เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 02:41:09
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 ... 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 439823 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 01 มิถุนายน 2010, 22:08:50 »

ทำเลทองที่ดินติดสะพานน้ำโขง4 ทุ่งนาเชียงราย-เชียงของ-ทะลุไร่นับล้าน

วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7123 ข่าวสดรายวัน


เชียงราย - นายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงคมนาคม ของไทยและสปป.ลาว ลงนามความร่วมมือในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อม อ.เชียงของ กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ที่จ.เชียงราย ไปเมื่อเร็วๆ นี้ และจะทำให้การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2555 นั้นทำให้มีกลุ่มทุนโดยเฉพาะจากประเทศจีนนำคณะเข้ามาศึกษาดูงานพื้นที่อ.เชียงของ และส่วนอื่นๆ ของจ.เชียงราย โดยเฉพาะบนถนนสายเชียงของ-เชียงราย เพื่อเตรียมจะเข้ามาลงทุนกันอย่างคึกคัก รวมทั้งได้มีกลุ่มทุนที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้วหลายราย แต่ส่วนใหญ่ยังไม่เป็นประเภทอุตสาหกรรมแต่จะเป็นการนำเข้าและส่งออกสินค้า โรงแรม สถานเอ็น เตอร์เทนเมนต์ ฯลฯ ทั้งฝั่งไทยและ สปป.ลาว เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในอนาคตเชื่อว่าจะมีธุรกิจอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์เพื่อรองรับการนำเข้าและส่งออกสินค้าบนถนนอาร์สามเอเชื่อมไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ การนำเข้าวัตถุดิบใหม่ๆ จากประเทศจีนมาแปรรูป ฯลฯ

ด้านนายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองเลขาธิการหอการค้า จ.เชียงราย และนักธุรกิจนำเข้าและส่งออกที่ อ.เชียงของ กล่าวว่า ช่วงต้นของการก่อสร้างสะพานไม่ได้มีความคึกคักในการลงทุนมากนัก เพราะนักธุรกิจกำลังดูลู่ทางในการลงทุนและติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย กระนั้นก็พบว่าที่ดินส่วนใหญ่โดยเฉพาะทำเลทองได้ตกอยู่ในมือกลุ่มทุนไปหมดแล้ว โดยเฉพาะบนทุ่งนากว้างติดถนนเชียงราย-เชียงของ เนื้อที่มากกว่า 20,000 ไร่ พบว่ามีการซื้อขายกันคึกคัก โดยอดีตมีราคาซื้อขายกันไร่ละหลักหมื่นบาท แต่ปัจจุบันอย่างต่ำไร่ละ 700,000-800,000 บาท หากติดถนนราคาไร่ละกว่า 1 ล้านบาท เชื่อว่าเมื่อสะพานใกล้เสร็จและสถานการณ์เหมาะสมจะมีการลงทุนในพื้นที่อย่างคึกคัก

"อย่างไรก็ตาม เรายังไม่มีความชัดเจนเรื่องสถานที่ที่จะเอื้อให้เกิดการลงทุนด้านนิคมอุตสาหกรรม หลังจากที่เคยประชาสัมพันธ์ให้มีการเข้าไปลงทุนบริเวณติดถนนเชียงราย-เชียงของ พื้นที่ต.ศรีดอนชัย และต.สถาน อ.เชียงของ เนื้อที่ประมาณ 16,000 ไร่ ทำให้กลุ่มทุนจีนซึ่งเข้ามาประสานในพื้นที่สอบ ถามอยู่เนืองๆโดยพร้อมจะเข้ามาลงทุน ติดอยู่เพียงกำหนดพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกจากไทยเท่านั้น"

หน้า 28
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2010, 14:37:30 »

รัฐเร่งปัดฝุ่นปั้นแหล่งเที่ยวทั้งเก่า-ใหม่ดึงคนจีนเข้าเหนือชดเชยฝรั่งหายหลังแดงเผาเมือง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2553


เชียงราย – ธุรกิจท่องเที่ยวได้ฤกษ์กระตุ้นรัฐฟื้นให้พ้นวิกฤต เสนอรัฐเร่งพัฒนาแหล่งเที่ยวทั้งเก่า-ใหม่ ดึงคนจีนเข้าเชียงราย – เหนือตอนบน ชดเชยฝรั่งที่หดหาย หลังเสื้อแดงเผาบ้าน-เผาเมือง

เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดการประชุมใหญ่ขึ้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อระดมสมองหาวิธีการให้ธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วประเทศได้พ้นจากวิกฤต อันเกิดจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงและก่อการร้ายในช่วงเดือน เมษายน -พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกของสมาคมสมาพันธ์ฯ ประกอบไปด้วยนักธุรกิจท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศเข้าร่วม

นายสมเกียรติ ชื่นธีระวงศ์ รองนายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย เปิดเผยว่า สมาคมสมาพันธ์ฯ ได้หารือกันแล้วได้ข้อสรุปว่า จะนำเสนอปัญหาของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในภาพรวมและส่วนภูมิภาคทั้งหมด และแนวทางในการฟื้นฟูไปยังรัฐบาลเพื่อให้ช่วยเยียวยาภาคการท่องเที่ยว และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับภาคธุรกิจทำการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่าทั่วประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวซึ่งจะถือเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้มีการร่วมกันพัฒนามานานแล้ว

ด้านการตลาดก็จะขอให้ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเริ่มต้นด้วยการฟื้นความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศกลับคืนมาให้ได้ต่อไป

ในส่วนของ จ.เชียงราย ซึ่งตนรับผิดชอบโดยตรง ยังคงมุ่งไปที่การพัฒนาไปสู่กลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงหรือ GMS เพราะเชียงรายมีภูมิศาสตร์เป็นประตูไปสู่อนุภูมิภาคนี้ ทั้งทางบก ทางเรือในแม่น้ำโขงและทางเครื่องบิน ทั้งนี้ในปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก ยังคงมีท่าทีที่ไม่อยากให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย แต่เราจะใช้โอกาสนี้ในการส่งเสริมให้คนจีนเข้ามายังประเทศไทยผ่านทาง จ.เชียงรายต่อไป
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันในฐานะที่ตนทำงานในสมาคมสมาพันธ์ฯ ด้วย ก็จะผลักดันให้มีการเชื่อมโยงธุรกิจการท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาค เพื่อให้ภาคเอกชนแต่ละรายเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือกัน ด้วยการประสานธุรกิจ เช่น ส่งทัวร์ให้แก่กัน ฯลฯ เพื่อจัดทำเป็นเครือข่ายหรือเน็ตเวิร์กภาคธุรกิจท่องเที่ยวในการพึ่งพากันเอง

