เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 23 เมษายน 2024, 20:20:29
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  ยกเลิก
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 4 พิมพ์
ผู้เขียน ยกเลิก  (อ่าน 5111 ครั้ง)
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2014, 13:22:33 »

ยกเลิก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 15 กรกฎาคม 2016, 22:46:35 โดย dokkaew20 » IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2014, 17:14:07 »

เรื่องราวของงา

“งา”

ธัญพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 9 และวิตามิน ไบโอติน โคลีน ไอโนสิตอล กรดพาราอะมิโนแบนโซอิค สารเหล่านี้จะช่วยบำรุงประสาทให้เป็นไปอย่างปกติ นอกจากนี้ในงายังมีกรดไขมันไลโนลีอิกอยู่มากด้วยเช่นกัน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและสามารถเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ดี   ผู้ที่มีอาการเกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขน ขา เบื่ออาหาร ท้องผูก หรือเมื่อยสายตา ควรหันมารับประทานงาเป็นประจำ  เพราะสามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้ นอกจากนี้แล้วงายังเป็นอาหารต้านมะเร็งและช่วยชะลอความชราให้ช้าลงไปอีกด้วย

     งาเป็นแหล่งโปรตีนและแร่ธาตุ ธาตุเหล็ก บำรุงเลือด ธาตุไอโอดีน ป้องกันโรคคอพอก ธาตุสังกะสี บำรุงผิวหนัง ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส บำรุงกระดูกและฟัน กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า งามีแคลเซียมมากกว่าพืชผักชนิดอื่นถึง 20 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่าพืชผักอื่น ๆ 20 เท่า ซึ่งธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นแร่ธาตุที่สำคัญมาก ๆ ในการเสริมสร้างกระดูก

             ทางการแพทย์ถือว่า งาเป็นอาหารที่สามารถบำรุงกำลังได้เป็นอย่างดีและยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ยังป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันอาการท้องผูก บำรุงกระดูก บำรุงรากผม รักษาอาการนอนไม่หลับ และยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดบางชนิด     สรรพคุณทางยา หากปัสสาวะ อุจจาระขัด ใช้เมล็ดงา 20-25 กรัม แช่ในน้ำเดือด หรือต้ม             

รับประทานขณะท้องว่าง ถ้าความดันโลหิตสูงให้ใช้ เมล็ดงา น้ำส้ม ซีอิ๊วและน้ำผึ้งอย่างละ 30 กรัม ผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง คนให้เข้ากันแล้วต้มด้วยไฟอ่อน ๆ จนสุก รับประทานวันละ 3 ครั้งเป็นประจำ ถ้าไอแห้ง ไม่มีเสมหะ ให้นำเมล็ดงา 250 กรัม น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม บดรวมกันรับประทานครั้งละ 15-20 กรัม จากนั้นนำผงที่ได้เติมน้ำเดือดไว้สัก 2-3 นาที ดื่มขณะยังอุ่น ๆ วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น นอกจากนี้น้ำมันงายังกระตุ้นการงอกของเส้นผม โดยไปเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตรอบ ๆ รูขุมขนบนหนังศีรษะ เพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวพรรณ และต้านอนุมูลอิสระ บำรุงเส้นผม ป้องกันการแก่ตัวและยืดอายุเซลล์ผิวหนังอีกด้วย


* DSC02494.JPG (108.87 KB, 500x375 - ดู 2346 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2014, 23:01:27 »

เรียนผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
แจ้งสำหรับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด
- ทางเราสามารถจัดส่งให้ท่านทางไปรษณีย์ได้ โดยค่าส่งคิดตามน้ำหนักสินค้า ซึ่งถ้าลูกค้าไม่รีบมากนัก เราจะจัดส่งให้ในแบบพัสดุธรรมดา (2 กก. = 50 บาท)เพียงโทรติดต่อซื้อ-ขายผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ 086-1882844
การจัดส่งสินค้า เราจะส่งให้ลูกค้าหลังจากที่ได้โอนค่าสินค้า+ค่าส่งให้เราเรียบร้อยแล้ว
- ย้ำเสมอ หลังจากโอนค่าสินค้าเรียบร้อยแล้วกรุณาโทรแจ้งผมด้วย ผมจะได้รีบส่งสินค้าให้คุณ พร้อมบอกที่อยู่ที่ชัดเจนเพื่อการจัดส่งอย่างถูกต้อง

- สำหรับลูกค้าที่จะมาซื้อสินค้าเอง ให้โทรนัดผมล่วงหน้า เนื่องจากผมมีงานประจำที่ต้องทำ และเราไม่มีหน้าร้านสำหรับขายสินค้าด้วย
- ลูกค้าที่ต้องการมาซื้อสินค้าเอง อาจไปพบ"ยายแดง" ได้ที่ลานขายสินค้าหลังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เราขายที่นั่นทุกวัน จันทร์ -พุธ-ศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น.
- ลูกค้าที่มาซื้อถึงที่ คุณอาจได้รับราคาพิเศษ(ถูกกว่า)ในสินค้าบางรายการ

ขอบคุณครับ
ประพันธ์
086-1882844
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2014, 11:17:23 »

ว่าด้วยเรื่องของ

ถั่วขาว

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
"ซึ่งใน "ถั่วขาว" นั้นมีคุณสมบัติพิเศษ เพราะมีสารสำคัญที่ชื่อว่า ฟาซิโอลามีน (Phaseolamin) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เอนไซม์อะไมเลสเป็นกลาง ดังนั้น แป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่เราบริโภคเข้าไป จึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ หากได้รับ "ถั่วขาว" เข้าไป นั่นคือร่างกายจะได้รับพลังงาน (แคลอรี) จากแป้งลดลงในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งมีผลทำให้การสะสมของไขมันที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนรูปของน้ำตาลเป็นไขมันลดลงด้วย เมื่อร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง ไม่เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวัน ร่างกายจึงต้องเผาผลาญไขมันเก่าที่สะสมออกมาใช้มากขึ้น จึงทำให้น้ำหนักลดลงโดยไม่ต้องใช้วิธีอดอาหาร" ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเสริม

