เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 20:23:07
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 ... 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 439842 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« เมื่อ: วันที่ 13 มกราคม 2010, 10:02:52 »

ความเป็นมาในการรวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและพัฒนา

เนื่องจากจังหวัดเชียงรายมีการพัฒนาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีโครงการต่างๆเกิดขึ้นมากมาย อันเนื่องมาจากสภาพภูมิศาสตร์อันเป็นเป็นประตูการค้าที่สำคัญของประเทศในการเชื่อมโยงการค้า การขนส่ง การบริการ  และการท่องเที่ยว การดำเนินการต่างๆของโครงการภาครัฐมีมูลค่าจำนวนมากมายมหาศาล และมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต วัฒนธรรม การดำเนินชีวิต โดยเชื่อว่ามีคนไม่น้อยเช่นกันที่สนใจด้านการพัฒนา

การตั้งกระทู้นี้ เพื่อรวบรวบเป็นแหล่งความรู้ ต่างๆทั้งจากข่าว บทความ และการแสดงความคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิก เพื่อประโยชน์จากผู้ที่สนใจค้นคว้าข้อมูล ได้เห็นภาพรวมของการพัฒนาจังหวัด ได้เห็นตัวทิศทางการพัฒนา ที่สำคัญ ท่านที่มาอ่านได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ตนเองได้รับจากการพัฒนา และจะปรับตัวเข้าอย่างไร หรือตั้งรับกับความเจริญ ที่เราห้ามไว้ไม่ได้ แต่จะเติบโตอย่างไร บนรากฐานวัฒนธรรมประเพณีที่เข็มแข็ง ความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติ ของเมืองเชียงราย

ตอนนี้สิ่งที่ขาดจากกระทู้รวมรวมการพัฒนา คือนักข่าวที่เป็นพลเมือง คนในท้องที่ และมุมมองความคิดเห็นที่หลากหลาย ที่สำคัญต้องสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาจังหวัดเชียงราย

โดยถ้ามีข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในจังหวัด ถ้าได้รับรู้ และรับทราบ อาจเป็นข้อมูล ทิศทาง วิสัยทัศน์การพัฒนาเชียงราย

มาช่วยกันติดตาม มองความเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของเชียงราย พร้อมๆกันนะครับ.

ร่วมทำเชียงรายให้น่าอยู่

คลิกดูตามกระทู้นี้ได้เลย

หัวข้อกระทู้ 1. กระทู้ติดตามรถไฟเชียงราย  


หัวข้อกระทู้ 2. ติดตามถนน R3a และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4


หัวข้อกระทู้ 3.พร้อมหรือยังเจียงฮาย กับการเปิดเขตการค้าเสรี


หัวข้อกระทู้ 4. รวบรวมข่าวสารที่เกิดขึ้นในเชียงรายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการพัฒนา  


หัวข้อกระทู้ 5.รวมกระทู้ติดตามความเคลื่อนไหวโครงการเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย    


หัวข้อกระทู้ 6. ความก้าวหน้าของเชียงรายในหลายๆ ด้าน ลองอ่านดูนะครับ น่าสนใจมาก


หัวข้อกระทู้ 7.อนาคตผังเมืองเจียงฮายจะเป็นจะได๋หา


หัวข้อกระทู้ 8. รถไฟที่จะมาเชียงราย เขามีโครงการหรือยังค่ะ

หัวข้อกระทู้ 9.เที่ยวเชียงราย รบกวนถามคนเชียงรายหน่อยคะ


หัวข้อกระทู้ 10. อีก 3 ปี ข้างหน้า ตลาดแรงงานในเชียงราย จะมีทิศทางไปทางไหนครับ


หัวข้อกระทู้ 11.สมควรมี "เทศบาลเมืองแม่สาย" ได้หรือยังครับ?


หัวข้อกระทู้12.  ความเคลื่อนไหวของ เซ็นทรัลเชียงราย

หัวข้อกระทู้ 13.ความก้าวหน้าของเชียงรายในหลายๆ ด้าน ลองอ่านดูนะครับ น่าสนใจมาก


หัวข้อกระทู้14.  จะมีไหมนิคมอุตสาหกรรมเชียงราย


หัวข้อกระทู้15.  ข้อคิดและบทเรียนรื้อโบสถ์คริสตจักรที่ 1 เวียง เชียงราย  


หัวข้อกระทู้1ุ6.  อีกสามปีก็เกิดAECแล้ว เชียงรายจะไปทางไหน  


หัวข้อกระทู้ 1ึ7.ติดตามข่าว รายงานความคืบหน้าโครงการหอศิลป์เชียงราย และเกาะศิลป์ ตลอดลำน้ำกก 6 กม.

หัวข้อกระทู้ 1ึ8.น่าจะฟื้นฟู คูเมือง ให้สะอาด


หัวข้อกระทู้ 19.   รวมข่าวสาร การค้าชายแดน ด้านจังหวัด เชียงราย และ ประชาคมอาเซียน

หัวข้อกระทู้ 20. รวมข่าวด้านสาธารณสุข จังหวัดเชียงราย


หัวข้อกระทู้ 22. คนเจียงฮายเฮาพร้อมก่อคับ ประชาคมเศรษฐกิจอาเชี่ยน(AEC) 2558  

หัวข้อกระทู้ 23.ถามเรื่องเปลี่ยนพระนามป้อขุนเม็งรายเป๋น "พญามังราย" ครับ


หัวข้อกระทู้ 24. ถนนเลี่ยงเมืองเชียงรายแนวใหม่วงแหวนตะวันตก  



หัวข้อกระทู้ 25 .ประวัติศาสตร์เจียงฮาย ประวัติศาสตร์ล้านนา ห้อง"เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง"


หัวข้อกระทู้ 26. กว่าจะเป็นเชียงราย  


หัวข้อกระทู้ 27.+++ขออนุญาต รวมข่าวภัยยาเสพติดและการจับกุมยาเสพติดในจังหวัดเชียงราย+++



สนใจหัวการพัฒนาที่เคยโพสผมพยายามรวบรวมไว้แล้วครับ. ช่วยกันแสดงความคิดเห็นครับ เชียงรายจะพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง...แม้ความคิดเห็นเล็กก็เป็นการสะท้อนแง่มุมบ้างอย่างได้นะครับ

ขอบคุณครับ



* 11.jpg (179.68 KB, 700x910 - ดู 17377 ครั้ง.)

* 1.jpg (162.81 KB, 600x677 - ดู 16365 ครั้ง.)

* 2.jpg (122.46 KB, 600x884 - ดู 15630 ครั้ง.)

* 3.jpg (64.17 KB, 453x605 - ดู 14754 ครั้ง.)

* ถนนสายเอเซีย2.jpg (114.52 KB, 470x640 - ดู 14082 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 05 มิถุนายน 2013, 23:27:31 โดย boondham » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 13 มกราคม 2010, 22:44:58 »





สายการบินนกมินิเปิดบินเชียงใหม่-สิบสองปันนา 1 เม.ย.53


สายการบินนกมินิ เดินหน้าเปิดเที่ยวบินเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย-สิบสองปันนา ในวันที่ 1 เมษายน 53 หลังเตรียมความพร้อมทุกด้านใกล้ลงตัวแล้ว

ช่วงชัยกิจการ รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด สายการบินนกมินิ เปิดเผยว่า ภายหลังจากทางสายการบินได้หารือกับทางสิบสองปันนา ประเทศจีนเพื่อเปิดเส้นทางบิน จากเชียงราย เชียงราย ถึงสิบสองปันนา ขณะนี้การดำเนินการ เพื่อเตรียมความพร้อม ได้เสร็จเรียบร้อยไปแล้วกว่า 80% ทั้งในเรื่องของเอกสาร และขั้นตอนการผ่านเข้า-ออกต่างๆของตัวเครื่องบิน

ล่าสุด ได้ดำเนินการยื่นจดทะเบียนเครื่องบินจากกรมการบินพลเรือน เพื่อให้เครื่องบินลำใหม่นี้ เปลี่ยนเป็นสัญชาติไทย และในตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเรื่องสัญญาต่างๆกับทางสิบสองปันนา ซึ่งคาดว่าปลายเดือนมกราคมนี้จะเสร็จสิ้น

ส่วนการดำเนินงานในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนานั้น ได้ส่งทีมงานเข้าไปจัดการ และดูแลความเรียบร้อย เพื่อเช็คในส่วนของระบบรองรับต่างๆ คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในเดือนเมษายน 2553

“สำหรับเครื่องบิน SABB 340 ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว และจะบินไปจอดไว้ที่สนามบินเชียงใหม่ เพื่อบินเส้นทางแรก เชียงใหม่-อุดรธานีเป็นเที่ยวแรก ในวันที่ 17 มกราคม 2553 และเมื่อการเตรียมความพร้อมทุกอย่างในส่วนของการบินระหว่างเส้นทาง เชียงใหม่ -เชียงราย -สิบสองปันนา แล้วเสร็จ จะเปิดบินอย่างเป็นทางการใน วันที่ 1 เมษายน 2553 ”นายวันชัย กล่าว

ด้านนายยุทธนา จิตรอบอารีย์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานานาชาติเชียงราย กล่าวว่า สำหรับสายการบินนกมินิกำลังจะเปิดเส้นทางการบินระหว่าง เชียงใหม่ -เชียงราย -สิบสองปันนา โดยจะเป็นการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการสนามบินนานาชาติเชียงรายแล้ว และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ตลอดจนกระตุ้นการค้าในบริเวณรอบๆ ให้ดีขึ้นด้วย

ดังนั้น สนามบินนานาชาติเชียงราย จึงพร้อมให้ความร่วมมือทั้งในการต้อนรับผู้โดยสาร และให้ความอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับทางผู้โดยสาร

สนามบินนานาชาติเชียงรายมีความพร้อมในด้านการให้บริการและการตรวจสอบด้านต่างๆ โดยเฉพาะความปลอดภัยภายในสนามบินที่มีความพร้อมมากกว่า 100% ดังนั้น จึงอยากให้ทางสายการบินนกมินิมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในการให้บริการของสนามบินนานาชาติเชียงราย

โดยทางสนามบินนานาชาติเชียงรายมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะมีสายการบินที่บินตรงจากต่างประเทศเข้ามาในจังหวัดเชียงราย และขยายเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ไปสู่ประเทศอื่นๆและทวีปอื่นๆต่อไป
http://www.bangkokbiznews.com/home/d...#3586;.53.html


* รูปภาพ1.jpg (60.5 KB, 472x640 - ดู 8965 ครั้ง.)

* รูปภาพ2.jpg (37.61 KB, 402x370 - ดู 8644 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 กรกฎาคม 2013, 07:25:50 โดย boondham » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 14 มกราคม 2010, 10:46:55 »

การเริ่มต้นกำหนดกลยุทธ์โลจิสติกส์ของบริษัท


โดย ดร.พงษ์ชัย อธิคมรัตนกุล
ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