ทุกภาคจะได้ประโยชน์เพื่อหลังจากได้ให้บริการนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนหมด แล้วก็สามารถเสนอไปยังภูมิภาคอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องผลักดันให้ประสบความสำเร็จ

ด้านนายสุพจน์ สิงหอัมพล อุปนายกฝ่ายโรงแรมและห้องพัก สมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่าวิกฤตการเมืองช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม นี้ นับเป็นการซ้ำเติมวิกฤต เพราะปกติก็เป็นช่วงที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวหรือต้นฤดูฝนอยู่แล้ว และเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้อีก จึงทำให้โรงแรมใหญ่ๆ ที่เน้นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักประสบปัญหาหนัก เพราะกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศพากันยกเลิกการจองห้องพักกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งการยกเลิกการจองแล้วจะกลับมาจองใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลานานมาก

ดังนั้น ช่วงนี้จึงต้องปรับตัวกันไปก่อนด้วยการลดรายจ่ายทุกวิธีการ แต่ยังไม่ถึงขั้นเลิกจ้างหรือลดเงินเดือนลูกจ้าง โดยอย่างมากก็อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างได้ลาพักร้อนได้มากขึ้น

นายสุพจน์ กล่าวอีกว่าส่วนโครงการต่างๆ ในโรงแรมก็ต้องหยุดลงหมดเพื่อลดต้นทุน ดังนั้น จึงต้องหวังเอาไว้การผลักดันต่างๆ ดังกล่าวของรัฐบาลตามที่สมาคมสมาพันธ์ฯ ได้ดำเนินการ และคาดหวังว่าหนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลจะลงมาช่วยเยียวยาคือการเร่งรัดกระจายงบประมาณด้านการจัดประชุมสัมมนาให้ลงไปสู่ภูมิภาคต่างๆ อย่างทั่วถึง โดยเน้นให้ไปใช้บริการตามโรงแรมห้องพักที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย เพื่อส่งเสริมผู้ที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000075736
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2010, 01:01:20 »

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2010, 10:04:22 »



สวนสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สถานที่ก่อสร้างในมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย จำนวน 30 ไร่ (อยู่ในขั้นตอนการออกแบบรายละเอียด)
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2010, 22:30:55 »

เชียงราย – น้ำโขงเริ่มคืนชีพอีกครั้ง หลังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเมื่อย่างเข้าหน้าฝน ล่าสุดเรือจีนเปิดวิ่งตรงจากเชียงรุ่ง-เชียงแสน กันอย่างคึกตักอีกครั้ง หลังจากที่ต้องหยุดยาวช่วงกุมภาฯ-เมษาฯ 53 ที่น้ำโขงแห้งขอด


       
       หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงแห้งลงต่อเนื่องมานาน จนทำให้ผู้คน 2 ฝั่งลุ่มน้ำโขงทั้งในเขตพม่า ลาว ไทย กัมพูชา เวียดนาม ประสบกับความเดือดร้อนมาอย่างยาวนาน เรือสินค้า-ท่องเที่ยว ต้องหยุดวิ่งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 53 ที่ผ่านมา ขณะนี้ระดับน้ำโขง ได้กลับมาเพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาลอีกครั้ง จนทำให้เรือสินค้าในแม่น้ำโขงกลับมาแล่นเรือระหว่างท่าเรือเชียงรุ้งหรือจิ่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ผ่านเมืองท่าต่างๆ มายังท่าเรือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อย่างคึกคักเช่นเดิม
       
       โดยเรือส่วนใหญ่ติดธงสัญชาติจีนและระบุว่ามาจากท่าเรือเชียงรุ้งโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากช่วงที่แม่น้ำโขงแห้งต่ำกว่า 1.40 เมตรจนไม่สามารถแล่นเรือได้หรือแม้แต่ช่วงที่ระดับน้ำกระเตื้องขึ้นบ้างช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ก็มีเพียงเรือสินค้าจากท่าเรือสบหรวย ประเทศพม่า และใน สปป.ลาว เท่านั้น
       
       นายอภิสิทธิ์ คำภิโล ขนส่งทางน้ำที่ 1 สาขาเชียงราย กล่าวว่า การเดินเรือในแม่น้ำโขงขณะนี้ถือว่าเข้าสู่ภาวะปกติ โดยระดับน้ำลึกเกือบ 2 เมตร ทำให้มีเรือสินค้าขนาดประมาณ 200 ตัน แล่นเข้าออกท่าเรือเชียงแสนวันละ 6-10 ลำ ส่งผลทำให้การค้าชายแดนที่ท่าเรือเชียงแสนกลับมามีความคึกคักขึ้นอีกครั้ง
       
       นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่ท่าเรือเชียงรุ้งไม่อนุญาตให้เรือสินค้าแล่นเข้าออกท่าเรือช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ตนคาดการณ์ว่าน่าจะเกิดจากแม่น้ำโขงแห้งซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุกับเรือและไม่เหมาะสมที่จะขนสินค้าเพราะเรือจะเกยตื้นได้ง่าย ดังนั้นจึงถือโอกาสทำการซ่อมแซมปรับปรุงหรือตรวจสภาพเรือในช่วงนั้นเสียเลย เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่ช่วงฤดูน้ำหลากนี้ต่อไป ขณะเดียวกันคาดว่าเกิดจากการจัดระเบียบเรื่องใบอนุญาตการเดินเรือด้วย
       
       ทั้งนี้ ระดับน้ำในลักษณะนี้คงจะดำเนินต่อไปและทำให้เรือสินค้าแล่นได้ตลอดทั้งปีไปจนถึงฤดูแล้งปีหน้าต่อไป
       
       สำหรับการค้าชายแดนด้าน จ.เชียงราย ตลอดปี 2552 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้ารวม 14,400.21 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้ามูลค่า 2,603.15 ล้านบาท และส่งออกมูลค่า 11,797.06 ล้านบาท โดยเป็นการค้ากับจีนซึ่งส่วนใหญ่ผ่านทางเรือในแม่น้ำโขงดังกล่าวสูงถึง 5,141.18 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้ามูลค่า 1,879.59 และส่งออกมูลค่า 3,261.59 ล้านบาท
       
       ส่วนการค้ากับพม่ามีมูลค่ารวม 6,335.11 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 215.81 ล้านบาท และส่งออก 1,232.40 ล้านบาท และ สปป.ลาว มีมูลค่าการค้ารวม 2,923.92 ล้านบาท แยกเป็นนำเข้า 507.75 และส่งออกมูลค่า 2,416.17 ล้านบาท
       
       สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่ขนส่งนำเข้าทางเรือที่ท่าเรือเชียงแสนยังคงเป็นสินค้ากสิกรรม เช่น พืชผัก ผลไม้ ฯลฯ ส่วนสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้ากสิกรรม สินค้าประมงและปศุสัตว์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์ส่วนประกอบ ฯลฯ
       
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000076992
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
sinlod
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 08 มิถุนายน 2010, 09:37:17 »

อิอิอิ


* ประชาสัมพันธ์สัมมนาACFTA2 copy.jpg (228.36 KB, 600x450 - ดู 2411 ครั้ง.)