     ด้านเมย์-ภัทรวรินทร์ ทิมกุล หนึ่งในสาวรักสุขภาพที่นิยมการนำ "ถั่วขาว" มามิกซ์กับเมนูอาหารในแต่ละวัน เปิดเผยว่า "เมื่อก่อนเมย์เป็นคนที่ชอบกินมาก ชอบหมดทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารอิตาเลียน ซึ่งส่วนมากอาหารเหล่านี้จะมีแป้งเป็นส่วนประกอบเกือบทั้งหมด ทานแบบไม่ควบคุมตัวเองเลย จนน้ำหนักขึ้นถึง 96 กิโลกรัม ลองทานยาลดความอ้วนมาหลายชนิด รู้สึกว่าทานแล้วมันมีโยโย่ อารมณ์ก็หงุดหงิด พลอยให้คนรอบข้างหงุดหงิดไปด้วย ศึกษามาเรื่อยๆ จนรู้ถึงคุณสมบัติของถั่วขาวที่ช่วยในการดักจับคาร์โบไฮเดรต ลองมิกซ์กับเมนูอาหารที่บ้าน ในทุกๆ มื้อก็จะเลือกผสมถั่วขาวด้วย เรากินด้วยคุณแม่กินด้วย ไม่นานนะ น้ำหนักก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จนตอนนี้ 58 กิโลกรัมแล้วค่ะ ตอนนี้เลยเอาที่สะดวกลองหาซื้อแบบแคปซูลที่เขาสกัดมาจากถั่วขาวเลย ก็เรียกได้ว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเมย์นะ ไม่ยุ่งยากแถมรูปร่างดี กินอะไรก็ไม่ต้องกลัวอ้วนอีกต่อไปแล้วค่ะ".


* DSC07390.JPG (79.56 KB, 500x375 - ดู 3069 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2014, 14:11:00 »

จัดส่งสินค้าเรียบร้อยแล้วครับ รายละเอียดลูกค้าที่จัดส่งสินค้าวันนี้ (6 /11/57)ตามรูปภาพที่แนบมานะครับ


* งาน.jpg (48.89 KB, 384x1357 - ดู 2195 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2014, 23:48:45 »

ว่าด้วยเรื่องของจมูกข้าวสาลี

จมูกข้าวสาลี-อบ  (วีทเจอร์ม)

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

Roasted  Wheat germ

          จมูกข้าวสาลี (Wheatgerm)  เป็นส่วนปลายของเมล็ดข้าวสาลีที่ได้จากการสีข้าวเพื่อนำไปโม่เป็นแป้ง เป็นแหล่งสะสมอาหารต่างๆ เพื่อเลี้ยงต้นอ่อน มีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ ที่ถูกอบจนเหลืองและมีกลิ่นหอม   จมูกข้าวสาลีอุดมด้วยสารอาหารมากมาย คือ วิตามินอี ซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์ป้องกันโรคมะเร็ง  โรคหลอดเลือดหัวใจ  เส้นโลหิตในสมองแตก  และต้อกระจก  มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 ป้องกันโรคหัวใจ  มีเส้นใยอาหารช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและโรคเกี่ยวกับลำไส้ มีวิตามินบี 1  วิตามินบี 6  ไนอาซีน และกรดโฟเลท


          จมูกข้าวสาลี 25 กรัม ให้พลังงาน 76 แคลอรี  ไขมัน 2.3 กรัม  เส้นใยอาหาร 2.4 มิลลิกรัม  กรดโฟเลท 83 ไมโครกรัม  เหล็ก 2.1 มิลลิกรัม  ไนอาซีน 1.1 มิลลิกรัม  โพแทสเซียม 238 มิลลิกรัม  โปรตีน 6.7 กรัม  วิตามินบี1 0.5 มิลลิกรัม  วิตามินบี6 0.8 มิลลิกรัม  วิตามินอี 5.5 มิลลิกรัม  สังกะสี 4.3 มิลลิกรัม

          ควรรับประทานจมูกข้าวสาลีวันละ 25 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ จึงจะได้ประโยชน์ดังกล่าว จมูกข้าวสาลีสามารถนำมาปรุงอาหารได้สะดวกและรวดเร็วเพราะอบสุกมาแล้ว ใช้โรยใส่เครื่องดื่มร้อน เช่น นมสด โกโก้ร้อน หรือใส่ในสลัดผักสดน้ำใส ใส่ในส่วนผสมเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ คุกกี้ ฯลฯ  ข้อสำคัญต้องรับประทานอาหารที่ใส่จมูกข้าวสาลีพร้อมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูงในมื้อเดียวกัน เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่างๆ ในจมูกข้าวสาลีไปใช้ได้ดี

วิธีรับประทาน
ผสมในเครื่องดื่ม  โรยบนอาหาร  ผสมในข้าวต้ม  คุกกี้  ไข่เจียว  หรือชงกับนมให้เด็กรับประทาน
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2014, 01:08:35 »

แจ้งรายละเอียดสำหรับการส่งสินค้าในวันนี้ ใครเป็นใครดูกันเองได้นะครับ
ขอขอบพระคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่อุดหนุนสินค้าของเรานะครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2014, 01:11:25 โดย dokkaew20 » IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2014, 14:10:54 »

ว่าด้วยเรื่องของรำข้าว

'รำข้าว-จมูกข้าว' ของดีที่ให้"หมู"กิน

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ข้าวถือเป็นอาหารสุดยอดที่ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหาร ช่วยให้อุจจาระนุ่มแถมยังมีวิตามินบี และอีซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่ง

รำข้าวที่ว่านี้ อาจเป็นรำข้าวคั่วที่มีขายทั่วไปตามร้านสุขภาพร้านมังสวิรัติ หรืออาจซื้อหารำข้าวสะอาดมาอบเชื้อด้วยตนเอง และรวมถึงการรับประทานข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ หรือผลิตภัณฑ์เช่นข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีท ซึ่งทำจากเมล็ดข้าวที่มิได้ขัดขาวก็พอใช้ได้ครับ แต่ไม่ดีเท่ารำแท้ๆ

