เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 เมษายน 2024, 06:41:14
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  กว๋างคำกับกระต่ายเผือก ผู้ไขปริศนากาลแห่งอนาคต ในตำนานพระเจ้าเลียบโลก
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน กว๋างคำกับกระต่ายเผือก ผู้ไขปริศนากาลแห่งอนาคต ในตำนานพระเจ้าเลียบโลก  (อ่าน 1891 ครั้ง)
Singhakara
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 03 มกราคม 2011, 01:21:42 »

แป๋งหัวมันไว้ก่อน....รมณ์ดีบ่าใดจะมาเล่าหื้อฟังเน้อ
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,576


canon eos


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 03 มกราคม 2011, 20:17:33 »

แป๋งหัวมันไว้ก่อน....รมณ์ดีบ่าใดจะมาเล่าหื้อฟังเน้อ

 ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม...โค๊ะ...จาอี้ก่ะมีห่อ
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ⒷⒼ*
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,369

นิพพานคือนิรันดร์


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 03 มกราคม 2011, 20:20:27 »

แป๋งหัวมันไว้ก่อน....รมณ์ดีบ่าใดจะมาเล่าหื้อฟังเน้อ

 ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม...โค๊ะ...จาอี้ก่ะมีห่อ

 ยิงฟันยิ้ม ข่ใจ๋อารมณ์ดีโว๊ยๆเน้อ   ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 04 มกราคม 2011, 10:28:58 »

วันนี้อารมณ์ดีก่อครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
۰•ฮักแม่จัน©®
เลวบ้างในบางเวลา
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,017


"มารบ่มี บารมี บ่เกิด.."


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 04 มกราคม 2011, 10:36:26 »

วันนี้อารมณ์ดีก่อครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

มานั่งเล่นอยู่ลุง  ไปล้างรถ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"ทำบุญเท่าไรก็ไม่สามารถลบล้างบาปได้ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป"

ไม่มีใครหรอกที่จะเลวโดยสันดาน ..
หากแต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ทำ
ละอ่อนเทิงพลัดถิ่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,436


รับทำและออกแบบเสื้อผ้าวัยรุ่นชาย โทร.0909027407(ญา


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 04 มกราคม 2011, 20:59:36 »

แป๋งหัวมันไว้ก่อน....รมณ์ดีบ่าใดจะมาเล่าหื้อฟังเน้อ

 ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม...โค๊ะ...จาอี้ก่ะมีห่อ
เอ้อ..มันย๊ะหยังของมันแน๊ะ ฮืม ฮืม
IP : บันทึกการเข้า

You'll Never Walk Alone.
Singhakara
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 05 มกราคม 2011, 17:17:55 »

"วัดจะขาดสงฆ์
ดงจะขาดป่า
นาจะขาดเข้า
คนเฒ่าจะขาดหลาน
สมภารจะขาดเณรน้อย
ข้าข้อยจะขาดนาย
ควายจะขาดหญ้า
เจ้าฟ้าจะขาดวัง".................ประมาณเนี้ยะ.....เริ่มมาล้ะๆๆ
IP : บันทึกการเข้า
เดียวดายใต้เงาจันทร์
ข้าเดินทางเพียงลำพัง
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


ข้าเห่าไม่เป็น กัดลูกเดียว


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 25 มกราคม 2011, 17:54:27 »

หายไปเหียล่ะก้าหา ดักปิ้งวิงวอย
IP : บันทึกการเข้า


C#.NET/ASP.NET Developer
boongkee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 25 มกราคม 2011, 20:43:26 »

จะอี้ต้องไปอยู่บ้านสันลมจอย
IP : บันทึกการเข้า
แมงคอลั่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,451



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2011, 12:07:34 »

