เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 มีนาคม 2024, 19:04:39
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ... 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 439816 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #140 เมื่อ: วันที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 14:06:28 »

วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7277 ข่าวสดรายวัน


เริ่มหนาวแล้ว-เชียงรายคึกคัก



เชียงราย - นายสมเกียรติ ชื่นธีระวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในปัจจุบันอากาศในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงรายเริ่มเย็นลง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ดีและทำให้ฤดูท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นแล้ว และที่ผ่านมาได้ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจองห้องพักในพื้นที่กันยาวไปจนถึงเดือนธ.ค.หรือเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เชื่อว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของเชียงรายจะกลับมาคึกคักขึ้นอย่างแน่นอน

นางรุจิรา ใจจักร์ นายก อบต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า อบต.แม่สลองใน กำหนด จัดงานวัฒนธรรมชาวดอย ดอกบัวตองบานที่หัวแม่คำ ครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ย. จัดการแสดงชนเผ่าทั้ง 7 ชนเผ่า การแสดงกระทุ้งกระบอกไผ่ชองชนเผ่าอาข่า และการแสดงชนเผ่าจีนฮ่อ ชนเผ่าเย้า ชนเผ่าม้ง ชนเผ่าลีซอ และชนเผ่าลาหู่ ชมดอกบัวตองบานสะพรั่งรอบหมู่บ้าน สำหรับวัน 13-14 พ.ย. ร่วมทำบุญตักบาตรพระขี่ม้าบิณฑบาตบริเวณภายในหมู่บ้าน

หน้า 29

http://www.khaosod.co.th/view_news.p...hNUzB3TVE9PQ==
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #141 เมื่อ: วันที่ 03 พฤศจิกายน 2010, 14:16:20 »

เป้าหมายของอาเซียน (บทบรรณาธิการ)



การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่17ที่กรุงฮานอยสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามในวันที่ 28 - 30 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีของไทยได้เสนอแผนการที่เรียกชื่อว่า"อาเชี่ยนคอนเน็คติวิตี้"เพื่อให้ที่ประชุมสุดยอดผู้นำทั้ง 10 ชาติให้ความเห็นชอบในหลักการ

หลักการนี้จะนำไปสู่เป้าหมายในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าที่จะทำให้กลุ่มชาติอาเชี่ยนมีฐานะเป็นหนึ่งเดียวเช่นเดียวกับสหภาพยุโรป นายกรัฐมนตรีของไทยได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวการประชุมสุดยอดครั้งนี้ว่าจะเป็นก้าวแรกที่จะทำให้อาเชี่ยนมีสภาพเป็นอาเชี่ยนยูเนี่ยนในอนาคต

วิธีการดังกล่าวคือให้ชาติอาเชี่ยนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของเส้นทางคมนาคมซึ่งจะทำให้เป็นสะพานข้ามช่องว่างของการพัฒนาในระหว่างชาติสมาชิกทำให้อาเชี่ยนมีเส้นทางคมนาคมขนส่งทัดเทียมกับภูมิภาคอื่นๆของโลก

แผนของนายกรัฐมนตรีไทยก็คือการก่อสร้างทางหลวงที่มีมาตรฐานเชื่อมโยงกันตั้งแต่เมียนม่าร์ที่เริ่มสร้างทางหลวงมาตรฐานดีจากชายแดนอินเดียมาสู่ร่างกุ้งผ่านเข้าประเทศไทยที่แม่สอดผ่านมาถึงพิษณุโลกซึ่งมีทางหลวงเชื่อมไปที่เชียงใหม่และลงมากรุงเทพมหานครผ่านลงไปทางภาคใต้ของไทยที่หาดใหญ่และเข้าไปยังมาเลเซียไปสิ้นสุดทางหลวงที่สิงคโปร์

อีกด้านหนึ่งเมียนม่าร์จะสร้างทางหลวงเข้าไปเชื่อมกับจีนไปถึงมณฑลยูนานและเสฉวนเข้ามาเชื่อมกับทางหลวงของไทยที่เชียงรายซึ่งจะมาเชื่อมต่อถึงพิษณุโลกจากจุดนี้จะมีทางหลวงไปยังขอนแก่นผ่านอุดรธานีและหนองคายไปสู่กรุงเวียงจันทร์ในลาว

ส่วนลาวนั้นก็จะมีการสร้างทางหลวงจากเวียงจันทร์ไปยังเวียดนาม 2 สาย สายหนึ่งไปที่กรุงฮานอย อีกสายไปที่โฮจิมินห์ซิตี้และยังมีทางหลวงอีกสายผ่านหลวงพระบางไปเชื่อมต่อกับจีนที่เชียงรุ้ง ด้านกัมพูชานั้นจะมีทางหลวงจากอรัญประเทศผ่านกรุงพนมเป็ญไปยังโฮจิมินห์ซิตี้ในเวียดนามและอีกสายหนึ่งจากพนมเป็ญไปเชื่อมต่อกับลาวผ่านจำปาศักดิ์และสุวรรณเขตไปสู่เวียงจันทร์

นอกจากทางหลวงแล้วจะต้องสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่ออินเดียผ่านเมียนม่าร์และไทยออกไปสู่ลาวที่จะเชื่อมโยงไปสู่จีน เวียดนามและกัมพูชา ส่วนไทยก็จะมีทางรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯไปมาเลเซียและสิ้นสุดที่สิงคโปร์

ผู้นำไทยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนตามแผนระหว่าง 750 พันล้านดอลล่าร์ถึง 770 พันล้านดอลล่าร์ซึ่งจะมีการระดมทุนจากชาติสมาชิกอาเชี่ยนจากธนาคารโลกและธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเซียรวมไปถึงการกู้ยืมจากชาติมหาอำนาจ

เมื่อแผนสำเร็จก็จะทำให้อาเชี่ยนมีการคมนาคมขนส่งทันสมัยเช่นเดียวกับยุโรปซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของกลุ่มอาเชี่ยนที่มีประชากรรวมกัน 600 ล้านคนมีความก้าวหน้าไม่แพ้ทวีปอื่นๆอย่างแน่นอน


http://www.naewna.com/news.asp?ID=234880
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #142 เมื่อ: วันที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 10:51:38 »

วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4259  ประชาชาติธุรกิจ


"ท่องเที่ยว" พลิกแผนหลังน้ำท่วม ทัวร์หนาวทะลักเหนือลุ้น "ลอยกระทง-เคานต์ดาวน์"




 
น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปี ทำให้ภาคกลาง 19 จังหวัด ภาคอีสานตอนล่าง นครราชสีมา และตอนบน อุบลราชธานี จมอยู่ใต้น้ำภายในเวลาอันรวดเร็ว ตามมาด้วยภาคใต้ชายฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน หาดใหญ่ สงขลา เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ส่งผลเสียหายต่อภาคการเกษตร ชีวิตและทรัพย์สิน ลุกลามต่อเนื่องมาถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบในฤดูขายปลายปีนี้ กลายเป็นวิกฤตกระจายพื้นที่ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้บางส่วน แต่อีกด้านหนึ่งกลับเป็นโอกาสของภาคเหนือตอนบน และภาคใต้บางโซน มีนักท่องเที่ยวคนไทยและชาวต่างชาติแห่จองห้องพักล่วงหน้าเกินกว่า 70%

ก.ท่องเที่ยวผนึกเจ้าของแหล่งฟื้นฟูหลังน้ำท่วม

ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต บริษัทนำเที่ยว บริษัทบริการขนส่ง ทางรถ ทางเรือ สายการบิน ร้านอาหาร ร้านขายของยังมีความหวังหลังน้ำท่วมจะได้มีโอกาสทำเงินจาก 2 เทศกาลระดับเวิลด์อีเวนต์ คือ งานประเพณีลอยกระทง และเทศกาลความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (countdown) ทั่วทุกภาคของประเทศ

นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นโยบายให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ จะใช้วิธีร่วมมือพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงเจ้าของสถานที่ท่องเที่ยว เช่น กระทรวงวัฒนธรรม เจ้าของ วัด ศิลปะ โบราณสถานต่าง ๆ ภาคกลางเสียหายหลายแห่ง หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าของอุทยานแห่งชาติ แถบภาคอีสาน

ส่วนการเยียวยากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวในแต่ละภาค ได้มอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดำเนินการปรับแผนกิจกรรม การตลาดและการขาย ทั้งภายในประเทศและทั่วโลกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยยังมั่นใจปลายปีนี้เป็นฤดูท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวโดยภาพรวมจะดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และแน่นอนในพื้นที่น้ำท่วมจำนวนนักท่องเที่ยวย่อมลดลง โดยจะหันไปท่องเที่ยวพื้นที่อากาศหนาวเย็นทางภาคเหนือเพิ่มขึ้น
 


"เชียงใหม่-เหนือ" ทัวร์ฤดูหนาวแน่น 2 หมื่นห้อง

นายสราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ตภาคเหนือ รายงานยอดจองพักช่วงฤดูหนาวปีนี้ดีมาก ที่พักในจังหวัดเชียงใหม่รับจองล่วงหน้าแล้วกว่า 50-70% หรือคิดเป็นประมาณเกือบ 15,000- 20,000 ห้อง จากห้องพักที่มีทั้งหมด 35,000 ห้อง ทางเชียงราย แม่ฮ่องสอน ก็เช่นกัน สภาพอากาศหนาวเย็นบวกกับธรรมชาติสวยงามเป็นแม่เหล็กดึงดูดตลาดคนไทยได้มากกว่าทุกปี