ศูนย์โภชนาการของมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ในอังกฤษได้ทดสอบประสิทธิภาพของรำข้าว พบว่า แม้การทานรำข้าวหรือข้าวซ้อมมือวันละเล็กละน้อย ก็สามารถช่วยผู้ป่วยท้องผูกด้วยสาเหตุธรรมดา ทำให้อุจจาระนุ่ม ถ่ายง่ายขึ้นถึงร้อยละ 60 จึงแสดงให้เห็นว่า ปัญหาท้องผูกในคนส่วนใหญ่ เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกากน้อยนั่นเอง

ดร.เดนนิส เขอร์กิต ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง ให้ความเห็นว่า คนโบราณหรือบรรพบุรุษของพวกเรานั้น กินเมล็ดข้าวไม่ขัดถึงวันละประมาณครึ่งกิโล

แต่ทุกวันนี้เรากินลดลงเพียงหนึ่งในห้าของคนโบราณเท่านั้น แถมข้าวที่เรากินยังขัดเสียขาวสะอาดจนไม่เหลือจมูกข้าว รำข้าว หรือผิวชั้นนอกที่อุดมด้วยเส้นใยกากอาหารและวิตามินมีประโยชน์หลายชนิด ถึงแม้จะมีความรู้เช่นนี้แล้ว หลายคนก็อาจรู้สึกลังเลและไม่สะดวกที่จะกินรำ "ก็ฉันไม่ใช่หมูนี่คะ จะได้กินรำข้าวกับหยวกกล้วย !"

จริงครับ พูดง่าย ทำยาก แต่หากคุณรักสุขภาพตนเอง มองเห็นข้อดีของการประสานตนเองให้กลมกลืนกับธรรมชาติ คุณคงไม่ปฏิเสธอาหารอันมีคุณค่าที่เราเอาไปยกให้หมูกิน ทดลองดูได้ ไม่ต้องหาซื้อยาฝรั่งที่อาจเป็นอันตราย
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2014, 23:43:43 »



ว่าด้วยเรื่องของลูกเดือย
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
เรื่องน่ารู้ของเดือย : ธัญพืชเพื่อสุขภาพ ขับปัสสาวะ ต้านมะเร็ง รักษาหูด

ในสมัยเด็ก เคยเห็นต้นเดือยอยู่หนึ่งกอที่ข้างบ่อน้ำหลังบ้าน เมล็ดลูกเดือยลักษณะเหมือนหยดน้ำ เปลือกแข็งๆ มีไส้ตรงกลาง เวลาดึงออกจะเป็นรูให้เด็กน้อยร้อยเป็นสายสร้อยใส่ได้อย่างดี มันดูสวยงามยิ่งนักในความรู้สึกของเด็กๆ ในงานบุญที่วัดตอนออกพรรษา ยังเห็นพวกผู้ใหญ่เอาลูกเดือยมาร้อยเป็นพวงระย้า ตกแต่ง แวววาว ประดับประดาปนกับดอกไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ต่างๆ ดูสวยงามราวกับการเฉลิมฉลองการกลับมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากสรวงสวรรค์จริงๆ

ตอนนั้นรู้ว่าลูกเดือยกินได้เพราะพวกผู้ใหญ่เอามาทำขนมลูกเดือยเปียกให้กิน ผู้ใหญ่มักบอกว่ากินลูกเดือยแล้วมันเป็นยา จึงพยายามกัดแทะเจ้าลูกเดือยหินหลังบ้านกินบ้างแต่ก็กัดไม่เข้าเพราะเปลือกมันแข็งมาก พอโตขึ้นจึงรู้ว่าลูกเดือยมีสองชนิด ชนิดที่มีเปลือกผลแข็งชาวบ้านมักเรียก เดือยหิน เป็นชนิดที่กินไม่ได้ แต่ชาวบ้านนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นยาและไว้ทำสายสร้อย ชาวเขาพวกกะเหรี่ยงแม้วยังปลูกไว้ทำเป็นลูกปัดประดับกระเป๋า ย่าม เสื้อ เป็นต้น และอีกชนิดที่มีเปลือกผลอ่อนนั้นกินได้ ชาวบ้านเรียก เดือยกิน หรือ เดือย เฉยๆ ซึ่งมีการปลูกเพื่อใช้ทำเป็นอาหารและทำยาได้เช่นกัน

การที่เจ้า เดือยหิน มีเปลือกแข็งกินไม่ได้นั้นกระมัง จึงทำให้ตอนนี้เดือยหินได้หายไปจากหมู่บ้านจนไม่มีเหลือเลยสักกอ ทั้งที่แต่ก่อนมีอยู่ตั้งหลายกอ สายสร้อยมุกแสนสวยของเด็กน้อยเลยหายไปด้วย ในงานวัดจึงเหลือแต่สายสร้อยพลาสติกสีฉูดฉาดตามตลาดมาแขวนแทน ใครจะรู้บ้างนะว่าคนโบราณเชื่อว่า ถ้าสวมสายสร้อยที่ร้อยด้วยลูกเดือยแล้วจะทำให้ “โชคดี”

ส่วนเดือยกินนั้นไม่เคยมีในหมู่บ้านอยู่แล้ว ถ้าอยากทำขนมก็จะไปหาซื้อมาจากตลาด เจ้าเดือยกินนั้นอาการไม่น่าเป็นห่วงเพราะยังมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยังใช้ทำอาหารหวานกินกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำได้หลากหลายแบบโดยต้องทำให้สุกก่อนเช่น ทำลูกเดือยเปียก ลูกเดือยใส่กะทิ ใส่น้ำแข็งไส ใส่น้ำเต้าหู้ น้ำเต้าทึง เป็นต้น