เอาไปก่อนนิดหน่อย รอ เจ้าของกระทู้มาต่อ
พุทธตำนานเมืองก่อนเก่า พระเจ้าเลียบโลก
ณ สถานที่บ้านเมืองโบราณเก่าก่อน ๆ เป็นบ้านเมืองสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคยเมตตาเสด็จมาโปรดเวไนยสัตว์ บ้านน้อยเมืองใหญ่เป็นอาณาจักรที่ใหญ่เก่าก่อน มีอาณาจักรโกสัมพี (แสนหรี) หริภุญชัย เมืองลับแลลี้ (เมืองลี้) (ไทย) เมืองแพรหลวง (จีนฮ่อ) สุวรรณภูมิ ทราวดี (ไทย) อันเรา (พระบุญยืน ฐิตฺสีโล) ได้ศึกษาค้นคว้าเขียนพอสังเขปย่นย่อที่พอรู้ แต่ไม่ละเอียดนักเป็นเมือง ๆ ชื่อนั้นชื่อนี้ที่เรา ๆ เคยอาศัยอยู่ทุกวันนี้ เดิมที่จริง ๆ เดิมที่ชนพื้นนี้เป็นเผ่า ลัวะ ละว้า เผ่าลื้อ เผ่าชีมาน เผ่าอาฬวี เผ่าทมิฬ เผ่าฮ้อ และหลาย ๆ เผ่า อยู่ด้วยกัน เป็นเมือง ๆไป เรามาใช้จิตติดตามรอยเบื้องบาทพระพุทธเจ้ากันเถิด


