836



« ตอบ #59 เมื่อ: วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2011, 02:48:23 »

ขอตอบ และต่อเติมตามที่พอรู้นะครับ   ครูที่สอนประวัติศาสตร์บอกว่า ณ เชียงรายไม่มี แต่มี
เชื้อเจ็ดตน มาแทน  ซึ่งก็ไม่รู้เหตุผลตรงนี้
----ส่วนศีติสาร เป็นนามสกุลพระราชทานจาก พ่อ ร.5  มีเอกสาร ซึ่งทางตระกูลจะมีการพบปะ
และสังสรรค์ในทางญาติมิตร  มีส่วนหนึ่งอพยพไปอยู่ที่ตะพานหิน จ.พิจิตร  ที่รู้ละเอียดเพราะแม่ผมก็นามสกุลศีติสาร พ่อนามสกุล จันทยศ ที่พ่อบอกว่าเป็นชาวนา  แต่ก็ไม่ใช่ เป็นเชื้อสายจากเจ้าหลวง-กษัตริย์สมัยก่อนเหมือนกัน
--มีช่วงที่พม่าเข้ามายึดครองเมืองพะเยา เจ้าพะเยาก็ไปอาศัยกับเจ้าทางลำปาง  ณ ลำปางกับสกุลศีติสารก็แต่งงานกันบ้าง และกับ ณ เชียงใหม่บ้าง
---ทราบไหมว่ามีนายตำรวจเป็นฝรั่งโดนยิงตายโดยขบถเงี้ยวที่พะเยา มีสถูปอยู่
IP : บันทึกการเข้า

รณรงค์ขอให้คนไทยมีสิทธิ์ อ่านเขียนภาษาอังกฤษแบบแท้ๆ
--รับบูรณะโน๊ตบุคและคอมที่เก่ามากๆ- ราคากันเองครับ
--รณรงค์ให้คนไทยใช้ลีนุกซ์ จะได้ไม่นอนผวากลัวลิขสิทธิ้จ้ะ
หน้า: 1 2 [3] 4 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!