เดือย… ยาขับปัสสาวะ รักษาระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าอีกสี่สิบปีภายหลัง ได้มีโอกาสเจอเจ้า เดือยหิน อีกครั้ง เนื่องจากตัวเองป่วยเป็นโรคระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ คุณแม่ของเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ซึ่งอยู่ที่บ้านชุมชนไทยพวน ตำบลบ้านดงกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรีได้ฝากยาต้มมาให้ ยาต้มที่ว่านี้ประกอบด้วยตัวยา ๓ อย่างคือ เดือยหินทั้ง ๕ หญ้าหนวดแมว ซาคนที (คนทีสอ) ต้มเคี่ยวเข้าด้วยกัน หลังจากกินยาตำรับนี้แล้วอาการดีขึ้น ยาตำรับนี้เป็นตำรับประจำของคุณยายอายุ ๘๔ ปี ซึ่งมีอาการปัสสาวะไม่ออก ปวดปัสสาวะแต่ปัสสาวะออกนิดเดียว ซึ่งคุณยายมักมีอาการนี้เป็นประจำ ทางบ้านจึงมีตำรับนี้ไว้ให้คุณยายใช้เมื่อมีอาการและได้ทราบว่าในชุมชนไทยพวนที่บ้านดงกระทงยาม และอีกหลายบ้านปลูกเดือยหินไว้เพื่อใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (รักษาอาการหลังเวลาปัสสาวะแล้วยังรู้สึกปวดปัสสาวะอยู่ หรือมีอาการปวดปัสสาวะแต่ปัสสาวะเป็นหยด ปัสสาวะไม่ออก ที่ทางการแพทย์แผนใหม่จะเรียกโรคและอาการนี้ว่า “ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ”)

นอกจากใช้เป็นยาขับปัสสาวะแล้ว หมอยาในหลายพื้นที่ยังนิยมใช้รากเดือยต้มกินแก้ปวด แก้ไข้ แก้ไอ อีกด้วย

พืชตระกูลข้าวส่วนใหญ่แล้วจะมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ เดือยก็เช่นกัน โดยมากฤทธิ์จะอยู่ที่ราก วิธีใช้ให้เอาทั้ง ๕ ต้มกินเป็นยาขับปัสสาวะ จะใช้เป็นเดือยตัวเดียวหรือใช้ร่วมกับสมุนไพรที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะตัวอื่นก็ได้ การที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะนั้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการรักษาระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแล้ว ยังช่วย “ลดอาการบวมน้ำ ลดความดัน” ได้ด้วย

ลูกเดือย…สุดยอดธัญพืชเพื่อสุขภาพ สมุนไพรต้านมะเร็ง
ในอดีตคนจีนนิยมใช้ลูกเดือยผสมกับข้าวต้มรับประทาน เพื่อบำรุงกำลัง หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้บวมน้ำ ปวดข้อเรื้อรัง บำรุงม้ามและปอด แก้ท้องเสีย แก้เหน็บชา ทำให้ผิวสวย แก้ร้อนใน และยังช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง ลูกเดือยให้พลังงานแก่ร่างกายสูงจึงมีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง ที่สำคัญคือมีวิตามินบีหนึ่งมากกว่าข้าวกล้อง การที่มีวิตามินบีหนึ่งสูงนี่เองทำให้ลูกเดือยช่วย “แก้เหน็บชา” ตามความเชื่อของชาวจีนได้

เดือยเป็นอาหารสมุนไพรที่ “เหมาะกับผู้หญิง” อย่างยิ่ง คนสมัยก่อนเชื่อว่ากินลูกเดือยทำให้ผิวสวย ผมสวย บำรุงมดลูก การศึกษาสมัยใหม่พบว่าสารสกัดด้วยน้ำหรือตัวทำละลายอินทรีย์ จากรากหรือเมล็ดเดือยมีฤทธิ์ทำให้การหมุนเวียนของเลือดที่ผิวหนังดีขึ้น ทำให้เส้นผมเจริญดีขึ้น ทั้งยังมีการศึกษาพบว่าสารสกัดของลูกเดือยมีผลกระตุ้นการเจริญของ ovarian follicle และกระตุ้นให้ไข่ตก

นอกจากนี้เดือยยังเป็นส่วนประกอบหนึ่งใน น้ำอาร์ซี เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพยอดฮิตของผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยบำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยให้กินอาหารได้ นอนหลับ ป้องกันโรคเหน็บชา โดยน้ำอาร์ซีนั้นประกอบด้วยข้าว ๙ ชนิด มีข้าวซ้อมมือ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น ข้าวทั้ง ๙ ชนิดนี้จะเอามาต้มรวมกัน โดยใส่เม็ดบัวและลูกเดือยเข้าไปด้วย เมื่อข้าวต่างๆ นอนก้นแล้วจึงตักน้ำใสๆ มาดื่มขณะที่ยังร้อน น้ำใสๆ นั้นเรียกว่า “น้ำอาร์ซี” ซึ่งจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าสาร coixenolide ในเมล็ดเดือย มีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริญของเนื้องอก เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้น น้ำลูกเดือย หรือน้ำที่มีลูกเดือยเป็นส่วนประกอบอย่างเช่น น้ำอาร์ซีนั้น จึงเหมาะที่จะเป็นเครื่องดื่มของผู้ป่วยมะเร็งอย่างยิ่ง

น้ำอาร์ซี (RC, rejuvenating concoction) มาจากคำที่ คุณสาทิส อินทรกำแหง ต้นตำรับแนวคิด “ชีวจิต” ให้บัญญัติคำนี้ขึ้นมาแปลเป็นไทยได้ว่า “ส่วนผสมเพื่อเพิ่มความกระชุ่มกระชวย”

ลูกเดือย…แก้หูดเรื้อรัง ต้านเนื้องอก
ชาวบ้านในอดีตนิยมใช้ลูกเดือยต้มกินรักษาเนื้องอกในท้อง ปอด และหูด ในตำรายาจีน ลูกเดือยยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคหูดที่มักจะเป็นเรื้อรัง โดยมีการทดลองในคนไข้ ๒๓ ราย ให้กินลูกเดือย ๖๐ กรัม ต้มรวมกับข้าวรับประทานวันละ ๑ ครั้ง ติดต่อกันจนกว่าจะหาย หลังจากกินลูกเดือยติดต่อกัน ๗-๗๖ วัน ได้ผลหายขาด ๑๑ ราย อาการดีขึ้น ๘ ราย ไม่ได้ผล ๖ ราย ซึ่งอาจเป็นเพราะสารจากลูกเดือยมีฤทธิ์ทำให้เลือดมาเลี้ยงที่ผิวหนังดีขึ้นหรือจากฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกก็แล้วแต่ ในท่านที่ต้องทนทุกข์กับการผ่าหูดแล้วผ่าหูดอีกไม่หายสักที ควรจะลองดูก็ไม่น่าเสียหายอะไร