* ACFTA2 copy.jpg (228.36 KB, 600x450 - ดู 2298 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2010, 10:55:45 »

เชียงราย – สายการบิน “นกมินิ” เปิดบินปฐมฤกษ์เชื่อมเชียงราย-เชียงรุ่งแล้ว พร้อมนำทีมนักธุรกิจทัวร์-ผู้ประกอบการชิมลางเที่ยวแรก เชื่อมั่นทำท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงคึกคักขึ้น
       






       วันนี้ (9 มิ.ย.) สายการบินนกมินิ ได้เปิดทำการบินเที่ยวบินปฐมฤกษ์ระหว่างท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย กับสนามบินนานาชาติสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน โดยใช้เครื่องบินรุ่น SAAB 340 จำนวน 33 ที่นั่ง เดินทางออกจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงในเวลา 12.00 น.และเดินทางไปถึงท่าอากาศยานสิบสองปันนาที่เมืองจิ่งหงหรือเชียงรุ้งเมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ซึ่งอยู่ห่างจาก จ.เชียงราย ไปทางทิศเหนือประมาณ 245 กิโลเมตรในเวลาประมาณ 13.00 น.
       
       โดยการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ครั้งนี้นายสุรชัย ลิ้นทอง รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เดินทางมาเป็นประธาน มีนายยุทธนา จิตอบอารีย์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง นำคณะผู้โดยสารเข้าร่วม ซึ่งมีการจัดให้ชมเครื่องบินรุ่น SAAB 340 และการฟ้อนรำต้อนรับโดยคณะนักเรียนจากโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
       
       ขณะที่ผู้โดยสารเที่ยวแรกดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ เช่น น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา กรรมการผู้อำนวยการบริษัทแม่โขงเดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด ผู้ให้บริการนำเที่ยวในพื้นที่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (ไทย พม่า ลาว จีน) และธุรกิจการค้าชายแดนไทย-พม่า-สปป.ลาว เป็นต้น
       
       ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า การมีสายการบินเชื่อมระหว่างเชียงราย กับจีนตอนใต้ ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในการเปิดทำการบินระหว่างประเทศนับตั้งแต่ได้รับพระราชทานเชื่อท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเป็นต้นมา และเป็นเที่ยวแรกของสายการบินนกมินิ ที่พยายามจะบินเชื่อมในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ท่าอากาศยานมีความคึกคักมากขึ้น เพราะภาคเอกชนคงทราบเรื่องการตลาดดีว่ามีกลุ่มเป้าหมายต้องการใช้บริการทางเครื่องบินระหว่างเชียงรายกับจีนตอนใต้มากน้อยเท่าใด ขณะเดียวกันก็จะทำให้ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงมีความเป็นสากลอย่างสมบูรณ์ด้วย
       
       ด้านนายสันต์ สังวรราชทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สายการบินนกมินิ กล่าวว่า สายการบินนกมินิจะเปิดให้บินระหว่างเชียงราย-สิบสองปันนา เป็นประจำทุกวันๆ ละ 1 เที่ยวบินโดยออกจากเชียงรายประมาณ 12.00 น.และเมื่อไปถึงสิบสองปันนาแล้วก็จะพักอยู่จนถึงเวลา 14.45 น.ก็จะเดินทางกลับสู่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยคิดค่าโดยสารเบื้องต้นคนละประมาณ 5,000 บาท ซึ่งจากการประเมินตลาดพบว่าเส้นทางการบินนี้สามารถตอบสนองความต้องการของนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเดินทางไปมาในเขตลุ่มแม่น้ำโขงโดยมีเชียงราย เป็นประตูได้เป็นอย่างดี
       
       นายสันต์ กล่าวอีกว่า ในช่วงแรกนี้ผู้โดยสารที่จะใช้บริการคงจะเป็นนักธุรกิจเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะพวกเขาต้องการไปติดต่อประสานงานด้านธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจนำเที่ยว ที่จะทำให้เอกชนนำเที่ยวหันมาใช้บริการทางเครื่องบินของนกมินิตามมาในอนาคตอีกด้วย
       
       "ช่วงนี้เราคงจะรอดูสถานการณ์โลว์ซีซั่นกันไปก่อน แต่หลังจากนี้ไปจนถึงฤดูหนาวก็คงจะเข้าสู่ไฮด์ซีซัน ซึ่งจะมีความคึกคักมากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะมีการประเมินและพัฒนาแผนการตลาดกันต่อไป หลังจากที่ในปัจจุบันเรามีเครื่องบินจำนวน 4 ลำทำการบินเชื่อมภายในประเทศระหว่าง จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ อ.ปาย และ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จ.น่าน และอีก 2 ลำคือเครื่องขนาด SAAB 340 ที่เป็นเครื่องบินพิสัยไกลในการเดินทางระหว่างประเทศดังกล่าว" นายสันต์ กล่าว
       
       ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา กรรมการผู้อำนวยการบริษัทแม่โขงเดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด กล่าวว่า เชื่อว่าการเปิดเที่ยวบินสายเชียงราย-สิบสองปันนา จะมีความคึกคักและเกิดประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวลุ่มแม่น้ำโขงอย่างมาก จากเดิมที่มีเส้นทางคมนาคมทางน้ำและทางบก เมื่อมีสายการบินให้บริการ ก็ทำให้การเชื่อมโยงสมบูรณ์ขึ้น

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000079549
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2010, 11:19:41 »

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2010, 11:28:47 »

กรุงเทพฯ ทอท.เผยภาพรวมผู้โดยสารหด 7% หลังสถานการณ์ทางการเมือง ระบุบอร์ดมีมาตรการอุ้มผู้ระกอบการสายการบินเต็มที่
 
 