หลายๆ บริษัทเข้าใจเพียงว่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ค่าใช้จ่าย หรือต้นทุนบริษัทและสินค้าของตนเองสูงขึ้น ดังนั้นจึงทุ่มเทสรรพกำลังส่วนใหญ่หมดไปกับ การค้นหาแนวทางหรือวิธีการในการปรับปรุงต้นทุนให้ดีขึ้น กรอบการบริหารจัดการหรือการดำเนินการจึงมุ่งเน้นไปในระดับปฏิบัติการ และที่สำคัญเป้าหมายเกือบทั้งหมดเป็นเพียงเป้าหมายระยะสั้น ที่หลายครั้งเมื่อพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ก็จะพบว่า หลายๆ แนวทางการลดต้นทุนที่ดำเนินการไปขาดทิศทางที่ชัดเจน ได้ไม่คุ้มเสีย หรือส่งผลลบในด้านอื่นๆ ให้กับบริษัท
“การด่วนได้ ด่วนทำ” ในเรื่อง โลจิสติกส์ จึงเป็นเรื่องที่หลายๆ บริษัทจะต้องระมัดระวังและพยายามทำความเข้าใจใหม่ว่า เรื่องราวการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ไม่แตกต่างกับขบวนการทางธุรกิจอื่นๆ ที่จำเป็นจะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย ทิศทางและกลยุทธ์ที่ชัดเจน และสอดคล้องกับภาพโดยรวมของเป้าหมาย ทิศทางและกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท หรือพูดง่ายๆ ว่า การจะปรับปรุง พัฒนา หรือบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ให้ได้ประสิทธิภาพ และเป็นสิ่งที่บริษัทต้องการทั้งในระยะสั้นและระยะยาวสอดรับซึ่งกันและกัน บริษัทจำเป็นจะต้องมีการกำหนดกรอบหรือวิถีทางกลยุทธ์ สำหรับระบบโลจิสติกส์ของบริษัทก่อนนั้นเอง
สำหรับตอนนี้จะขอใช้เวลาทั้งหมด ในการอธิบายกลยุทธ์ทางธุรกิจทั้ง 5 แบบ ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้บริหารในเรื่องโลจิสติกส์จำเป็นจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพื่อจะได้นำไปกำหนดเป้าหมาย ทิศทางและกลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ได้อย่างเหมาะสม
โดยสรุปแล้ว การปรับตัวเพื่อให้องค์กรทางธุรกิจของตนสามารถแข่งขันได้ โดยทั่วๆไปแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในภาคการผลิตหรือภาคการบริการ อยู่ในต่างประเทศหรืออยู่ในประเทศไทย หรือองค์กรมีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ล้วนแล้วแต่มีรูปแบบหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่บริษัทต่างๆ ใช้ดำเนินการกันในช่วงกว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา สรุปได้ประมาณ 5 รูปแบบหรือ 5 แนวทาง โดยรายละเอียดของแต่ละรูปแบบที่นักบริหารจัดการโลจิสติกส์ หรือบริษัทที่มุ่งมั่นจะพัฒนาระบบโลจิสติกส์ จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ ได้แก่
รูปแบบที่ 1 แข่งที่ราคาถูกกว่า (Cost Domination)
การที่บริษัทเลือกใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ หมายถึง บริษัทมุ่งเน้นความได้เปรียบในเชิงธุรกิจที่ราคาสินค้าของบริษัทเป็นสำคัญ โดยความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง หรือการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า คำนึงถึงราคาสินค้าเป็นหลัก ดังนั้นเป้าหมายและทิศทางในการดำเนินการทั้งหมดของบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมต้นทุนโดยรวมทั้งหมดของบริษัทให้ต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงหรือโดยอ้อม ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนผลิตหรือต้นทุนวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนแรงงานหรือต้นทุนเครื่องจักร ทุกค่าใช้จ่ายที่ประกอบกันเป็นต้นทุนสินค้าล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในกลยุทธ์นี้ ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ ผู้บริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดูแลรับผิดชอบ จำเป็นจะต้องกำหนดเป้าหมาย หรือทิศทางการพัฒนากลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นไปในเรื่องการลดต้นทุนโลจิสติกส์เป็นสำคัญ โดยเป้าหมายของกลยุทธ์ส่วนมากก็จะเป็น การลดสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขาย หรือไม่ก็จะเป็นการลดสัดส่วนต้นทุนการกระจายสินค้าต่อยอดขายเป็นต้น
รูปแบบที่ 2 แข่งที่ความแตกต่างของสินค้าและบริการ (Differentiation)
การที่บริษัทเลือกใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ หมายถึง บริษัทมุ่งสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการเหนือคู่แข่ง ความได้เปรียบในเชิงราคาถือว่ามีผลไม่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับ คุณภาพของสินค้าและบริการของบริษัท กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าคุณภาพ การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบต่างๆ ที่เหนือไปกว่าตัวสินค้า การบริการและภาพลักษณ์ต่างๆ ที่รายล้อมตัวสินค้า ถือว่าเป็นหัวใจของกลยุทธ์นี้ บริษัทแข่งที่คุณค่าของสินค้าที่มอบให้กับลูกค้ามากกว่ามูลค่าของสินค้า ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ ผู้บริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดูแลรับผิดชอบ จำเป็นจะต้องกำหนดเป้าหมาย หรือทิศทางการพัฒนากลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นไปในเรื่องการพัฒนามาตรฐานการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับงานโลจิสติกส์เป็นสำคัญ โดยเป้าหมายของกลยุทธ์ส่วนมากก็จะเป็น การเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้า (Service Levels) เช่น ระยะเวลาการส่งมอบสินค้าที่ดีขึ้น ความสามารถในการตอบสนองความต้องการทั้งในเชิงปริมาณและระยะเวลาที่ดีขึ้น อัตราความผิดพลาดในการส่งมอบที่น้อยลง หรือจำนวนข้อตำหนิจากลูกค้าที่น้อยลง เป็นต้น
รูปแบบที่ 3 แข่งด้วยนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ (Innovation)
การที่บริษัทเลือกใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ หมายถึง บริษัทมุ่งเน้นที่นวัตกรรมของสินค้าและบริการเป็นสำคัญ บริษัทได้เปรียบคู่แข่งตรงที่ขีดความสามารถในการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทมีขีดความสามารถที่จะนำเสนอสินค้าที่สดใหม่ในตลาดอยู่ตลอดเวลา ความสำคัญหรือข้อได้เปรียบของบริษัทจึงไม่ใช่เรื่องของราคา หรือความแตกต่างอื่นๆทั่วๆไปเท่านั้น แต่เป็นคุณค่าด้านความแปลกใหม่และการทันยุคล้ำสมัยเป็นสำคัญ กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าหรือตลาดจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงเป็นอย่างมาก โดยบางครั้งลูกค้าหรือตลาดให้ความสำคัญกับตัวสินค้าตั้งแต่ยังไม่ได้ออกวางจำหน่าย ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ ผู้บริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดูแลรับผิดชอบ จำเป็นจะต้องกำหนดเป้าหมาย หรือทิศทางการพัฒนากลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นไปในเรื่อง ขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาด โดยเป้าหมายของกลยุทธ์ส่วนมากก็จะเป็น ระยะเวลาในการตอบสนองตลาดที่สั้นลง ระยะเวลาในการจัดหาชิ้นส่วนและวัตถุดิบที่สั้นลง ประกอบกับการควบคุมปริมาณสต็อกทั้งระบบที่ต่ำลง เป็นต้น
รูปแบบที่ 4 แข่งด้วยเครือข่ายสินค้าและบริการ (Alliance)
การที่บริษัทเลือกใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ หมายถึง บริษัทมุ่งเน้นการขยายเครือข่ายสินค้าและบริการ โดยทำร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่เป็นบริษัทอื่น โดยการร่วมตัวกันแข่งขันเพื่อขยายขอบเขตของสินค้าและบริการ ทั้งในเชิงปริมาณ รายการสินค้าและบริการ หรือพื้นที่ให้บริการ (Scopes and Areas of Services) โดยกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าหรือตลาด อาจเป็นกลุ่มเดิมหรือขยายเพิ่มขึ้น แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นกลุ่มลูกค้าหรือตลาดเดิมที่บริษัทดำเนินการอยู่ และที่สำคัญการเลือกใช้กลยุทธ์นี้ส่วนมากมุ่งเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพและการใช้ทรัพยากรร่วมกันเป็นสำคัญ ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ ผู้บริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดูแลรับผิดชอบ จำเป็นจะต้องกำหนดเป้าหมาย หรือทิศทางการพัฒนากลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นไปในเรื่อง การใช้ทรัพยากรร่วมกันสำหรับงานโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มช่องทางการจัดหาและจัดส่งสินค้าสู่ตลาด เป็นต้น
รูปแบบที่ 5 แข่งด้วยการขยายรายสินค้าและกิจการ (Expansion)
การที่บริษัทเลือกใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ หมายถึง บริษัทเลือกที่จะทำการขยายกิจการหรือรายสินค้าด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงขนาดหรือขยายโอกาสทางธุรกิจ โดยอาศัยกำลังของบริษัทเอง มากกว่าจะร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจเหมือนในกลยุทธ์ที่ผ่านมา โดยส่งผลให้บริษัทได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ทั้งในเชิงประสิทธิภาพและศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าหรือตลาด และความสามารถในการขยายฐานลูกค้าที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามพบว่ากลยุทธ์ดังกล่าวนี้จะเกิดการลงทุนและขยายฐานดำเนินการหรือปฏิบัติการต่างๆ เพื่อสนับสนุนมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจนี้ ผู้บริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดูแลรับผิดชอบ จำเป็นจะต้องกำหนดเป้าหมาย หรือทิศทางการพัฒนากลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ของบริษัท ที่มุ่งเน้นไปในเรื่อง การเสริมสร้าง หรือปรับเปลี่ยนทรัพยากรที่ใช้สนับสนุนงานโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขยายตัวของกิจการ ควบคู่ไปกับรูปแบบการดำเนินการที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านต่างๆ ของโลจิสติกส์ เป็นต้น
เอาละครับสำหรับตอนนี้ก็ต้องขอยุติไว้เพียงเท่านี้ สำหรับท่านผู้อ่านที่ได้เข้าใจในเรื่อง กลยุทธ์ทางธุรกิจทั้งห้ารูปแบบแล้ว ก็คงจะพอเปรียบเทียบกับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ของบริษัทตนเองได้ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญคงจะสามารถเริ่มกำหนดกรองการพัฒนากลยุทธ์ทางโลจิสติกส์ที่เหมาะสมกับบริษัทของท่านได้บ้าง โดยส่วนตัวแล้ว ผมหวังว่าท่านผู้อ่านคงจะเริ่มเห็น เป้าหมาย ทิศทางและกลยุทธ์โลจิสติกส์ของบริษัทท่านว่าควรจะพัฒนาให้มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร จึงจะเหมาะสมและสอดคล้องทั้งในระยะสั้นและระยะยาวกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 14 มกราคม 2010, 10:47:28 »

จีนโหม“คุน-มั่น กงลู่”ถนนสู่อาเซียน(จบ)ทุนLogisticมังกรยึดถนนR3aเชื่อมไทย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2553 15:12 น.


การเดินเรือในแม่น้ำโขงยังคงเฟื่องฟู ขณะที่การคมนาคมทางบกที่่ผ่านถนน R 3 a และ R 3b ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ที่การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – สารพัดกลุ่มทุนขนส่งจีนพาเหรดเข้าหาพาร์ตเนอร์ท้องถิ่น ลุยโปรเจกต์รองรับเส้นทาง “คุน-มั่น กงลู่” และข้อตกลงจีน – อาเซียน ล่าสุดกลุ่ม “ทัวร์GMSสิบสองปันนา” คว้าใบอนุญาตวิ่งรถจีน-ลาว-ไทย ผ่าน R3a เป็นรายแรก พร้อมเปิด สนง.ที่เชียงราย-ห้วยทราย(ลาว) ขณะที่ทุน Logistic ยักษ์หยุนหนัน ดีลผ่าน “ทุนไทย-เกาหลีใต้”รอส่งสินค้าจีนผ่าน “แหลมฉบัง” ด้านสายการบิน “SGA”เล็งเปิดบินเข้าเชียงรุ่งเมษาฯ 53 รองรับ บริษัททัวร์ไทยเตรียมส่งเรือ “สัญชาติไทย” ลำแรกลงน้ำโขงแล้ว

ขณะที่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อม อ.เชียงของ จ.เชียงราย เข้ากับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้วสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว( สปป.ลาว )จุดเริ่มต้นถนน R3a ที่เป็นส่วนหนึ่งของคุน-มั่น กงลู่ มีกำหนดการ (เบื้องต้น) เปิดประมูลวันที่ 7 มกราคม2553 เพื่อก่อสร้างให้เสร็จในปี 2555 อันจะทำให้โครงข่ายคมนาคมสายนี้สมบูรณ์ 100%นั้น ในกลุ่มธุรกิจขนส่งทั้งคน-สินค้า ก็มีความเคลื่อนไหวเข้ายึดกุมโอกาสทางธุรกิจที่เปิดขึ้นตามเส้นทางคมนาคมเช่นกัน

Ji Jin ผู้จัดการใหญ่ บริษัทรถทัวร์ GMS สิบสองปันนา จำกัด กิจการร่วมทุนระหว่างทางการสิบสองปันนา – เอกชนจีน เปิดเผย ASTVผู้จัดการรายวัน เมื่อคราวร่วมคณะเลขาฯพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำสิบสองปันนา เยือนเชียงใหม่-เชียงราย ระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคม 2552 ว่า บริษัทของเขามีสำนักงานเครือข่ายกระจายอยู่ในตัวเมืองหลัก ๆ ของหยุนหนัน ทั้งคุนหมิง ลี่เจียง สิบสองปันนา ฯลฯ ให้บริการทั้งรถประจำทาง รถทัวร์เช่า ฯลฯ ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัทหย่าไทร้เอเชี่ยนทัวร์ จำกัด และบริษัทเทียนเฉิน จำกัด(จีน) ตั้งศูนย์กระจายสินค้าและการท่องเที่ยวสิบสองปันนา-เชียงราย ขึ้น ณ ที่ทำการของบริษัทหย่าไทร้ฯ บริเวณ 5 แยกพ่อขุนฯ กลางเมืองเชียงราย

ทั้งนี้ เพื่อเป็นศูนย์ประสานงาน-ฐานข้อมูลสำหรับธุรกิจต่างๆ เกี่ยวกับการเดินทางไปมาระหว่างเชียงราย-จีนตอนใต้ โดยมีทางการจีนให้การรับรองเพียงรายเดียวของไทย รวมทั้งเป็นเครือข่ายให้บริการลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการรถทัวร์ของบริษัทเดินทางไปมาระหว่างจีน-ไทย ผ่านเส้นทาง R3a ที่บริษัทมีใบอนุญาตจากทางการลาวเพียงรายเดียวในการวิ่งรถข้ามทั้ง 3 ประเทศ

