เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 เมษายน 2024, 01:18:08
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 [37] พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 439925 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #720 เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2019, 13:42:06 »

รฟท.ถก'ไฮสปีด'23ก.ย. ปมใหม่ส่งมอบพื้นที่ซีพี
Source - กรุงเทพธุรกิจ
Saturday, September 21, 2019 02:26
          กรุงเทพธุรกิจ  การรถไฟฯ ถกด่วน 23 ก.ย. หลัง "ซีพี" ยื่นปรับแผน "ส่งมอบพื้นที่" ก่อนลงนาม ไฮสปีด 3 สนามบินภายใน 3 สัปดาห์ ด้านครม.เศรษฐกิจ อนุมัติชงรถไฟสายสีส้มตะวันตก 1.2 แสนล้านบาท เข้าครม. ชุดใหญ่อีก 2 สัปดาห์ เร่งเคาะอีก 13 โครงการ 5.5 แสนล้านบาท หวังเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ
          นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) กล่าวว่า วานนี้ (20 ก.ย.) กิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มซีพี) ส่งหนังสือ ตอบกลับเอกสารแนบท้ายสัญญาเรื่องการส่งมอบพื้นที่พร้อมกำหนดวันลงนามสัญญา หากคณะกรรมการ คัดเลือกฯ เห็นชอบตามหนังสือตอบกลับของซีพี ก็พร้อมลงนามหลังจากนั้นภายใน 3 สัปดาห์
          "ต้องใช้เวลาตรวจสอบเอกสารของกลุ่มซีพี เพื่อเสนอคณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาสัปดาห์หน้า เบื้องต้นอาจประชุมวันที่ 23 ก.ย.นี้"
          ทั้งนี้การตรวจเอกสารที่กลุ่มซีพีเสนอมาจะดูข้อมูลที่อาจเปลี่ยนแปลงจากเอกสารฉบับเดิมที่ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ส่งไป โดยหากไม่เปลี่ยนแปลงในประเด็นสำคัญและหากคณะกรรมการคัดเลือกฯ เห็นชอบรายละเอียดที่กลุ่มซีพีเสนอก็จะนัดวัน ลงนามได้ทันที โดยไม่ต้องนัดประชุมร่วมกันอีกเพราะนัดวันลงนามผ่านโทรศัพท์ได้
          รวมทั้ง หากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่เห็นด้วยกับเอกสารของกลุ่มซีพี จะพิจารณาว่าให้ดำเนินการอย่างไรต่อ แต่หากเห็นชอบก็นัดวันลงนามและจะรายงานให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมทั้งรายงานสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อให้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ
          เคาะสายสีส้มตะวันตก 1.2 แสนล้าน  จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องถึงปี 2563 ทำให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเร่งรัดการลงทุนภาคเอกชน และล่าสุดกำลังเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อให้มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
          นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบเสนอรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อเปิดบริการภายในปี 2569 ตามกำหนด
          ทั้งนี้เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกเปิดบริการแล้วจะทำให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเป็น 5 แสนคน ต่อวัน เพราะให้บริการครบตลอดเส้นทาง
          "โครงการนี้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) ตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา โดยในวันนี้ได้หารือการก่อหนี้ผูกพันตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินและการคลัง ซึ่ง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณชี้แจงว่าบรรจุไว้ในโครงการลงทุนปี 2563 ได้ และนายกรัฐมนตรีเร่งให้เสนอ ครม."
          13โครงการจ่อเข้า ครม.
          นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจรับทราบความคืบหน้าโครงการเมกะโปรเจคด้านคมนาคม 44 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1.94 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่จะเสนอ ครม.ในระยะต่อไป 13 โครงการ วงเงิน 551,170 ล้านบาท ได้แก่ 1.ระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และ ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก ระยะทาง 25.19 กิโลเมตร
          2.ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว 3.การจัดหาเครื่องบิน ระหว่างปี 2562-2569 รวม 38 ลำ ของการบินไทย 4.การพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะสาม 5.การพัฒนา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่หนึ่ง 6.ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการบินและอวกาศอู่ตะเภา ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และโครงการที่ 7-13 รถไฟทางคู่ ระยะที่สอง 7 สายทาง ระยะทางรวม 1,483 กิโลเมตร