มั่นใจการท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ จึงเตรียมจัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ 2 งานใหญ่ งานแรก "ประเพณียี่เป็ง" หรือลอยกระทงตามแบบล้านนา ระหว่าง 20-22 พฤศจิกายนนี้ งานที่ 2 จัดมหกรรม "พลุเฉลิมพระเกียรติ" เป็นครั้งแรกในเชียงใหม่ โดยมีเจ้าภาพคือกระทรวงกลาโหม ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 31 ธันวาคมนี้-1 มกราคม 2554 ณ สนามกีฬาเชียงใหม่ 700 ปี

นายกงกฤช หิรัญกิจ เจ้าของโรงแรมสีมาธานี จ.นครราชสีมา และประธานด้านนโยบายสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่น้ำท่วมถึงในตัวเมืองนครราชสีมา ซึ่งเป็นประตูของภาคอีสาน ส่งผลให้ความเสียหายลุกลามไปทั่วทุกจังหวัด ทั้งภาคการค้า การลงทุน เกษตร พาณิชย์ และธุรกิจท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่จุดขาย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งมีโรงแรม รีสอร์ต เป็นจำนวนมากที่สุด กำลังซื้อทั้งหมดหายไปทันที เนื่องจากอีสานเป็นภาคที่มีคนไทยท่องเที่ยว 97% ต่างชาติเพียง 3% พอเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม คนไทยเองไม่มีอารมณ์จะใช้เงินพักผ่อนสักเท่าไร ส่วนหน่วยงานต่าง ๆ ช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พากันยกเลิกการจัดประชุม สัมมนาทั้งหมด

เฉพาะโรงแรมสีมาธานีแห่งเดียว ถูกยกเลิกประชุม สัมมนา คิดเป็นมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท เปรียบเทียบไม่ได้กับโรงแรมปริ๊นเซส โคราช โดนน้ำท่วมเสียหายทั้งทรัพย์สิน ต้องลงทุนปรับปรุงใหม่ และต้องใช้เวลาซ่อมแซมอีกสักระยะไม่สามารถให้บริการได้

ททท.ภาคกลาง 19 จังหวัดปรับแผนฉุกเฉิน

นายวัฒนพงษ์ โพธิ์นิ่มแดง ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานลพบุรี กล่าวว่า ดูแลการท่องเที่ยว 3 จังหวัด สระบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี ขณะนี้ทุกพื้นที่น้ำลดแล้ว เริ่มจัดทำแผนฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว และหารือกับภาคเอกชนท่องเที่ยว ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึง ททท.ภาคกลาง เพื่อร่วมมือกันปรับแผนกิจกรรมการตลาดช่วง 2 เดือนนี้ พฤศจิกายน-ธันวาคม กระตุ้นการท่องเที่ยวกลับเข้าพื้นที่ให้ได้มากสุดเท่าที่จะทำได้

เบื้องต้นจะช่วยกันทำความสะอาดสถานที่เพื่อต้อนรับคนที่จะเดินทางเข้ามา จากนั้นทาง ททท.ภาคกลาง 19 จังหวัด เตรียมประชุมร่วมกัน 6-8 พฤศจิกายนนี้ เพื่อนำงบฯที่มีมารวมกันทำอีเวนต์ให้ยิ่งใหญ่ สร้างกิจกรรมขายเป็นทีมเดียวกัน เพิ่มความแรงและน้ำหนักดึงความสนใจ ดีกว่าแยกทำเป็นรายพื้นที่

นายธวัชชัย อรัญญิก รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ระหว่างนี้ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชนกลุ่มรถค่ายต่าง ๆ เพื่อร่วมมือกันจัดกิจกรรมรายการใหญ่ กระตุ้นและรณรงค์ส่งเสริมคนไทยขับรถท่องเที่ยวหลังน้ำท่วม ขณะนี้ทางค่ายโตโยต้าสนใจโครงการนี้ แต่ความต้องการโดยรวมของทุกจังหวัดก็อยากให้รถยนต์ทุกค่ายเข้ามาสมทบทำให้เกิดโมเมนตัมชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาก ๆ ช่วงปลายปีนี้ เพื่อกระจายรายได้สู่โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าและชุมชนอย่างทั่วถึง

สำหรับภาคใต้ หาดใหญ่และเกาะสมุยเจอพายุถล่มน้ำท่วมฉับพลันเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ระบุยังพอจะรับมือได้ เพราะคาดสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับหลัง 15 พฤศจิกายนนี้ จากนั้นก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเข้ามาพักตามปกติ ตลอดธันวาคมนี้จนถึง กุมภาพันธ์ 2554

งานเที่ยวเมืองไทย 4-7 พ.ย.นี้ โปรโมชั่นอื้อ

นายกฤตย์ พัตรปาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.เอ็กซิบิชั่น แมเนจเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดงาน "ไทยเที่ยวไทย เที่ยวคุ้ม ส่งท้ายปี ครั้งที่ 20" ระหว่าง 4-7 พฤศจิกายนนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 3-4 มีเจ้าของธุรกิจท่องเที่ยวจองบูทเปิดขายในงาน 760 บูท ในจำนวนนี้เป็นขาประจำกว่า 70% ซึ่งเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับเหตุการณ์น้ำท่วมภาคอีสานอย่างอุบลราชธานี นครราชสีมา ซึ่งโรงแรมรีสอร์ตในทำเลน้ำไม่ท่วมเตรียมแพ็กเกจปลายฝนต้นหนาวมาขาย ภาคอื่นอย่างหัวหิน ชะอำ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ แห่เปิดบูท ขายกว่า 40 บูท แต่ละจังหวัดต่างก็ทำโปรโมชั่นรับลมหนาวลดตั้งแต่ 20-50% และกองทัพสถาบันการเงินจากธนาคารต่าง ๆ ก็หันมาขยายฐานจากตลาดการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน เตรียมโปรดักต์ ลดเพิ่มอีกให้แก่ผู้ซื้อที่ได้ส่วนลดจากธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว

ในจังหวะการจัดงานหลังน้ำท่วมซึ่งถือเป็นวิกฤตของหลายจังหวัด แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างโอกาสใหม่ขึ้นมาได้ และเป็นผลดีกับนักท่องเที่ยวทั่วไปจะได้เที่ยวเมืองไทยช่วงฤดูท่องเที่ยว (hi season) ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน และคาดตลอด 4 วัน รายได้จะสะพัดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่คราวนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเจอวิกฤตพอ ๆ กับภาคธุรกิจอื่น แต่ทุกจังหวัดทุกภาคยังคงรอน้ำใจจากคนไทยแห่กันมาอุดหนุน 2 อีเวนต์ใหญ่ปลายปี คือประเพณีลอยกระทง และฉลองความสุขคืนเคานต์ดาวน์ 31 ธันวาคมนี้

หน้า 2
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02edi01041153&sectionid=0212&day=2010-11-04
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #143 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 15:05:36 »

เปิดวิสัยทัศน์ “ธนชาติ” ผอ.ใหม่ซอฟต์แวร์พาร์ก เน้น 5 บทบาทหลัก 7 แผนปฏิบัติการเร่งด่วน หวังปี 54 เกิดสาขาใหม่อย่างน้อย 3 สาขา เกิดศูนย์ทดสอบซอฟต์แวร์มือถือ เปิดตัวฟรีแลนซ์สเปซรับกระแสคลื่นลูกใหม่ ผลักดันโซลูชันซอฟต์แวร์และสร้างศูนย์ทดสอบซอฟต์แวร์
       
       นายธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือ ซอฟต์แวร์พาร์ค กล่าวว่า แนวโน้มอุตสากรรมซอฟต์แวร์โลกและในประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคคลาวด์ คอมพิวติ้ง ทำให้หน่วยงานอย่างซอฟต์แวร์พาร์กจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ขององค์กรตามไปด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
       
       สิ่งแรกที่ซอฟต์แวร์พาร์กจะต้องปรับอย่างเร่งด่วน ก็คือ บทบาทของซอฟท์แวร์พาร์กให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในเวลานี้ โดยได้กำหนดบทบาทของซอฟต์แวร์พาร์กไว้ 5 บทบาท หนึ่ง คงบทบาทให้ซอฟต์แวร์พาร์กเป็นจุดศูนย์กลาง หรือแลนด์มาร์กของธุรกิจซอฟต์แวร์ไทยต่อไป สอง เป็นที่ปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีใหม่ให้กับวงการซอฟต์แวร์ไทย สาม สร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย สี่ มุ่งสร้างความต้องการของตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศให้เติบโตแบบยั่งยืน และห้า สร้างความร่วมมือแนวใหม่ หรือ New Collaborative
       
       “ความร่วมมือแนวใหม่ ถือเป็นบทบาทใหม่ของซอฟต์แวร์พาร์ก เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ไม่ว่าจะเป็นโมบาย หรือคลาวด์ คอมพิวติ้งทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงไป โดยตลาดใหญ่จะเป็นตลาดระดับโลก”
       
       นายธนชาติ กล่าวถึงโครงการสำคัญในปีหน้านั้น มีโครงการสำคัญอยู่ 7 โครงการ ประกอบไปด้วย หนึ่ง โครงการขยายสาขาของซอฟต์แวร์พาร์ก โดยร่วมมือภาคเอกชนและเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อื่นๆ มีความเป็นไปได้ที่อาจะใช้ระบบแฟรนไชส์ มตั้งแต่ระดับเล็ก กลาง ใหญ่ คาดว่า จะมีเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ขนาดเล็กเกิดขึ้นใหม่ 2 แห่ง และขนาดกลางเกิดขึ้น 1 แห่ง และในระยะยาวจะมีการเติบโตของธุรกิจซอฟต์แวร์พาร์กถึง 100% ภายใน 5 ปีนี้
       