นายเสรีรัตน์  ประสุตานนท์   กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยถึงภาพรวมของจำนวนผู้โดยสารในการบริหารงานของทอท.ทั้ง 6สนามบิน ภายหลังที่เหตุการณ์ทางการเมือง พบว่าจำนวนผู้โดยสารลดลงในเดือนพ.ค.ประมาณ 7 % แต่ในส่วนของสนามบินภูเก็ตและสนามบินดอนเมืองมีตัวเลขที่บวกอยู่ที่ 17-18%  อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ได้มีมติที่จะช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง 
โดยมาตรการช่วยเหลือประกอบด้วย1. ปรับลดค่าธรรมเนียมปรับลดค่าธรรมเนียมในการขึ้น - ลงอากาศยาน ( Landing Fee ) 15% จากเดิมที่ให้ส่วนลด 10%  และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Fee) 50%  จากเดิมที่ให้ส่วนลด 20% สำหรับทุกเที่ยวบิน เป็นระยะเวลา 9 เดือน (เม.ย. – ธ.ค.2553)  2. ปรับลดค่าเช่าพื้นที่และ/หรือค่าธรรมเนียมการใช้บริการในอาคารในอัตรา  10 % ให้แก่ผู้เช่าทุกราย เป็นระยะเวลา 9 เดือน  (เม.ย. – ธ.ค.2553)  3.ปรับลดค่าตอบแทนเฉพาะสัญญาที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการของ ทอท. หรือสัญญาที่มี การลงนามภายในวันที่ 31 มี.ค.2553
4. ขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าธรรมเนียมในการขึ้น - ลงของอากาศยาน ค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน ค่าเช่าพื้นที่ และค่าตอบแทนจากวันครบกำหนดชำระเงินเดิมของเดือนก.ค.- ธ.ค.2553 ออกไปอีก 4 เดือน 5. ขยายอายุสัญญาให้กับผู้ประกอบการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ตามสัญญาอนุญาตทุกรายโดยสัญญา 5 ปีจะได้ขยายออกไปอีก 6 เดือนสัญญาอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ได้ขยายออกไปอีก 2 ปี  6.ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้เข้าดำเนินงานตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 และกรณีอื่น ๆ ที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา ให้ ทอท.พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายหรือสัญญากำหนดด้วย โดยผู้ประกอบการจะต้องยกเว้นค่าบริการให้กับสายการบินหรือผู้ใช้บริการในอัตราที่ไม่น้อยกว่าที่ได้รับความช่วยเหลือจากทอท.     
นอกจากนี้ บอร์ดได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณามาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการท่าอากาศยานภูมิภาคของทอท.ในหลักการเดียวกันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองโดยสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารรวม 9.5% (ในประเทศลด 21% ระหว่างประเทศลดลง 5%) ดอนเมืองผู้โดยสารรวมเพิ่มขึ้น 64% สนามบินเชียงใหม่ ผู้โดยสารรวมรวมลดลง 5.7% (ในประเทศลดลง 7.5% ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 18% ) สนามบินเชียงราย ผู้โดยสารลดลง 9.6% สนามบินหาดใหญ่ ผู้โดยสารลดลง 7.5% สนามบินภูเก็ต ผู้โดยสารรวมเพิ่มขึ้น 18% (ในประเทศลดลง5 % ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 65%) เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ โดยคาดว่าจะทำให้รายได้ของ ทอท.ในปี 2553 ลดลง 2,258 ล้านบาท.03 LogisticNews
 
 
 
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
sinlod
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2010, 08:56:06 »

ฝากด้วยคร๊๊าบ


* ประชาสัมพันธ์สัมมนาFTA2 copy.jpg (239.83 KB, 600x450 - ดู 1933 ครั้ง.)

* ประชาสัมพันธ์สัมมนาACFTA2 copy.jpg (228.36 KB, 600x450 - ดู 1398 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 16 มิถุนายน 2010, 20:49:28 »

ตลาดรถยนต์เชียงรายโต"เก๋งเล็ก"ยอดพุ่ง1,260%



ตลาดรถยนต์เชียงราย 4 เดือนสดใส รถเก๋งเล็กมาแรงยอดขายพุ่งกระฉูด 1,260% ค่ายโปรตอนปั๊มยอดได้เกือบ 70 คัน ลุ้นปัจจัยเสี่ยงสถานการณ์การเมืองปลายปี


นายพลวัต ตันศิริ ประธานชมรมผู้ค้ารถยนต์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายยังมีอนาคตที่สดใส แม้ว่าจะมีวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองมาแล้วหลายครั้ง เพราะตลาดในภูมิภาคก็ยังผูกติดกับรายได้จากการจำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรของ ประชาชนในชนบทเป็นสำคัญ โดยพบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2553 มียอดจดทะเบียนรถเก๋งเพิ่มขึ้นทุกยี่ห้อรวมกว่า 1,824 คัน แยกเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า 824 คัน รถยนต์อีซูซุจากค่ายอีซูซุเชียงราย 130 คัน รถยนต์อีซูซุจากอีซูซุสงวนไทยเชียงราย 157 คัน มาสด้า 112 คัน นิสสัน 63 คัน ฟอร์ด 44 คัน เชฟโรเรต 66 คัน ฮอนด้า 358 คัน

สำหรับภาพรวม ของตลาดรถเก๋งพบว่า ยอดขายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 66.73% เช่น อีซูซุเชียงรายเพิ่มขึ้น 109.68% อีซูซุสงวนไทย 130.88% โตโยต้า 65.79% มาสด้า 261.29% นิสสัน 61.54% ฟอร์ด 214.29%

ที่น่าสนใจคือ รถยนต์เก๋งเล็กยี่ห้อใหม่ ๆ เช่น โปรตอน จำหน่ายได้กว่า 68 คัน ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 มียอดเพิ่มขึ้นกว่า 1,260% เพราะเชียงรายเกิดสังคมเมืองขยายตัวมากขึ้น และผู้ซื้อหันมานิยมรถเก๋งเล็กที่มีสมรรถนะดี ราคาถูกและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการรุกตลาดกันมากขึ้น ส่งผลให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ผู้ซื้อรถบางยี่ห้อต้องจองคิวเพื่อรอรับรถนานมาก

ขณะที่ตลาดรถยนต์ กระบะก็มีความคึกคักไม่แพ้กัน โดยมียอดจดทะเบียนกว่า 1,733 คัน เพิ่มขึ้นถึง 31.69% โดยเป็นรถยนต์จากค่ายอีซูซุเชียงราย 330 คัน อีซูซุสงวนไทยเชียงราย 418 คัน โตโยต้า 774 คัน มาสด้า 61 คัน นิสสัน 75 คัน ฟอร์ด 34 คัน เชฟโรเลต 26 คัน และอื่น ๆ 14 คัน ส่วนในภาพรวมรถทุกชนิดทั้งรถยนต์เก๋ง รถยนต์สี่ประตู รถยนต์กระบะ พบว่ามียอดจำหน่ายรวมกันทั้งหมด 3,584 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 47.43%

