เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 18 เมษายน 2024, 22:07:21
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น (ผู้ดูแล: แชทซาโนย่า กอยุ่ง~*-., ©®*)
| | |-+  >>>>>>>>>> ชาติหน้ามีจริงหรือ <<<<<<<<<<
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน >>>>>>>>>> ชาติหน้ามีจริงหรือ <<<<<<<<<<  (อ่าน 616 ครั้ง)
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2015, 20:40:26 »

อันนี้คัดลอกมาครับ...ไม่มีปัญญาอธิบายเองหรอก  ยิ้มกว้างๆ
จาก ชาติหน้ามีจริงหรือ

                   พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
                          วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
          คัดลอกจาก http://www.wfb-hq.org/specth2.htm
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จะต้องให้รู้ด้วยตนเอง ธรรมะที่แท้จริงเหมือนรสของแอ๊ปเปิ้ล เรื่องรสของแอ๊ปเปิ้ล เราฟังดู
เฉยๆ ก็ไม่รู้ จะไม่รู้ว่ามันหวานหรือมันเปรี้ยวอย่างไร? นอกจากเราลองชิมแอ๊ปเปิ้ลนั้นแล้ว นั่นแหละ...
จึงจะรู้แจ้งว่า รสของมันเป็นอย่างไร? อร่อยไหม? ไม่ต้องไปถามใครอีกแล้ว ปัญหามันจบที่ตรงนั้นเอง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาท่านอาจารย์ชา (หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี) เรื่องชาติหน้าภพหน้า เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่?

ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ชาติหน้ามีจริงไหม?

ท่านอาจารย์ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ?

ผู้ถาม : เชื่อ

ท่านอาจารย์ชา : ถ้าเชื่อ......คุณก็โง่

ผู้ถาม : คนตายแล้วเกิดไหม?

ท่านอาจารย์ชา : จะเชื่อไหมล่ะ? ถ้าเชื่อ......คุณโง่หรือฉลาด?

แล้วท่านจึงสอนต่อไปว่า

หลายคนมาถามอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม? ถ้าเชื่อคุณก็โง่ เพราะอะไร ก็เพราะมันไม่มีหลักฐาน-พยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้ ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา คนเขาว่าอย่างไร คุณก็เชื่ออย่างนั้น คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง คุณก็โง่อยู่ร่ำไป ที่นี้ถ้าอาตมาตอบว่า คนตายแล้วเกิดหรือว่าชาติหน้ามี อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า ถ้ามี พาผมไปดูหน่อยได้ไหม? เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มันหาที่จบลงไม่ได้ เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

ที่นี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม? อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม? ถ้ามีพาไปดูได้ไหม? อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่ แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่สิ่งนี้เป็นของที่จะหยิบยกเอามาเป็น วัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้

ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าชาติหน้ามีหรือไม่มี ไม่ต้องไปถามว่า คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราคือ เราจะต้องรู้จัก เรื่องราวของตัวเองในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม? ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร? นี้คือสิ่งที่เราจะต้องรู้ และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวาน นี้เสียแล้ว นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว

ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตคือชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง

คนหนึ่งพูดว่า : กลัวว่าชาติหน้าจะไม่ได้เกิด

ท่านอาจารย์ชา : นั่นแหละยิ่งดี กลัวมันจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป

ในครั้งพุทธกาล สมัยที่พระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ มีพราหมณ์คนหนึ่งมีความสงสัยว่า คนตายแล้วไปไหน? คนตายแล้วเกิดหรือไม่? ถ้าพระองค์ตอบได้ก็จะมาบวชด้วย แต่ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ตอบ แกก็จะไม่บวช แกว่าของแกอย่างนั้น พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า มันเป็นเรื่องอะไรของฉันเล่า พราหมณ์จะบวชหรือไม่บวช นั่นเป็นเรื่องของพราหมณ์ ไม่ใช่เรื่องของฉัน พระองค์ตรัสว่า

