ขอชี้แจงนะครับ
1. เงินที่ได้จากผู้สมัครนั้น ต้องนำส่งคลังเพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดินครับ
2. เงินค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการจัดพิมพ์ข้อสอบ เบี้ยเลี้ยงผู้คุมสอบ (ไม่ได้จ่ายเป็นรายชั่วโมงนะครับ) เขาเรียกว่าจ่ายแบบเหมาจ่าย ค่าตรวจข้อสอบ ฯลฯ จะเป็นเงินงบประมาณที่เขาจัดสรรมาให้ต่างหาก เพราะการสอบบรรจุทุกครั้งไม่ใช่ว่าหน่วยงานใด มีตำแหน่งว่างอยากสอบก็สอบ ต้องได้รับการอนุมัติ หรือได้รับมอบหมายจากส่วนกลางก่อน เป็นต้น
3. การที่ว่าสอบแล้วมีเส้น มีสาย สมัยก่อนอาจมีจริง แต่ปัจจุบัน ท่านจะเห็นว่า ต้องผ่านข้อสอบภาค ก. ของกพ. ก่อน (ยกเว้นสายครู) และต้องไม่เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ และเมื่อคุณผ่านภาค ก. แล้ว ก็ต้องมาสอบ ภาค ก. (ข้อเขียน) ภาค ข. ภาคความรู้ความสามารถ (อาจจะเป็นผลงานย้อนหลังหรือวิสัยทัศน์ เป็นต้น) ภาค ค. คือการสอบสัมภาษณ์ (หากจะข่วยได้ก็คงมีภาค ค.นี้แหละที่พอจะช่วยได้)
4. ในกรณีตามข้อ 3 ท่านลองอ่านประกาศใหะละเอียด ท่านจะเห็นว่า ในการสอบภาค ก. จะต้องได้คะแนนไม่น้อกว่า ร้อยละ 60 ถึงจะมีสิทธิ์สอบในภาค ข. ภาค ค.(สรุปก็นคือ ได้คะแนนไม่ถึง 60 % ก็ไม่ต้องเอคะแนนะภาค ข. ภาค ค.มารวมกัน
5. ถามว่า ทำไมต้องเก็บเงินค่าสมัคร ตอบ เพราะระเบียบเขากำหนดไว้ครับ
เพิ่มเติมครับ
การสอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , ส่วนภูมิภาค หรือส่วนกลาง จะไม่เหมือนกัน เพราะใช้กฏหมายคนละฉบับครับ
ชัดเจนมากคะ^^ พอดีลืมนึกไป ตอนคุมสอบเค้าจ่ายมาให้เป็นรายวิชานะคะเลยอธิบายให้ฟังง่ายๆ แต่อาจจะผิดหลักไปหน่อย(อาจไม่หน่อยละ มากเลย
) ปล.เคยไปสอบหน่วยงานอื่น(พนักงานในมหาวิทยาลัย) เค้าก็เก็บค่าสอบนะคะ แต่ส่วนนั้นมหาวิทยาลัยดำเนินการเอง ดังนั้นค่าใช้จ่ายอาจจะมาจากงบประมาณที่ตั้งไว้ แต่งบที่มาก็มาจากการเก็บค่าสอบในครั้งที่ผ่านมาใช่ไหมคะ
ที่เห็นบ่นกันเยอะๆ ก็สอบท้องถิ่นว่ามีเด็กเส้น มีตัวไว้
อยากให้ร้องเรียนเลยคะ เพราะมันเป็นความผิด เราไม่ควรปล่อยให้เกิดการทุจริต ซึ่งหากมีร้องเรียนจริง และพบความผิดจริง งานนี้มีหนาวคะ