นายพลวัตกล่าว ต่อว่า แม้ตลาดรถยนต์ทุกประเภทในเชียงรายจะมีการขยายตัว ตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่ยอมรับว่าช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมที่กรุงเทพฯอย่างรุนแรงได้ทำให้ตลาด ชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อย เพราะทุกคนรอดูท่าที่แต่ก็กินเวลาเพียงไม่กี่วัน จากนั้นทุกอย่างก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการคงต้อง ติดตามสถานการณ์ต่อไปอีกราว 1-2 เดือน เพื่อวางแผนการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งทุกค่ายคงจะเตรียมวางแผนกันไว้อยู่แล้ว เพื่อรับมือได้ทุกสถานการณ์ ทั้งตลาดคึกคัก ตลาดปกติ หรือการคาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตการเมืองถึงจุดขีดสุด ซึ่งหากสถานการณ์ปกติจะทำให้ตลาดรถยนต์จังหวัดเชียงรายขยายตัวเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ 15-20%

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2010, 13:21:20 »

บทความประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย         


ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย

นายวิรุณ  คำภิโล

จังหวัดเชียงรายมีวิสัยทัศน์ว่า  เป็นเมืองทองของวัฒนธรรมล้านนา     นำการค้าสู่สากล ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข  เชียงรายในอนาคตจะเติบโตไปใน 3 มิตินี้  คือ   ความเป็นเมืองทองของวัฒนธรรมมีประวัติศาสตร์อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่    การท่องเที่ยวของเชียงรายจึงได้ทั้งอากาศที่เย็นสบายในสิ่งแวดล้อมที่สวยสดงดงาม      และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ เชียงรายเป็นเมืองศิลปินแหล่งท่องเที่ยวของเชียงรายจึงเจือสมไปด้วยงานศิลปะของศิลปิน    ทั้งอดีตและปัจจุบัน

ในมิติของการนำการค้าสู่สากลนั้น คิดว่าในปี พ.ศ. 2555 ความร่วมทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) คงมีรูปธรรมของการพัฒนาชัดเจน  ถนนคุนหมิง-กรุงเทพฯ สะพานเชียงของ – ห้วยทรายเสร็จแล้ว ซึ่งเชียงรายจะต้องเตรียมตัวรับกับการเจริญเติบโตอย่างฉับพลันนี้ และขนาดเศรษฐกิจจะโตเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่าจากปัจจุบันทั้งด้านพัฒนา และการค้าจากส่วนกลางและต่างประเทศ เช่น  จีน ญี่ปุ่น จะเข้ามาอย่างมหาศาล นี่เป็นเรื่องที่ดีของการค้าเชียงราย แต่หากรับมือไม่ดีแล้วคนเชียงรายจะเสียโอกาสคนส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบในด้านลบของการพัฒนาไป

 

แผนการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของหอการค้า ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวนั้น คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเตรียมคนโดยส่วนใหญ่ของเชียงราย   เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นเราจะต้องรักษา     และพัฒนาการค้าชายแดนทั้ง   3    ด่านให้เป็นแหล่งกระจายสินค้าของประเทศ  ในระยะกลาง    อาจต้องพัฒนาการค้าชายแดนบางส่วนเป็นการค้าสากลในส่วนที่พ่อค้าเราแข่งขันได้ และต้องคำนึงอย่างยิ่งกับความพร้อมของคู่ค้าเราในประเทศเพื่อนบ้านด้วย ควรจะเติบโตไปพร้อม ๆ  กัน  เพื่อรักษาตลาดจากการบุกโจมตีของทุนผูกขาดขนาดใหญ่
 

ในระยะยาวที่ผมอยากเห็นคือ          คนเชียงรายทั้งภาคเกษตรและชุมชนเมืองสามารถต่อยอดจากพื้นฐานการผลิตและอารยธรรมของบรรพบุรุษมาสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย  จากความเจริญที่กำลังจะเกิดเราสามารถผลิตสินค้าในเชิงสร้างสรรค์ออกตลาดได้โดยต่อยอดจากภูมิปัญญาและงาน OTOP  ระดับ 3-5 ดาว

จังหวัดเชียงรายกับประเทศในกลุ่มสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจทั้งลาว พม่า และจีน ยูนนานนั้น ความสัมพันธ์กันมายาวนานมีความใกล้ชิดกันทั้งเชื้อชาติและวัฒนธรรม อนาคต          เราจะต้องเร่งสร้างความร่วมมือด้านพลังงาน การเกษตร สิ่งแวดล้อม และการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์  เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาชนทั้งโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาองค์ความรู้   จะต้องรีบทำอย่างเร่งด่วนการเชื่อมโยงอินเดีย  บังคลาเทศ ศรีลังกา ภายใต้กรอบความร่วมมือ  BIMSTEC ก็ต้องทำเป็นคู่ขนานไปด้วย เพราะอินเดีย   บังคลาเทศ  ถือเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจของพืชเกษตรเชียงราย เช่นกัน
 
http://www.chiangraichamber.com/index.php?option=com_content&view=article&id=57
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2010, 06:30:15 »

เอารูปความคืบหน้าการก่อสร้างท่าเรือแห่งที่ 2 มาฝากครับ ถ่ายจากบนดอยครับซูมได้แค่นี้ครับ


* DSC_0030.jpg (134.02 KB, 700x469 - ดู 2279 ครั้ง.)

* DSC_0033.jpg (60.04 KB, 700x469 - ดู 2172 ครั้ง.)

* DSC_0034.jpg (109.55 KB, 700x469 - ดู 2153 ครั้ง.)

* DSC_0037.jpg (113.96 KB, 700x469 - ดู 2161 ครั้ง.)

* DSC_0038.jpg (69.86 KB, 700x469 - ดู 1152 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 มิถุนายน 2010, 06:33:54 โดย ap.41 » IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2010, 23:58:43 »

 ยิงฟันยิ้ม

ขอบคุณมาก ครับท่าน
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2010, 22:15:59 »

เชียงรายผลักดันผ้าพื้นเมืองกระตุ้นเศรษฐกิจ
23 มิย. 2553 14:56 น.