       สอง โครงการสร้างฟรีแลนซ์ สเปซแห่งแรกให้เกิดขึ้นในเมืองไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องสถานที่ และเงื่อนไข ทั้งในส่วนของผู้จ้างงานและผู้รับจ้างอิสระ สาม โครงการพัฒนาระบบโมบายและคลาวด์ของวงการซอฟต์แวร์ไทย โดยใช้ซอฟต์แวร์ทั้ง 2 เทคโนโลยีเป็นเรือธงในการขับเคลื่อน เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีผลกระทบในวงกว้างกับอุตสาหกรรมอย่างมาก โดยซอฟต์แวร์พาร์กจะมีการตั้งศูนย์ทดสอบซอฟต์แวร์ที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เนื่องจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ผ่านระบบโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องยุ่งยากและใช้ต้นทุนสูง เนื่องจากมีหลายระบบปฏิบัติการ
       
      สี่ โครงการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพด้านไอทีป้อนตลาด เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการนำร่องที่จังหวัดเชียงราย โดยรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยมาฝึกงานกับบริษัทซอฟต์แวร์ที่เน้นทำให้บัณฑิตมีความสามารถในการทำงานด้านซอฟต์แวร์อย่างแท้จริง ห้า โครงการนำเสนอโซลูชันทางด้านซอฟต์แวร์ โดยซอฟต์แวร์พาร์กจะประสานงานกับบริษัทนักพัฒนา สมาคมวิชาชีพ และหน่วยงานรัฐเพื่อรวบรวมและจัดซอฟต์แวร์ให้เป็นหมวดหมู่สำหรับแต่ละอุตสาหกรรม หก โครงการสร้างนักทดสอบซอฟต์แวร์ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจังในประเทศไทย และสุดท้าย โครงการทำอี-มาร์เก็ตเพลซ
       
       “ซิป้าจะเหมือนบีโอไอส่งเสริมการลงทุน แต่เน้นซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์พาร์คเหมือนนิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่ผู้ประกอบการ 50 กว่าราย แต่เป็นนิคมที่ใหญ่มหาศาล ถึงแม้เราจะไม่ใช่องค์กรใหญ่โต แต่ต้องการสร้างโมเดลในการสร้างคน สนับสนุนผู้ประกอบการให้แข็งแกร่งแข่งต่างชาติได้"

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000156233
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #144 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 15:06:07 »

เชียงราย - เตือนนักท่องเที่ยวขึ้นเชียงรายระวังการใช้รถ ใช้ถนน หลังทางหลวงเริ่มลงมือก่อสร้าง-ปรับปรุงหลายเส้นทาง รองรับแผนพัฒนาการค้า-การลงทุนผ่านสะพานข้ามโขง 4-ท่าเรือเชียงแสน 2



       
       นายจิรศักดิ์ วงศ์ศิริวัฒน์ ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงรายที่ 1 เปิดเผยว่า แขวงการทางเชียงรายที่ 1 กรมทางหลวง มีกำหนดจะทำการบูรณะทางหลวงสายหลักอีกเส้นทางหนึ่งคือเส้นทางหลวงหมายเลข 1 จึงได้กำหนดให้ใช้ช่องทางการจราจรร่วมทางเดียวกันในการสัญจรไป-มา ตามเส้นทางการจราจร ทั้ง 2 เส้นทาง
       
       ประกอบไปด้วย เส้นทางระหว่าง กม.806+300 ถึง กม.806+600 ระหว่างทางแยกไปจากถนนพหลโยธินสายเชียงราย-พะเยา ไปทาง อ.แม่สรวย หรือถนนไป จ.เชียงใหม่ โดยเส้นทางนี้จะเปิดให้ใช้รถวิ่งช่องทางซ้ายสวนทางกันตั้งแต่วันที่ 3-30 พ.ย.นี้
       
       อีกเส้นทางหนึ่งจะดำเนินการตั้งแต่ระหว่าง กม.815+850 ถึง กม.816+250 ระหว่างทางแยกร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย เข้าไปทางน้ำตกขุนกรณ์ กำหนดปิดการจราจรในช่องจราจรทางขวาและเปิดให้วิ่งรถเลนซ้ายสวนทางเช่นเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.-15 ธ.ค.นี้ ดังนั้นทางแขวงการทางเชียงรายที่ 1 จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้เส้นทางการจราจรดังกล่าว ได้ระมัดระวังในการสัญจรและขออภัยในความไม่สะดวกรวมทั้งยืนยันจะเร่งทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาดังกล่าวแน่นอน
       
       นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมโครงข่ายชายแดนอีกหลายแห่ง เช่น สาย อ.แม่จัน-เชียงแสน ระยะทาง 19.2 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณ 630 ล้านบาท โดยระหว่างรองบประมาณอีก 540 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างช่วงที่ 1 ถนนเชื่อม อ.แม่สาย-เชียงแสน ระยะทาง 30.6 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณ 300 ล้านบาท ถนนสาย อ.เชียงแสน-เชียงของ ระยะทาง 59 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณ 995 ล้านบาท รวมทั้งอยู่ระหว่างของบประมาณ 850 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างถนนสายเชียงราย-เชียงของ ช่วงที่ 3 ซึ่งเหลืออีกเพียง 25 กิโลเมตร เพื่อให้แล้วเสร็จปี 2554 ด้วย ทำให้ที่ผ่านมามีงบประมาณจากโครงการก่อสร้างถนนสายต่างๆ ลงสู่พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 4,500 ล้านบาท และในปี 2554 ก็จะเพิ่มเติมอีกประมาณ 270 ล้านบาท โดยถนนทุกสายมุ่งสู่สะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000156303
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #145 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 15:15:31 »

เชียงรายหนาวมาก!! ยอดดอย 5 องศา-เตรียมประกาศ 18 อ.พื้นที่ภัยหนาว
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 พฤศจิกายน 2553 08:44 น.
 
 
       สภาพอากาศในพื้นที่ จ.เชียงราย ยังคงหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยอุณหภูมิลดต่ำลง ทางสถานีอุตุนิยมวิทยาเชียงราย รายงานการตรวจวัดอุณหภูมิต่ำสุด ในเช้าวันนี้ที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นราบ สามารถวัดได้ 13.3 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าหนาวเย็นอย่างมาก ขณะที่ อากาศตามยอดดอยถือว่าหนาวจัดในทุกพื้นที่ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 องศาเซลเซียส
        ขณะที่ สำนักงานป้องกันภัย จ.เชียงราย เขต 15 ได้มีการประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือกับอากาศหนาวเย็นที่จะลดต่ำลงอีก และได้มีการเร่งสำรวจพื้นที่ของ จ.เชียงราย ที่กำลังประสบกับภัยอากาศหนาว ซึ่งจากการสำรวจทาง ปภ. คาดว่า อาจจะต้องมีการประกาศให้พื้นที่ของ จ.เชียงราย 18 อำเภอ เป็นเขตประสบภัยหนาวหากอุณภูมิยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าอากาศจะนาวเย็นนาน
 
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000156136
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #146 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 23:07:15 »

ประชุมหอการค้าทั่วปท.ปัดฝุ่นโครงการรถไฟเด่นชัย-ชร.
   
 5 พย. 2553 17:39 น.  สนับสนุนโดย NECTEC


นายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้าจ.เชียงราย กล่าวว่า ในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 28 ระหว่างวันที่ 26 -28 พฤศจิกายน 2553 นี้ที่จ.ขอนแก่น หอการค้าจ.เชียงรายเตรียมเรื่องเพื่อนำเสนอในที่ประชุมเพื่อขอมติจากหอการค้าทั่วประเทศร่วมผลักดันและนำเสนอผลการประชุมต่อรัฐบาล ประเด็นหลัก คือ การพัฒนาศักยภาพระบบโลตจิสติกส์ของจ.เชียงรายและภาคเหนือ ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยเฉพาะการหยิบยกเรื่องโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย - เชียงราย ซึ่งหอการค้าฯเคยเรียกร้องผ่านรัฐบาลแล้วหลายครั้งแต่ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เดิมเคยอ้างอิงความจำเป็นกรณีจีนให้ความสนใจจะขยายเส้นทางรถไฟผ่านลาวเชื่อมมายังชายแดนไทยด้านจ.เชียงราย แต่เมื่อไทยล่าช้าจีนจึงหันไปขยายเส้นทางรถไฟผ่านลาว พม่า เชื่อมไปยังเวียดนามและกัมพูชาแทน

แต่ทั้งนี้หอการค้าฯยังมองเห็นลู่ทางและโอกาสการขยายเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย -เชียงราย เพราะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้มากกว่า 3 - 4 เท่าตัว และเพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางอาร์ 3 เอ ผ่านไทย-ลาว -จีน ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) (เชียงของ-ห้วย ทราย) เชื่อมเชียงราย-คุนหมิง ผ่าน สปป.ลาว (เส้นทางอาร์3เอ) หรือสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ตั้งอยู่บริเวณบ้านปักอิง ต.ศรีดอนไชย อ.เชียงของ จ.เชียงรายอ.เชียงของ จ.เชียงราย ที่ได้ผู้รับเหมาและเตรียมก่อสร้างหลังน้ำโขงลดระดับลงในฤดูแล้งปลายปีนี้ หรือต้นปี2554