          เร่งเคลียร์โปรเจคติดปัญหา
          สำหรับโครงการที่ ครม.อนุมัติแล้วและกำลังก่อสร้าง 17 โครงการ วงเงินรวม 7.82 แสนล้านบาท เช่น มอเตอร์เวย์พัทยามาบตาพุด เปิดเดือน ธ.ค.2563 มอเตอร์เวย์บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา เปิดบริการ ปี 2565 และมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี มีความคืบหน้า 22% ช้ากว่าแผน 2 ปี เพราะมีปัญหาค่ากรรมสิทธิ์ที่ดินสูงขึ้นต้องขอเพิ่มวงเงินจาก ครม.
          ส่วนโครงการที่มีปัญหา คือ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายคลังขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งเสนอ ครม.อนุมัติส่วนบริหารจัดการโครงการแบบพีพีพีไม่ได้ เพราะรอพิจารณาค่าตอบแทนการใช้ที่ดิน สปก.
          โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 7 สายทาง ระยะทางรวม 993 กิโลเมตร ปัจจุบันมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จได้แก่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ส่วนอีก 6 โครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯนครราชสีมา แบ่งงานโยธาออกเป็น 14 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 สัญญา และเตรียมก่อสร้างอีก 12 สัญญา
          เร่งโครงการ ครม.อนุมัติแล้ว
          กลุ่มโครงการที่ ครม.อนุมัติแล้ว และกำลังเตรียมดำเนินการมี 12 โครงการ วงเงินรวม 412,739 ล้านบาท พบว่ามี 6 โครงการต้องแก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงาน ต่างๆ หรือดำเนินการเพิ่มเพื่อให้เดินหน้า เช่น โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง (ช่วงวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯด้าน ตะวันตก) ซึ่งใช้เงินกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF ) และได้ผู้ชนะประกวดราคาแล้ว 4 สัญญา แต่ยังลงนามสัญญาเพราะมีปัญหาข้อร้องเรียนของผู้เสนอราคา
          โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ อยู่ระหว่างออก พระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินและเตรียมประกวดราคา โครงการก่อสร้างเส้นทางสายใหม่ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ อยู่ระหว่างขอจัดสรรงบประมาณปี 2563 เพื่อจ้างที่ปรึกษาจัดการประกวดราคาและเวนคืนที่ดิน
          โครงการก่อสร้างเส้นทางสายใหม่ช่วงบางไผ่-มุกดาหาร-นครพนม อยู่ระหว่างขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2563 เพื่อจ้างที่ปรึกษาจัดการประกวดราคาและเวนคืนที่ดิน โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม อยู่ระหว่างจัดหาที่ดินก่อสร้าง ส่วนการบริหารจัดการโครงการ คาดว่าจะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนต้นปี 2563
          ชี้บาทแข็งเหมาะสมเร่งลงทุน
          กลุ่มสุดท้ายคือโครงการที่คณะกรรมการพีพีพีเห็นชอบและเสนอให้สำนักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณา เตรียมเสนอ ครม.มี 2 โครงการ วงเงิน 201,073 ล้านบาท ได้แก่ 1.รถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์มีนบุรี-สุวินทวงศ์ อยู่ระหว่างเสนอ ครม.อนุมัติงานโยธา และปรับรูปแบบการเดินรถตลอดสาย 2.มอร์เตอร์เวย์สายนครปฐมชะอำ กำลังออกกฎกระทรวงที่พักริมทาง ซึ่งได้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ข้อกฎหมายและจะเสนอให้ ครม.พิจารณา
          "โครงการเหล่านี้ควรลงทุนนานแล้ว โดยการเร่งรัดโครงการใหญ่เพราะต้องการให้มีการลงทุน จ้างงาน และใช้โอกาสช่วงเงินบาทแข็งค่าเร่งรัดการลงทุน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี โดยเฉพาะการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศ จะมีต้นทุนลดลง"
          รวมทั้งเป็นการรับมือกับเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวอีกระยะหนึ่ง ซึ่งโครงการลงทุนขนาดใหญ่จะช่วยลดผลกระทบ จากเศรษฐกิจภายนอกได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับปี 2551 ซึ่งรัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยไม่มีโครงการคมนาคมขนาดใหญ่เตรียมไว้ แต่ขณะนี้มีแผนรองรับแล้วเป็นเวลาที่เหมาะสมจะเร่งรัดการลงทุน