นายมงคล สิทธิหล่อ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงรายได้จัดโครงการเทศกาลศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ระดับจังหวัด “ วิจิตราภรณ์แห่งเชียงราย ” เพื่อหาแนวทงในการดำเนินงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้านผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นเมืองเชียงรายของบุคลากร และเครือข่ายทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดให้เกิดเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้แก่เครือข่ายผู้ผลิตสินค้าทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะผ้าพื้นเมืองและเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวของประชาชนและเผยแพร่ศิลปะการแสดงทั้งนาฏศิลป์ ดนตรี และการละเล่นพื้นเมืองอันเป็นทุนมี่มีคุณค่าของวัฒนธรรมไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

เบื้องต้นก็จะได้มีการจัดเวทีตามสถานที่ต่างๆ โดยจะมีศิลปินชื่อดัง อาทิ ดร.ถวัลย์ ดัชนี , อ.เฉลิมชัย ฆิตพิพัฒน์ มาร่วมเสวนาเรื่องวิจิตรราภรณ์แห่งเชียงราย พร้อมทั้งจะได้มีการจัดการแสดงตามวัฒนธรรม ประเพณี ในแต่ละพื้นที่ต่างๆ โดยจะได้มีการแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์จากผ้าพื้นเมืองเชียงราย การแสดงแฟชั่นโชว์ หรือแฟชั่นชาวไทยภูเขา รวมถึงการแสดงของชาวล้านนาและชาวไทยภูเขาด้วยผ้าพื้นเมืองแบบต่างๆ

ผ้าพื้นเมืองเป็นผ้าที่มีความสวยงานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งประชาชนในปัจจุบันอาจไม่สามารถหาดูได้ ดังนั้นจึงร่วมกันให้ประชาชนสวมเสื้อผ้าล้านนา ด้วยผ้าพื้นเมือง เพื่อความสวยงามและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อไป


http://breakingnews.nationchannel.co...?newsid=454750
__________________
- skyscrapercity (Scc) เว็บแห่งการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารด้านการพัฒนา
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #75 เมื่อ: วันที่ 23 มิถุนายน 2010, 22:16:41 »

เข้มโชวห่วยเชียงราย-พะเยารับศึกโมเดิร์นเทรด ชี้ค้าปลีกเมืองพ่อขุนยังโตได้อีก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2553 15:38 น.


เชียงราย – พาณิชย์ฯเปิดห้องติวเข้มโชวห่วยเชียงราย-พะเยา เร่งปรับตัวรับมือศึกโมเดิร์นเทรด เตือนแม้ค้าปลีกเมืองพ่อขุนฯยังโตได้อีกมาก หลังโครงข่ายคมนาคมเพื่อนบ้านเสร็จ-รายได้ต่อหัวคนเชียงรายพุ่ง แต่ต้องพัฒนา ก่อนถูกทุนใหญ่ฮุบ

วันนี้ (23 มิ.ย.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดการสัมมนาเรื่อง "รวมพลังโชวห่วยสู้วิกฤติ" ขึ้น ณ ห้องประชุมจำปาลาว โรงแรมโพธิ์ดล รีสอร์ทแอนด์สปา อ.เมืองเชียงราย โดยมีนายสุรชัย ลิ้นทอง รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานเปิด มีนักธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในพื้นที่ จ.เชียงราย-พะเยา เข้าร่วมกว่า 130 ราย และมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นวิทยากร

นายสุรชัยกล่าวว่า เศรษฐกิจเชียงรายส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับภาคการค้าปลีกค้าส่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญดังจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายจังหวัด หรือจีดีพีของจังหวัด จะมีกลุ่มค้าปลีกค้าส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ตัวเลขขึ้นหรือลง แต่ปัจจุบันห้างสรรพสินค้าทันสมัยหรือประเภทโมเดิร์นเทรดเข้าไปมารุกตลาดในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าเขาได้เปรียบเพราะมีความพร้อมเหนือกว่ามาก นักธุรกิจค้าปลีกค้าส่งท้องถิ่น จะเป็นต้องพัฒนาและปรับตัวสู้ในโลกการค้าในอนาคตได้ต่อไป

นายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าไทยจะประสบปัญหาทั้งวิกฤติอย่างหนัก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลก-การเมืองภายใน แต่สภาพเศรษฐกิจของเราก็ยังเดินหน้าต่อไปได้และยังมีอัตราขยายตัวมากขึ้นอีกด้วย สิ่งที่จะได้รับผลกระทบไปบ้างคือภาคการท่องเที่ยวแต่ด้านอื่นๆ ไม่เสียหายมากอย่างที่เคยคาดการณ์กันเอาไว้ สำหรับ จ.เชียงราย พบว่า มีจีดีพี ขยายตัวที่ 6.878 และมีรายได้ประชากรต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็นรายละ 50,000 กว่าบาทต่อปีแล้ว

นายวิรุณกล่าวอีกว่า เมื่อมองจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจังหวัดพบว่าเศรษฐกิจเชียงรายเป็นภาคการเกษตรอยู่ 32.15% ขยายตัวเพิ่ม 9.87% ภาคการค้าปลีกค้าส่ง 16.79% ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2% ที่เหลือเป็นภาคการท่องเที่ยว การค้าชายแดนซึ่งไม่ได้ลดลงจากกระแสแม่น้ำโขงที่แห้งแต่กลับเพิ่มมากขึ้นเพราะไปทำการค้าทางถนนผ่าน อ.เชียงของ มากขึ้นด้วย

เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วจะเห็นว่า แค่ภาคการเกษตรและการค้าปลีกค้าส่งก็มีอัตราเกือบ 50% ของโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งจังหวัดไปแล้ว ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการทำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในพื้นที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องและผู้ประกอบการเดินมาถูกทิศทางแล้ว และยังมีอนาคตที่จะขยายตัวไปได้อีกมาก

การเติบโตของภาคค้าปลีกไม่ได้มีเฉพาะโชวห่วยท้องถิ่น แต่ยังมีกลุ่มทุนใหญ่ที่มีเครือข่ายจากต่างประเทศรุกเข้ามาทั้งเทสโก้โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี ฯลฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมากเพราะพวกเขามีความพร้อมด้านต่างๆ มากกว่า อย่างไรก็ตามถ้าโชวห่วย สามารถร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ได้ก็จะทำให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น

“โชวห่วยต้องปรับตัวไม่เช่นนั้นจะลำบากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะเชียงรายจะเปลี่ยนแปลงไปอีกมาก”

นายวิรุณบอกว่า การเปลี่ยนแปลงต้องอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยจะทำการค้าแบบเก่าๆ อีกไม่ได้ ต้องบริหารจัดการที่ดี ต้องสร้างเอกลักษณ์เฉพาะโดยอยู่บนพื้นฐานที่มีอยู่เพื่อหาจุดขาย ต้องยั่งยืนโดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ต้องมีความพอเพียงโดยเฉพาะมีการประเมินการลงทุนและมีภูมิคุ้มกันที่ดี และสุดท้ายมีเครือข่ายที่ช่วยเหลือได้ดี

เมื่อผู้ประกอบการสามารถพยุงธุรกิจให้ก้าวไปสู่โลกยุคใหม่ได้ และมีการพัฒนาด้านต่างๆ เข้ามาประกอบ เช่น สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เชื่อมเชียงของ-ห้วยทราย สปป.ลาว เชื่อมกับถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ก็จะทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรเชียงรายและพะเยาเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 60,000-70,000 บาทได้เช่นกัน หรืออีกหลายปีอาจจะถึงหลักแสนบาท
แต่ก็ถือเป็นโจทย์สำคัญว่า เราจะทำอย่างไรให้รายได้นี้กระจายไปถึงประชาชนในทุกระดับ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่เฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เท่านั้น



http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000086498
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #76 เมื่อ: วันที่ 25 มิถุนายน 2010, 09:47:35 »

ติวเข้มทุนท้องถิ่นเชียงราย-เตรียมรับมือการค้าใต้ FTA
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2553 15:25 น.
 