นอกจากนี้หอการค้าฯเตรียมนำเสนอประเด็นการเตรียมความพร้อมของบุคคลกรในพื้นที่ ในฐานะจ.เชียงรายเป็นประตูการค้าเชื่อมกับหลายประเทศในภูมิภาคทั้งทางบกและทางน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งระบบสาธารณูปโภค ถนน กฎระเบียบ ฯลฯ หรือโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ต้องไม่เน้นเฉพาะการจ้างงานในพื้นที่เท่านั้น แต่ควรเป็นอุตสาหกรรมที่รองรับภาคเกษตรของคนในพื้นที่ด้วย

นายณรงค์ คองประเสริฐ ประธานหอการค้าจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หอการค้าจ.เชียงใหม่ เตรียมนำเสนอประเด็นเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกในปัจจุบัน การเร่งรัดให้ก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ ซึ่งระบบรางถือว่ามีความสำคัญอย่างมากเพราะช่วยลดเวลาในการเดินทางเหลือเพียง 5 - 6 ชั่วโมง แนวทางการทำตลาดท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ที่จ.เชียงใหม่มีศักยภาพค่อนข้างสูง แต่ติดขัดปัญหากฎระเบียบที่เข้มงวด จึงไม่สอดคล้องและเอื้ออำนวยให้นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ที่เข้ามาพำนักในพื้นที่

"หอการค้าฯจะขอให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขกฎระเบียบสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ใหม่ โดยให้ขยายระยะเวลาการอนุญาตให้พำนักออกไปเป็น 10 ปี จากเดิมให้เพียง 1 ปี เพื่อให้ใกล้เคียงกับมาเลเซีย"นายณรงค์กล่าว

ส่วนการพัฒนาการค้าชายแดน จะเสนอให้มีการยกระดับจุดผ่อนปรนกิ่วผาวอก บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นด่านชายแดนถาวร เพื่อสนับสนุนการค้าชายแดนกับพม่าที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ โดยคาดว่าหลังเลือกตั้งนี้การเมืองในพม่าจะคลี่คลายและมีแนวโน้มที่ไทย-พม่าจะเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันในอนาคต 
 
 
 
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=478029
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #147 เมื่อ: วันที่ 08 พฤศจิกายน 2010, 11:08:14 »

มกราฯ 54 ตอกเสาเข็มสะพานข้ามโขง 4

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤศจิกายน 2553 12:10 น.

เชียงราย - กรมทางหลวงเริ่มเดินเครื่องสร้างสะพานข้ามโขง 4 เชื่อมชายแดนเชียงรายเข้ากับเส้นทาง R3a แล้ว คาดตอกเสาเข็มเล่มแรกมกราคม 54 ล่าสุดจ่ายเงินเวนคืนที่ดินให้ชาวบ้าน เตรียมสร้างถนนเชื่อมต่อหัวสะพาน

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ขณะนี้กรมทางหลวงได้เริ่มก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อม อ.เชียงของ กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อเชื่อมกับถนน R3 a ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ระยะทาง 248 กิโลเมตร และก่อสร้างถนนเชื่อมหัวสะพานแล้ว โดยการก่อสร้างสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่หมู่บ้านดอนมหาวัน ต.เวียง อ.เชียงของ จนมาถึงจุดเริ่มต้นโครงการที่บ้านทุ่งงิ้ว ต.สถาน อ.เชียงของ ห่างจากริมฝั่งประมาณ 7 กิโลเมตร ที่มีการปรับหน้าดินเพื่อตอกเสาเข็มเพื่อให้แล้วเสร็จภายในปี 2555 ตามกำหนด ซึ่งการก่อสร้างดังกล่าวควบคู่ไปกับการทำถนนสายเชียงของ-เทิง ขนาด 4 ช่องจราจรเพื่อรองรับไปพร้อมๆ กัน

นายวิรัตน์ แสนอุดม ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงรายที่ 2 กรมทางหลวง เปิดเผยว่า การก่อสร้างสะพาน ทำไปได้แล้วราว 2-3% คาดว่าภายในเดือมกราคม 2554 จะสามารถตอกเสาเข็มเล่มแรกกลางแม่น้ำโขงได้ และจะมีการวางเสาตอม่อ รวมทั้งสร้างเกาะเทียมกลางแม่น้ำโขง เพื่อใช้ในการก่อสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไป ทั้งนี้ในภาพรวมถือว่าไม่มีปัญหาใดๆ โดยจะมีการปรับพื้นที่ส่วนกองทรายด้านหน้างานก็จะมีการให้เอกชนนำเอาออกไปให้เรียบร้อย ทำให้จะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดแน่

นายวิรัตน์กล่าวว่า ส่วนการเวนคืนที่ดินมีชาวบ้านที่จะถูกคืนที่ดินจำนวน 61 ราย ตลอดรายทางทั้งบริเวณสะพาน-แนวถนน เจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าไปทำความเข้าใจแก่ชาวบ้านแล้ว และจ่ายเงินค่าเวนคืนที่ดินให้แก่ชาวบ้านมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท กรณีทรายที่มีการขุดกันนั้นไม่ถือเป็นปัญหาเพราะเอกชนสามารถทำการก่อสร้างต่อไปได้ตามสัญญา

สำหรับรูปแบบโครงการได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษารูปแบบจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ตั้งแต่ปี 2548 ต่อมาปี 2550 กรมทางหลวงของไทย ได้สานต่อด้วยการออกแบบรายละเอียดโครงการมูลค่า 35 ล้านบาท และเมื่อต้นปี 2553 ก็สามารถคัดสรรเอกชนที่จะทำการก่อสร้าง คือ กลุ่มซีอาร์ 5-เคที จอยท์เวนเจอร์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ไชน่า เรลเวย์ โน.5 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด จากประเทศจีน กับบริษัทกรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด ของประเทศไทย ภายใต้งบประมาณ 1,486.5 ล้านบาท โดยประเทศไทยและจีนสนับสนุนฝ่ายละครึ่ง

รูปแบบสะพานเป็นคอนกรีตรูปกล่อง (Segmental Concrete Box Girder) มีเสาตอม่อ 4 ตอม่อ มีความกว้าง 14.70 เมตร เป็นสะพานขนาดสองช่องจราจรๆ ละ 3.50 เมตร และไหล่ทางข้างละ 2 เมตร และทางเท้าข้างละ 1.25 เมตร ความยาว 480 เมตรเมื่อรวมกับถนนติดขอบฝั่งก็จะยาวประมาณ 630 เมตร นอกจากตัวสะพานแล้วยังมีโครงการก่อสร้างถนนตัดแยกจากถนนหมายเลข 1020 หรือสายเชียงราย-เชียงของ ในฝั่งไทย เพื่อเป็นจุดสลับการจราจรก่อนไปถึงตัวสะพานอีกประมาณ 5 กิโลเมตร และถนนในฝั่ง สปป.ลาว อีกประมาณ 6 กิโลเมตร

รวมทั้งมีการก่อสร้างอาคารด่านพรมแดนทั้งฝั่งไทยและ สปป.ลาว รูปทรงล้านนาประยุกต์ เพื่อใช้เป็นจุดตรวจปล่อยร่วมกัน ณ จุดเดียวตามหลักประตูเดี่ยว (Single Stop Inspection) รวมเนื้อที่ฝั่งไทยทั้งหมดประมาณ 400 ไร่

ทั้งนี้ชายแดนเชียงของ-ห้วยทราย ปีที่ผ่านมาตัวเลขการนำเข้าอยู่ที่ 986.331 ล้านบาท เป็นสินค้าจากจีนตอนใต้ 490.409 ล้านบาท สปป.ลาว 495.922 ล้านบาท โดยสินค้านำเข้าอันดับ 1 คือ ถ่านหินลิกไนต์ ปริมาณกว่า 382,339,680 ตัน มูลค่า 317.7 ล้านบาท และได้เริ่มมีพืชผักจีนถูกส่งมาตามถนนอาร์สาเอแล้วกว่า 9,672,350.00 ตัน มูลค่า 159.16 ล้านบาท

ส่วนการการส่งออกมีมูลค่า 1.931,04 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกไปจีนตอนใต้ 436.906 ล้านบาท สปป.ลาว 1,493.184 ล้านบาท พม่า 0.950 ล้านบาท สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ไฟฟ้า ยางพารา ฯลฯ

สถิติการนำเข้าและส่งออกทุกอย่างมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี ตามความสะดวกของการคมนาคมของถนนR3aเชื่อมไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ และยังมีผลต่อสถิติด้านการท่องเที่ยว เพราะปี 2552 ที่ผ่านมามีคนไทยเดินทางไปเที่ยวจีนตอนใต้ด้วยเส้นทางนี้กว่า 85,697 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 55.2%
__________________
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000157110
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
watcharanlnw
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #148 เมื่อ: วันที่ 11 พฤศจิกายน 2010, 09:56:13 »

ขอบคุณคะ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #149 เมื่อ: วันที่ 14 พฤศจิกายน 2010, 21:39:36 »

เชียงราย - เมืองพ่อขุนฯ เร่งบูมท่องเที่ยว ตัดริบบิ้นเปิด “ทุ่งบัวตองบนดอยหัวแม่คำ” ชูวิถีชนเผ่าดึงคนเที่ยว ขณะที่ ททท.นำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดลานสวนตุง และโคมเฉลิมพระเกียรติฯ ทำพิธีเปิดฤดูท่องเที่ยวเชียงราย