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #721 เมื่อ: วันที่ 06 ตุลาคม 2019, 16:32:19 »

เชียงรายซ่อมถนนปรับภูมิทัศน์ถ้ำหลวงรับไฮซีชั่น-เปิดป้ายอุทยานฯ10ต.ค.นี้
Source - เว็บไซต์แนวหน้า

          เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน(เตรียมการ) ตำบลโป่งผาอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้มีการเร่งพัฒนาพื้นที่ถ้ำหลวง เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีชั่นที่จะถึงนี้ โดยถนนทางเข้าระยะทางประมาณ 550 เมตร ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทเชียงรายแลนด์จำกัด นำเครื่องจักนเข้าปรับปรุงถนนให้เป็นถนนที่ดีขึ้น
          ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้อุดหนุนงบประมาณร่วม 4 แสนบาท จัดทำป้ายอุทยานใหม่ขึ้น โดยมีการจัดทำเป็นผาหินจำลองรูปเทือกเขาดอยนางนอนเพื่อเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็ได้อุดหนุนงบประมาณอีกกว่า 6 แสนบาท เข้าดำเนินการปรับภูมิทัศน์บอกเล่าเรื่องราวของการเจาะน้ำบาดาลเพื่อช่วยเหลือเยาวชน 13 ชีวิต ทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย บริเวณลานหินหน้าปากถ้ำหลวง
          ทั้งนี้ทางด้านนายกวี ประสมพล หัวหน้าอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ก็ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการปรับภูมิทัศน์โดยรอบเขตพื้นที่อุทยานถ้ำหลวงและดำเนินการปรับสภาพพื้นที่บริเวณถ้ำหลวง เพื่อเตรียมการในการจัดทำถนนทางเข้าถ้ำหลวง เพื่อที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมถึงบริเวณปากถ้ำบริเวณโถงที่ 1 ซึ่งได้มีการเสนอแผนและของบประมาณไปยังกรมอุทยานฯ ซึ่งให้ดำเนินการได้คาดว่าจะเปิดให้ชมได้ภายในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนหรือเดือนธันวาคม ปลายปีนี้ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของจ.เชียงราย ซึ่งในวันที่ 10 ตุลาทคม 2562 ที่จะถึงนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีกำหนดที่จะเดินทางมาเปิดป้ายอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนอย่างเป็นทางการ
          นายกวี กล่าวว่า ภายหลังเหตุการณ์เยาวชน 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย ติดถ้ำหลวงระหว่าง 23 มิถุนายน -10 กรกฎาคม 2561 ทำให้ถ้ำหลวงมีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนจนถึงเดือนกันยายนมีสถิตินักท่องเที่ยวกมากว่า 1.5 ล้านคน โดยช่วงนี้วันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวกว่า 2,000 คน และวันปกติมีนักท่องเที่ยวพันกว่าคน แต่หากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึงนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากกว่านี้หลายเท่าตัว โดยส่วนใหญ่จะมีชมถ้ำหลวง กราบไหว้เจ้าแม่นางนอนและเยี่ยมพิพิธภัณฑ์รูปภาพเดอะฮีโร่ อนุสาวรีย์จ่าแซม ส่วนการชมปากถ้ำหลวงกำลังอยู่ระหว่างเสนอกรมอุทยานฯเพื่อดำเนินการส่วนจะเปิดให้ชมได้เมื่อใดต้องรอการอนุมัติจากกรมฯ อีกครั้งหนึ่ง
          ทางด้านนายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย กล่าวว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนทางอธิบดีกรมอุทยานฯได้เดินทางมาตรวจพื้นที่ถ้ำหลวง ได้ให้นโยบายว่านักท่องเที่ยวอยากเข้าชมถ้ำหลวง แต่ช่วงนั้นมีฝนตกและอยู่ระหว่างปิดปากถ้ำอยู่ หากจัดระบบการท่องเที่ยวห้ดีนักท่องเที่ยวสามารถมาเข้าชมถึงปากถ้ำได้ ซึ่งทางสำนักฯ และทางอุทยานฯกำลังดำเนินการ หากไม่มีฝนตกคงไม่มีอันตรายใดๆ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปเดินในถ้ำได้
          "ในช่วงการกู้ภัยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็มีบทบาทสำคัญในการกู้ภัยช่วยเหลือ เจาะน้ำบาดาลถึง 3 บ่อหน้าปากถ้ำ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวและสนับสนุนการท่องเที่ยว จึงนำเงินกองทุนน้ำบาดาลมาปรับภูมิทัศน์ด้านหน้าปากถ้ำหลวงเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย" นายกมลไชย กล่าว