 
 

 
  เชียงราย – กรมการค้าต่างประเทศ เปิดห้องติวเข้มธุรกิจท้องถิ่นชายแดนเชียงราย เร่งเตรียมพร้อมรับมือตลาดเอฟทีเอ
       
       วันนี้ (24 มิ.ย.) กรมการค้าต่างประเทศ จัดการสัมมนา “เอฟทีเอ : โอกาสของสินค้าไทยในอาเซียน อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์” ณ ห้องประชุมดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท จ.เชียงราย โดยมี น.ส.จันทร์เพ็ญ วีรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสินค้าข้อตกลง กรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิดและมีนักธุรกิจที่สนใจเข้าร่วมรับฟังนับ 100 คน
       
       น.ส.จันทร์เพ็ญ กล่าวว่า เชียงราย เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีภูมิศาสตร์สำคัญทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ โดยเฉพาะมีศักยภาพในการเชื่อมโยงไปถึงประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ทั้งพม่า ส.ป.ป.ลาว ไปจนถึงจีนตอนใต้ ทั้งทางบก ทางเรือในแม่น้ำโขงและทางอากาศ ที่ผ่านมา ก็มีการค้าชายแดนมูลค่าสูง จึงเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะได้มีส่วนร่วมตามข้อตกลงเขตการค้เสรีอาเซียนหรืออาฟต้า ที่กำหนดให้การเริ่มลดภาษีเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา เพื่อให้ก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศอย่างเต็มตัวในปี 2558 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า
       
       ประชาคมอาเซียนเป็นฐานการผลิตและตลาดเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นในอนาคตจึงจะมีความสามารถในการแข่งขันและบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลกได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนประเทศไทยถือว่าจะได้เปรียบที่สุด เพราะเรามีสินค้าและทรัพยากรที่พร้อมในการค้าหลายๆ ด้าน เช่น อาหาร รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การท่องเที่ยว ฯลฯ
       
       นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงทางการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย หรือ AIFTA โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมาเช่นกัน ครอบคลุมสินค้ากว่า 4,700 รายการ
       
       น.ส.จันทร์เพ็ญ กล่าวต่อว่า อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรพันกว่าล้านคน ขณะที่ไทยกับอินเดียมีมูลค่าการค้าระหว่างกันในปี 2552 กว่า 4,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เฉพาะไตรมาสแรกของปี 2553 พบวา มีมูลค่าการค้าระหว่างกันไปแล้วกว่า 937 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าสำคัญที่ได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างกัน คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ตกแต่งบ้าน อัญมณี เครื่องประดับ ด้าย เส้นใยสังเคราะห์ ฯลฯ
       
       เฉพาะ เชียงราย พบว่า มีภูมิประเทศที่มีความเป็นไปได้ว่า จะเชื่อมโยงกับประเทศอินเดียได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีเส้นทางคมนาคมที่จะเชื่อมถึงกันได้โดยสะดวก เหมือนกับที่เชื่อมไปยังพม่า ส.ป.ป.ลาว และหยุนหนัน จีนตอนใต้ แต่ก็เริ่มพบสินค้าอินเดียตามตลาดชายแดนบ้างแล้ว เช่น โค ฯลฯ
       
       ดังนั้น ในอนาคตเมื่อมีเส้นทางคมนาคมสะดวกขึ้นผลจากข้อตกลงอาเซียน-อินเดีย จะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนด้าน จ.เชียงราย คึกคักขึ้นอีกแน่นอน
       
       ด้านการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ก็ถือว่ามีความสำคัญ เพราะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการค้าสินค้าประเภทสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า กระเป๋าหนัง ชิ้นส่วนรถยนต์ เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ฯลฯ ทั้งทำให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการนำเข้าวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำจาก 12 ประเทศคืออาเซียนบวก ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ด้วยอัตราภาษีเป็น 0% ได้อีกด้วย
       
       การค้าเสรีก็มีสินค้าบางกลุ่มได้รับผลกระทบ ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงได้ตั้งโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของผู้จะได้รับผลกระทบเรียกว่ากองทุนเอฟทีเอ โดยกรมการค้าต่างประเทศรับผิดชอบดูแลระหว่างปี 2550-2553 มีโครงการที่ได้รับอนุมัติช่วยเหลือแล้วจำนวน 24 โครงการวงเงิน 182 ล้านบาท เช่น ปลาป่น เครื่องหนัง ส้ม โคเนื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯและขณะนี้ยังมีงบประมาณที่พร้อมให้การช่วยเหลืออยู่อีก 31 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ยื่นขอความช่วยเหลือเป็นสินค้าข้าว หนังดิบ ปลาน้ำจืด กระเทียม ฯลฯ
       
       สำหรับการค้าชายแดนด้าน จ.เชียงราย กับพม่า ส.ป.ป.ลาว และจีนตอนใต้ ผ่านจุดผ่านแดนถาวร 3 จุด คือ แม่สาย เชียงแสน และเชียงของ ตลอดปี 2552 มีมูลค่ารวม 14,400.21 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 2,603.15 ล้านบาท ส่งออก 11,797.06 ล้านบาท ส่วนปี 2553 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.มีมูลค่าการค้ารวม 5,023.65 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้า 701.47 ล้านบาท และส่งออก 4,322.18 ล้านบาท และกรณีการค้าเสรีไทย-จีน หรือเอฟทีเอไทย-จีน มีมูลค่าการค้ารวม 8,102,184 ล้านบาท แยกเป็นการนำเข้ามูลค่า 5,588,978.00 และส่งออก 2 ,513,206.00 ล้านบาท
 
 
 
 http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000087116

////////////////////////////////////////////////////////////////


หลังๆนี้เชียงรายมีการประชุมเรื่องเศรษฐกิจเยอะมากทั้งจากภาครัฐ เอกชน หอการค้า หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง..