ถ้าตราบใดที่พราหมณ์ยังมีความเห็นว่า มีคนเกิดหรือมีคนตาย คนตายแล้วเกิดหรือคนตายแล้วไม่เกิด ถ้าพราหมณ์ยังมีความเห็นอยู่อย่างนี้ พราหมณ์ก็จะเป็นทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายกัลป์ ทางที่ถูกนั้น พราหมณ์จะต้องถอนลูกศรออกเสียบัดนี้

พระพุทธเจ้าท่านว่า ความจริงแล้วไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย พราหมณ์คนนั้นฟังไม่รู้เรื่อง และจนกว่าแกจะได้ เรียนรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เข้าใจถ่องแท้เสียแล้วนั่นแหละ จึงจะเข้าใจคำพูดของพระองค์ได้ นั่นจึงจะเรียกว่า การรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญา เป็นการเชื่อด้วยปัญญา

พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ไม่ได้สอนว่า ให้เชื่อว่าคนตายแล้วเกิดหรือไม่เกิด ชาติหน้ามีหรือไม่มี อย่างนั่นไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อ จะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้ จะถือเอาเป็นหลักเกณฑ์ไม่ได้ ดังนั้น ที่คุณถามว่า ชาติหน้ามีไหมนั้น

อาตมาจึงถามคุณว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม? ถ้าเชื่อ โง่หรือฉลาด? อย่างนี้เข้าใจไหม? ให้เอาไปคิดดูเป็นการบ้านนะ.

ลองอ่านกันดูนะครับ "สิงหา" คัดลอกจาก http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_41.htm อีกทีนึง  ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 มกราคม 2015, 21:14:46 โดย Sing ha » IP : บันทึกการเข้า
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2015, 20:43:38 »

เนื้อหานี้คัดลอกจาก http://www.dhammathai.org/chadok/chadok10.php

ชาดก คือ ?
ขอยกคำอธิบายด้วยข้อมูลในพระไตรปิฏก ดังนี้
...
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ สุตตันตปิฎกที่ ๑๙ ขุททกนิกายชาดก ภาค ๑

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ เป็นภาคแรกของชาดก ได้กล่าวถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนา อันมีลักษณะเป็นนิทานสุภาษิต แต่ในตัวพระไตรปิฎกไม่มีเล่าเรื่องไว้ มีแต่คำสุภาษิต รวมทั้งคำโต้ตอบในนิทานเรื่องละเอียดมีเล่าไว้ในอรรถกถา คือหนังสือที่แต่งขึ้นอธิบายพระไตรปิฎกอีกต่อหนึ่ง

คำว่า ชาตก หรือ ชาดก แปลว่า ผู้เกิด คือเล่าถึงการที่พระพุทธเจ้าทรงเวียนว่ายตายเกิด ถือเอากำเนิดในชาติต่างๆ ได้พบปะผจญกับเหตุการณ์ดีบ้างชั่วบ้าง แต่ก็ได้พยายามทำความดีติดต่อกันมากบ้างน้อยบ้างตลอดมา จนเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย   กล่าวอีกอย่างหนึ่ง จะถือว่า เรื่องชาดกเป็นวิวัฒนาการแห่งการบำเพ็ญคุณงามความดี ของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ก็ได้

ในอรรถกถาแสดงด้วยว่า ผู้นั้นผู้นี้กลับชาติมาเกิดเป็นใครในสมัยพระพุทธเจ้า แต่ในบาลีพระไตรปิฎกกล่าวถึงเพียงบางเรื่อง เพราะฉะนั้น สาระสำคัญจึงอยู่ที่คุณงามความดีและอยู่ที่คติธรรมในนิทานนั้นๆ