พระพุทธองค์กับรอยพระบาทประทับที่เมืองเหนือ
หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้แล้วได้เมตตาตรัสสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั่วชมภูทวีป และในพรรษาที่ ๑๗ พระพุทธเจ้าเริ่มเสด็จออกจากเมืองพาราณสี (อินเดีย) ได้ใช้อิทธิฤทธิ์เหาะขึ้นทางอากาศจนลวงเข้าเขตเมืองลับแล เมืองลี้ (เมืองลี้ ในปัจจุบัน) เสด็จออกจากเมืองลับลี้แล้วเสด็จไปเมืองหริภุญชัย จากหริภุญชัยแล้ว เสด็จไปท่าหัวเคียน แล้วเสด็จเลียบฝั่งแม่ปิง พยากรณ์ว่า แถบแถวนี้จะเป็นนครหริภุญชัยในอนาคต ต่อจากนั้นเสด็จขึ้นดอย อุจฉุบรรพต (ดอยสุเทพ) และหันหน้าสู่ตะวันออก ทำนายว่า จะเป็นเมือง อภินวนคร (เชียงใหม่) ศาสนาจะรุ่งเรืองในแถบนี้ แล้วเสด็จลงจากดอย อุจฉุบรรพต ไปสรงน้ำห้วยแม่สา (แม่ริมเชียงใหม่) แล้วเสด็จไปยางหมอก เสด็จไปเลียบฝั่งแม่ปิงที่ท่าหนึ่ง แล้วเหยียบพระบาทที่ผาสะแกง (ตะแคง) ลำดับนั้นเหาะขึ้นอากาศสูงไปไกล และได้ชี้พระหัตถ์ ตรงไปยังยอดดอยแห่งหนึ่ง ชื่อว่าดอยเปียงดาว (ดอยหลวงเชียงดาว) จากเชียงดาวเสด็จไปยังเมืองล้อ อาณาจักรสิบสองปันนา และเสด็จไปยัง อุตรปัญจรนคร (แสนหรี) พระองค์เล่าว่า เสวยชาติเป็นมโหสถบัณฑิต เสด็จไปยังเมืองวิเทหะ (หนองแส) แล้วเสด็จไปยังกรุงโกสัมพี ชำระองค์สรงน้ำฝั่งแม่น้ำคงคา (สาระวิน) ที่ท่าเข้าตอกและประทับรอยพระบาทบนหินก้อนหนึ่ง จากนั้นก็เสวยภัตตาหารพร้อมด้วยพระอรหันต์ทั้งหลายที่ติดตาม มีพระสารีบุตรเป็นต้น ๕๐๐ รูป ณ ที่ดอยเวภารบรรพต (รังรุ้ง) จากนั้นประทับรอยซ้อนพระพุทธเจ้า สามพระองค์ในอดีต
ปัจจุบันเรียกว่าพระบาทสี่รอย และที่ผาม่อน ผาอูบธาตุจากนั้นพระพุทธองค์ก็เหาะกลับยังพระเชตุวันมหาวิหาร ณ เมืองสารัตถี พร้อมด้วยพระอรหันต์ทรงอภิญญาห้าร้อยองค์
พระพุทธองค์เมื่อพระชนม์มายุ ๖๐ พรรษา เสด็จเข้าเขตโยนกนครแล้วไปโปรดยักขราชาที่ดอยอ่างสลง (สลุง) เขตเพียงดาว (เชียงดาว) เสด็จไปดอยกินรีอีกที่หนึ่ง ใกล้ผาม่อน หรือผาอุบธาตุ เสด็จไปสู่ถ้ำ ดอยผาตะลุ (ผาตับเต่า) ไปผาด่าน บ้านยางควง และเข้าเขตอาณาจักรทรารวดี และเขตสุวรณภูมิ บนดอยสิงกุตร เขตเมืองหงสาวดี หรือเมืองอุบลนคร ก็คือหงสาวดีปัจจุบัน เสด็จไปเชียงของเมืองคาง