ที่มา: www.naewna.com
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #722 เมื่อ: วันที่ 06 ตุลาคม 2019, 16:32:59 »

21ปี มฟล.มุ่งสู่ศูนย์กลางการแพทย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง
Source - เว็บไซต์เดลินิวส์
Sunday, October 06, 2019 15:00
          'จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ปี 2020  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง หรือ มฟล.ติดอันดับอยู่ในช่วงที่ 601-800 และเป็นปีแรกที่ มฟล.ติดอันดับ อีกทั้งยังมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยคู่กับมหาวิทยาลัยมหิดลด้วย
          "จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกปี2020มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงหรือมฟล.ติดอันดับอยู่ในช่วงที่601-800 และเป็นปีแรกที่มฟล.ติดอันดับ อีกทั้งยังมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยคู่กับมหาวิทยาลัยมหิดลด้วย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจและดีใจมากของชาวมฟล.ทั้งหมดนี้มาจากการสะสมประสบการณ์มายาวนานจนแตกดอกออกผลเหมือนคนอายุ21ปีคือเติบโตเต็มวัยพอดีแสดงว่ามฟล.มีความเข้มแข็งทางวิชาการและในทศวรรษที่3ของมฟล.มุ่งจะเป็นผู้นำการศึกษาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและมหาวิทยาลัยในระดับโลก”นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานของมฟล.ในช่วงที่ผ่านมาที่รศ.ดร.ชยาพรวัฒนศิริอธิการบดีมฟล.ได้รายงานให้ประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายได้รับทราบในโอกาสครบรอบ21ปีของการสถาปนามฟล.ไปเมื่อเร็วๆนี้
          นอกจากนี้ อธิการบดีมฟล.ยังให้คำมั่นสัญญาที่จะมุ่งมั่นและนำพา มฟล.ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงพร้อมประกาศชัดเจนว่าจะขับเคลื่อน“ศูนย์การแพทย์มฟล.สู่ศูนย์กลางการแพทย์แห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง“หรือMedical Education HubและMedical Service Hub โดยมุ่งหวังให้บริการคนไทยและนานาชาติ โดยเฉพาะชาวลุ่มแม่น้ำโขงทั้งไทยเมียนมาลาวเวียดนาม กัมพูชาจีนต่อไปโดยรศ.ดร.ชยาพรบอกว่าการพัฒนาศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการซึ่งอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตที่จะต้องขับเคลื่อนให้ถึงสมรรถนะในบริการการดูแลสุขภาพและสาธารณสุขของระดับประเทศไทยครบทุกด้านซึ่งต้องใช้สรรพกำลังและทรัพยากรจำนวนมากสิ่งนี้เป็นแนวทางสำคัญมุ่งหน้าของมฟล.ต่อไป
          จากเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนศูนย์การแพทย์มฟล.สู่ศูนย์กลางการแพทย์แห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงนั้นเรื่องนี้รศ.ดร.วันชัยศิริชนะอธิการบดีผู้ก่อตั้งมฟล. ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการศูนย์การแพทย์มฟล.เล่าให้ฟังว่าศูนย์การแพทย์มฟล.ประกอบด้วย3ส่วนคือ1.โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล. ให้บริการผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทางส่งเสริมสุขภาพชุมชนแหล่งฝึกปฎิบัตินักศึกษา แหล่งศึกษาวิจัยทางการแพทย์ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์และแพทย์อาสาบรมราชกุมารี2.โรงพยาบาลมฟล.ให้บริการผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยเป็นแหล่งฝึกปฎิบัติด้านการแพทย์แบบบูรณาการ(Integrative Medicine)บริการตรวจรักษาด้วยแพทย์แผนไทยและบริการตรวจรักษาด้วยแพทย์แผนจีนและ3.ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรแห่งภาคเหนือและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้บริการผู้ไม่อยากป่วยซึ่งศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯ ถือว่าเป็นจุดเด่นของศูนย์การแพทย์มฟล. หรือจะมีการดูแลสุขภาพแบบ3 Pคือ ส่งเสริมและให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ(Promotion)ให้รู้จักป้องกันการเกิดโรค(Prevention)และให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อการคัดกรอง(Prediction)รวมถึงการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วยและดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์ชะลอวัย
          รศ.ดร.วันชัยเล่าอีกว่าศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯจะแยกออกมาจากโรงพยาบาล มฟล. เพราะต้องการนำคนไม่ป่วยออกจากคนป่วย เพื่อมาดูแลและให้บริการด้านสุขภาพ เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคก็จะส่งต่อไปรักษาตามอาการได้ทันทีถ้าเราสามารถทำได้ทั้ง 3P จะทำให้คนเราสุขภาพดีทุกช่วงวัยไม่เจ็บป่วย ลดค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่ายของรัฐด้วย อีกทั้งทำให้เกิดการชะลอวัยอย่างมีความสุขอย่างไรก็ตามศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯนี้ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ไม่เคยมีในประเทศไทยที่มีการแยกผู้ป่วยและผู้ไม่ป่วยออกไปอยู่คนละจุด
          “ศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯเป็นศูนย์ที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองที่สุดคือลดการเจ็บป่วยและการลดการเจ็บป่วยสำคัญกว่าการรักษา ถ้าต้องรักษาคือเงิน และเวลา ความทุกข์ทรมานของครองครัวจะเกิดขึ้นเราจึงให้ความสำคัญกับศูนย์นี้อย่างมากในอนาคต เน้นการดูแลคนทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีและมีความสุขและองค์การอนามัยโลกยังประกาศแล้วว่าอนาคตแนวโน้มการบริการสุขภาพนั้นเรื่องการดูแลสุขภาพและป้องกันการเกิดโรคสำคัญที่สุดว่าศูนย์บริการสุขภาพแบบครบวงจรฯเปิดให้บริการมาเกือบ2ปีมีประชาชนมาใช้บริการ25,000คน จำนวนครึ่งที่มาใช้บริการรู้จักวิธีดูแลรักษาตัวเองอีกครึ่งได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นเพื่อคัดกรองโรคอีกทั้งค่าใช้จ่ายในการเข้ามารับบริการก็น้อยมากต่อปีต่อคนไม่ถึง3,000-5,000 บาท ผมเชื่อว่าในปี2565 ศูนย์การแพทย์ มฟล.จะสมบูรณ์แน่นอน ทั้งบุคลากร เครื่องมือ การดูแลรักษาให้บริการ และเป็นที่ฝึกปฎิบัติของนักศึกษาแพทย์ มฟล. โดยไม่ต้องไปฝึกปฎิบัติในโรงพยาบาลอื่น หากรัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนเชื่อว่าศูนย์แห่งนี้จะช่วยคนยากจนได้มากกว่านี้และคุณภาพการรักษาไม่ต่างจากโรงพยาบาลชั้นนำทั่วไป ”รศ.ดร.วันชัย กล่าว
          ด้านนพ.พิษณุบุญประเสริฐแพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มฟล.กล่าวเสริมว่า โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มฟล.เป็นโรงพยาบาลขนาด400เตียงตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ137ไร่ติดถนนพหลโยธินห่างจากที่ตั้งหลักของมฟล.ประมาณ1กิโลเมตรปัจจุบันมีประชาชนเดินทางไปใช้บริการสูงสุดวันละ340คนขณะที่เป้าหมายของโรงพยาบาลประมาณ600คนต่อวันส่วนจุดเด่นการรักษาโรคคือเฉพาะทางด้านกระดูกด้านหัวใจ คือการสวนหัวใจ และด้านสูตินารีแพทย์ ที่สำคัญเป็นโรงพยาบาลของรัฐ โดยสามารถเบิกจ่ายได้ตามสิทธิการรักษาของผู้ป่วย
          หวังว่าศูนย์การแพทย์ มฟล.จะเป็นอีกทางเลือกการดูแลและรักษาสุขภาพให้แก่คนไทยในภาคเหนือและในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการแพทย์แห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้สำเร็จ
         