อนึ่ง เป็นที่ทราบกันว่าชาดกทั้งหมดมี ๕๕๐ เรื่อง แต่เท่าที่ได้ลองนับดูแล้วปรากฏว่า ในเล่มที่ ๒๗ มี ๕๒๕ เรื่อง, ในเล่มที่ ๒๘ มี ๒๒ เรื่อง รวมทั้งสิ้นจึงเป็น ๕๔๗ เรื่อง ขาดไป ๓ เรื่อง แต่การขาดไปนั้น น่าจะเป็นด้วยในบางเรื่องมีนิทานซ้อนนิทาน และไม่ได้นับเรื่องซ้อนแยกออกไปก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม จำนวนที่นับได้ จัดว่าใกล้เคียงมาก


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ สุตตันตปิฎกที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดกภาค ๒

ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ เป็นเล่มที่รวมเรื่องชาดกที่เล็กๆน้อยๆรวมกันถึง ๕๒๕ เรื่อง แต่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ นี้มีเพียง ๒๒ เรื่อง เพราะเป็นเรื่องยาวๆทั้งนั้น โดย ๑๒ เรื่องแรกเป็นเรื่องที่มีคำฉันท์ ส่วน ๑๐ เรื่องหลัง คือเรื่องที่เรียกว่า มหานิบาตชาดก แปลว่า ชาดกที่ชุมนุมเรื่องใหญ่ หรือที่โบราณเรียกว่า ทศชาติ
...
 
ข้อมูลจาก : พระไตรปิฎกฉบับประชาชน อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 มกราคม 2015, 21:12:50 โดย Sing ha » IP : บันทึกการเข้า
ยินดีครับ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,814


ติดต่อได้ตลอดเวลาครับ


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2015, 20:53:55 »

คับผม
IP : บันทึกการเข้า

คลิกลิ้งติดต่องาน https://www.facebook.com/profile.php?id=100054820356981
เล็กไอคิว คอมพิวเตอร์
ช่างเล็กไอคิวคอมพิวเตอร์ครับซ่อมคอมประกอบอัพเกรดฯลฯ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,781


บริการซ่อมคอมนอกสถานที่ โทร.085-7268855ช่างเล็กคับ


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2015, 23:41:25 »

อ่านแล้ว ซึ้งเลยท่านอา ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

บริการซ่อมโน๊ตบุ๊คคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ โทร.085-7268855 ช่างเล็กครับ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=648036.0
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 23 มกราคม 2015, 19:38:56 »

คับผม



เอาของท่านผู้ที่รู้และเข้าใจมาให้ดูกัน คัดลอกมาทั้งนั้นละครับ  ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 23 มกราคม 2015, 19:42:43 »

อ่านแล้ว ซึ้งเลยท่านอา ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม



อาก็เพิ่งได้อ่านนี่ละ  ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
เรื่องของศาสนา ไม่ว่าศาสนาใดอาว่าลึกซึ้งละเอียดอ่อนมาก
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 26 มกราคม 2015, 19:54:07 »

อันนี้คัดลอกมาครับ...ไม่มีปัญญาอธิบายเองหรอก  ยิ้มกว้างๆ
จาก ชาติหน้ามีจริงหรือ

                   พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
                          วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
          คัดลอกจาก http://www.wfb-hq.org/specth2.htm
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาท่านอาจารย์ชา (หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี) เรื่องชาติหน้าภพหน้า เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่


                             ฯลฯ              

หลายคนมาถามอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม?

ที่นี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม? อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม? ถ้ามีพาไปดูได้ไหม? อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่ แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่สิ่งนี้เป็นของที่จะหยิบยกเอามาเป็น วัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้

ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าชาติหน้ามีหรือไม่มี

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวาน นี้เสียแล้ว นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว

ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตคือชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง

คนหนึ่งพูดว่า : กลัวว่าชาติหน้าจะไม่ได้เกิด

ท่านอาจารย์ชา : นั่นแหละยิ่งดี กลัวมันจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป



สวัสดี ครับ

พระผู้รู้  ครูอาจารย์ ท่านว่า ไม่มี ชาติหน้าได้ ยิ่งดี ยอดดี         

หาก  ชาติหน้ามีจริง แล้ว       วันพรุ่งนี้  อาจยาวไกล เนิ่นนานน..........กว่า  ชาติหน้า   เสียด้วยซ้ำ     