นอกจากนี้บริษัทยังเปิดสำนักงานในลักษณะเดียวกันนี้ ที่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อให้บริการลูกค้า ที่มีต้นทางที่ห้วยทราย – คุนหมิง หรือเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ของหยุนหนันด้วย

“เราเริ่มเปิดให้บริการวิ่งรถผ่าน 3 ประเทศเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2552 นี้เอง ถือเป็นบริษัทในหยุนหนันรายแรกที่วิ่งรถได้ทั้ง 3 ประเทศแล้ว ที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่า 2,000 คนแล้ว”

Ji Jin บอกว่า ในอนาคตบริษัทจะขยายเครือข่ายให้บริการครอบคลุมประเทศในกลุ่ม GMS ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น จีน ลาว พม่า ไทย กัมพูชา เวียดนาม เมื่อเส้นทางคมนาคม และกฎระเบียบต่าง ๆ เอื้ออำนวยให้มากขึ้น จะทำให้คนในภูมิภาคนี้ สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ทั้งหมด

ขณะที่นายพงษ์ทร ชยาตุลชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัทหย่าไทร้เอเชี่ยนทัวร์ จำกัด ยืนยันว่า บริษัทรถทัวร์GMS สิบสองปันนา จำกัด วิสาหกิจจีน ได้รับอนุญาตจากทางการลาว นำรถบัสนำเที่ยวขนาด 32 ที่นั่งและ 57 ที่นั่ง เปิดให้บริการบนถนน R3a เชื่อมเชียงราย-สปป.ลาว ผ่านแขวงบ่อแก้ว-แขวงหลวงน้ำทา-เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 ในอนาคตจะเปิดให้บริการไปยังกรุงเทพฯ เพื่อให้สุดทางถนนคุนหมิง-กรุงเทพฯ หรือคุน-มั่น กงลู่ รวมทั้งจะขยายต่อไปยังประเทศมาเลเซีย-สิงคโปร์ด้วย

โดยคิดค่าบริการแบบเช่าเหมาสายเชียงราย-บ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ชายแดนติดกับประเทศจีน รถบัสขนาด 40 ที่นั่งขึ้นไป ราคา 43,000 บาท และรถบัสตั้งแต่ 30-40 ที่นั่ง ราคา 41,500 บาท สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเดินทางจาก อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว ติดกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ไปยังเมืองบ่อเต็นหรือเส้นทางเชียงของ-บ่อเต็น คิดราคาจากรถบัส 40 ที่นั่งขึ้นไป ราคา 35,000 บาท และรถบัส 30-40 ที่นั่ง ราคา 32,000 บาท และเส้นทางห้วยทราย-บ่อเต็น สำหรับรถบัส 40 ที่นั่งขึ้นไปราคา 28,000 บาท และรถบัส 30-40 ที่นั่ง ราคา 26,000 บาท

“ตลาดท่องเที่ยวบน R3a ยังโตได้อีกมาก ยิ่งถ้ามีการผ่อนคลายกฎระเบียบ ให้คนจีนใช้เอกสารบอร์เดอร์พาสแทนพาสปอร์ตเข้าไทยได้ ก็จะทำให้มีคนจีนเดินทางเข้ามาเชียงราย หรือภาคเหนือของไทยไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคนต่อวันแน่นอน”
ขณะที่บริษัทไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด ที่บริหารงานโดย บริษัทชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด หรือกรีนบัส ผู้ให้บริการรถโดยสารขนส่งมวลชนรายใหญ่ของภาคเหนือ ได้ทำการเซ็นสัญญากับท่าตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสาร Green bus ณ บ้านห้วยทราย จุดจำหน่ายบัตรจุดแรกในประเทศลาว เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อเชื่อมผู้โดยสารลาว-ประเทศไทย รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปยังแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลวงพระบาง และยังเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทาง R3a และขยายเครือข่ายจำหน่ายตั๋วร่วมไปถึงคุนหมิง เมืองเอกของหยุนหนันต่อไป



ดร.สิชา สิงห์สมบูรณ์ ประธานบริษัทเอเอซี กรีนซิตี้ลาว จำกัด ผู้รับสัมปทานพื้นที่บริเวณจุดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว (ฝั่งลาว)


ด้าน ดร.สิชา สิงห์สมบุญ ประธานบริษัทเอเอซี กรีน ซิตี้ ลาว จำกัด บริษัทร่วมทุนไทย-เกาหลีใต้ ที่เข้าสัมปทานพื้นที่ 1,200 ไร่ บริเวณบ้านดอนขี้นก จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ฝั่งเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งมีโครงการก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต สปา สนามกอล์ฟ ฯลฯ ด้วยงบลงทุน 1,320 ล้านบาท ล่าสุดลงทุนปรับพื้นที่-พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานไปแล้ว กว่า 200 ล้านบาท กล่าวว่า หากเคลียร์ปัญหาเรื่องแนวก่อสร้างถนนเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำโขง 4 และจุดก่อสร้างอาคารด่านพรมแดน บนพื้นที่ผ่านพื้นที่สัมปทานของโครงการได้ ก็จะทำให้แผนงานต่าง ๆ ของบริษัทเดินหน้าต่อไปได้

ก่อนหน้านี้ ได้ตกลงเบื้องต้นกับกลุ่มขนส่งยักษ์ใหญ่ของหยุนหนันไว้ คือ กลุ่ม พีค็อก ว่า เมื่อขนส่งสินค้าจากจีนลงมาตามเส้นทาง R3a ก็จะเข้ามาพักเปลี่ยนหัวลากในพื้นที่ของบริษัท ก่อนที่จะลำเลียงเข้าไทยต่อไปที่ท่าเรือแหลมฉบัง ผ่านบริษัทที่เป็นพันธมิตรกันอย่างสยามสตีล เพื่อส่งสินค้าออกสู่ตลาดโลกต่อไป

SGAเล็งเปิดบินเชียงราย-เชียงรุ่ง

ด้านนายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองเลขาธิการฝ่ายพัฒนาระบบ Logistic หอการค้าจังหวัดเชียงราย ระบุเพิ่มเติมว่า ยอมรับว่าตอนนี้มีกลุ่มทุนจีนเข้ามาหาช่องทางลงทุนตามแนวถนนคุน-มั่น กงลู่ อย่างคึกคัก หลากหลายกลุ่ม โดยระยะแรกจะเป็นการแสวงหาพาร์ตเนอร์ในท้องถิ่น ก่อนที่จะเริ่มเดินเครื่องอย่างจริงจังต่อไป ทั้งกลุ่มธุรกิจขนส่ง – ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ฯลฯ

นายวันชัย ช่วงชัยกิจการ รองผู้อำนวยการฝ่ายการขายและตลาดของสายการบินเอสจีเอ กล่าวเมื่อคราวร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างการท่องเที่ยวสิบสองปันนา – สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงรายเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ว่า เอสจีเอ มีแผนจะทำการบินระหว่างเชียงใหม่-เชียงราย-สิบสองปันนา ด้วยเครื่องรุ่น 304 ขนาด 33 ที่นั่ง ซึ่งปัจจุบัน เอสจีเอ ได้สั่งซื้อและเตรียมเครื่องบินเอาไว้แล้วที่ออสเตรเลีย 2 ลำ โดยจะบินมาไทยในเดือนนี้ (มกราคม 2553) และตั้งเป้าว่าจะเปิดบินเชียงราย ให้ได้ในเดือนเมษายน หรือพฤษภาคม 2553 และพร้อมจะเชื่อมธุรกิจกับเอกชนจีนต่อไป โดยจะเดินเรื่องขออนุญาตและกฎระเบียบต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อจะเปิดให้เร็วกว่ากำหนด

ปัจจุบันเอสจีเอ มีเครื่องบินเล็กจำนวน 3 ลำให้บริการโดยมีเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางการบินเชื่อมกับ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงราย และ จ.น่าน จ.อุดรธานี
ขณะที่ Den Xiping รองประธานบริษัทหยุนหนัน แอร์พอร์ตกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ถ้าสายการบิน เอสจีเอเปิดบินจริง ทางท่าอากาศยานนานาชาติสิบสองปันนา ก็จะให้ส่วนลดไม่ต้องเสียค่าลงจอดในปีแรกทันที 100% ปีที่สองลด 50% ปีที่สามลด 80% แต่ถ้าหาก 2-3 ปียังมีปัญหาด้านการลงทุนก็สามารถยกเว้นให้ได้อีกต่อไป

สอดคล้องกับ Jiang Pusheng เลขาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำสิบสองปันนา ที่ย้ำผ่านเวทีประชุมร่วมทั้งที่เชียงใหม่ – เชียงราย ว่า การเปิดเส้นทางบินระหว่างภาคเหนือของไทย กับสิบสองปันนา รอบใหม่นี้ รับรองไม่ขาดทุนแน่นอน

เตรียมเรือไทยลำแรกลงแม่น้ำโขง

หลังข้อตกลงเปิดเดินเรือพาณิชย์ฯในแม่น้ำโขงตอนบน ระหว่าง ไทย พม่า ลาว จีน เริ่มมีผลตั้งแต่เมษายน 2544 เป็นต้นมา ปรากฏว่า เรือสินค้า-นำเที่ยวนับร้อย ๆ ลำที่วิ่งขึ้นล่องในแม่น้ำโขง ล้วนแต่เป็นเรือสัญชาติจีนทั้งสิ้น
แต่นับจากนี้จะมีเรือนำเที่ยวสัญชาติไทยวิ่งแล้ว

นางสาวผกายมาศ เวียร์รา ประธานกรรมการบริษัทแม่โขงเดลต้าทราเวล เอเจนซี จำกัด ผู้ให้บริการนำเที่ยวในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ทั้งทางบก ผ่านเส้นทาง R3a / R3b และทางน้ำผ่านแม่น้ำโขงตอนบน จากเชียงแสน – เชียงรุ่ง มากว่า 2 ปี บอกว่า บริษัทกำลังปรับปรุงเรือท่องเที่ยวขนาด 80 ที่นั่ง (ชั้นธุรกิจ 40 ที่นั่ง VIP 40 ที่นั่ง สามารถปรับเป็นห้องประชุมสัมมนาลอยน้ำได้ กว้าง 5 เมตร ยาว 41 เมตร กินน้ำลึก 60 ซม.) ที่สั่งต่อกันที่หลวงพระบาง สปป.ลาว โดยใช้วิศวกรจาก 3 ชาติ (ไทย ลาว จีน) ร่วมกันคุมงาน ที่นำมาเทียบท่าริมน้ำโขงหน้าสำนักงานบริษัทที่เชียงแสนอยู่ ก่อนจะเริ่มทดลองวิ่งในแม่น้ำโขงอย่างจริงจังต่อไป

“ลำนี้ จะเป็นเรือสัญชาติไทยลำแรกที่วิ่งในแม่น้ำโขง ถ้าไม่นับพวกเรือหางยาว เรือแจวที่ทำมาหากินในแม่น้ำโขงกันมานาน”

นางสาวผกายมาศ บอกว่า เรือลำนี้ จะจดทะเบียนที่ประเทศไทย เป็นเรือสัญชาติไทย ใช้ชื่อไทย ส่วนกัปตันถ้าขึ้นไปทางเชียงแสน จากสามเหลี่ยมทองคำ – สิบสองปันนา ก็ใช้กัปตันจีน ลูกเรือจีน ถ้าล่องลงหลวงพระบาง ก็ใช้คนลาว นายน้ำลาว ลูกเรือผสมกันระหว่างจีน – ลาว แต่ฝ่ายต้อนรับทั้งหมด จะใช้คนไทย ที่มีทักษะดีกว่า

เธอบอกว่า หลังจากนี้จะต่อเพิ่มอีกลำ และจะทำที่ไทย สร้างเรือให้ตรงตามกฎหมายไทย ก่อนที่จะขออนุญาตวิ่งเข้าจีน ลาว เพื่อวิ่งเข้าหลวงพระบางด้วย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทแม่โขงเดลต้าเคยร่วมมือกับ บริษัทขนส่งเทียนต๋าสิบสองปันนา รัฐวิสาหกิจของสิบสองปันนา ทั้งเรือ “นกยูงทอง” เรือท่องเที่ยวที่มีห้องพักในตัว รองรับผู้โดยสารได้ 76 คน (ขยายได้ 130 คน) เรือสามเหลี่ยมทองคำ 8 จุผู้โดยสารได้ 68 คน กับเรือเทียนต๋า 1 และ 2 ที่สามารถจุผู้โดยสารได้ลำละ 48 คน ก็จะค่อย ๆ ปลดระวางไป เพราะบางลำ จะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาก บางลำเริ่มมีปัญหากับอายุการใช้งานที่มากขึ้น เพราะกระแสน้ำในแม่น้ำโขง แตกต่างจากน้ำทะเล และแหล่งน้ำอื่น ๆ มาก ก็ต้องหาช่องทางแก้ปัญหา

เธอมองว่า อนาคตของการท่องเที่ยวแถบสามเหลี่ยมทองคำ – การท่องเที่ยวผ่านแม่น้ำโขง ยังไปได้ คนชอบ แต่การเดินทางแม่น้ำโขงต้องใช้เวลานับสิบๆชั่วโมง ทำให้คนเบื่อได้ คนจะตื่นเต้นระยะแรก ที่ได้ลงเรือแม่น้ำโขง