เสด็จไปเชียงตุงประทับรอยพระบาทที่ผาคม ดอยจ่องหว่าง (บ้านจ่องบ่อง) จากนั้นเสด็จไปเชียงตุง ประทับรอยพระบาทที่ผาคมดอยจ่องหว่าง (บ้านจ่องบ่อง) จากนั้นเสด็จไปปราบยักษ์เสนาที่ดอยรูปช้างหมอบริมฝั่งแม่น้ำมุคคนที ประทับรอยพระบาท พระพุทธเจ้าสามองค์ เรียกพระบาทท่าวังงาม (เขตนคุลละพม่า) เสด็จดอยเวสาลบรรพต หรือดอยพุปูเมืองสูง เสด็จเข้าถ้ำ ประทับรอยพระบาทดอยผาช่อ ดอยปูคำ เสด็จไปดอมหิยงค์เมืองยอง เสด็จไปเมือง ฮ่อ เขตยูนาน ย้อนกลับมาเมืองลื้อเขตสิบสองปันนา ประทับพระบาทเมืองฮ่อ และเมืองแข่ (เผ่าแข่ ไต่หลง หรือ ไตหลวง) บ้านแจ้งค่ำ บ้านเขียงค่ำ ประทับพระบาท ดอยผาน้อย เมืองอาฬวี เมืองลา เสด็จเมืองเชียงใต้ เชียงเหนือ เสด็จประทับรอยพระบาท บ้านแจ้งค่อมยาม และที่ห้วยน้ำอุน (อุ่น) ในเขตบ้านบ้านองค์ และไปยังบ้านแกว่น เสด็จประทับรอยพระบาทเมืองล้อหาง และเมืองลื้อต่อไปเมืองผาง (พ่าง) เมืองบาง เมืองแช่ทอง หมู่บ้านจอมทอง แล้วเสด็จประทับรอยพระบาทเมืองร่มฟ้า แล้วเสวยอาหารแล้วประทับรอยพระบาทเมืองร่มอู่ไตจากนั้นไปประทับรอยพระเมืองน้อย อ้อยเหลือง และที่ดอยผาแรม เมืองซุง เสด็จออกจากดอยผาแรม โปรดชาวเมืองแล้วประทับรอยพระบาทที่เมืองซางหลวง ต่อไปประทับรอยพระบาทที่เมืองลา เมืองบาน บ้านลวงพันแข้ง (บ้านบ่อหลวง) บ่อเป็ดล้างแต่ง เมืองลาใต้ ลาเหนือ จากนั้นเสด็จประทับรอยพระบาทลงคิดลงแวน ประทับรอยพระบาทเมืองเชียงแข็ง เมืองขันม่อน (ดอยผารูปช้าง) พระบาทแห้ พระบาทผานอน พระบาทท่าน้ำฑุน พระบาทผาลวงกู พระบาทปูจี่ พระบาทคทิงคชี พระบาทบ้านท่อง พระบาทผาน้อย เสด็จเมืองเชียงครึ่ง ประทับรอยพระบาทฟาค้ำดอย หรือพระบาทผาดำ ต่อไปที่พระบาทผาขาว เสด็จหมู่บ้านสุทธาวาส ประทับรอยพระบาทที่โบราณ ณคาม เสด็จถึงดอยจอมไกล แล้วเสด็จประทับรอยพระบาทดอยจอม ได้เพียงส้นพระบาท ในเขตเมืองลวงใต้ ลวงเหนือ คือพระบาทฟ้าวลง ต่อมาเรียกพระบาทฟั่งลง ในเขตหมู่บ้านเชียงมุ่น เสด็จดอยปู่หลานประทานเกศาธาตุและวังแดง ประทับรอบพระบาทเมืองน้อย เมืองงาม ต่อไป เมืองพานฝ้าย พระบาทกูมาเมืองพานใต้ ประทับพระบาทผาดอกไม้เมืองหน เสด็จเมืองรายประทับพระบาทบนผ้าขาวให้ชาวบ้านนำไปประดิษฐานบนดอย