       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ดอกบัวตองบานที่หัวแม่คำ ครั้งที่ 21” ณ หมู่บ้านหัวแม่คำ หมู่ 4 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง โดยมีนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง นางรุจิรา ใจจักร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่สลองใน ซึ่งเป็นส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบในการจัดงานให้การต้อนรับ โดยการจัดงานดังกล่าวมีขึ้นที่หมู่บ้านหัวแม่คำตั้งแต่วันที่ 13-14 พ.ย.53 เป็นต้นไป
       
       โดยมีการแสดงชนเผ่า ทั้ง 7 ชนเผ่าคือชนเผ่าไทยใหญ่ อาข่า จีนฮ่อ เย้า ม้ง ลีซอ และลาหู่ ภายในพื้นที่ยังจัดวิถีชีวิตของชนเผ่าต่างๆ อาหารขันโตกชาวดอย ฯลฯ
       
       ทั้งนี้ พบว่า การจัดงานในปีนี้ เป็นช่องเวลาที่ดอกบัวตองบานสะพรั่งเป็นสีเหลืองสดใสไปทั่วบริเวณภูเขารอบหมู่บ้านหัวแม่คำ จนสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล และเนื่องจากภูเขาหรือดอยหัวแม่คำ มีลักษณะคล้ายกำแพงสูงที่อยู่เบื้องหน้าทำให้บรรยากาศดูมีความสวยงามอย่างมาก ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งวัน
       
       เมื่อคืนที่ผ่านมา (13 พ.ย.) ณ บริเวณสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนธนาลัย อ.เมืองเชียงราย ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ร่วมกับเทศบาลนครเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีพิธีเปิดฤดูท่องเที่ยวเชียงราย ครั้งที่ 3 โดยมี นายพินิจ หาญพานิช รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธาน
       
       ภายในงานมีการรวบรวมเอางานเทศกาล กิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีอยู่ทั่ว จ.เชียงราย ไปจำลองและอธิบายในรูปแบบต่างๆ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยว
       
       งานจะจัดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 53 ไปจนถึงเดือนเมษายน 54 ขณะที่วันแรกที่มีการเปิดงานนี้อยู่ในช่วงที่เทศบาลนครเชียงรายจัดงานเทศกาลถนนคนเดินเชียงรายรำลึกทุกคืนวันเสาร์ บนถนนธนาลัยพอดี จึงทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก และมีการแสดงนำร่องเป็นแสงสีเสียงขนาดเล็กจากชนเผ่าอาข่าเรื่อง “อาข่า คนภูเขา” รอบปฐมทัศน์ ซึ่งเป็นการเรื่องราวของชนเผ่าอาข่า และการแสดงชุดนี้จะจัดขึ้น ณ ศูนย์พัฒนสังคมหนวยที่ 12 อ.แม่จัน จ.เชียงราย ทุกเสาร์ที่ 2 ของเดือนตลอดฤดูท่องเที่ยวนี้ด้วย

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000160766
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
watcharanlnw
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #150 เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2010, 09:49:36 »

ไปๆๆไปเที่ยวเชียงรายกานเถอะ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #151 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 21:55:23 »

เชียงราย - เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เผย หากรถไฟคุนหมิง-หนองคาย-กรุงเทพฯ เสร็จ จะทำให้คนไทย-จีน เดินทางถึงกันได้ภายในเวลา 5 ชั่วโมงเท่านั้น เชื่อมั่นจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนในกลุ่มลุ่มน้ำโขงตอนบนอีกมหาศาล หลัง R3a ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลุ่มน้ำโขงตอนบนมาแล้วอย่างชัดเจน
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ช่วงระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย.นี้ นายก่วน มู่ (Mr.Guan Mu) เอกอัครราชทูตประเทศจีนประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จ.เชียงราย เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งนอกจากจะเดินทางไปยังสมาคมกวงเม้งเชียงราย เพื่อพบปะพี่น้องเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ที่เชียงราย ยังเดินไปยังโรงเรียนพณิชยการเชียงราย อ.เมืองเชียงราย ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาที่มีการเปิดสอนภาษาจีน พร้อมกันนี้ ได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวิดีโอเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับทางโรงเรียนด้วย
       
       โดยมี นายสินธุ์ จงไพบูลย์กิจ ผู้รับใบอนุญาตก่อตั้งโรงเรียนพณิชยการเชียงราย และประธานมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย, นายสาธิต ตรีสัตยาเวทย์ เลขานุการมูลนิธิ และคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ รวมทั้งบริหารโรงเรียน และนักเรียนให้การต้อนรับ
       
       นายสินธุ์ กล่าวว่า ทางโรงเรียนพณิชยการเชียงราย และมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เอกเอกอัครราชทูตประเทศจีน ประจำประเทศไทยได้เดินทางไปเยือน สำหรับโรงเรียนมีนักเรียนประมาณ 3,000 คน ทำการเปิดเรียนในระดับ ปวช.และ ปวส.ในหลายสาขา ขณะเดียวกัน ได้มีการเปิดสอนหลักสูตรภาษาจีนและที่ผ่านมาสถานศึกษาแห่งนี้มีความมุ่งมั่นจะพัฒนาให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนในภาคเหนือและของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคตต่อไป
       
       ด้าน นายก่วนมู่ กล่าวว่า นับเป็นเวลาเกือบ 20 ปีที่จังหวัดเชียงรายได้ร่วมกับประเทศจีนผลักดันการค้า การลงทุนและความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมกับประเทศแถบลุ่มน้ำโขงผ่านเส้นทางทางน้ำ ทางบกและอากาศ โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของถนน R3A เชื่อมเชียงราย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกๆ ด้านต่อประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน และหากสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เสร็จสิ้นลงก็จะกลายเป็นช่องทางที่จะเชื่อมจีนกับอาเซียนโดยผ่านประเทศไทย ซึ่งก็จะทำให้เกิดมูลค่าจากการค้าขายและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
       
       “ปัจจุบันประเทศจีนได้ก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่จากเมืองคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน ผ่านเข้าไปยัง สปป.ลาว และจะเข้าสู่ประเทศไทยที่ จ.หนองคาย เพื่อจะมุ่งหน้าต่อไปยังกรุงเทพฯ ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะทำให้การเดินทางใช้เวลาอันรวดเร็ว เพราะรถไฟมีความเร็ว 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพฯ สามารถนั่งรถไฟแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น" นายก่วนมู่ กล่าวและว่า และหากมีเส้นทางสายคุนหมิง-เชียงราย ในอนาคตอีกก็จะทำให้ใช้เวลาเดินทางแค่ 4 ชั่วโมง
       
       เอกอัครราชทูตประจำจีนประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ดังนั้น ทั้งสองประเทศจึงต้องมีการเตรียมตัวรับมือกับการพัฒนาร่วมกันใน โดยในส่วนของ จ.เชียงราย ถือเป็นเมืองสำคัญเพราะเป็นเมืองท่าในแม่น้ำโขงและมีเส้นทางเชื่อมทางบกกับจีนได้ ดังนั้น การที่โรงเรียนพานิชยการเชียงรายมีการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนให้กับนักเรียน เพื่อใช้ในการติดต่อพูดคุยกับชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวและมาลงทุนจึงเป็นการรองรับอนาคตที่ดีอย่างยิ่ง
       
       นอกจากนี้ นายก่วนมู่ มีกำหนดเดินทางไปในหลายพื้นที่นอกโปรแกรมปกติ โดยมีรายงานว่าจะเดินทางไปดูสภาพของแม่น้ำโขงชายแดนไทย-ส.ป.ป.ลาว ภายหลังมีข่าวเรื่องแม่น้ำโขงแห้งลงอย่างรวดเร็ว และในวันที่ 19 พ.ย.มีกำหนดอย่างเป็นทางการที่จะเดินทางไปร่วมงานครบรอบ 12 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) และ 35 ปีการสถาปนความสัมพันธ์ไทย-จีน ณ ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร สถาบันขงจื่อแห่ง มฟล.โดยจะเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ในการบรรยายเรื่อง “ส่งเสริมมิตรภาพ เพิ่มพูนความร่วมมือ สู่การพัฒนาร่วมกัน” ณ อาคารซี 4 มฟล.ด้วย
 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000163171
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #152 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 22:07:27 »

เชียงราย - ผู้ว่าฯเชียงราย เล็งโหมโรงกันอีกรอบ เตรียมเสนอทูตจีนตั้งกงสุลเชียงราย หนุนการค้า-การท่องเที่ยว ขณะที่ภาคเอกชนเชื่อมั่น จีนเห็นพ้อง หลังมีทุนจีนลงทุนในลุ่มน้ำโขง แถบชายแดนเชียงรายนับแสนล้าน
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าระหว่างวันที่ 17-19 พ.ย.นี้ นายกวนมู่ เอกอัคราชฑูตประเทศจีนประจำประเทศไทย มีกำหนดเดินทางไปเยือน จ.เชียงราย โดยวันที่ 17-18 พ.ย.จะไปร่วมกิจกรรมกับสมาคมการค้าจงหัวเชียงราย เพื่อพบปะกับองค์กรชาวจีน เช่น สมาคม มูลนิธิ ฯลฯ ต่างๆ และในวันที่ 19 พ.ย.มีกำหนดไปร่วมงานครบรอบ 12 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) และ 35 ปีการสถาปนความสัมพันธ์ไทย-จีน ณ ศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมจีนสิรินธร สถาบันขงจื่อ แห่ง มฟล. โดยนายกวนมู่ จะเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ในการบรรยายเรื่อง "ส่งเสริมมิตรภาพ เพิ่มพูนความร่วมมือ สู่การพัฒนาร่วมกัน" ณ อาคารซี 4 มฟล.ด้วย
       
