วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4184 ประชาชาติธุรกิจ
แห่ยึดทำเลฮอตริมฝั่งโขงเชียงของ-เตือนอย่าผลีผลามโหมลงทุน
คลื่นการลงทุนโรงแรม ที่พัก เกสต์เฮาส์พาเหรดยึดทำเลทองริมแม่น้ำโขงด้านอำเภอเชียงของ ระบุส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนนอกถิ่น หวั่นห้องพักโอเวอร์ซัพพลาย เตือนอย่าผลีผลามเร่งลงทุนเร็วเกินไป เหตุจัดเก็บข้อมูลของรัฐและเอกชนไม่ชัดเจน
นายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้อำนวยการสำนักการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรงแรมใน จ.เชียงราย ว่ามีการก่อสร้างโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการซื้อขายกิจการกันอย่างคึกคักทั้งในกลุ่มนักลงทุนคนไทยและต่างชาติ ส่งผลให้การจัดเก็บข้อมูลจำนวนโรงแรมและนักท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย ทำได้ไม่ชัดเจน ปัจจุบันจากข้อมูลที่สำรวจได้พบว่ามีโรงแรมในเชียงราย 170 แห่ง จำนวนห้องพักประมาณ 18,000 ห้อง
พื้นที่ที่มีการลงทุนขยายตัวมากคือ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของกลุ่มทุนนอกพื้นที่ ไม่ใช่กลุ่มทุนท้องถิ่น สภาพเช่นนี้คล้ายกับการเติบโตของธุรกิจโรงแรมที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีโรงแรม 746 แห่ง นักท่องเที่ยวปีละกว่า 5.6 ล้านคน แต่ธุรกิจทั้งหมดเป็นของต่างชาติถึง 70% ส่วนอีก 30% เป็นของกลุ่มทุนไทย
การเติบโตในลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เพราะนอกจากคนในพื้นที่จะไม่ได้รับประโยชน์มากนักแล้ว ยังทำให้การจัดเก็บข้อมูลด้านต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนพัฒนา ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ในปัจจุบัน จ.เชียงราย มีงบประมาณเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว 290 ล้านบาท แต่ไม่สามารถ นำไปจัดสรรเพื่อพัฒนาได้ทั้งหมด เพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน จึงทำได้เพียงกระจายงบประมาณไปยังโครงการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความชัดเจนเท่านั้น
นายพรหมโชติเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมายังมีการลงทุนที่คึกคักในกลุ่มบ้านพักเกสต์เฮาส์ รีสอร์ตขนาดเล็ก โฮมสเตย์ และห้องชุด โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองเชียงราย น่าจะเกิดขึ้นใหม่ไม่ต่ำกว่า 40 แห่งแล้ว ราคาที่พักคืนละ 500-600 บาท ซึ่งห้องพักเหล่านี้ไม่มีการแจ้งตัวเลข เพราะยังไม่มีการจดทะเบียนเป็นสถานประกอบการอย่างเป็นทางการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้
ด้านนายสมเกียรติ ชื่นธีระวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย และนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า ปัญหาตัวเลขไม่ชัดเจนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวแน่นอน ซึ่งต่อไปสมาคมจะสนับสนุนให้โรงแรมขนาดกลางและเล็ก เกสต์เฮาส์ รีสอร์ต โฮมสเตย์ มีการรวมตัวกัน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือ หรือการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อนำไปพัฒนากิจการของตนเอง
"ถ้าไม่ดำเนินการใด ๆ เลย ในอีก 30 เดือนข้างหน้าเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำโขง อ.เชียงของ-สปป.ลาว เชื่อมถนนอาร์สามเอระหว่าง ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ แล้วเสร็จก็จะไม่ทันการ เพราะนักท่องเที่ยวจะทะลักไปตามถนนอาร์สามเอ กลุ่มทุนที่ได้ประโยชน์คือผู้ที่มีความพร้อมมากกว่าทั้งกลุ่มทุนจีน ทุนยักษ์ใหญ่จากกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ ๆ ส่วนทุนเล็ก ๆ ที่ กระจัดกระจายอย่างพวกเราก็จะแข่งขันกันเองและค่อย ๆ ตายไปทีละราย" นาย สมเกียรติกล่าวและว่า
ถ้ารวมตัวกันได้นอกจากจะได้ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ถูกต้องแล้วยังมีพลังในการร่วมกับประเทศต่าง ๆ เช่นมณฑลหยุนหนาน จีนตอนใต้ สปป.ลาว พม่า จัดทำสินค้าหรือแพ็กเกจนำเที่ยวรับประโยชน์ร่วมกันได้
นายเอกชัย หาญสุวรรณชัย เจ้าของ ภูชี้ฟ้ารีสอร์ท อ.เทิง กล่าวว่า สาเหตุที่มีห้องพักขนาดเล็กเกิดขึ้นมากเกิดจากหลายปัจจัย เช่น เศรษฐกิจฟื้นตัว ถนนอาร์สามเอ สะพานข้ามแม่น้ำโขง นักท่องเที่ยวจีนจะทะลักลงมามาก ฯลฯ แต่สภาพที่แท้จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะสิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ปัญหาจึงเกิดจากข้อมูลที่ได้รับจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโครงการพัฒนาดังกล่าวไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการที่รับข้อมูลรีบลงทุนไปก่อน
ดังนั้นขอให้มีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนทันเหตุการณ์กับผู้ประกอบการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาการลงทุนเกินกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้ต้องแข่งขันตัดราคากันเองจนต้องยุบกิจการไปทีละรายในที่สุด
หน้า 23
http://www.prachachat.net/view_news....day=2010-02-15