ต่อมาได้ชื่อว่าพระบาทหินก้อน ประทับรอยพระบาทห้วยตุมต๋ม และที่เมืองอองเต่า (กระดองเต่) เสด็จประทับรอยพระบาทเมืองเลี้ยว (เชียงคำ) ต่อไปเมืองงาด ต่อไปบ้านหก บ้านเติม บ้านดอย เสด็จเมืองขาง ประทับรอยพระบาทาถ้ำผาแดงซ้อยรอยพระบาทพระพุทธเจ้าสามองค์ และสอนให้ชาวบ้านเมืองให้รู้จักทำยนพัดน้ำ (ยนต์หมุน) เข้านา ประทับรอยพระบาทเมืองคราง พระบาทบ้านเวียง บ้านฝาง แล้วเสด็จดอยช้างสาร (ดอยรูปช้างหมอบ) และประทับสีหไสยาสน์ สยนบัล ลังการตามพุทธประเพณี แห่งพระพุทธเจ้าสามองค์ เสด็จประดิษฐานพระเกษาธาตุ ณ ดอยเยื้องขึ้น และประทับรอยพระบาทบ้านดาวลวง ประทับรอยพระบาทบ้านแก้ว เสด็จปราบยักษ์เมืองอาฬวี ประทับซ้อนพระบาทพระพุทธเจ้าสามองค์ ถ้ำกวางคำ อยู่จำพรรษา ณ อังคารเจดีย์ ดอยโลหกุตรตามคำอารธนาของพระยาอาฬวี พระบาทกวางคำ (อยู่ริมแม่น้ำทรายคำ) จากนั้นเสด็จขึ้นไปตามลำน้ำทรายคำ ประทับรอยพระบาทที่หาดใหม่ ต่อไปถึงพระบาทบ้านทุ่งยาง พระบาทลวงสูง ลวงต่ำ พระบาทว่าวใต้ ว่าวเหนือ เสด็จเมืองวัง ประทับรอยพระบาทห้วยพร้าวซ้อนรอยพระบาทพระพุทะเจ้าสามพระองค์ และพระบาทดอกไม้ (พวงดอกไม้) พระบาทติงตาย พระบาทแจงแคม พระบาทเชียงผา พระบาทเมืองบาง
จากนั้นเสด็จโปรดชาวเขตเขมรัฐ คือเมืองเชียงตุง ออกจากเขมรัฐเสด็จเข้าสู่โยนกนครถึงแม่น้ำพยาก เมืองเพียะ จากนั้นเสด็จเข้าเมืองช้างแสน (เชียงแสน) ประทานเกศาธาตุให้ละว้าไว้ริมฝั่งแม่น้ำ กุกุฎนที (แม่น้ำกก) จากนั้นเสด็จเมืองชีราย (เชียงราย) ปราบชีม่านร้าย จากนั้นเสด็จเมืองพระยาว (พะเยา) จากนั้นเสด็จเข้าเมืองลัมพาง (ลำปาง) ชาวละว้าเมืองลำพาง (ลำปาง) ถวายหมากพร้าว (มะพร้าว) เสวยแล้วประทานเกศาธาตุผอบทองคำไว้ใต้หลุมลึก จากนั้นเสด็จเมืองนาน (เมืองน่าน) ประทานเกศาธาตุใส่ผอบแก้ว และน้ำเต้าทอง เสด็จเมืองแพ (แพร่) มอบเกศาธาตุไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เสด็จจากหมู่บ้านละว้า เสด็จเข้าสู่เขตแดนรอยต่อเมืองหงสา ณ ริมฝั่งแม่น้ำปิงที่ท่าสร้อย เสด็จต่อไปท่าทรายคำ สุวรรณคูหา ประทับรอยพระบาทไว้ในถ้ำ และถ้ำพวงดอกไม้ จากนั้นเสด็จต่อเมืองลี่ หรือลี้ ลงท่าน้ำม่ลี้ไปทางทิศตะวันตก ดอยลับแล ประทับรอยพระบาทและเกศาธาตุ