       ด้านนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในโอกาสที่เอกอัคราชทูตประเทศจีน ประจำประเทศไทย เดินทางมาเชียงรายครั้งนี้ ตนจะเสนอข้อปรึกษาเกี่ยวกับการขอให้ทางประเทศจีนได้พิจารณาจัดตั้งสถานกงสุลแห่งใหม่ขึ้นที่เชียงราย เพื่อให้เหมาะสมกับภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะปัจจุบันเชียงรายเชื่อมโยงกับจีนตอนใต้ในทุกเส้นทางทั้งทางบกผ่านถนนหลายสาย ทางเรือในแม่น้ำโขง และทางเครื่องบิน รวมทั้งยังสามารถเชื่อมไปยัง สปป.ลาว พม่า ได้อีกด้วย
       
       ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันประเทศจีนจะมีสถานกงสุลใหญ่ประจำ จ.เชียงใหม่ อยู่แล้วแต่เพื่อการอำนวยความสะดวกในการประสานงานทุกด้าน ทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยว จึงเห็นว่าหากมีการจัดตั้งในเชียงรายจะช่วยทำให้การพัฒนาด้านรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
       
       นายสมชัย ย้ำว่า เชียงรายกับจีนตอนใต้ มีความสัมพันธ์แนบแน่นทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว ทางวัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ ซึ่งในส่วนของด้านการศึกษานั้น ก็พึ่งเริ่มต้นกันในตอนหลังและพบว่าทุกฝ่ายให้ความสำคัญ เนื่องจากบทบาทของภาษาจีนในเวทีโลกมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการได้เรียนรู้ภาษาจีนโดยเฉพาะผ่านทาง มฟล.จึงมีความจำเป็น
       
      ด้านนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งหากมีการพิจารณาจัดตั้งสถานกงสุลที่เชียงราย เพราะโดยความเป็นจริงแล้วสภาพภูมิศาสตร์ของเชียงราย เป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หากว่าเมืองหน้าด่าน ซึ่งเป็นประตูมีการสถานกงสุล ก็จะสามารถทำพิธีการเกี่ยวกับการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวเข้า-ออกได้สะดวก
       
       โดยเฉพาะปัจจุบันมีคนจีนและไทยเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นในทุกเส้นทางโดยทางบกเชียงรายอยู่ห่างจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน เพียง 248 กิโลเมตร และมีช่องทางอื่นๆ อีกมากมาย แต่ปัจจุบันการทำวีซ่า ต้องไปทำกันที่ จ.เชียงใหม่ หรือกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับคนจีนที่ต้องติดต่อประสานงานกับสถานกงสุล ก็ไม่สะดวกเช่นกัน
       
       นายวิรุณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กลุ่มทุนจากประเทศจีนได้ลงทุนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงด้าน จ.เชียงราย เป็นมูลค่านับแสนล้านบาท ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าทางประเทศจีนจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา เพราะโลกยุคปัจจุบันอาศัยเรื่องผลประโยชน์และความร่วมมือกันเป็นหลัก หากว่าประเทศจีนมีเศรษฐกิจขยายลงสู่ภาคใต้อย่างมหาศาลเช่นนี้ก็ย่อมต้องใช้กลไกด้านความสะดวกดังกล่าวเช่นกัน
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในปัจจุบันมีคนไทยเดินทางไปเยือนยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาปีละประมาณ 85,000 คน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 เป็นประจำทุกปี ส่วนคนจีนที่เดินทางมาเยือนเชียงรายยังมีน้อยเพียงประมาณ 5,000 คน ขณะที่การค้าชายแดนเชียงราย-จีนตอนใต้ เมื่อปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมกันกว่า 5,141.18 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออกจากไทยมูลค่า 3,261.59 ล้านบาท นำเข้า 1,879.59 ล้านบาท และในช่วงต้นปีนี้มีมูลค่ารวม 1,037.09 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกจากเชียงรายมูลค่า 605.91 ล้านบาท และนำเข้า 431.18 ล้านบาท


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000162562
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #153 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 22:16:32 »

เชียงราย - ประธานหอการค้าเมืองพ่อขุนฯ ชี้สัญญาณพม่าดีขึ้นหลังเลือกตั้ง เล็งเสนอเปิดด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ยาวถึงเที่ยงคืนทุกวัน เปิดช่องเศรษฐีพม่าเที่ยวเชียงราย พร้อมดึงนักท่องเที่ยวต่างถิ่นเข้าพื้นที่ได้มากขึ้น
       
       หลังการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์พม่าผ่านพ้นไปด้วยดี โดยชายแดนด้านอื่นไม่มีความรุนแรงยกเว้นด้าน จ.ตาก ติดกับเมืองเมียวดี ประเทศพม่า นั้น ได้ทำให้สถานการณ์ทั่วไปของชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.เชียงราย ยังคงคึกคักเช่นเดิม โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวกลับมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น เพราะได้ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตไปแล้ว และไม่มีการปะทะหรือความตึงเครียดต่อชายแดนด้านนี้แต่อย่างใด
       
       นายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ทางหอการค้า จ.เชียงราย กำลังพิจารณาที่จะนำเสนอไปยังภาครัฐให้มีการพิจารณาเปิดจุดผ่านแดนถาวรแม่สาย ให้ถึงเที่ยงคืนหรือมากกว่านั้นหากเป็นไปได้ เนื่องจากสถานการณ์ที่ผ่านมาบ่งชี้ให้เห็นแล้วได้คลี่คลายลง และในประเทศพม่าเองก็มีการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดี ดังนั้นการนำเสนอดังกล่าวจึงเป็นไปเพื่ออนาคต เพราะที่ผ่านมากรณีชายแดนไทย-มาเลเซีย ก็มีการเปิดด่านถึงเที่ยงคืน เช่นเดียวกับด่านถาวรทั่วโลกที่มีการปฏิบัติในทำนองเดียวกัน       
       ปัจจุบันชายแดนไทย-พม่า กลับมีการเปิดด่านตั้งแต่เวลาประมาณ 06.30-18.00 น.ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันจำกัดและใช้ประโยชน์ได้มากกับเรื่องการขนส่งสินค้าหรือการเข้าออกเมืองตามปกติ แต่กรณีชายแดนไทย-พม่า พบว่า คนพม่าจำนวนมากได้เข้ามาใช้บริการในฝั่งไทยโดยเฉพาะการรักษาพยาบาลและอื่นๆ ซึ่งบางครั้งต้องเดินทางเข้ามาถึงตัวเมืองชั้นในของไทย
       
       แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลาที่กำหนดปิดด่านก็ต้องรีบเดินทางกลับทำให้เสียโอกาสในการใช้บริการด้านอื่นๆ ในประเทศไทย ทั้งเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ที่พัก ฯลฯ “เดี๋ยวนี้คนพม่าที่มีฐานะดีก็มีอยู่มากและเข้ามาใช้บริการในฝั่งไทย โดยเฉพาะบรรดานักธุรกิจและอื่นๆ แต่เมื่อถึงเวลากำหนดพวกเขาก็ต้องรีบกลับ ก่อน 18.00 น.
       
       ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้คาดหวังว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะทำให้มีการขยายช่วงเวลาในการเปิดด่านไทย-พม่า จนถึงเที่ยงคืน จากนั้นเราก็จะพยายามผลักดันไปยังจุดผ่านแดนถาวรอื่นๆ ทั้งที่ อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ ชายแดนไทย-ส.ป.ป.ลาว ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับจีนตอนใต้ต่อไป” นายวิรุณ กล่าว
       
       ประธานหอฯเชียงราย บอกว่า ผลดีของการขยายการเปิดด่านก็คือภาคการท่องเที่ยว เพราะการเข้าออกทำได้สะดวกมากขึ้นโดยที่นักท่องเที่ยวไม่ต้องกังวลเรื่องระยะเวลามากเหมือนเดิม ซึ่งเชื่อว่าหากขยายเวลาก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเชียงรายได้อีกเป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในฤดูท่องเที่ยว
       
       ส่วนด้านการค้าปีที่ผ่านมาไทยมีการส่งออกสินค้าไปยังพม่าผ่านจุดผ่านแดน อ.แม่สาย มูลค่าประมาณ 4,259.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.95% และนำเข้ามูลค่า 359.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.48%
       
       ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ทางหอการค้า อ.แม่สาย เคยนำเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทยขอให้ขยายการเปิดด่านในลักษณะดังกล่าว แต่จำกัดเฉพาะช่วงประเพณีลอยกระทง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และสงกรานต์ เท่านั้น


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000162561
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
miyoko
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,252



« ตอบ #154 เมื่อ: วันที่ 21 พฤศจิกายน 2010, 15:25:08 »

อยากเป็นส่วนหนึ่งของพลังน้อยๆ เพื่อสร้างสรรค์ จังหวัดบ้านเกิด จาก คนรักบ้านเกิด
IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #155 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 11:41:42 »

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4264  ประชาชาติธุรกิจ


หวั่นล้มแผน'โลจิสติกส์ภาคเหนือ' หอ10จังหวัดจี้รัฐจัดลำดับความสำคัญไฮสปีดเทรน




 
หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือหวั่นโครงการรถไฟความเร็วสูงผ่านลาว-หนองคาย ดึงความสำคัญแผนพัฒนาโลจิสติกส์ภาคเหนือ ทั้งที่ดำเนินการไปมากแล้ว เผยรถไฟรางคู่เน้นหนุนการท่องเที่ยว ขณะที่ประเทศเสียเปรียบหนักเรื่องต้นทุนโลจิสติกส์ ด้าน สนข.ออกแบบศูนย์กระจาย สินค้า 2 พันล้าน เตรียมรับสะพานข้าม น้ำโขงแห่งใหม่ พร้อมออกแบบทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย


นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" กรณีรัฐสภาอนุมัติกรอบเจรจาความร่วมมือพัฒนากิจการรถไฟระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า อาจทำให้แผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไทยภาคเหนือเชื่อมกับจีนตอนใต้โดยใช้เชียงรายเป็นศูนย์กลางถูกลดความสำคัญลง จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องทบทวนจริงจังว่าจะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ 2550-2554 ที่ดำเนินการไปมากแล้ว หรือจะหันมาให้ความสำคัญกับโครงการใหม่ที่มีการเมืองผลักดัน

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวประกอบด้วย การก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 ก.ม. กรุงเทพฯ-ระยอง 221 ก.ม. กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ 982 ก.ม. กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี เพื่อเชื่อมต่อ กับเส้นทางรถไฟที่จีนและลาวจะร่วมกันก่อสร้างจากชายแดนจีนตอนใต้ ผ่านประเทศลาวมาจดชายแดนไทยที่จังหวัดหนองคาย

นายพัฒนากล่าวอีกว่า โครงการ ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 5 เส้นทางดังกล่าวไม่ได้สนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาโลจิสติกส์ เพราะรถไฟความเร็วสูงไม่ได้ออกแบบสำหรับการขนส่งสินค้า แต่เน้นการขนส่งคนเป็นหลัก เน้นสนับสนุนการท่องเที่ยว ส่วนแผนยุทธศาสตร์ โลจิสติกส์ชาติมีเป้าหมายจะลดต้นทุนโลจิสติกส์ของไทย ปัจจุบันจากระดับ 19% หรือกว่า 20% ในบางธุรกิจ เป็นเฉลี่ย 15% หรือพัฒนาไปจนถึงระดับประเทศพัฒนาแล้วที่มีต้นทุนโลจิสติกส์เพียง 9-11%

ทั้งนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ซึ่งดูแลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภาคเหนือเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านระบุว่า จะใช้ระบบ Multi Model Logistics คือระบบผสมผสาน โดยมีระบบรางเป็นหลัก (backbone) จากนั้นมีระบบ feeder ทั้งรถและรถไฟภายในประเทศรองรับ รวมทั้งจะมีศูนย์กระจายสินค้าชายแดน ครบวงจรเชิงสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อ.เชียงของ ซึ่งการสำรวจออกแบบใกล้ แล้วเสร็จ

"การที่รัฐสภามีมติให้เจรจาเรื่องรถไฟความเร็วสูงอาจทำให้แผนงานนี้เลื่อน ออกไป เพราะรัฐบาลมีงบฯจำกัด และแผนการพัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลาง โลจิสติกส์ อาจไม่มีความสำคัญเท่ากับแผนการใหม่ที่มีภาคการเมืองหนุนเต็มที่ อยากให้จัดอันดับความสำคัญให้ชัดเจน และทำงานต่อเนื่อง" นายพัฒนากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์เปลี่ยนถ่าย รูปแบบการขนส่งสินค้าหรือ Border Control Facility ที่ สนข.ออกแบบ ประกอบด้วยศูนย์อำนวยความสะดวกด้านกิจการชายแดนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริการ ณ จุดเดียว รวมทั้งการอำนวยความสะดวกด้านสถานที่รองรับ รถโดยสาร รถบรรทุก รถไฟ รถทั่วไป ใช้งบฯลงทุนประมาณ 2,301 ล้านบาท แบ่งเป็นระยะที่ 1 จำนวน 1,451 ล้านบาท

ระยะที่ 2 จำนวน 850 ล้านบาท พร้อมกับโครงการสนับสนุนหลายโครงการ เช่น การก่อสร้างทาง 4 ช่องจราจร สายเชียงราย-เชียงของ การก่อสร้างถนนสายแยก บ.กิ่วแก้ว อ.เทิง-อ.จุน การก่อสร้างถนนสาย บ.ดอนมหาวัน อ.เชียงของ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนาขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ทางตอนเหนือ เช่น โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อม อ.เชียงของกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว คาดว่าแล้วเสร็จปลายปี 2555

โครงการท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่ง ที่ 2 หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน กรมเจ้าท่าดำเนินการก่อสร้างด้วยวงเงิน 1,546,400,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จ วันที่ 28 ธ.ค. 54

ปัจจุบันโครงการนี้มีถนนสนับสนุนที่ก่อสร้างใหม่หลายสาย เช่น ถนน 4 ช่องจราจรสาย อ.แม่สาย-อ.เชียงแสน ระยะทาง 38.46 กิโลเมตร ถนน 4 ช่องจราจรสาย อ.แม่จัน-อ.เชียงแสน ระยะทาง 19.2 กิโลเมตร

ขณะเดียวกัน สนข.เตรียมใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ทำแผนศึกษาเส้นทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย ระยะทาง 346 กิโลเมตรใหม่อีกครั้ง

หน้า 24

http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02phu03221153&sectionid=0211&day=2010-11-22
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #156 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 11:47:29 »

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4264 ประชาชาติธุรกิจ


หวั่นล้มแผน'โลจิสติกส์ภาคเหนือ' หอ10จังหวัดจี้รัฐจัดลำดับความสำคัญไฮสปีดเทรน





หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือหวั่นโครงการรถไฟความเร็วสูงผ่านลาว-หนองคาย ดึงความสำคัญแผนพัฒนาโลจิสติกส์ภาคเหนือ ทั้งที่ดำเนินการไปมากแล้ว เผยรถไฟรางคู่เน้นหนุนการท่องเที่ยว ขณะที่ประเทศเสียเปรียบหนักเรื่องต้นทุนโลจิสติกส์ ด้าน สนข.ออกแบบศูนย์กระจาย สินค้า 2 พันล้าน เตรียมรับสะพานข้าม น้ำโขงแห่งใหม่ พร้อมออกแบบทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย


นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" กรณีรัฐสภาอนุมัติกรอบเจรจาความร่วมมือพัฒนากิจการรถไฟระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า อาจทำให้แผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไทยภาคเหนือเชื่อมกับจีนตอนใต้โดยใช้เชียงรายเป็นศูนย์กลางถูกลดความสำคัญลง จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องทบทวนจริงจังว่าจะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ 2550-2554 ที่ดำเนินการไปมากแล้ว หรือจะหันมาให้ความสำคัญกับโครงการใหม่ที่มีการเมืองผลักดัน

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวประกอบด้วย การก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 615 ก.ม. กรุงเทพฯ-ระยอง 221 ก.ม. กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ 982 ก.ม. กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี เพื่อเชื่อมต่อ กับเส้นทางรถไฟที่จีนและลาวจะร่วมกันก่อสร้างจากชายแดนจีนตอนใต้ ผ่านประเทศลาวมาจดชายแดนไทยที่จังหวัดหนองคาย

นายพัฒนากล่าวอีกว่า โครงการ ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 5 เส้นทางดังกล่าวไม่ได้สนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาโลจิสติกส์ เพราะรถไฟความเร็วสูงไม่ได้ออกแบบสำหรับการขนส่งสินค้า แต่เน้นการขนส่งคนเป็นหลัก เน้นสนับสนุนการท่องเที่ยว ส่วนแผนยุทธศาสตร์ โลจิสติกส์ชาติมีเป้าหมายจะลดต้นทุนโลจิสติกส์ของไทย ปัจจุบันจากระดับ 19% หรือกว่า 20% ในบางธุรกิจ เป็นเฉลี่ย 15% หรือพัฒนาไปจนถึงระดับประเทศพัฒนาแล้วที่มีต้นทุนโลจิสติกส์เพียง 9-11%

ทั้งนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ซึ่งดูแลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภาคเหนือเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านระบุว่า จะใช้ระบบ Multi Model Logistics คือระบบผสมผสาน โดยมีระบบรางเป็นหลัก (backbone) จากนั้นมีระบบ feeder ทั้งรถและรถไฟภายในประเทศรองรับ รวมทั้งจะมีศูนย์กระจายสินค้าชายแดน ครบวงจรเชิงสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อ.เชียงของ ซึ่งการสำรวจออกแบบใกล้ แล้วเสร็จ

"การที่รัฐสภามีมติให้เจรจาเรื่องรถไฟความเร็วสูงอาจทำให้แผนงานนี้เลื่อน ออกไป เพราะรัฐบาลมีงบฯจำกัด และแผนการพัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลาง โลจิสติกส์ อาจไม่มีความสำคัญเท่ากับแผนการใหม่ที่มีภาคการเมืองหนุนเต็มที่ อยากให้จัดอันดับความสำคัญให้ชัดเจน และทำงานต่อเนื่อง" นายพัฒนากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์เปลี่ยนถ่าย รูปแบบการขนส่งสินค้าหรือ Border Control Facility ที่ สนข.ออกแบบ ประกอบด้วยศูนย์อำนวยความสะดวกด้านกิจการชายแดนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริการ ณ จุดเดียว รวมทั้งการอำนวยความสะดวกด้านสถานที่รองรับ รถโดยสาร รถบรรทุก รถไฟ รถทั่วไป ใช้งบฯลงทุนประมาณ 2,301 ล้านบาท แบ่งเป็นระยะที่ 1 จำนวน 1,451 ล้านบาท