ใคร  ชิงตายไปเสียแล้วในวันนี้    ชีวิตปัจจุบันชาตินี้ ย่อม มิมีสิทธิอยู่ถึงพรุ่งนี้ อย่างแน่นอน   แม้น ซากศพอาจไม่เหลือ เสียด้วยซ้ำ 

ในบางศาสนา คนตาย เขานิยม ว่า ต้องถูกฝังภายใน  24  ชั่วโมง เพื่อ ให้กลับคืนสู่ธัมมชาติ       

IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
{Cyberman}
To Be Developer
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 504


โปรแกรมเมอร์เชียงราย


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 27 มกราคม 2015, 09:01:55 »

ผมมักจะสงสัยว่า ชาติก่อนมีจริงหรือไม่???
แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยคิดแล้วครับ
เพราะคิดทีไรจะรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากคนอื่น ^^;

เพราะผมมักจะเตลิดไปถึง ในเอกภพอาจจะรวมหลายๆชาติไว้ในนั้น หนึ่งกาแลกซี่ต่อหนึ่งชาติภพ
บางทีก็เป็นความเชื่อ บางทีก็เป็นเพียงจินตนาการ บางทีก็เหมือนเพ้อเจ้อไป

แต่อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกเสมอ ชาติที่แล้วเหมือนมีอยู่จริง!!
IP : บันทึกการเข้า

Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 27 มกราคม 2015, 15:31:20 »

".......สวัสดี ครับ

พระผู้รู้  ครูอาจารย์ ท่านว่า ไม่มี ชาติหน้าได้ ยิ่งดี ยอดดี         

หาก  ชาติหน้ามีจริง แล้ว       วันพรุ่งนี้  อาจยาวไกล เนิ่นนานน..........กว่า  ชาติหน้า   เสียด้วยซ้ำ   ....."


อ่านของท่านหนานธง ต้องถอดทีละคำ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ที่ท่านแสดงความคิดเห็นมาก็เคยได้ยินแบบนั้น แต่ถามว่า "นายสิงหา" ลึกซึ้งถึงระดับนั้นมั้ย บอกชัดๆเลยว่า ไม่เลยขอรับในขณะที่หลายท่านผาดโผนในยุทธจักร แล้วนายสิงหายังเพิ่งเริ่ม ก.กา เท่านั้นเองในเรื่องเหล่านี้  ยิ้ม   // แต่เรื่องซิ่งมอร์เตอร์ไซค์ อายุมากแล้วยังแก้ไม่หายเลย คร่อมเบอะเมื่อไหร่ เป้นได้แว้นๆๆ แว้นๆๆๆๆๆ แว้นๆๆๆๆๆๆๆๆ  แถมด้วยเสียงคนด่า  โกรธ โกรธ ตามหลัง ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 27 มกราคม 2015, 15:36:01 »

ผมมักจะสงสัยว่า ชาติก่อนมีจริงหรือไม่???
แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยคิดแล้วครับ
เพราะคิดทีไรจะรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากคนอื่น ^^;

เพราะผมมักจะเตลิดไปถึง ในเอกภพอาจจะรวมหลายๆชาติไว้ในนั้น หนึ่งกาแลกซี่ต่อหนึ่งชาติภพ
บางทีก็เป็นความเชื่อ บางทีก็เป็นเพียงจินตนาการ บางทีก็เหมือนเพ้อเจ้อไป

แต่อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกเสมอ ชาติที่แล้วเหมือนมีอยู่จริง!!




       เหมือนเคยเห็นที่ไหน ที่มีการกล่าวไว้ว่าเป็น"อจินไตย" เป็นเรื่องที่ไม่ควรไปคิด ไม่ขอยืนยันนะครับเจอขอมูลจริง ถูกต้อง อ้างอิงได้แล้วจะนำมาเสนออีกครั้ง  ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!