แต่สิ่งที่จะต้องทำก็คือ การสร้างกิจกรรมรองรับบนเรือ เช่น เคาน์เตอร์บาร์ ห้องอาหาร ฯลฯ แต่ไม่ควรเป็นเรือนอน เพราะคนกลัวที่จะนอนระหว่างทางในแม่น้ำโขง เช่น หาจุดพักกลางทาง เช่น หมู่บ้านลาว หรือสบโหลย ฝั่งพม่า ที่ปัจจุบันกลายเป็นชุมทางสินค้า – คนมากขึ้น โดยเฉพาะเกาหลีเหนือที่ทะลักมาพักรอเดินทางเข้าไทยอยู่เป็นจำนวนมาก

ส่วนเรือโดยสารก็สามารถบริหารจัดการได้ตามปริมาณผู้โดยสาร เช่น ช่วงพีกเดิมเคยวิ่งเชียงแสน-เชียงรุ่ง (สิบสองปันนา) ไปกลับสัปดาห์ละ 6 เที่ยว (ขาขึ้นจันทร์ พุธ ศุกร์ ,ขาล่อง อังคาร พฤหัสบดี เสาร์) ก็ปรับเหลือสัปดาห์ละ 2 เที่ยว (ไปกลับรวม 4 เที่ยว) และเมื่อถึงไฮซีซันก็เพิ่มความถี่สูงขึ้นเท่านั้น

ส่วนทางบก ผ่าน R3a (ไทย ลาว จีน) ส่วนหนึ่งของคุน-มั่น กงลู่ หรือคุนหมิง – กรุงเทพฯโดยมากจะเน้นหนักเรื่องการเดินทางติดต่อค้าขายมากกว่า เพราะตลอดเส้นทางวนเวียนอยู่ในภูเขา ขณะที่ สปป.ลาว เองก็กำลังอยู่ระหว่างการจัดระเบียบเดินรถอยู่ เพื่อปกป้องธุรกิจสัญชาติลาวเอง

ขณะที่ R3b (ไทย พม่า จีน) ที่แม้จะก่อสร้างเสร็จมานานหลายปี ที่จีนปิดพรมแดนมาร่วม 3-4 ปี ล่าสุดจีนก็เปิดพรมแดนต้าล่อ หรือต้าลั่ว สิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ที่เชื่อมต่อกับปลายทาง R3b ที่เมืองลา เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 4 แห่งสหภาพพม่า ของกลุ่ม “อูไซลิน”

แต่ในฝั่งพม่า ยังไม่เปิดพรมแดนให้ โดยส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการสู้รบระหว่างรัฐบาลพม่า – ชนกลุ่มน้อย ที่พม่า เองก็ยังไม่สามารถคุมได้ตลอดเส้นทาง และการจัดสรรผลประโยชน์กับกลุ่ม “อูไซลิน” ที่ปกครองพื้นที่อยู่ ทั้งเรื่องค่าผ่านทาง ไกด์ วีซ่า(เข้าเขตปกครอง)

อย่างไรก็ตาม ผกายมาศ บอกว่า เส้นทาง R3b ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยอยู่เนือง ๆ เพียงแต่ยังไม่สามารถเดินทางทะลุเข้าจีนผ่านทางนี้ได้เท่านั้น

เช่นเดียวกับคนจีน (ไทลื้อ) ที่เดินทางไปมาหาสู่กับญาติพี่น้องในแถบนี้มานาน ก็ยังคงใช้บอร์เดอร์พาสเข้าพม่า มาจนถึงท่าขี้เหล็ก (ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย) อยู่ บางกลุ่มขับรถมากันเองด้วยซ้ำ เพียงยังไม่สามารถข้ามฝั่งมาถึงไทยได้

http://th.newspeg.com/จีนโหมคุน-มั่น...-55436125.html
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 15 มกราคม 2010, 08:59:34 »

ท่าอากาศเชียงรายทุ่ม100ล.ปรับลานบิน-รับแอร์บัส

14 มค. 2553 20:46 น.


นายยุทธนา จิตรอบอารีย์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานานาชาติเชียงราย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 จนถึงขณะนี้ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงรายโดยสายการบิน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาทุกเที่ยวบินเต็มหมดทุกสายการบิน จนทำให้สายการบินไทย ต้องเปลี่ยนเครื่องบินจากเครื่องบินโบอิง 737 ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพียง 150 ที่นั่ง เป็นเครื่องบินแอร์บัส 330 ที่รองรับผู้โดยสารได้กว่า 330 - 350 ที่นั่ง ซึ่งสามารถให้บริการเพิ่มจากเดิมกว่า 1 เท่าตัว อย่างไรก็ตาม จากนี้ไป คาดว่าการเดินทางของนักท่องเที่ยวก็จะมีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้จากจำนวนผู้โดยสารชาวยุโรปและเอเชีย ที่เดินทางเพิ่มขึ้นกว่า 20-30 % ในช่วงที่ผ่านมา จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีว่าในปี 2553 เป็นต้นไป จำนวนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยเครื่องบินจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างแน่นอน



นายยุทธนา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางสนามบินได้เตรียมพร้อมในการรองรับอย่างเต็มที่ โดยการเพิ่มหลุมจอดเครื่องบินแอร์บัสจาก 4 หลุม เป็น 5 หลุม และลงทุนเพิ่มอีกกว่า 100 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นผิวลานบินให้ปลอดภัยมากขึ้นในการใช้งาน ลดการเกิดปัญหาและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบสนามบิน ให้มีความสวยงามและเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น โดยเน้นเรื่องของความสะดวกสบายและความปลอดภัยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ สนามบินนานาชาติเชียงรายสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 3 ล้านคน ต่อปี แต่จำนวนผู้โดยสารที่มาใช้บริการมีเพียง 8 แสนคนต่อปี เท่านั้น


http://breakingnews.nationchannel.co...?newsid=426817
__________________
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2010, 14:28:13 »

เชียงราย – “ซาเล้ง” นำทีม รมต.คมนาคมภูมิใจไทย นำคณะลงเชียงราย ตระเวนดูการก่อสร้างท่าเรือเชียงแสน 2 – สะพานข้ามโขง 4 ก่อนขึ้นเวที อบจ.เชียงราย ที่ส่งเทียบเชิญ ภท. เปิดทิศทางอนาคตรถไฟ “เด่นชัย-เชียงราย”

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 21-22 ม.ค.53 นี้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยในวันแรก (21 ม.ค.) จะเดินทางไปตรวจติดตามการก่อสร้างท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ที่หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว ซึ่งกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีกำลังก่อสร้างบนเนื้อที่ 402.3 ไร่ ด้วยงบประมาณ 1,560.580 บาท เพื่อสร้างท่าเรือใหม่ให้สามารถรองรับเรือรุ่นใหม่ที่มีความยาว 40 เมตร ได้พร้อมกัน 11 ลำ มีลานจอดรถขนาด 93,830 ตารางเมตร หน้าท่าเป็นทางลาดกว้าง 15 เมตร ยาว 30 เมตร ระดับ 2 ชั้น

ซึ่งจะเป็นท่าเรือ ที่สามารถใช้ได้ทั้งระดับน้ำขึ้นและลง มีท่าเรือที่ขนถ่ายด้วยเครน 4 ท่า รองรับรถยก 30 ตัน และมีท่าสำหรับขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ มีสะพานขนาด 10 คูณ 50 เมตร ยื่นไปกลางแม่น้ำสำหรับเรือบรรทุกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม นอกจากนี้ในระยะที่ 2 กำหนดให้เพิ่มระบบเครนและสายพาน 1 ท่า ระบบตู้คอนเทนเนอร์อีก 8 ท่า เป็นที่ตั้งของ 8 หน่วยงาน เช่น ศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจพืช-สัตว์ องค์การอาหารและยา (อย.) ฯลฯ ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2553 นี้หรือใช้ระยะเวลาก่อสร้างนาน 2 ปี

จากนั้นจะลงตรวจพื้นที่ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง (เชียงของ-ห้วยทราย) ฝั่งไทยที่อำเภอเชียงของ เพื่อเชื่อมกับถนน R3A ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ซึ่งตามแปลนก่อนสร้าง จะเป็นสะพานแบบ Pre-Stressed Concrete Box Girder Bridge โดยมีเสาตอม่อในแม่น้ำโขง 4 เสา ตัวสะพานจะกว้าง 14.7 เมตร มีสองช่องจราจร ความยาวตัวสะพาน 480 เมตร แต่เมื่อรวมกับสะพานต่อเนื่องบนบกของฝั่งไทยก็จะมีความยาวรวม 630 เมตร

นอกจากนี้ ยังมีโครงการเสริมคือการสร้างถนน 4 ช่องจราจรในฝั่งไทยอีกประมาณ 5 กิโลเมตรโ ดยกันเขตทางเอาไว้ 60 เมตร และถนน 2 ช่องจราจรในฝั่ง สปป.ลาว ระยะทาง 60 กิโลเมตร เขตทาง 50 เมตร รวมทั้งสร้างอาคารด่านพรมแดนทั้งฝั่ง อ.เชียงของ และเมืองห้วยทราย เป็นรูปแบบศิลปะล้านนาผสมผสานกับศิลปะประจำถิ่น และกันพื้นที่ไว้เป็นจุดจอดรถ คลังสินค้า ส่วนขยาย ฯลฯ และสร้างจุดเปลี่ยนการจราจรในฝั่ง อ.เชียงของ เพื่อให้สอดคล้องกับการจราจรในฝั่ง สปป.ลาว และจีนด้วย

ล่าสุดโครงการนี้ได้ประกวดราคาจัดหาเอกชนเพื่อทำการก่อสร้างแล้ว ด้วยงบประมาณร่วมไทย-จีน ประมาณ 1,650 บาท กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบสัญญา ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมีนาคม 53 และให้แล้วเสร็จในปี 2555 หรือภายในระยะเวลา 30 เดือนต่อไป

วันเดียวกัน (21 ม.ค.)ในช่วงเย็นนายโสภณ และคณะจะเดินทางไปยังสำนักงานแห่งใหม่ของแขวงการทางเชียงรายที่ 1 ประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดใน จ.เชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ จากนั้นเดินทางไปตรวจราชการ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงรายแห่งที่ 2 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย

โดยในวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) คณะ รมว.คมนาคมจะเดินทางไปยังห้องประชุม ศูนย์บูรณาการและการเรียนรู้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เปิดการสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “แนวทางการพัฒนาจังหวัดเชียงราย” ซึ่งมีรายงานว่า จะมีการเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพัฒนาเส้นทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย ที่มีการผลักดันกันมานาน แต่ล่าสุดรัฐบาลกลับให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กลับไปศึกษาความคุ้มทุนกันใหม่อีก ทำให้โครงการไม่มีการก่อสร้างอีกเช่นเคย
ขณะที่หน่วยงานองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ เช่น อบจ.เชียงราย มหาวิทยาลัยทุกแห่ง ภาคสื่อมวลชน ฯลฯ ต่างพยายามผลักดันในเรื่องนี้ไปยังกระทรวงคมนาคม ซึ่งอยู่ในขั้วพรรคภูมิใจไทยอย่างเต็มที่

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000008816
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2010, 14:33:53 »

ชงสารพัดโปรเจกต์รับลุ่มน้ำโขงโต ทั้งเปิดด่านเพิ่มรอบทิศ-รื้อลอจิสติกส์ เหนือ

เชียงราย – รัฐ-เอกชน เร่งชงสารพัดโครงการรองรับกรอบการพัฒนาลุ่มน้ำโขง ทั้งเปิดด่านเพิ่มรอบชายแดน ปลุกผีรถไฟเด่นชัย – เชียงราย ขณะที่ผู้ว่าฯเชียงใหม่ นำทีมเจรจา “อลงกรณ์” ดันรัฐบาล “มาร์ค” รื้อลอจิสติกส์ 10 จังหวัดภาคเหนือเพิ่มศักยภาพการขนส่ง

นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ เปิดเผยภายหลังจัดประชุม คสศ.หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ครั้งที่ 1/2553 ณ โรงแรมพิมานอินน์ อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า คสศ.ได้ทำเรื่องถึงเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ เพื่อให้มีการผลักดันให้มีการจัดหาที่ดินบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมกับถนน R3a ในฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว )ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยกันที่ดินมาใช้ในการเป็นศูนย์บริการด้านลอจิสติกส์โดยเฉพาะภาคการขนส่งระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ซึ่งสภาพัฒน์ได้เห็นชอบในหลักการไปแล้วและมอบหมายให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เข้าไปศึกษาวิจัยให้แล้วเสร็จภายในเดือน กันยายน 2553

นายพัฒนา กล่าวว่า หลังการดำเนินการแล้วดังกล่าว คสศ.หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้มีการประชุมกันในครั้งนี้และมีมติให้จัดทำหนังสือข้อเรียกร้องผ่านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งรับผิดชอบดูแลด้านลอจิสติกส์ของรัฐบาลและเดินทางมาร่วมสัมมนาเรื่อง GMS ในทศวรรษใหม่ เพื่อให้พิจารณาเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาดำเนินการอีกหลายเรื่อง

ได้แก่ ให้เปิดจุดผ่านแดนใหม่ในภาคเหนือโดยเฉพาะที่ด่านบ้านห้วยผึ้ง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ด่านกิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ ให้รัฐบาลได้มีการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดการเปิดด่านต้าลั๊ว บนถนน R 3 b เชื่อมไทย-พม่า-จีนตอนใต้ ซึ่งด่านนี้เป็นจุดเชื่อมระหว่างจีนตอนใต้กับพม่า แต่ถูกปิดใช้งานมานานหลายปีแล้ว และหากเปิดใช้งานได้ก็จะมีระยะทางในการขนส่งสินค้าและท่องเที่ยวจาก จ.เชียงราย สู่จีนตอนใต้ ได้ใกล้เคียงกับถนน R3a ที่ผ่าน สปป.ลาว
นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มีการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่จาก อ.เด่นชัย จ.แพร่ สู่เชียงราย ให้สำเร็จในรัฐบาลชุดนี้หลังจากเรื่องยืดเยื้อมานานหลายสิบปีแล้ว

นายประสพสุข พ่วงสาครา ผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานภาคเหนือ ในฐานะที่ปรึกษา คสศ.หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ประเทศจีนได้มีการเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงจากเมืองหูเป่ยหรืออู่ฮั่น ลงมาถึงเมืองฉางซา เมืองหลวงของมณฑลหูหนัน และต่อมายังเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งแล้ว รวมทั้งกำลังจะเชื่อมต่อมายังเมืองเซินเจิ้น เขตเศรษฐกิจพิเศษที่สำคัญในภาคใต้ด้วย

รถไฟความเร็วสูงดังกล่าวทำความเร็วได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งถือว่าเร็วที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาระบบการขนส่งทั่วประเทศของจีนให้เชื่อมถึงกันทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าภายใน 10-15 ปีข้างหน้ารถไฟความเร็วสูงดังกล่าวจะเชื่อมต่อไปยังมณฑลต่างๆ อีก และลงสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งมีการค้าขายกับประเทศไทยผ่าน จ.เชียงราย โดยตรง จากนั้นคงจะเชื่อมต่อลงไปยังกลุ่มอาเซียนอื่นๆ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ต่อไป ดังนั้น การเตรียมการรองรับระบบการขนส่งอันเกิดจากการถาโถมลงมาของเศรษฐกิจจีน จึงเป็นสิ่งที่ดี

ด้านนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่าปัจจุบันเชียงรายมีการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านผ่าน 3 จุดผ่านแดนถาวรที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ โดยถนน R3a ซึ่งเชื่อมกับจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของ มีความคึกคึกมากขึ้นตามลำดับ หลังถนนแล้วเสร็จ และกำลังมีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมระหว่าง อ.เชีย'ของ กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ด้วย ดังนั้นในอนาคตคงต้องให้ความสำคัญต่อระบบลอจิสติกส์เพราะเป็นต้นทุนของการค้าถึง 17% แต่ที่ประเทศสิงคโปร์มีการจัดระบบลอจิสติกส์ดีมาก จึงทำให้ต้นทุนลดลงเหลือ 10% ซึ่งตนเห็นว่าการผลักดันเรื่องรถไฟเด่นชัย-เชียงราย เป็นหนึ่งในการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ของ จ.เชียงราย

นายสุพจน์ กลิ่นปราณีต ประธานหอการค้า จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เหตุที่ต้องผลักดันให้มีการเปิดจุดผ่อนปรนไทย-พม่า ที่บ้านห้วยผึ้งเนื่องจากจุดดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากเมืองเนปิดอร์เมืองหลวงใหม่ของประเทศพม่าเพียงประมาณ 200 กิโลเมตร และสามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองใหญ่ต่างๆ ของพม่ารวมทั้งผ่านไปยังประเทศบังกลาเทศ อินเดียหรือขึ้นสู่จีนตอนใต้ได้

ในโอกาสนี้นายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ได้นำคณะตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนในภาคเหนือ นำเสนอเรื่องการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ในภาคเหนือเพื่อให้รัฐบาลนำไปดำเนินการ โดยเสนอให้มีการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบลอจิสติกส์ระหว่าง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน กับจังหวัดที่เกี่ยวข้องคือพิษณุโลก ตาก และอุตรดิตถ์ หรือ 8 บวก 3 แต่นายอลงกรณ์ ขอให้ทุกจังหวัดได้กลับไปประชุมหารือกันอีกครั้ง เพื่อแจ้งรายละเอียดในการศึกษาร่วมกันให้ชัดเจนจากนั้นให้นำเสนอไปยังรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

นายอมรพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการคมนาคมในกลุ่มประเทศ GMS โดยเฉพาะระเบียงเหนือ-ใต้ หรือไทย-จีนตอนใต้ ซึ่งมีการพัฒนาไปมากโดยมีการสร้างถนน สะพาน เส้นทางการบิน ทางเรือ ฯลฯ ถึงกันตลอด แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดในภาคเหนือ ซึ่งกำลังจะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาดังกล่าวโดยตรง กลับมีการพัฒนาในลักษณะต่างฝ่ายต่างดำเนินการทำให้ดูเหมือนว่าไม่ได้เชื่อมต่อถึงกัน โดยเฉพาะระบบลอจิสติกส์ไม่ได้หมายถึงแค่การขนส่งแต่หมายถึงทุกๆ อย่างในการนำสินค้าจากแหล่งผลิตไปสู่จุดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นจึงได้เสนอให้รัฐบาลอนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ศึกษาวิจัยใน 8 จังหวัดบวก 3 ดังกล่าว ว่าสภาพปัจจุบันเป็นอย่างไร และในอนาคตแต่ละจังหวัดควรจะทำสิ่งใด เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพและความเหมาะสมของตัวเอง รวมทั้งหาแนวทางเชื่อมโยงระบบลอจิสติกส์ร่วมกัน ทั้งนี้หากได้รับการอนุมัติงบประมาณก็คงจะใช้เวลาเพียง1 ปีเท่านั้น

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 20 มกราคม 2553 20:23 น.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 23 มกราคม 2010, 12:14:14 »


ข้อมูลจาก

โครงการศึกษาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งบริเวณเชียงแสน-เชียงของ



ของ  ดร. ธนิต  โสรัตน์  มาให้ดู ครับ




























ท่านใดที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติ่มตามอ่านตรงนี้ได้เลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 เมษายน 2010, 12:10:02 โดย เว็บมาสเตอร์ » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 23 มกราคม 2010, 12:17:08 »

มรดกทางวัฒนธรรม เชียงราย เมืองแห่งแกลลอรี่


ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)


จะดีมากแค่ไหน ถ้าเราสามารถสร้างเศรษฐกิจไทยในกระแสใหม่ได้สำเร็จ...

วิกฤติก็วิกฤติเถอะ ผมเชื่อว่า...เรารอด เพราะรากฐานทางวัฒนธรรมของสังคมไทยเราเด่นชัดมาก ถ้าผู้ประกอบการเราเข้าใจและสามารถนำมาเชื่อมโยงปรับเป็นจุดขาย โดยสะท้อนให้เห็นถึงการสั่งสมความมั่งคั่งทางภูมิปัญญาของคนไทยในอดีต ผมมั่นใจครับว่า เราไม่เคยน้อยหน้าใคร

แต่เรามีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ฐานธุรกิจที่มาจาก "ความคิดสร้างสรรค์" นั้นคืออะไร อย่างการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือการประยุกต์ด้วยนวัตกรรมก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ที่จะช่วยให้เราเกิดกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบและสร้างสรรค์ สามารถผลิตสินค้าและบริการที่โดนใจตลาดโลกได้

ถ้าเราเข้าใจตรงนี้แล้ว และมีคนช่วยเชียร์เยอะๆ คนไทยก็จะหันมาให้ความสนใจเรื่อง Creative Economy กันมากขึ้น และให้คิดเสียว่าเรื่องเหล่านี้สามารถช่วยผู้ประกอบการทำมาค้าขายได้ดี ตรงจุดนี้ประเทศชาติก็ได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น การผลักดันความคิดสร้างสรรค์ ให้เป็น "วาระแห่งชาติ" จึงเป็นสิ่งจำเป็น

เดิมทีเดียว "วาระแห่งชาติ" ของประเทศไทย จะเน้นหนักไปที่ธุรกิจเพื่อการส่งออกเป็นสำคัญ ที่ผ่านมาเราก็ทำได้ดี ทั้งในแง่ปริมาณ คนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนิคมอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

แต่เวลานี้ ในโลกปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปมาก กระแสของโลกสมัยใหม่กำลังเลี้ยวเข้าสู่ตลาดธุรกิจที่มาจากพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์เป็นหลัก เราจึงต้องพยายามผลักดันให้วาระแห่งชาติเกิดขึ้นให้ได้ เพื่อสร้างความตื่นตัวและเป็นแนวทางให้ภาคเอกชนเดินหน้าอย่างถูกต้องและถูกใจตลาด กระทรวงพาณิชย์ แทนที่จะทำหน้าที่จัดโควตา ก็ปรับเป็นกระทรวงส่งเสริมการส่งออก ซึ่งเป็นกรมที่มีศักดิ์มีศรี และมีความสำคัญยิ่งกับวาระแห่งชาติที่กล่าวถึง

เรามาถามต่อว่า ธุรกิจสร้างสรรค์ที่จะทำเป็นวาระแห่งชาติหมายถึงอะไร ใช่หรือไม่ หรือถ้ายังไม่ทำ อยากทำไหม นี่ก็จะโยงมาถึงสิ่งที่เราพูดกันมาตั้งแต่แรก นั่นคือ Culture Industry ที่ผ่านมา ผมย้ำไปหลายครั้งแล้วว่า ถึงเวลาแล้ว ที่คนไทยจะต้อง "ต่อยอด" จากสังคมอุตสาหกรรม มาเป็นสังคมแห่งวัฒนธรรม

ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมไทยนั้น น่าสนใจและมีคุณค่ามาก ผมเชื่อว่า ผู้ประกอบการไทยสามารถนำมาต่อยอดให้เข้ากับตลาดท่องเที่ยวได้ ผลที่ตามมาเราก็จะได้ตลาดใหม่ที่เกี่ยวเนื่องทั้งเรื่องที่พัก ภัตตาคาร และขายของที่ระลึก โดยประยุกต์ดัดแปลงให้ดูดี มีรสนิยม ถ้าทำได้ เราก็โชว์ได้

กิจกรรม หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรมถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่รัฐบาลประกาศสนับสนุน เพื่อมุ่งสู่การทำธุรกิจบนความคิดสร้างสรรค์ ถามว่า เรามีความพร้อมมากไหม ผมว่า มีมากนะครับ และที่เห็นอยู่ก็มีหลายแห่งกำลังทำและทำได้ดีด้วย อาทิเช่น อยุธยา สุโขทัย เป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักท่องเที่ยวต่างชาติชอบมากๆ ผมเองก็ภูมิใจกับของดีมีอยู่

แต่มีบางจุดเราอาจเสริมเข้าไป เพื่อให้เกิดคุณค่าในเรื่องการต่อยอด ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงจากสุโขทัยมาอยุธยานั้น เปลี่ยนไปทางไหน ผ่านเมืองอะไรมาบ้าง นี่คือจุดต่อเนื่อง เราก็ควรพัฒนาจุดต่อเนื่องนี้ให้เป็นไปในลักษณะเชื่อมโยงเรื่องสถานที่ได้

ส่วนธุรกิจในข่ายศิลปะการแสดง หรือการชม อาทิเช่น รูปภาพ งานแกะสลัก งานศิลป์ที่เป็นวิช่วลอาร์ท หรือเพอร์ฟอร์มมิ่งอาร์ท เรามีของดีแบบนี้เยอะมากเลยครับ หากเราจัดระบบจัดการที่ดี "ของดี" ที่มีอยู่มากมายทั่วประเทศไทย เราก็สามารถพัฒนาให้เป็น "เมืองแห่งแกลลอรี่" ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ที่ผมเคยไปดู เขาสนับสนุนแกลลอรี่เป็นอาชีพชัดเจน แถมมีกิจกรรมที่ต่อเนื่องด้วย อย่างเวลามีงานแกลลอรี่ ก็มีเรื่องการท่องเที่ยวเข้ามาเชื่อมโยงโดยขายเมืองอูบุตไปด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทาง จากแกลลอรี่นั้นไปแกลลอรี่นี้ได้สะดวก ถือเป็นหมู่บ้านแกลลอรี่ที่ดีมาก

ถามว่าประเทศไทย ทำได้หรือไม่ ผมตอบได้เลย ทำได้ครับ จังหวัดเชียงราย ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของกรณีศึกษาของ Culture Industry ที่น่าจะไปได้ดี ปัจจุบันภาพเมืองเชียงรายที่เห็นได้พัฒนาและกลายเป็น "เมืองแห่งแกลลอรี่" ไปบ้างแล้ว โดยมีภาคเอกชนนำร่องไปก่อน เนื่องจากมีแม่เหล็กตัวใหญ่ คือ คุณถวัลย์ ดัชนี และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดังเป็นผู้บุกเบิก นำผลงานมาแสดงและสร้างงานให้คนท้องถิ่นเกิดรายได้ เท่าที่ทราบตอนนี้เริ่มมีอาจารย์ท่านอื่นๆ ก็เริ่มไปเปิดแกลลอรี่ที่เชียงรายมากขึ้นเรื่อยๆ นับเป็นข่าวดีท่ามกลางกระแสวิกฤติเศรษฐกิจ

ผมมาคิดต่อ ถ้าเราจัดเรื่องพวกนี้ให้เป็นกรุ๊ป ทำแผนที่ แกลลอรี่แมป ขึ้นมา เหมือนเมืองอูบุตในบาหลี อินโดนีเซีย เป็นเครื่องมือบอกข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ว่า ถนนนี้ มีเรื่องนี้ ถนนนั้นมีเรื่องนั้น คนที่ไปชมก็จะนึกภาพรวมออก และรู้จุดมุ่งหมายว่า ควรจะไปชมไปซื้ออะไรได้ที่ไหน ซึ่งเมืองเชียงใหม่ก็สามารถพัฒนาเป็นเมืองแกลลอรี่ได้เช่นกัน และควรทำแผนที่แผนผังให้เป็นเรื่องชัดเจน เพราะที่นี่ก็มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมมาแต่โบราณกาล

ในความเห็นผม ศิลปินไทย และอินโดนีเซีย ไม่ต่างกันเลย เพราะทุกอย่างได้รับอิทธิพลมาจากประเทศตะวันตกเหมือนกัน ศิลปินไทยที่วาดภาพได้หลายมิติ ล้วนร่ำเรียนมาจากอาจารย์ศิลป์ พีระศรี สมัยก่อนไม่มีมิติ เป็นแบบแบนๆ ศิลปะเหล่านี้เราได้จากอิตาลี ส่วนอินโดนีเซียเขาได้จากเยอรมนี ซึ่งมาจากเรเนซองเหมือนกัน ที่ต่าง คือ "โลคัล ซีน" เท่านั้น

ล่าสุด เวลานี้ที่เวียดนามก็มีสตรีท แกลลอรี่แล้ว เป็นภาคเอกชนที่ทำกันเอง รัฐบาลเขาไม่ได้เข้าไปช่วย เพียงทำแผนผังให้เป็นระบบ ส่วนเอกชนเขาต่างคนต่างขาย หรืออย่างประเทศจีนก็มีศูนย์กลางแกลลอรี่ที่ดีมาก เปิดโอกาสให้ศิลปินมาร่วมงานขายของ รัฐจัดสถานที่ให้ โดยใช้พื้นที่ไม่มาก แต่เอามาพัฒนาสร้างประโยชน์ได้มาก

สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้นอกห้องเรียนที่คนไทยควรศึกษา ยิ่งถ้าเราช่วยกันยกระดับความสำคัญของเศรษฐกิจ โดยมุ่งพัฒนาธุรกิจบนความคิดสร้างสรรค์ และจัดระบบให้เป็น "วาระแห่งชาติ" แล้ว

ความสำเร็จก็อาจอยู่แค่เอื้อม!
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 24 มกราคม 2010, 14:37:07 »

quote author=crh999 link=topic=4068.msg18833#msg18833 date=1259729061]
วันนี้อ่านข่าวเชียงราย จาก www.skyscrapercity.com คุณเหนือสยาม ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวเชียงรายครับ เลยส่งมาให้อ่านดู คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ทั้งด้านงานการพัฒนา, การลงทุน, การส่งเสริม ป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และการตั้งมือรับ พร้อมให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่คนรุ่นหลัง จะได้ตั้งตัว เตรียมใจ ให้เชียงรายให้น่าอยู่ จะได้ไม่เป็นการยัดเยียดสิ่งที่สังคมเมืองไม่ต้องการมาให้ แต่อยากให้เป็นการผสมผสานกลมกลืนกันอย่างลงตัว อันจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย ทั้งประโยชน์ส่วนตน และประโยชน์ส่วนรวมครับ
 
คิดว่าข้อมูลต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ
 
พอ.วุฒิชัย
 
-------------------------------
 
เชียงราย กำลังสร้างห้างใหม่ในเครือเซ็นทรัล เป็น ตัวเสริมของการท่องเที่ยวเชียงราย ที่ห้างต่างๆ มาลงทุนนั้นเพื่อรองรับการลงทุนของเศรษฐกิจของ จ.เชียงราย ที่เติบโตทุกวัน แต่ถามว่าถ้าคนในเมืองมาเที่ยวเชียงรายต้องการอะไร คงไม่ใช่หวังแค่ห้างครับ เพราะคนกรุงเทพฯ ทำงานอยู่ในเมืองก็มีที่เที่ยวช็อบให้เดินหลายที่
 
มาเชียงรายเราต้องเน้นภาคการท่องเที่ยว โดยจุดยืนที่ภาครัฐ หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกัน เชียงราย วันนี้มีอะไร ลองสรุปใจความสาระที่พอเป็นไปได้ และโครงการต่างๆ พอทราบจากสื่อข่าวที่ลงไว้ซื้ออ่าน (เพราะที่บ้านหาซื้อ นสพ.ท้องถิ่นไว้หลายสำนักพิมพ์ท้องถิ่น) สรุปโครงการและสิ่งดีๆ ที่จะเกิดในเชียงรายดังนี้ (อ่านให้จบนะ)

- เตรียมจัดงานเชียงรายดอกไม้งาม 26 ธ.ค.52 - 4 ธ.ค.53 มีประกวดนาวสาวถิ่นไทยงาม ถ่ายทอด NBT

- เอสจีเอ เปลี่ยนเป็นนกมินิ เปิดบินเชียงราย - จิ่งหง ตามการขยายฝูงบินเพิ่มโดยนำเครื่อง SAAB 340B จำนวน 33 ที่นั่ง 2 ลำมาเปิดบินในเส้นทาง-สิบสองปันนา ประเทศจีน

- งานมหกรรมวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 16 - 23 ม.ค.53

- ยินดีต้อนรับท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงรายคนใหม่ นายพรหมโชติ ไตรเวช ย้ายมาจากภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวระดับสากล คนทำงานเก่ง ดีกรีสองปริญญา มาจากเมืองท่องเที่ยวหลัก มาถึงเตรียมร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวทันที (ภารกิจที่มุ่งหวังของท่านคือประการ 1. ศูนย์การท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับยูนานบนเส้นทาง R3A 2. ให้เชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับสากล 3. ตั้งเป้าหมายให้เชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่าง ประเทศมากเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบัน ทั้งหมดนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ของ จ.เชียงรายในปี 53-56

- ท่านผู้ว่าสุเมธ แสงนิ่มนวล สั่งการถอยหลัง 750 ปี จ.เชียงรายตั้งแต่ 1 ม.ค.53 เป็นต้นไป พี่น้องชาวเชียงรายเตรียมรับงานใหญ่ของแผ่นดินล้านนากัน

- 6 เดือน - ผู้ว่าสุเมธฯ รายงานประชาชน รุก ท่องเที่ยว การค้า การลงทุน สานสัมพันธ์จีน ส่งเสริม วัฒนธรรม ศึกษา สาธารณูปโภค เกษตร โดยมีเนื้อหาสรุปพอจับใจความดังนี้

- จัดให้มีการประชุมจับคู่เจรจาทางการค้ากับประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำ โขง 6 ประเทศ ที่ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 8-15 ธ.ค.52 ทางมณฑลยูนนานโดยสายการบินอีสเทิร์นไชน่า จะเปิดเส้นทางบิน คุณหมิง-สิบสองปันนา-กรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ โดยได้ขอเจรจากับจีนให้ผ่านมาลงเชียงรายด้วยซึ่งทางจีนก็รับไว้เจรจากับสาย การบินแล้ว

- มีโครงการถนนไร้ฝุ่น จากกรมทางหลวงชนบท 200-300 ล้านบาท สร้างถนนเข้าชุมชน ด้านประปาพร้อมติดตั้งแบบดื่มได้และมีน้ำใช้

- ด้านการขนส่ง จัดรถเมล์วิ่งรอบเมืองวจนถึงสนามบิน และมีโครงการสร้างสถานีขนส่งที่ อ.เชียงของ เพื่อรองรับการสร้างสะพานเชื่อมไทยลาวที่แขวงบ่อแก้ว

- สร้างศูนย์คอนเทนเนอร์ที่ อ.เชียงของ เพื่อเป็นจุดพักสินค้าที่จะผ่านมา ทำให้อนาคต อ.เชียงของ จะมีความเจริญมากขึ้น ในเวลานี้เริ่มมีกลุ่มนักลงทุนเข้ามาเตรียมพื้นที่ก่ารลงทุนแล้ว

- ที่ อ.เชียงแสน จะมีการสร้างท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2554 ต่อ 2555 เช่นกัน

- แนวคิดพัฒนา จ.เชียงราย เป็นเมืองแห่งดอกไม้ City in the Garden โดยให้ทาง อปท.จัดปลูกดอกไม้ให้ทั่วเมือง ปรึกษาให้เทศบาลนครเชียงรายปลูกต้นไม้สวยๆ วางไว้หน้าบ้านเรือนทุกหลัง เพื่อเปิดศักราชเมืองแห่งดอกไม้ ผลดีของการท่องเที่ยวก็จะตามมา

- การจัดแสดงแสงสีเสียง เพื่อเตรียมงานครบรอบ 750 ปี โดยท่าน อ.เฉลิมชัยได้นำความคิดจากการแสดงแสงสีเสียงที่ไปเห็นมาจากเมืองกุ้ยหลินและ ลี่เจียง ประเทศจีน เป็นการแสดงครบรอบ 60 ปีของจีนที่ใหญ่อลังการ นำมาเทียบเคียงใช้กับเชียงรายเป็นการเล่าเรื่อง การสร้างเมืองเชียงราย ใช้นักแสดงที่เป็นชาวบ้านแต่งกายให้สวยงาม จัดแสดงให้ยิ่งใหญ่ จัดทุกวัน เมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเชียงรายต้องเดินทางมาดูการแสดงนี้ทุกคณะ

- ท่าอากาศยานเชียงราย ครบรอบ 11 ปี วางแผนพัฒนา 3 ด้านสู่มาตรฐานสากล โดยในข่าวแจ้งการทำหลุมจอดเพิ่มเพื่อรองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น

- ดร.เทอด รับมอบตำแหน่งอธิการ ม.แม่ฟ้าหลวง ยืนยันสืบสานต่อปณิธาน ดำเนินงานแนวทางเดิม ดร.วันชัย ประกาศช่วยงานเต็มที่ด้วยความสุข ความเติบโตของ มฟล. เป็นไปแบบก้าวกระโดด โตแบบเชิงรุก ทำในสิ่งที่ใหม่ แตกต่างจากที่อื่น และดีกว่า เป็นมหาวิทยาลัยในความต้องการของประชาชน

- ครบรอบ 1 ปีถนนคนเดิน กาดเจียงฮายรำลึก ได้ฤกษ์เปิดรถรางนำเที่ยว

- เทศบาลนครเชียงรายจะพัฒนาลำน้ำกกสายในจากหน้า รร.ดุสิตถึง รร.เดอะลีเจ้นท์ มีการพัฒนาตามโครงการคลองสวยน้ำใส ตอนนี้กำลังขออนุญาตจากกรมพาณิชย์นาวีอยู่

- วัฒนธรรม แจ้งกฐินหลวง มีโขนกรมศิลป์ครั้งแรกที่เชียงรายแจง 750 ปี เชียงราย เตรียมพร้อมนับถอยหลังปี 53

- เทงบ 2 พันล้าน ผุดถนน 8 เลน เชื่อมยุทธศาสตร์ค้าชายแดน โดยรัฐบาลอนุมัติจัดสร้างถนน 8 เลน จาก อ.แม่จัน - อ.เชียงแสนในปี 2553 วงเงิน 1,160 ล้านบาท และ อ.เชียงแสน- อ.เชียงของ อีก 840 ล้านบาท และจัดว่าจ้างก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจรสาย อ.เมือง - อ.เชียงของ ระยะทาง 75 กม. เพื่อเชื่อมไปยังสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ คาดว่าแล้วเสร็จ 2557

- จัดล่องเรือแม่น้ำกกจากเชิงสะพานแม่ฟ้าหลวงไปถึงสนามกอล์ฟค่ายทหาร หลังศาลากลางหลังใหม่ ชมบรรย่ากาฦศล่องเรือยามค่ำดื่มด่ำแม่น้ำกก

- เทศบาล ต.บ้านดู่นำงบจากการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ปรับพื้นที่อาคารอาบน้ำแร่ อันซีน 1 ใน 4 บ่อน้ำพุร้อนใต้ภิภพ จัดสร้งพื้นที่โฮมสเตย์ระดับ VIP แหล่งพักใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่ใกล้เมือง จุดเสน่ห์ใหม่ที่จะใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยว

- ด้านการค้าชายแดน อ.แม่สายคึกคักหลั่งไหลเข้ามาเที่ยว มีแนวโน้มทรงตัวและดีขึ้น กลับสู่ช่วงปกติ

- ททท.วางแผนกิจกรรมหารท่องเที่ยวดังนี้ 1. งานจุลกฐิน วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน 2. โครงการ 7 Amazing Chiangrai 3. งานครบรอบ 1 ปี โครงการถนนคนเดิน กาดเจียงฮ่ายรำลึก" 4. งานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม 5. ไหว้พระธาตุ 9 จอม ในอำเภอต่างๆ ในพื้นที่ จ.เชียงราย 6. งานดอกเสี้ยวบาน บนดอยภูชี้ฟ้า 7. เทศกาลชมดอกทิวลิปบานบนดอยผาหม่น อ.เทิง 8. โครงการม้าไทยนำเที่ยว อ.แม่จัน 9. งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2553 10. โครงการรถรางรอบเมืองเชียงราย และ 11. โครงการนั่งสามล้อ ผ่อเวียง แอ่วเจียงฮาย

- จัดตั้งตึกโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จำนวน 9 ชั้น ตอนนี้ล้อมรั้วเพื่อเตรียมการก่อสร้างแล้ว

- โครงการโรงเรียนนานาชาติเชียงราย อยู่ที่บ้านสันตาลเหลือง

ทั้ง หมดนี้เป็นโครงการที่พอสรุปเป็นหัวข้อหลัก โดยที่มาจากการอ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเชียงรายทูเดย์ และเชียงรายนิวส์ ขอขอบคุณที่นำเสนอข่าวดีๆ พอเป็นข้อมูลของ จ.เชียงราย เพื่อการพัฒนาให้เป็นเมืองน่าอยู่ต่อไปครับ
 มีภาพประกอบนะครับ คนเชียงรายได้เที่ยวห้างที่เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งห้างนอกจาก บิ๊กซีครับ เซนทรัลครับ เห็นว่าจะมาพร้อมโรงหนังด้วยนะครับ และก็ภาพถนนสายเอเชีย (ซุปเปอร์ไฮเวย์) ด้านทิศเหนือเข้าในเมืองครับ ถ่ายจากสะพานลอยตรงฝั่งบิ๊กซี
เชียงรายจงเจริญ..................

[/quote]
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
salao
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 266



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 25 มกราคม 2010, 20:54:52 »

เป็นกำลังใจให้สำหรับการเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ มาฝากชาวเชียงรายครับ
IP : บันทึกการเข้า

ติดต่ออีเมล์ jchairit@gmail.com โทร 086-5283895 ติดต่อ วิภู
Line ID: wipoochairit
https://www.facebook.com/ChiangmaiJade
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 26 มกราคม 2010, 12:55:53 »

กรมทางหลวงกำหนดโครงการขนส่งพื้นฐานเชื่อมต่อประเทศลุ่มน้ำโขง




กรุงเทพฯ 25 ม.ค. - นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยหลังสัมมนาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการระบบคมนาคมขนส่งจังหวัดเชียงราย ว่า ขณะนี้กรมทางหลวงมีโครงการรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งในจังหวัดเชียงราย และพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการคมนาคมขนส่งสินค้า และ ท่องเที่ยวมากขึ้น

ทั้งนี้ โครงการต่าง ๆ จะประกอบด้วย การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงของตาม โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ - ใต้ (ห้วยทราย- เชียงของ) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยร่วมกันรับผิดชอบฝ่ายละเท่ากัน ในวงเงินค่าก่อสร้าง 1,624 ล้านบาท ซึ่งความคืบหน้าในขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจเอกสารและลงนามในสัญญาคาดว่าจะลงนามาได้ในเดือนมีนาคม 2553 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับอนุภูมิภาคแห่งนี้ ในด้านการค้าการลงทุน มีความสะดวกในการคมนาคมขนส่งและการติดต่อกัน รวมทั้งศักยภาพด้านการท่องเที่ยวระหว่างเชียงรายถึงคุนหมิงอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีโครงการสนับสนุนเพื่อรองรับสะพานเชียงของและท่าเรือเชียงแสน 2 ซึ่งปัจจุบันกรมทางหลวงมีแผนที่จะปรับปรุงถนน ก่อสร้างและขยายทางหลวงหมายเลข 1152 จากจังหวัดเชียงราย - อำเภอพญาเม็งราย - บ้านต้าตลาด และทางหลวงหมายเลข 1120 จาก บ้านต้าตลาด – อำเภอเชียงของ ระยะทางรวม 110 กิโลเมตร ให้เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ส่วนการพัฒนาเส้นทางรองรับท่าเรือเชียงแสน 2 กรมทางหลวงยังมีแผนงานโครงการพัฒนาทางหลวงรองรับการก่อสร้างท่าเรือเชียงแสน 2 ได้แก่โครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 1061 จาก อำเภอแม่จัน – อำเภอเชียงแสน (รวมทางเลี่ยงเมืองเชียงแสน ระยะทางระยะ 37 กิโลเมตร) ให้เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร ก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 1290 จากอำเภอแม่สาย – อำเภอเชียงแสน ระยะทาง 36 กิโลเมตร ให้เป็นถนน 4 ช่องจราจร โครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 1129 จากอำเภอเชียงแสน–อำเภอเชียงของ ระยะทาง 59 กิโลเมตร ให้เป็นถนน ขนาด 4 ช่อง จราจร และการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองเชียงราย ระยะทาง 28 กิโลเมตร โดยจะทำเป็นโครงการก่อสร้างขนาด 4 ช่องจราจร

โครงการทางหลวงหมายเลข 1290 อำเภอแม่สาย – อำเภอเชียงแสน ส่วนที่ 1 ระยะทาง 30.46 กิโลเมตร ค่างาน 598 ล้านบาท สัญญา 1 ตุลาคม 2552 – 21 สิงหาคม 2554 , ทางหลวงหมายเลข 1290 อำเภอแม่สาย – อำเภอเชียงแสน ส่วนที่ 2 ระยะทาง 8.00 กิโลเมตร ค่างาน 300 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 1016 อำเภอแม่จัน – อำเภอเชียงแสน ระยะทาง 19.2 กิโลเมตร ค่างาน 630.98 ล้านบาท สัญญา 7 ต.ค.52 – 26 ก.ย.54 ทางหลวงหมายเลข 1016 อ.แม่จัน – อ.เชียงแสน (รวมทางเลี่ยงเมืองเชียงแสน) ระยะทาง 16.402 กิโลเมตร ค่างาน 540 ล้านบาท (อยู่ระหว่างคิดราคา) ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 4 ระยะทาง 27 กิโลเมตร ค่างาน 900 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 3 ระยะทาง 40 กิโลเมตร ค่างาน 1,300 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 1(ดอยสะเก็ด – แม่เจดีย์) ระยะทาง 33 กิโลเมตร ค่างาน 1,300 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่ – เชียงราย ตอน 2 (ดอยสะเก็ด – แม่เจดีย์) ระยะทาง 10 กิโลเมตร ค่างาน 420 ล้านบาท สะพานที่อำเภอเชียงของ ค่างาน 1,624 ล้านบาท (ปี 2553 – 2555) คาดว่าก่อสร้าง พ.ค. 2553

ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย - เชียงของ ตอน 1 ระยะทาง 11.1 กิโลเมตร ค่างาน 320 ล้านบาท สัญญา 9 ก.ย. 2552 – 31 พ.ค. 2554 ผลงาน 0.69% ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย - เชียงของ ตอน 2 ระยะทาง 18.9 กิโลเมตร ค่างาน 663.80 ล้านบาท สัญญา 10 พ.ย. 2552 – 30 ต.ค. 2554 ทางหลวงหมายเลข 1129 เชียงแสน – เชียงของ ระยะทาง 59 กิโลเมตร ค่างาน 995 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 1020 เทิง – บ้านต้าตลาด ระยะทาง 25 กิโลเมตร ค่างาน 850 ล้านบาท ทางหลวงหมายเลข 1152,1020 เชียงราย - เชียงของ ตอน 3 ระยะทาง 75 กิโลเมตร

นายวีระ กล่าวอีกว่า เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะก่อให้เกิดประโยชน์กับอนุภูมิภาคแห่งนี้ ในด้านการค้าการลงทุน มีความสะดวกในการคมนาคมขนส่งและการติดต่อกัน รวมทั้งศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวระหว่างเชียงรายถึงคุนหมิงอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย


http://news.mcot.net/economic/inside...ZudHlwZT10ZXh0
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 26 มกราคม 2010, 12:58:30 »

เป็นกำลังใจให้สำหรับการเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ มาฝากชาวเชียงรายครับ

เป็นกำลังที่ดีมากครับ เผื่อมีหลายท่านสนใจข่าวเรื่องการพัฒนาเชียงราย

นำไปใช้ประโยชน์ และคิดร่วมกันครับ

ขอบคุณมากครับ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2010, 03:12:16 »



กรมทางหลวง จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย – สะพานข้ามแม่น้ำโขง


*********************


นายวิชัย เรืองสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักแผนงาน กรมทางหลวง แจ้งว่า สำนักแผนงาน กรมทางหลวง ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ เพื่อดำเนินการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้าง 4 ช่องจราจร โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย – สะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เชียงของ ซึ่งในขั้นตอนของการศึกษาฯ จะต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่โครงการ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการฯ


กรมทางหลวงได้เล็งเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน อันจะเอื้อประโยชน์สูงสุดในการศึกษาฯ และสอดคล้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 จึงได้กำหนดให้มีการประชุมสัมมนาครั้งที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอภาพรวมของโครงการ ความก้าวหน้าของการศึกษา สรุปผลการคัดเลือกรูปแบบทางเลือกที่เหมาะสม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการศึกษา ในวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม 2553 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องแม่กก แขวงการทางเชียงรายที่ 1 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสุเมธ แสงนิ่มนวล จะกล่าวเปิดการประชุม ในเวลา 09.05 น


http://www.chiangrai.prdnorth.in.th/ct/news/viewnews.php?ID=100127142202
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2010, 15:49:19 »

เดินหน้าสร้างสะพานข้ามโขง4 วางศิลาฤกษ์เม.ย.นี้-แล้วเสร็จ2555

แนวหน้า 26/01/2010


เชียงราย:นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่าง อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน(สปป.)ลาว ด้วยงบประมาณก่อสร้างกว่า 1,650 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้มีการเปิดซองประกวดราคาเพื่อจัดหาเอกชนดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ กลุ่มซีอาร์ 5-เคที จอยท์เวนเจอร์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทไชน่า เรลเวย์ โน.5 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด จากประเทศจีน บริษัทกรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด จากประเทศไทย และได้ทำสัญญาก่อสร้างสะพานดังกล่าวให้แล้วเสร็จระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือนหรือปลายปี 2555

โดยรูปแบบของสะพานจะมีความยาวของตัวสะพาน 480 กิโลเมตร โดยมีช่วงถนนเชื่อมสะพานฝั่งไทย 150 เมตร และ ฝั่ง สปป.ลาว อีก 6 กิโลเมตร ตัวสะพานออกแบบให้มีสองช่องจราจรไปและกลับกว้าง 14.7 เมตร และมีไหล่ทางกว้าง 1.25 เมตร โดยแบบทั้งหมดเป็นแบบที่สมบูรณ์จะไม่มีการแก้ไขใดๆ อีก

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมมุ่งที่จะให้เชียงรายเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะการเชื่อมไทย-จีนตอนใต้ โดยสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 จะเป็นโครงข่ายที่สามารถเชื่อมกับถนน R3A ไทย-สปป.ลาว-จีน หรือเหนือ-ใต้ของกลุ่มประเทศ GMS ทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยว และขั้นตอนต่อไปคือการส่งมอบพื้นที่ให้กับกรมทางหลวงเพื่อเปิดให้เอกชนทำการก่อสร้าง

ส่วนกรณีที่กลุ่มทุนไทย-เกาหลีใต้ ได้รับสัมปทานพัฒนาพื้นที่ 1,200 ไร่ในฝั่งเมืองห้วยทราย สปป.ลาว แต่ไปขวางแบบแปลนที่กรมทางหลวงออกแบบให้สร้างถนนไกล 6 กิโลเมตร และด่านพรมแดนในฝั่ง สปป.ลาว ทับซ้อนกับพื้นที่สัมปทานดังกล่าวถึง 70 ไร่ นั้นปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งเชื่อว่าทาง สปป.ลาว คงจะเข้าไปจัดการได้.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2010, 15:50:49 »