ระยะที่ 2 จำนวน 850 ล้านบาท พร้อมกับโครงการสนับสนุนหลายโครงการ เช่น การก่อสร้างทาง 4 ช่องจราจร สายเชียงราย-เชียงของ การก่อสร้างถนนสายแยก บ.กิ่วแก้ว อ.เทิง-อ.จุน การก่อสร้างถนนสาย บ.ดอนมหาวัน อ.เชียงของ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนาขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ทางตอนเหนือ เช่น โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อม อ.เชียงของกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว คาดว่าแล้วเสร็จปลายปี 2555

โครงการท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่ง ที่ 2 หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน กรมเจ้าท่าดำเนินการก่อสร้างด้วยวงเงิน 1,546,400,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จ วันที่ 28 ธ.ค. 54

ปัจจุบันโครงการนี้มีถนนสนับสนุนที่ก่อสร้างใหม่หลายสาย เช่น ถนน 4 ช่องจราจรสาย อ.แม่สาย-อ.เชียงแสน ระยะทาง 38.46 กิโลเมตร ถนน 4 ช่องจราจรสาย อ.แม่จัน-อ.เชียงแสน ระยะทาง 19.2 กิโลเมตร

ขณะเดียวกัน สนข.เตรียมใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ทำแผนศึกษาเส้นทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย ระยะทาง 346 กิโลเมตรใหม่อีกครั้ง

หน้า 24

http://www.prachachat.net/view_news....day=2010-11-22
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #157 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 20:35:55 »

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กลุ่มจังหวัดอันดามันลงนามบันทึกความร่วมมือการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกับกลุ่มจังหวัดล้านนา เพื่อพัฒนาธุรกิจสปาให้มีความโดดเด่น ดึงนักท่องเที่ยวมาใช้บริการให้มากขึ้น
       
       เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 22 พ.ย.) นายธีรเดช ลิ่มวิริยกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พร้อมคณะ เข้าพบนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะหัวหน้ากลุ่มจังหวัดอันดามัน ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนองและตรัง เพื่อชี้แจงรายละเอียดการลงนามความร่วมมือด้านพัฒนาการท่องเที่ยว ของกลุ่มจังหวัดอันดามันกับจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย หนึ่งในกิจกรรมตามโครงการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันด้านธุรกิจบริการสุขภาพของกลุ่มจังหวัดอันดามัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณกลุ่มจังหวัด ปี 2553 จำนวน 6 ล้านบาท
       
       นายธีรเดช ลิ่มวิริยกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดอันดามัน ซึ่งประกอบด้วย ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ได้มีการบันทึกข้อตกลงเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกับกลุ่มจังหวัดล้านนา (เชียงใหม่ เชียงราย) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ร่วมกันบนพื้นฐานความเท่าเทียม และผลประโยชน์ร่วมกัน
       
       รวมทั้งร่วมมือซึ่งกันและกันในด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและพันธกรณีระหว่างจังหวัดในกลุ่มจังหวัด ส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งเจ็ดจังหวัดติดต่อกันโดยตรง เพื่อร่วมมือกัน ตลอดจนสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวของทั้งเจ็ดจังหวัด และให้นักท่องเที่ยวมีระยะเวลาการพำนักยาวนานขึ้น
       
       รูปแบบความร่วมมือที่เกิดจากการทำบันทึกความร่วมมือดังกล่าว จะมีทั้งการพัฒนาองค์ความรู้ ประสบการณ์ทางวิชาการ วิทยากร และการพัฒนาแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือด้านการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น การพัฒนาบุคลากร การจัดหาแรงงาน การฝึกงานหรืออื่นๆ เพื่อให้การจัดการด้านการพัฒนาธุรกิจบริการสุขภาพมีศักยภาพในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ร่วมมือกันทำการประชาสัมพันธ์และการตลาด แลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงสุขภาพ เชิงอนุรักษ์ วิถีชีวิตและผลิตภัณฑ์ชุมชน ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การค้าและการลงทุน
       
       นายธีรเดช กล่าวด้วยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจสปาร่วมกันทั้งในส่วนของการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์สปา เป็นต้น เนื่องจากธุรกิจสปาล้านนาเป็นธุรกิจสปาที่มีอัตตลักษณ์ความเป็นล้านนา ที่สามารถสร้างรายได้ปีละจำนวนมาก ซึ่งก็เช่นเดียวกับสปาในฝั่งอันดามันที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้บริการจำนวนมากเช่นกัน
       
       โดยในส่วนสปาในอันดามันนั้นขณะนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์สปาจากวัตถุดิบในท้องถิ่นจากน้ำมันปาล์ม สบูกาแฟ โคลนน้ำพุร้อนเค็ม ที่คลองท่อม เป็นต้น โดยให้ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เป็นผู้วิจัย เพื่อใช้เป็นน้ำมันสำหรับนวดในสปาต่างๆ
       
       สำหรับสปาในอันดามันนั้นมีประมาณ 150-200 แห่ง ที่เป็นเดย์สปาและรีสอร์ทสปา สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #158 เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 20:57:42 »

นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 มีมติดังนี้

1. อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าร่วมลงทุนในบริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด โดยซื้อหุ้นจากบริษัท แปซิฟิก โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่อย่างใด ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงินลงทุนจำนวนไม่เกิน 55,000,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ที่ตำบลวังโรงใหญ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 6 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 708,000,000 บาท

2. อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าร่วมลงทุนในบริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด โดยซื้อหุ้นจากบริษัท แปซิฟิก โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ แต่อย่างใด ในสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียน คิดเป็นเงินลงทุนจำนวนไม่เกิน 75,000,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 8 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 944,000,000 บาท

3. อนุมัติให้บริษัทฯ ลงนามในบันทึกความเข้าใจความตกลงร่วมมือในการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่อาจจะมีขึ้นในประเทศไทยในอนาคต จำนวน 100 เมกะวัตต์ กับ บริษัท แปซิฟิก โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหาร มีอำนาจในการเจรจาตกลงเงื่อนไขเกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้น/เงินลงทุน รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

4. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ดังนี้

1) นายดอน ปรมัตถ์วินัย ประธานกรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

2) ดร. ภาวิช ทองโรจน์ กรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

3) นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นทูตใหญ่ประจำในหลายประเทศ ก่อนเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำสหประชาชาติ



ที่มา : http://www.stockwave.in.th/index.php/hot-news/15891-2010-11-23-05-09-54.html

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #159 เมื่อ: วันที่ 26 พฤศจิกายน 2010, 21:45:36 »

วัฒนธรรมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ จับมือรุกท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย,พะเยา,แพร่ และน่าน) จับมือจัดกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมบ้านพี่เมืองน้อง กิจกรรมนี้ภายใต้โครงการ เชื่อมโยงวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก เดินสายสัมมนาเชิงรุกภายใต้แนวคิดท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมภายใต้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่โรงแรมแม่ยมพาเลส
นางขันทอง สุทธนะ วัฒนธรรมจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้จัดกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมบ้านพี่เมืองน้อง เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการเชื่อมโยงวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก ได้แก่ จังหวัดเชียงราย,พะเยา,แพร่ และน่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รับฟังข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น ประสบการณ์ของชาวล้านนาตะวันออก และผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินงานด้านวัฒนธรรม รวมทั้งปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์เพื่อการทำงานแบบพหุภาคีร่วมศึกษาชุมชน และกระตุ้นให้ชาวตะวันออก เกิดความรัก ความหวงแหน และภาคภูมิใจศิลปวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า พร้อมร่วมอนุรักษ์และเผยแพร่ เพื่อการพัฒนางานด้านวัฒนธรรมของกลุ่มล้านนาตะวันออก ตลอดจนเพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มจังหวัดล้านนา สามารถนำเอาวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแก่ชุมชน โดยผ่านการตลาดด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
โดยกิจกรรมแรกของโครงการที่จังหวัดแพร่ คือการอภิปรายเรื่อง “มรดกทางวัฒนธรรมเมืองแพร่ และเวียงสรอง กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ” โดยจะจัดให้มีการท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมต่างๆในจังหวัดแพร่ น่าน พะเยา และเชียงราย เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนมาเที่ยวเมืองแพร่ให้มากขึ้น นอกจากนั้นยังจะให้สินค้าโอท็อป เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วโลกอีกด้วย
นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดหนึ่งในล้านนาตะวันออก ที่มีความโดดเด่นคือ มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมโบราณสถาน ดังนั้นเมื่อมาถึงศักยภาพของเมืองแพร่เราพบว่ายังมีอยู่มาก ในทางประวัติศาสตร์และทรัพยากรต่างๆก็มีหลากหลาย และประเด็นสำคัญในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยว ต้องกลับไปดูเรื่องเด็กและเยาวชน เพราะเป็นอนาคตของเมืองแพร่ ทรัพยากรทุกอย่างที่กล่าวมานั้น เราต้องปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ ช่วยกันดูแลรักษา สิ่งที่ดีงามของจังหวัดแพร่ เพื่อให้เขามีความเข้มแข็ง เพื่อจะไปดูแลมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดแพร่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือต่อไป

http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255311260234&tb=N255311&return=ok&news_headline="%c7%d1%b2%b9%b8%c3%c3%c1%a1%c5%d8%e8%c1%a8%d1%a7%cb%c7%d1%b4%c0%d2%a4%e0%cb%b9%d7%cd%20%a8%d1%ba%c1%d7%cd%c3%d8%a1%b7%e8%cd%a7%e0%b7%d5%e8%c2%c7%e0%aa%d4%a7%c7%d1%b2%b9%b8%c3%c3%c1"
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ... 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!