ตำรับข้าวต้มลูกเดือย
ข้าวกล้อง ๒ ส่วน
ลูกเดือย ๑ ส่วน
วิธีทำ ต้มลูกเดือยให้พองก่อน แล้วค่อยใส่ข้าวสารลงไปต้มด้วย เมื่อข้าวและลูกเดือยนิ่มดีแล้วนำมารับประทานแบบข้าวต้ม

ปัจจุบันจีนสกัดสารจากเมล็ดเดือยเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาและป้องกันมะเร็ง โดยยับยั้งและฆ่าเซลล์มะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อช่วยในการกำจัดมะเร็ง ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น ช่วยลดความปวดจากมะเร็ง ทำให้น้ำหนักที่ลดลงเพิ่มขึ้น ลดผลข้างเคียงของการฉายรังสีและเคมีบำบัด โดยไม่มีผลต่อตับ ไต หัวใจและเลือด และสามารถใช้ร่วมกันได้ดีกับการรักษาโดยการผ่าตัด

การศึกษาทางเภสัชวิทยา พบฤทธิ์ที่สำคัญได้แก่ ขับปัสสาวะ แก้ปวด ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลและลดคอเลสเตอรอลในเลือด กดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการตกไข่ เป็นต้น
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2014, 15:09:51 »



ว่าด้วยเรื่องของข้าวRC หรือ น้ำRC

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

 คุณหรือเปล่าที่

ตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง รู้สึกเพลียบ่อยๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงตอนสายๆ ตอนบ่าย และไม่ใช่เพลียอย่างเดียว อารมณ์ก็หงุดหงิด เบื่อไปหมดทุกอย่าง แล้วคุณก็แก้ด้วยการซดกาแฟเข้มๆเข้าไป ฉับพลันก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกาแฟหมดฤทธิ์ อาการเก่าก็กลับมาอีก แล้วคุณก็ต้องตามแก้ด้วยการซดกาแฟถ้วยใหม่เข้าไปเหมือนเดิม อาการที่ว่านี้แท้ที่จริงเป็นผลจาก น้ำตาลในเลือดตก นั่นเอง ชีวจิตมีวิธีแก้ ด้วยการแนะนำให้ดื่มน้ำอาร์.ซี. ค่ะ

R.C. ย่อมาจาก Rejuvenating Concoction

    Rejuvenating แปลว่า กระปรี้กระเปร่า กระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวา

    Concoction แปลว่า การเอาน้ำต่างๆมาต้มเคี่ยวรวมกัน

น้ำอาร์.ซี.จึงเป็นน้ำที่ดื่มเพื่อความกระปรี้กระเปร่า ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียด้วย เพราะมีส่วนประกอบของ กลูโคส (น้ำตาล) DNA/RNA และวิตามินแร่ธาตุ จากธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยแก้อาการอ่อนเพลียนี้ได้ค่ะ >>

วิธีทำน้ำอาร์ซี

1. เริ่มจากนำข้าวเปลือกแข็ง ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย และลูกบัว อย่างละ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 2 ลิตร ต้มจนเดือด จากนั้น...

2. ใส่ข้าวแข็งปานกลาง คือ ข้าวซ้อมมือ ข้าวเหนียวซ้อมมือ และข้าวแดง (ข้าวมันปู) อย่างละ 2 กำมือ ตามลงไป ต้มจนเดือดเป็นครั้งที่สอง และ...

3. ใส่ข้าวโอ๊ต 1 กำมือเป็นส่วนสุดท้าย แล้วปิดไฟทันที ปล่อยให้ข้าวต่างๆนอนก้น ตักเอาแต่น้ำใสๆ ดื่มร้อนๆ อาจเติมจมูกข้าวสาลีและงาดำลงไปด้วย เพื่อเพิ่มคุณค่าและให้กลิ่นที่หอมน่าดื่มยิ่งขึ้น

การเก็บรักษา : เก็บใส่ในกระติกเก็บความร้อน

ระยะเวลาการเก็บ : ควรดื่มให้หมดภายในหนึ่งวัน หากมีรสเปรี้ยวควรเททิ้งไป สำหรับกากข้าวอาร์ซี. ให้เติมน้ำต้มต่อทำเป็นข้าวต้ม หรือจะหุงเป็นข้าวสวยก็อร่อยเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเติมฟักทอง เผือก หรือมันเทศ หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าลงไปด้วย จะทำให้ข้าวชามนี้อร่อยและมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2014, 22:14:48 »

ว่าด้วยเรื่องของ ถั่ว5สี
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

สูตร ถั่ว 5 สี (ลดน้ำหนัก)


ถั่วห้าสี

ถั่วดำ    1    ขีด (บำรุงไต)        

ถั่วเขียว 1    ขีด (บำรุงตับ)  

ถั่วแดง  1    ขีด (บำรุงหัวใจ)

ถั่วเหลือง    1    ขีด (บำรุงม้าม)

ถั่วขาว  1    ขีด (บำรุงปอด)  (ถ้าไม่มีใช้ลูกเดือยแทนได้)

นำไปคั่วให้สุกก่อนแล้วแช่ในน้ำไว้   1 คืน

วิธีทำ

     นำถั่วที่แช่ไว้ล้างให้สะอาด   ต้มในหม้อใบใหญ่ใส่น้ำมากๆกรองเอากากออก   นำน้ำที่ได้ไปต้มให้เดือดเติมน้ำตาลแดงเล็กน้อย   หรือจะไม่ใส่ก็ได้   รับประทานได้เลย

สรรพคุณ

-    บำรุงกระดูก

-    บำรุงเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ

-    ช่วยลดน้ำหนัก

-    ผิวพรรณสดใส

-    ช่วยสร้างเม็ดเลือด

-    บำรุงการเจริญเติบโตของเด็กด้วยโปรตีนจากถั่ว

-    ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง จากการเจ็บป่วยหรืออ่อนเพลีย


ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือนาฬิกาชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 พฤศจิกายน 2014, 22:17:09 โดย dokkaew20 » IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2014, 00:17:14 »

ว่าด้วยเรื่องของ ข้าวกล้อง
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
ประโยชน์มากมายของการกินข้าวกล้อง