ความเกี่ยวของจากตำนานพระเจ้าเลียบโลก และเมืองลี้
จากตรงนี้ขออธิบาย ประทับรอยพระบาทดอยลี่หรือดอยลับแล ไม่รู้ว่าตรงจุดไหน ถ้าท่านเคยอ่านประวัติวัดพระธาตุดวงเดียว(กลางเวียง)ดู ตรงนี้ก็เป็นที่กำเนิดเมืองลี้ หรือเมืองลับลี้ เมืองแรกในถิ่นนี้ หรือว่าลับลี้อยู่ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ตอนพญาช้างของเจ้าแม่จามรี โดยเทพดลใจน้ำขึ้นมา แล้วพญาช้างก็ร้องและวนถึงสามรอบที่กองดินสูง หรือว่าที่จอมปลวกใหญ่ และมีหินก้อนสีขาวเหมือนไข่นกยูงอยู่บนนั้น และพญาช้างยังได้เอางวงหักิ่งไม้ที่มีดอก พัดวีคล้ายทำความสะอาด แถมยังเมืองนี้ชื่อว่าเมืองลี้ จะยังไงก็แล้วแต่ ตรงพระธาตุดอยกลางเวียงหรือว่าพระธาตุดวงเดียว ตำนานว่าจุลศักราช ๕๑๙ เมื่อก่อนเป็นเมืองลับแล ลับลี้ กลางดอยป่าไผ่ ก่อนหริภุญชัย จากตำนานพระเจ้าเลียบโลกว่าไว้ พระพุทธเจ้าพร้อมพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป เหาะมาถึงชนบทแห่งหนึ่งมีชื่อว่าเมืองลี หรือลี้ อันตั้งอยู่ทิศใต้แห่งเมืองหริภุญชัย พอเสด็จมาลี้ก็เสด็จไปหริภุญชัยต่อ และตำนานบอกว่ามีพญานาคตนหนึ่งออกมาอภิวาทกราบไหว้พระพุทธเจ้า และขอเกศาธาตุและรอยพระบาทไว้ และตำนานวัดพระธาตุดวงเดียวก็ได้มีพญานาค ได้ปกปักษ์รักษากองดิน หรือจอมปลวกไว้ จนพญาช้างมงคลของเจ้าแม่จามรีนำมา และพบที่จะสร้างเมือง ก็หมายความว่าตำนานพระเจ้าเลียบโลก และตำนานของวัดพระธาตุดวงเดียวก็ตรงกัน คำว่าลับลี้ อาจมีเกศาธาตุหรือไม่ก็รอยพระบาทพระพุทธเจ้าคงซ่อน และลึกอยู่ใต้กองดินใหญ่นี้ และใต้พระธาตุดวงเดียวในปัจจุบัน พอช้างได้มาพบก็ทำความเคารพทำปทักษิณสามรอบ และชื่อเมืองลี้ จนมาถึงปัจจุบัน
เป็นอจินตัย และเป็นปัจจัตตัง ผู้ที่รู้และผู้เขียนเท่านั้น ตำนานเมืองเก่า ๆ เท่าที่รู้มาพอสังเขป ไม่สามรถบรรยายได้ให้ทั่วทั้งหมดได้ ท่านผู้รู้ ผู้ศึกษาตำนานนี้คงมีอยู่มาก ในเขต ในประเทศ ยังมีตำนานพื้นบ้านพื้นเมืองอีก ที่ไม่ได้นำมาเล่าบอกกล่าวในที่นี่ แต่ยังมีเมืองหรือเรื่องราวต่าง ๆที่พระองค์เคยเสด็จมาอย่างเช่น เมืองท่าสร้อย (แก่งสร้อย) พระบาทห้วยต้มบุญ (ห้วยต้ม) พระบาทผาหนาม (ผาคบ) และอีกหลาย ๆ ที่ ในเมืองเก่า ๆ จังหวัดต่าง ๆ หรือสระบุรี หรือทั่วประเทศ ผู้อ่านคงรู้ได้ยินได้ฟัง ได้ศึกษามามากกว่าตำนานนี้ก็ว่าได้ และตัวผู้เขียนเองได้มีจิตรำลึกถึงเรื่องราวตำนานนี้ ก็เลยคัดเอาเหตุการณ์ที่ได้รู้ ด้วยจิตวิญญาณศึกษา เขียนแบบย่อให้สั้นลงตามคความเข้าใจ ที่เกิดจากสติปัญญา แม้เพียงเล็กน้อย และหวังว่าคงเกิดประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย เพราะเห็นคุณประโยชน์ และอานิสงส์ ผลบุญ ในชาตินี้และชาติหน้าที่ว่า บุคคลใดหรือคฤหัสถ์ หรือนักบวชทั้งหลาย ทั้งหญิงชายมีใจบังเกิดเจตนาศรัทธาในหัตถกรรม แล้วคัดลอกเขียนตำนานเรื่องนี้ด้วยตนเองก็ดี ได้มีจิตใจรำลึกคิดถึงเรื่องราวของตำนานเรื่องนี้ก็ดี ได้สักการะบูชาด้วยปรมามิสบูชา ทั้งหลาย เป็นต้นว่า ข้าวตอก ดอกไม้ ข้าวน้ำ โภชนาหาร ข้าวเปลือก ข้าวสาร สิ่งของ เงินทอง แก้วแหวนร มุกดาหาร รัตถากรณ์ ประทีป ธูปเทียน ฉัตสัปปฑนธง ร่ม น้ำร้อน น้ำเย็น ไม้สีฟัน ด้วยเคารพ อย่างยิ่งก็ดี ได้จดจำเรื่องราวของตำนานไว้ก็ดี ได้แสดง บอกกล่าวเล่าให้ผู้อื่นฟังก็ดีได้แสดงความเคารพด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ดี ได้เทศน์ให้คนและเทวดาทั้งหลายได้ฟังก็ดี เมื่อเทศน์หรือ ฟังก็ฟังด้วยความเคารพเกิดความเลื่อมใสยินดี ในพระพุทธบาท และพระบรมธาตุ ที่พระพุทธองค์ยังทรงมีพระชนม์อยู่ก็ดี และเมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย ได้อันเชิญพระบรมธาตุ พระพุทธเจ้าประดิษฐานไว้ เพื่อเป็นที่สักการะบูชา กราบไหว้ของคนและเทวดาทั้งหลายก็ดี บุคคล หญิงชายคฤหัสถ์นักบวชทั้งหลายนั้นก็จะได้ผลานิสงส์ เป็นอันมากจนไม่อาจที่จะกำหนดนับได้ ทานทั้งหลายที่กระทำดังกล่าวมา ได้ชื่อว่าเป็นอวินิปาติบุคคล คือว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีโอกาสไปเกิดในอบายทั้งสี่ มีแต่จะพุ่งดิ่งตรงต่อพระนิพพาน เพราะบุคคลนั้นเสมอดังได้รู้ได้เห็น และได้ปฏิบัติอุปัฎฐากพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลาประการหนึ่ง เสมอดังได้อภิวาทกราบไหว้บูชา และเสมอดังได้สดับรับฟังพระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาคำสอนทุกเวลาทุกประการหนึ่ง เสมอดังได้ปลูกสร้างพระธาตุเจดีย์ พระวิหารอันเป็นสำราณของพระบาทและพระธาตุเจ้าทั้งหลาย ที่ได้กล่าวมาทุกแห่ง แม้เพียงย่นย่อนี้ประการหนึ่งเสมอดังได้น้อมตนเข้าไปสักการะบูชา เสมอดังได้บำเพ็ญบุญกุศลส่วนบุญด้วยปาก ด้วยกาย และใจทุกเวลา ด้วยเดชแห่งผลานิสงส์ดังนี้ จะอุปถัมภ์ค้ำชูอุดหนุนให้ตั้งอยู่ในทางสายกลาง ประกอบด้วยลาภยศ สรรเสริญ สุข เป็นผู้ฉลาดมีญาณปัญญายิ่งกว่าคนทั้งหลาย ภัยอันตรายต่าง ๆ ก็ดี โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ก็ดี อุบาทว์ แลศัตรูตค่ารง ๆ ก็ดี ย่อมระงับดับหายไป จะสัมฤทธิ์ สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สิ่งของ เงินทอง ข้าวเปลือก ข้าวสาร ทั้งปศุสัตว์จักอุดมด้วยฤทธิ์เดชยิ่งนัก จะประสพสิ่งในชาตินี้ และชาติต่อ ๆ ไปยิ่งกว่าคน และเทวดาทั้งหลาย หากว่ามีบุญสมภารมาก ก็จะได้ถึงพระนิพพานในศาสนา ของพระพุทธเจ้าโคตมะนั้นแน่นอน แม้นว่าบุญสมภารยังไม่บริบูรณ์เต็มที่ยังต้องท่องเที่ยว เวียนวนอยู่ในวัฎสงสาร จะไม่ไปเกิดในอบายทั้งสี่ แม้แต่ครั้งเดียว จะได้เห็นพระอริยเมตไตรย์และ จะได้ถึงมรรคผลธรรมในศาสนาแห่งพระอริยเมตไตรย์นั้น โดยไม่ต้องสงสัยแล
ขอโมทนาบุญเป็นอย่างสูง

IP : บันทึกการเข้า
>:l!ne-po!nt:<
~: ดาบราชบุตร :~
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,257

~>: แขกดอย :<~


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, 16:26:56 »

วันนี้อารมณ์ดีก่อครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

มานั่งเล่นอยู่ลุง  ไปล้างรถ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ส๊วกแต้ว่าคนหลัก 7
IP : บันทึกการเข้า

!!!!!  กว่า ๑,๑๐๐ กม.จากยอดดอยสู่ทะเล...ตะวันออก  !!!!!

www.facebook.com/1100kilometer

||||| ธรรมชาติสร้างอากาศบริสุทธิ์    ส่วนมนุษย์นั้นสร้างอาวุธเพื่อทำลาย |||||
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!