นับเป็นโอกาสอันดีที่จะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ทันต่อทุนจากส่วนต่างๆ และคนท้องถิ่นจะได้ประโยชน์มากที่สุด
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #77 เมื่อ: วันที่ 05 กรกฎาคม 2010, 11:50:20 »

อ.แม่สายเปิดศูนย์ออกหนังสือผ่านแดนถาวร
   
 5 กค. 2553 09:48 น.


นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดที่ทำการ สำนักงานออกหนังสือผ่านแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีนายวิศิษฐ์ สิทธิสมบัติ นายอำเภอแม่สาย นายสุภักดิ์ เศวตวิษสุวัต ปลัดอาวุโส พร้อมข้าราชการหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ

ภายหลังเสร็จพิธีเปิด นายสุเมธ ได้เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ออกหนังสือผ่านแดนพร้อมกับทดลองขอทำหนังสือผ่านแดนด้วยตัวเองซึ่งใช้เวลาประมาณ 25 วินาทีก็เสร็จ และกล่าวว่าการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการประชาชนในการออกหนังสือผ่านแดนผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ (Electronic Border Pass ) เช่นถือบัตรประชาชนมายื่น หรือบอกหมายเลขบัตรประจำตัว 13 หลัก ปรากฏว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที ก็ออกหนังสือผ่านแดนได้ ซึ่งจะสร้างความประทับใจห้กับนักท่องเที่ยว เป็นการลดปัญหาความล่าช้า แออัด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเทศกาล จากความสะดวกรวดเร็ว

อ.แม่สาย ปกติจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามท่องเที่ยวและขอทำหนังสือผ่านแดนประมาณ 2,800 คนต่อวัน วันหยุดยาวไม่เกิน 5,000 คนต่อวัน แต่หากเป็นเทศกาลต่างๆ นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นประมาณเกือบ 20,000 คนต่อวัน จากเดิมที่อดีตอำเภอแม่สายเปิดจุดบริการออกหนังสือผ่านแดนไว้ 3 จุดรวมถึงบริเวณใกล้สะพานพรมแดน แห่งที่ 1

ปรากฏว่าเกิดปัญหาอุปสรรคหลายอย่าง ทางกรมการปกครอง ให้พิจารณาดำเนินการปรับเรื่องสถานที่บริการจึงกำหนดหอประชุมพรหมหาราช เป็นจุดศูนย์รวมที่เดียว ปัจจุบันได้จัดบุคลากรผู้ปฏิบัติงานให้บริการ ภายในอาคารฯเป็น 2 จุดฯละ 10 ช่อง สามารถบริการและอำนวยความสะดวกให้ผู้มาใช้บริการได้อย่างทันใจ 
 
 
 
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #78 เมื่อ: วันที่ 05 กรกฎาคม 2010, 19:35:42 »

เชียงรายตั้งศูนย์วัฒนธรรมล้านนาและชาติพันธุ์ 
 5 กค. 2553 12:27 น.


นางรัตนา จงสุทธนามณี นายกอบจ.เชียงราย กล่าวว่า อบจ.เชียงราย ได้ดำเนินการตามโครงการข่วงวัฒนธรรม ภูมิปัญญาล้านนา สล่าเชียงราย ซึ่งจัดภายในงานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งามเป็นประจำทุกปี โดย อบจ.เชียงราย ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสนับสนุนอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา จารีตประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ด้วยการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมล้านนาและชาติพันธุ์ เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ ค้นคว้าด้านศิลปวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ในรูปแบบการนำเสนอและจัดแสดงโดยจำลอง สาธิตเครื่องมือ เครื่องใช้ตามวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของล้านนา และชนเผ่าชาติพันธุ์ จำนวน 12 ชนเผ่าชาติพันธุ์ 
 
 
 
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #79 เมื่อ: วันที่ 12 กรกฎาคม 2010, 00:50:32 »

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 18:45:15 น.  มติชนออนไลน์


กรมศิลป์สั่งเฝ้าระวังโบราณสถานภาคเหนือ เกรงผลกระทบแผ่นดินไหวในพม่า



นายสหวัฒน์ แน่นหนา รองอธิบดีกรมศิลปากร ให้สัมภาษณ์กรณีเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.5 ริคเตอร์ในประเทศพม่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยความสั่นสะเทือนรู้สึกได้ในเขตพื้นที่ อ.เมือง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบโบราณสถานสำคัญที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวใน จ.เชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีโบราณสถานสำคัญๆ อาทิ พระธาตุจอมกิติ จ.เชียงราย พระธาตุดอยดุง จ.เชียงราย และพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเมื่อปี 2550 ได้เกิดแผ่นดินไหวในเขตพื้นที่ จ.เชียงราย วัดความรุนแรงได้ 5.7-6.1 ริคเตอร์ โดยศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนั้นอยู่ที่ชายแดนไทย-พม่า-ลาว ส่งผลให้ยอดฉัตรของพระธาตุจอมกิตติ ซึ่งเป็นพระธาตุเก่าแก่อายุมากว่า 100 ปี อยู่ในสมัยโยนก ได้หักหล่นลงมา

"อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.5 ริคเตอร์ในประเทศพม่าดังกล่าว ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ยังไม่พบโบราณสถานสำคัญได้รับผลกระทบความเสียหายแต่อย่างใด" นายสหวัฒน์กล่าว และว่า ที่ผ่านมากรมศิลปากรได้ร่วมกับกรมทรัพยากรธรณีสำรวจตรวจสอบความมั่นคงของโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในรัศมีรอยเลื่อนและที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นโบราณสถานที่อยู่ห่างรอยเลื่อนเปลือกโลก รัศมี 5 กิโลเมตร จำนวน 44 แห่ง รัศมี 10 กิโลเมตร จำนวน 75 แห่ง และในรัศมี 20 กิโลเมตร จำนวน 178 แห่ง โดยโบราณสถานที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวมีรวมประมาณ 297 แห่ง อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนและยังไม่ขึ้นทะเบียนมีจำนวนมาก ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหาคงต้องใช้อาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรม (อส.มศ.) ช่วยเฝ้าระวัง และตรวจสอบโบราณสถาน หากพบเห็นโบราณสถานใดมีรอยร้าวจะได้เร่งบูรณะทันที โดยเฉพาะโบราณสถานในภาคเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ทั้งนี้ สำหรับโบราณสถานสำคัญที่เสี่ยงต่อภัยแผ่นดินในภาคเหนือนั้น ขณะนี้ทางกรมศิลปากรกำลังเร่งบูรณะซ่อมแซมอยู่ อาทิ พระธาตุดอยสุเทพ ส่วนพระธาตุจอมกิติได้บูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1278852388
 
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 ... 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!