• ได้วิตามินบีรวมช่วยป้องกันและบรรเทาอาหารอ่อนเพลีย แขน ขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ
โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมองทำให้เจริญอาหาร
• ได้วิตามินบี 1 ซึ่งถ้ากินเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคเหน็บชาได้
• ได้วิตามินบี 2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก
• ได้ฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
• ได้แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว
• ได้ทองแดง สร้างเมล็ดโลหิต และเฮโมโกลบิน
• ได้ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
• ได้โปรตีน ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ
• ได้ไขมัน ให้พลังงานแก่ร่างกาย ไขมันในข้าวกล้องเป็นไขมันที่ดี ไม่มีโคเรสเตอรอล
• ได้ไนอะซิน ช่วยระบบผิวหนังและเส้นประสาท และป้องกันโรคเพลลากรา
(โรคที่เกิดจากการขาดไนอะซิน จะมีอาการท้องเสีย ประสาทไหว โรคผิวหนัง)
• ได้คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานแก่ร่างกาย
• ได้กากอาหาร ข้าวกล้องมีกากอาหารมาก ซึ่งจะทำให้ท้องไม่ผูก
และช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้อีกด้วย
• วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ในข้าวกล้องจะช่วยให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2014, 14:33:26 »

ส่งสินค้าให้ทุกคนแล้วนะครับ รายละเอียดตามนี้เลย ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม


IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2014, 23:03:57 »

งาขาวกับงาดำ ต่างกันอย่างไร
    ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

งาขาวกับงาดำ ต่างกันอย่างไร แล้วมีประโยชน์อย่างไรบ้าง


ขาวกับงาดำเป็นพืชล้มลุกชนิดเดียวกัน มีสรรพคุณใกล้เคียงกัน แหล่งที่ปลูกงามากอยู่ที่จีน อินเดีย ไปจนถึงเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา งาเป็นต้นไม้ขนาดเล็กสูง 1-2 เมตร มีใบบอบบาง ดอกสีขาวหรือชมพู เมื่อผลแก่จัด จะได้เมล็ดงาจำนวนมากในฝักนั้น


งามีคุณค่าอาหารสูง มาก ชาวจีนถึงกับเปรียบไว้ว่า "กินงามีคุณค่าเปรียบได้ดั่งกินหยก"


เมล็ดงามีน้ำมันสูงถึง 35-57% น้ำมันที่สกัดได้เป็นน้ำมันที่ดีเยี่ยม มีกรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ช่วยลดความดันเลือด ป้องกันการเกิดเกล็ดเลือดที่เกาะตัวกันเป็นลิ่ม ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันโรค น้ำมันงาเก็บไว้ได้นาน ไม่เหม็นหืนง่ายเหมือนน้ำมันชนิดอื่น และไม่จับแข็งเป็นก้อน


งามีผลในการระบายท้อง จิบเพียง 1 ช้อนชาก่อนนอน อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูก แต่อย่าใช้ขณะท้องร่วง น้ำมันงาใช้ลดการหมักหมมในช่องท้อง โดยทานน้ำมันงาดิบๆ 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะ ขณะท้องว่าง เพื่อให้ลำไส้ขับสิ่งที่หมักหมมอยู่ออกไป


มาถึงโปรตีนบ้าง งามีโปรตีนมากถึง 20% โปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอะมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่มีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ต้องอาศัยจากการกินอาหารมีอยู่ 9 ชนิด ซึ่งมีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน จะขาดแต่กรดอะมิโนจำเป็นตัวหนึ่ง ชื่อ เมทไธโอนีน ที่มีอยู่น้อยไม่พอเพียงแต่กลับมีมากในเมล็ดงา ดังนั้น ถ้ากินถั่วพร้อมกับงาก็จะได้โปรตีนครบถ้วน

งามีแร่ธาตุมากราว 4.1-6.5% ที่สำคัญคือ ธาตุเหล็ก ไอโอ ดีน สังกะสี แคลเซียม ฟอสฟอรัส โดยธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด ธาตุไอโอดีนป้องกันโรคคอพอก ธาตุสังกะสี บำรุงผิวหนัง แคลเซียม และฟอสฟอรัส บำรุงกระดูกและฟัน และทำให้ไม่เป็นตะคริวง่าย ซึ่งงามีแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไป 40 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่าพืชผักทั่วไป 20 เท่า อุดมด้วยวิตามินบี ทั้ง บี1 บี2 บี3 และบี5 บี6 บี9 ไบโอติน โคลิน ไอโนสิตอล กรดพาราอะมิโนเบนโซอิก ซึ่งช่วยบำรุงประสาท เรียกว่ามีวิตามินบีเกือบครบ ขาดไปชนิดเดียวคือ บี12 (มีในถั่วหมัก ซีอิ๊ว และเต้าเจี้ยว) ดังนั้นหากมีอาการไม่สบายต่างๆ ที่เกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขนขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ควรหันมากินงาเป็นประจำ


นอกจากนี้ งายังเป็นอาหารต้านมะเร็งด้วย นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า สารเซซามอลที่มีอยู่ในงาป้องกันมะเร็งได้และงามีวิตามินอี ซึ่งเป็นอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่มสาวและแก่ช้าลง และมีเลซิติน ที่มีความสำคัญมากต่อความสมบูรณ์ของร่างกาย เพราะเลซิตินเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท สมอง หัวใจ ไต และต่อมไร้ท่อ

ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆจาก ข่าวสดรายวัน และ saisampan.net
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 12 พฤศจิกายน 2014, 23:04:36 »

ว่าด้วยเรื่องของ ธัญพืชงอก

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
นักวิจัย มทร.กาฬสินธุ์ อวดงานวิจัยอาหารเสริมสุขภาพผู้สูงวัยจากธัญพืชในท้องถิ่น พร้อมต่อยอดผลงานประสาน สสจ.กระจายความรู้สู่ผู้สูงอายุ นำร่อง ในอ.ยางตลาด-กุฉินารายณ์
       
       นางพนอจิต นิติสุข หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.)วิทยาเขตกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ(UNFPA)ที่ระบุว่า ในอนาาคตโลกกำลังจะเต็มไปด้วย “ผู้สูงอายุ”โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา จากการสำรวจสถิติประชากรโลกพบว่าประชากร 1 ใน 10 เป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
       