กดปุ่มสะพานข้ามโขงเชียงของ อีก30เดือนเปิดใช้-แฉกลุ่มทุนกาสิโนป่วน

วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7000 ข่าวสดรายวัน


เชียงราย - นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมทางหลวงได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้ออกแบบก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมไทย-ลาว แห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว เพื่อเชื่อมกับถนนอาร์สามเอ ไทย-ลาว-จีนตอนใต้ นั้น ล่าสุดได้เปิดซองประมูลก่อสร้างจากเอกชนหลายราย ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่ากลุ่มเอกชนที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ กลุ่มกลุ่มซีอาร์ 5-เคที จอยท์เวนเจอร์ จากประเทศจีน และบริษัท กรุงธนเอ็นยิเนียร์ จำกัด จากประเทศไทย

นายวีระกล่าวว่า สำหรับรูปแบบของสะพานคือ ตัวสะพานมีความยาว 480 เมตร ซึ่งยังไม่รวมถนนในฝั่งลาวและฝั่งไทย โดยจะมีทางต่อเนื่องกับตัวสะพานในฝั่งไทยอีกประมาณ 150 เมตร และก่อสร้างถนนในฝั่งลาวอีกประมาณ 6 ก.ม. การจราจรจะเป็นสองช่องสวนกันบนสะพาน ความกว้างของตัวสะพานประมาณ 14.7 เมตร มีไหล่ทางข้างละ 1.25 เมตร รวมทั้งมีการก่อสร้างอาคารด่านพรมแดนทั้งฝั่งไทยและลาวด้วยงบประมาณ 1,625 ล้านบาท โดยไทยกับจีนเสียค่าใช้จ่ายประเทศละ 50% กำหนดระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 30 เดือน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป

นายวีระกล่าวถึงกรณีที่ได้มีกลุ่มทุนไทย-เกาหลีใต้เข้าไปได้สัมปทานที่ดิน จุดก่อสร้างฝั่งลาวและดำเนินโครงการนาคราชนคร 1,200 ไร่ โดยกำลังก่อสร้างสนามกอล์ฟ ไร่เกษตร โรงแรมห้าดาวขนาด 120 ห้อง กาสิโน รีสอร์ต ฯลฯ เรียกร้องให้กรมทางหลวงเปลี่ยนแบบแปลนไปสร้างถนนอ้อมด้านหลังโครงการแทนที่จะตัดผ่านที่ดินของโครงการว่า กรมทางหลวงจะไม่มีการแก้ไขแบบแปลนดังกล่าวอีกแล้ว เพราะได้มีการออกแบบกันมาตั้งแต่ต้นและเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีน ทุกอย่าง

หน้า 28
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 29 มกราคม 2010, 14:51:19 »

ทีเอ็นที รุกตลาดโลจิกสติกส์เชียงใหม่ -ลำพูน เน้นเจาะตลาดในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ หวังดึงส่วนแบ่งจากผู้ประกอบการขนส่งญี่ปุ่น

นายธราธร ศรีสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ทีเอ็นที เอ็กซเพรส เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย)  จำกัด ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ด่วน เปิดเผยถึงการจัดงาน "ทีเอ็นที เชียงใหม่ โรดโชว์" ว่า การเดินทางมาจัดโรดโชว์ที่จ.เชียงใหม่ครั้งนี้ เพื่อเจาะตลาดในพื้นที่จ .เชียงใหม่ - ลำพูน โดยเน้นกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูน ซึ่งปัจจุบันการขนส่งสินค้าในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนืออยู่ในมือของผู้ประกอบ การขนส่งชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก

บริษัท ทีเอ็นที เคยมาทำตลาดที่จ.เชียงใหม่ - ลำพูน แล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน มิ.ย. 2552 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ  ส่วนเป้าหมายการทำตลาดจะเน้นการขนส่งโดยใช้เส้นทางอาร์ 3 เอ เชื่อมไทย - ลาว - จีน ผ่านอ.เชียงของ - ห้วยทราย - หลวงน้ำทา - บ่อเต็น - บ่อหาน -สิบสองปันนา เป็นการขนส่งโดยใช้รถบรรทุก เพราะจุดแข็งของบริษัท คือ เป็นผู้ประกอบการขนส่งข้ามประเทศ โดยรถบรรทุกที่มีศักยภาพมากที่สุด

นายธราธร กล่าวอีกว่า  เส้นทางอาร์ 3 เอ ถือเป็นทำเลทองในการดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ แต่ปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการด้านนี้เข้าไปลงทุนอย่างจริงจัง บริษัท ทีเอ็นที เชื่อว่าหลังเข้ามาทำตลาดในปี 2553 นี้ จะมีรายได้เพียงขึ้นไม่ต่ำกว่า 20 - 30% จากปัจจุบัน

ดร.วิทยา สุหฤทดำรง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการห่วงโซ่อุปทาน มหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า  เส้นทางอาร์ 3 เอ เป็นโครงข่ายคมนาคมทางบกที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเป็นหลัก จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์ด้านโลจิสติกส์ได้เต็มที่ เพราะไม่มีการเตรียมความพร้อมรองรับ  การขนส่งผ่านเส้นทางอาร์ 3 เอ ยังมีอุปสรรคและล่าช้า ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ หากต้องใช้ประโยชน์จากเส้นทางคมนาคมเพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาถนนให้มีความพร้อมรองรับมากกว่านี้ ตัวอย่างเช่น จีนที่ใช้งบลงทุนด้านโลจิกสติกส์ค่อน ข้างสูง การก่อสร้างหรือตัดถนนของจีน จะเน้นตัดถนนเป็นทางตรงเพื่อใช้ประโยชน์และลดต้นทุนโลจิสติกส์เป็นหลัก โดยเฉพาะเส้นทางอาร์ 3 เอ  ที่จีนพัฒนาเพราะต้องการขนส่งสินค้ามาทางตอนใต้ของประเทศ สำหรับประเทศไทยมาตรฐานการตัดถนนยังไม่ดีเท่าที่ควรแม้มีการลงทุนขยายถนน เพิ่มขึ้น

ดร.วิทยา กล่าวอีกว่า   โครงสร้างถนนของประเทศไทยใช้ประโยชน์เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเท่านั้น หากต้องการใช้ประโยชน์ด้านโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนและเวลาในการขนส่ง ต้องพัฒนามาตรฐานการก่อสร้างถนนให้รองรับการขนส่งสินค้า  รวมทั้งต้องพัฒนาตลาดและออกไปหาลูกค้า มิฉะนั้นประเทศไทยจะไม่สามารถเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งในภูมิภาคได้

พม่า ลาว และเวียดนาม มีช่องทางออกสู่ทะเล จึงเป็นทางเลือกของจีน  ในอนาคตหากไทยไม่เร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโลจิกสติกส์จีน อาจเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ทางออกสู่ทะเลช่องทางอื่นแทน เพราะไทยไม่มีท่าเรือน้ำลึกเพิ่มเติมนอกเหนือจากท่าเรือแหลมฉบังเพียงแห่ง เดียวซึ่งปัจจุบันแออัดมาก ส่วนระบบรถไฟรางคู่ในประเทศการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ไม่มีแผนพัฒนา ขณะที่จีนได้มุ่งสร้างเส้นทางรถไฟไปยังเวียดนามแทนแล้ว" ดร.วิทยากล่า
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 29 มกราคม 2010, 15:20:32 »

ทล.เปิดห้องแจงแนวถนนรับสะพานโขง 4-ชาวบ้านยืนข้อเสนอยึดแนวเส้นทางเก่า



   
เชียงราย– ทางหลวงเปิดห้องแจงความเหมาะสมแนวถนน 4 เลนเชื่อมสะพานข้ามโขง 4 ทะลุลาว ครั้งที่ 2 เผยชาวบ้านในพื้นที่เชียงของ ยืนข้อเสนอขยายแนวถนนเดิม หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อีกทา
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 29 มกราคม 2010, 15:25:02 »

ลงหมุด "สะพานมิตรภาพ 4" ปลาย ก.พ.นี้ 3 ปีได้ใช้

ภาพแฟ้มวันที่ 23 มิ.ย.2552 รถบรรทุกตู้สินค้าของจีนจากฝั่งเมืองห้วยทรายของลาว กำลังขึ้นจากแพขนานยนต์ค่อนข้างทุลักทุเล ตามความลาดชันของพื้นที่ ในอาณาบริเวณท่าศุลกากร อ.เชียงของ จ.เชียงราย อีก 3 ปีข้างหน้าสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 จะทำให้ความไม่สะดวกเช่นนี้หมดไป
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- การก่อสร้างสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่างไทยกับลาว กำลังจะเริ่มขึ้นปลายเดือน ก.พ. นี้ หลังเปิดซองประกวดราคาซึ่งคัดบริษัทไทยและจีนเอาไว้เพียง 2 ราย สำหรับโครงการมูลค่า 43 ล้านดอลลาร์ เพื่อทะลุ "กำแพงสุดท้าย" บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจส่งแนวเหนือ-ใต้ แห่งอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ในปี 2556
       
       เจ้าหน้าที่ของลาวเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า ทุนรอนสำหรับการก่อสร้างพร้อมหมด โดยรัฐบาลจีนกับรัฐบาลไทยสมทบกันคนละครึ่ง ทางการลาวจ่ายชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบที่จะต้องโยกย้ายออกไปจาก อาณาบริเวณ และจัดหาที่ทำกินให้ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงิน 40,000 ล้านกีบ (264 กีบ/บาท)
       
       ตามรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว บริษัทก่อสร้างไทยและจีนจำนวน 4 แห่งเข้ายื่นซองประกวดราคา แต่คณะกรรมการได้คัดเอาไว้เพียง 2คือ บริษัทกรุงธนก่อสร้างจากประเทศไทย กับบริษัทสร้างทางรถไฟเลข 5 ของรัฐบาลจีน อันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
       
       การก่อสร้างสะพานมิตรภาพ 4 ล่าช้ามา 1 ปีจากปีที่แล้ว เนื่องจากวิกฤติการณ์เศรษฐกิจโลกกับอีกหลายปัจจัยซึ่งทำให้มูลค่าการก่อ สร้างพุ่งขึ้นสูง
       
       ทั้งสามฝ่ายลาว ไทยและจีน ต้องตกลงกันใหม่เกี่ยวกับการสมทบเงินทุนและรายละเอียดอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันพร้อมแล้ว ขปล.อ้างคำกล่าวของนายถาวอน วอละบุด รองผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างสะพานฯ ของฝ่ายลาว
       
       สะพานกำลังจะสร้างขึ้นห่างจากตัวเมืองท่าทราย แขวงบ่อแก้วของลาว และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ลงไปทางใต้ราว 4 กิโลเมตร เมื่อสร้างแล้วเสร็จก็จะเปิดทางโล่งให้กับทางหลวงสายยาวตั้งแต่นครคุนหมิง มณฑลหยุนหนุน ลงไปจนถึงกรุงเทพฯ และ สิงคโปร์
       
       ลาว ไทยและจีน ได้เปิดใช้ทางหลวงสาย "อา3อา" (A3a) ระยะทางกว่า 300 กม.อย่างเป็นการตั้งแต่ต้นปี 2551ให้การขนส่งทางบกเชื่อม 3 ประเทศเป็นไปได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
       
       การก่อสร้างถนนแบ่งออกเป็น 3 ช่วง โดยรัฐบาลจีนและไทยรับผิดชอบ 2 ช่วงปลาย รัฐบาลลาวก่อสร้างช่วงกลาง โดยได้รับการสนับสนุนเงินกู้ผ่อนปรนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี)
       
       ปัจจุบันการขนส่งข้ามแม่น้ำโขงระหว่าง จ.เชียงราย กับแขวงบ่อแก้ว ใช้แพขนานยนต์เป็นหลัก ในการบรรทุกยานพาหนะและสินค้าต่างๆ ส่วนนักท่องเที่ยวใช้เรือรับจ้างระหว่างท่าศุลกากร อ.เชียงของกับท่าเรือห้วยทราย
       
       ห้วยทรายยังเป็นต้นทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ในการเดินทางจากภาคเหนือของไทยไปยังเมืองมรดกโลกหลวงพระบางโดยทางน้ำ ซึ่งจะใช้เวลา 2 วัน จอดพัก 1 คืนระหว่างทางที่เมืองปากแบ่ง แขวงอุดมไซ.




ภาพแฟ้มวันที่ 23 มิ.ย.2552 นักท่องเที่ยวดูบางตาในช่วงปีที่เศรษฐกิจโลกกำลังวิกฤติ นักท่องเที่ยวไทยกลุ่มนี้กำลังลงเรือข้ามฟาก เพื่อไปยังฝั่งเมืองห้วยทราย อีก 3 ปีจะมีสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่เดินทางจากไทยต่อไปยัง ภาคเหนือของลาว


ภาพแฟ้มวันที่ 21 เม.ย.2551 นักท่องเที่ยวจากแดนไกลกำลังขึ้นจากเรือข้ามฟากทางฝั่งเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 กำลังจะเปลี่ยนแปลงการคมนาคมขนส่งกับการท่องเที่ยวในแถบนี้
       
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
คนไกลบ้านเกิด
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,874



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 31 มกราคม 2010, 19:48:21 »

วาวๆขอบคุณจ้าวขอมูลและขอฮื้อโครงกานนี้สำเร็จเร็วๆจ้าว ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 ... 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!