       “สำหรับประเทศไทยพบว่า ในปี 2543 มีสถิติการเพิ่มจำนวนของผู้สูงอายุถึงร้อยละ 7.5 สถิติล่าสุดในปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.8 หรือ 7.5 ล้านคน ทำให้มีคาดการณ์กันว่าในปี 2563 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มมากถึงร้อยละ 15.28”
       
       นางพนอจิต กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดปัญหาความเสื่อมถอยของสมรรถนะของร่างกายกับผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สูงอายุจะต้องได้รับอาหารเพื่อช่วยเสริมสร้าง ซ่อมแซม ต้านทาน หรือลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ทางคณะวิจัย มทร.กาฬสินธุ์จึงได้วิจัยและพัฒนา “ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มวัยทองและวัยสูงอายุ” โดยนำพืชผักและผลไม้ท้องถิ่น อาทิ ข้าวกล้อง ข้าวเหนียวดำ ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง งาดำ ไปผ่านกระบวนการ “เพาะงอก” ซึ่งคล้ายกับการทำข้าวต้ม คือ การนำข้าวหรือเมล็ดถั่วแช่น้ำห่อผ้าขาวบางใส่ในถุงดำ นานประมาณ 1 ชม.แล้วหมั่นคอยเปลี่ยนน้ำ รวมทั้งสังเกตดูติ่งในส่วนที่เป็นเจิมของข้าวที่งอกออกมา แล้วนำทุกอย่างมาปั่นรวมกัน จากนั้นนำไปต้มเพื่อรับประทาน เป็นอันเสร็จกระบวนการนำไปบริโภคได้ทันที
       

“ธัญพืชเพาะงอกเพื่อคนวัยทอง ” งานวิจัยจาก มทร.กาฬสินธุ์
        “เราจะนำเมล็ดพืชไปผ่านกระบวนการเพาะงอกเพื่อเพิ่มสารอาหารที่สำคัญและมีคุณประโยชน์ต่อรายกาย อาทิ “สารกาบา”และ “สารต้านอนุมูลอิสระ”ในข้าวกล้องเพาะงอกที่มีผลต่อฮอร์โมน ระบบประสาท การเผาผลาญไขมันในร่างกายรวมไปถึงโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ จากถั่วเพาะงอกที่ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายกว่า" หัวหน้าภาควิชาฯ จาก ทมร.อีสาน กล่าว
       
       งานวิจัยดังกล่าวจะต่อยอดด้วยทำงานวิจัยในเชิงลึกเพื่อตรวจหาสารสำคัญหลังการผ่านกระบวนการทำให้แห้ง และอาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของ ถั่วชนิดต่างๆ ที่ต่างสีต่างสายพันธุ์ จะให้สารสำคัญต่างกันหรือไม่รวมไปถึงการนำเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเลเข้ามาใส่ เพื่อขยายผลต่อไป
       
       ด้าน อาจารย์หนูเดือน สาระบุตร ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารฯ กล่าวเสริมว่า นอกจากงานวิจัยในห้องทดลองแล้ว สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชน โดยร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ และ สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดการอบรมให้ความรู้และคำแนะนำในการดูแลตนเองรวมถึงการผลิตอาหารที่เหมาะสม ให้กับกลุ่มเป้าหมายวัยทองและผู้สูงอายุในพื้นที่ อ.ยางตลาด และ อ.กุฉินารายณ์ รวมกว่า 300คน โดยเน้นการใช้วัตถุดิบที่ปลูกได้ในท้องถิ่นที่มีราคาถูก และมีวิธีการปรุงหรือเตรียมการผลิตที่ไม่ยุ่งยากสามารถทำได้ในครัวเรือน
       
       “ปัญหาที่ชาวบ้านกังวลคือเรื่องของการเพาะงอก ซึ่งก็อธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจง่ายๆ ว่าใช้การสังเกตดู คือนำข้าวหรือเมล็ดถั่วแช่น้ำห่อผ้าขาวบางใส่ในถุงดำกะเวลานับชั่วโมงไป หมั่นคอยเปลี่ยนน้ำ แล้วก็คอยดูติ่งในส่วนที่เป็นเจิมของข้าวว่ามีการงอกออกมานิดหนึ่งก็เป็นอันใช้ได้ ชาวบ้านก็เข้าใจเพราะเหมือนกับการนำข้าวเปลือกไปแช่น้ำเพื่อเพาะกล้า พอเพาะงอกทุกอย่างแล้วก็เอาทุกอย่างมาปั่นรวมกัน เสร็จแล้วก็นำไปต้ม ง่ายเหมือนทำข้าวต้ม แต่แตกต่างตรงที่เราจะเอาวัตถุดิบทุกอย่างไปทำให้งอกก่อน ซึ่งการทำโจ๊กและเครื่องดื่มธัญพืชในลักษณะต้มสดมีข้อดีคือ ทำง่าย สะดวก วัตถุดิบหาได้ในท้องถิ่น ใช้ระยะเวลาสั้นในการปรุง ทำให้มีคุณค่าทางอาหารและโภชนาการค่อนข้างสูง เพราะไม่ได้ผ่านความร้อนนาน และยังได้คุณค่าทางอาหารเพิ่มจากส่วนหรือกระบวนการเพาะงอก อย่างข้าวก็ได้สารกาบา หรือข้าวเหนียวดำก็จะได้พวกสารสีแดงที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ” อาจารย์หนูเดือนระบุ
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2014, 10:56:30 »

ว่าด้วยเรื่องของ ข้าวกล้องเพาะงอก
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ประโยชน์ของข้าวกล้องเพาะงอก

1. มีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มฟิโนลิค (phenolic compounds) ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความแก่
2. สารออริซานอล (orizanal) ช่วยควบคุมระดับอาการผิดปกติของวัยทอง
3. สารกาบา (GABA) ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ (ความจำเสื่อม) ช่วยผ่อนคลาย
    ทำให้จิตใจสงบ หลับสบาย  ลดความเครียดวิตกกังวล ลดความดันโลหิต
4. กากใยอาหาร (food fiber) ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันมะเร็งลำไส้ และลดอาการท้องผูก
5. วิตามินอี (vitamin E) ลดการเหี่ยวย่นของผิว

ประโยชน์ที่ได้จากการรับประทานข้าวกล้องงอกนั้น นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่ได้รับจากสารกาบา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้สมองได้ผ่อนคลาย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ บำรุงระบบประสาท หรือลดความดันโลหิต การรับประทานข้าวกล้องงอกยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ช่วยระบบย่อยอาหาร ช่วยให้สมองผ่อนคลาย นอนหลับสบาย และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ด้วย แถมยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ไม่ให้แก่ก่อนวัยได้อีก ยังถือได้ว่าแค่รับประทานข้าวกล้องงอกครบถ้วนไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

แต่สารต่างๆในข้าวกล้องงอกล้วนมีประโยชน์มากมาย ดังนั้นข้าวกล้องงอกจึงมีประโยชน์ต่อทุกเพศ ทุกวัย ยกเว้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์ ที่ไม่ควรรับประทาน เพราะเมล็ดข้าวกล้อง หรือยอดผักต่างๆ ที่กำลังจะงอก จะมีสารยูริคจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเกาต์ ซึ่งเป็นโรคเกิดจากการที่มีสารยูริคจำนวนมากสะสมอยู่ตามข้อ จนเกิดการอักเสบนั่นเอง

ปัจจุบันผู้ประกอบการภาคเอกชนกำลังให้ความสนใจกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากข้าว ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าแนวทางการผลิตและจำหน่ายข้าวในปัจจุบันจะต้องมีการปรับตัวเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวและใช้ประโยชน์จากข้าวอย่างคุ้มค่าด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในประเทศไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) จึงได้ริเริ่มในการพัฒนาโครงการข้าวกล้องงอกเพื่อสุขภาพ โดยร่วมมือกับสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและกลุ่มธุรกิจข้าวรายใหญ่ของประเทศจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปทุมไรซซ์มิลล์ แอนด์ แกรนารี จำกัด บริษัท เจียเม้ง จำกัด และ บริษัท ธวัทชัย อินเตอร์ไรซ์ จำกัด ในการพัฒนาสายการผลิตต้นแบบสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมข้าวของประเทศไทย และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศ รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย ซึ่งโครงการนี้ มุ่งเน้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวกล้องงอกสำหรับรับประทาน ที่มีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม รับประทานง่าย และผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอกแปรรูปเพื่อสุขภาพต่าง ๆ เช่น อาหารว่าง ซุป และเครื่องดื่ม

ที่มา : สำนักวิจัยและพัฒนาข้าว  กรมการข้าว
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2014, 09:16:55 »

แจ้งสำหรับลูกค้าที่สั่งถั่วขาวป่น

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
จากปริมาณผู้สนใจที่เพิ่มมากขึ้น บางครั้งสินค้าหมด หลายคนไม่ได้สินค้าตามต้องการ ดังนั้น ในวันเสาร์-อาทิตย์นี้(15-16 พฤศจิกายน2557)เป็นรอบผลิตสินค้าใหม่เพิ่มเติมเป็นจำนวนอย่างละ 100 ถุง ทั้งขนาด 100 กรัมและ 500 กรัม ใครที่สั่งซื้อไว้ หรือสนใจเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข โทร.086-1882844

ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2014, 22:00:54 »

พรุ่งนี้ 17/11/57 รอบส่งสินค้าเช้า เวลา 09:00น. ใครสนใจรีบๆหน่อยนะครับ จะได้ส่งสินค้าไปพร้อมๆกัน ติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์ 0861882844 ได้ตลอดเวลาครับ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2014, 11:11:23 »

ว่าด้วยเรื่องของ ข้าวหอมนิล ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
***************************************************
คุณประโยชน์ของสีม่วงในข้าวเจ้าหอมนิล
          ข้าวเจ้าหอมนิลมีเมล็ดสีม่วงดำ เมื่อวิเคราะห์ปริมาณสีของเมล็ด สีม่วงดำประกอบไปด้วย สีม่วงเข้ม (cyanidin) สีชมพูอ่อน (peonidin) และสีน้ำตาล (procyanidin) ผสมกัน ซึ่งสีที่เห็นนั่นเป็นสารประกอบกลุ่ม flavonoid ที่เรียกว่า สารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ที่ประกอบไปด้วยสาร cyanidin กับ สาร peonidin           สารโปรแอนโทไซยานิดิน (proanthocyanidin) ประกอบด้วยสาร procyanidin ซึ่งสารดังกล่าวทั้งหมดนี้เป็นสาร antioxidant ที่ทำหน้าจับกับอนุมูลอิสระแล้วช่วยทำให้กลไกลการทำงานของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าปกติ
สารแอนโทไซยานิน มีรายงานวิจัยพบว่า สามารถช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ช่วยลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดที่หัวใจ และสมอง บรรเทาโรคเบาหวาน ช่วยบำรุงสายตาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นเวลามองตอนกลางคืน สาร cyanidin มีประสิทธิภาพในการ antioxidation ได้ดีกว่าวิตามินอี หลายเท่า และยังยับยั้งการเจริญเติบโตของ epidermal growth factor receptor ในเซลล์มะเร็ง สารโปรแอนโทไซยานิดิน หรือเรียกว่าสาร condensed tannins มีรายงานวิจัยพบว่า สารโปรแอนโทไซยานิดิน ทำการ antioxidation ได้ดีกว่าวิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน (beta-carotene) สาร โปรแอนโทไซยานิดิน ยังไปจับกับอนุภาคของกัมมันตภาพรังสีทำให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ และช่วยลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดป้องกันโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ยังยับยั้งการเจริญเติบของเซลล์มะเร็งเต้านม ปอด กระเพาะอาหาร และเม็ดเลือดขาว และยังป้องกันไวรัส HSV-1 และยับยั้งการทำงานของเอมไซม์ reverse transcriptase ใน ไวรัส HIV
IP : บันทึกการเข้า
dokkaew20
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,301


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2014, 23:45:20 »

คุณพิมพรรณ  PB576759038TH ส่งแล้ว 14/11/57 เวลา 11:40 น.
คุณเรณู PB576759302TH ส่งแล้ว 17/11/57เวลา 15:22 น.
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!