ที่มา: www.dailynews.co.th
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #723 เมื่อ: วันที่ 16 ตุลาคม 2019, 08:30:00 »

  #15768
napoleon
Liberty, Equality, Frate
 
napoleon's Avatar
 
Join Date: Apr 2006
Posts: 100,732
Likes (Received): 6147

ลาวเผยเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้ามเชียงแสน

จันทะจอน วางฟาเซง กรรมการบริหาร เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เปิดเผยกับสำนักข่าวสารประเทศลาวว่า นับแต่ปี 2012 ถึงกลางปี 2019 เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำได้จ่ายพันธะอากรให้กับรัฐบาลลาวแล้วรวม 458 ล้านดอลลาร์

ปี 2019 ณ สิ้นสุดเดือนกันยายน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำมีรายรับรวม 150 ล้านดอลลาร์ คาดว่าปี 2025 จะเพิ่มเป็น 370 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 150% จากปัจจุบัน

เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ อยู่ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงข้ามอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของสัมปทานโครงการ Kings Romans of LAOS Asian Economic & Tourism Development Zone ที่รัฐบาลลาวให้แก่กลุ่มดอกงิ้วคำจากจีนเมื่อปี 2007 และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2009

สัญญาสัมปทานครั้งแรก ดอกงิ้วคำได้สิทธิ์เช่าที่ดิน 827 เฮคต้า(5,168 ไร่) จากรัฐบาลลาวเป็นเวลา 99 ปี เพื่อสร้างศูนย์บันเทิงครบวงจร ใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินทุนของดอกงิ้วคำเองทั้ง 100% มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน

ต่อมาวันที่ 29 ตุลาคม 2014 รัฐบาลลาวปรับปรุงสัญญาขยายพื้นที่สัมปทานขึ้นเป็น 2,173 เฮคต้า(13,581 ไร่) โดยปรับรูปแบบโครงการเป็นการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาอีก 1 แห่ง

จันทะจอนเปิดเผยว่า ปัจจุบันเขตเศรษฐกิจพิเศษฯมีพื้นที่ซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวรวม 10,000 เฮคต้า(6.25 หมื่นไร่) นอกจากพื้นในเขตพัฒนาตัวเมืองประมาณ 3,000 เฮคต้าแล้ว ยังได้รวมเขตป่าสงวนสายพูกิ่วลมเข้าไปด้วยอีก 7,000 เฮคต้า

ในเขตพัฒนาตัวเมืองนั้นได้วางระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ยังได้สร้างวัด โรงเรียน โรงพยาบาล และสนามบินแห่งใหม่ รวมถึงสร้างสนามกอล์ฟและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณที่อยู่ใกล้เคียงโครงการ

เขาบอกว่าปี 2018 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯรวม 452,571 คน โดยเป็นการเข้าผ่านด่านสากลสามเหลี่ยมทองคำ 131,593 คน

ทุกวันนี้ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯมีโรงแรมไว้ให้บริการ 13 แห่ง จำนวนห้องพักรวม 1,303 ห้อง และสิ้นปีนี้จะมีโรงแรมเปิดให้บริการใหม่อีก 3 แห่ง

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาสิโนซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ได้ประกาศรับสมัครคนลาวให้เข้าทำงานใน 9 ตำแหน่งงาน จำนวน 80 อัตรา กำหนดอัตราเงินเดือนเป็นเงินหยวน เริ่มต้นที่ 2,200 หยวนหรือประมาณ 10,000 บาท

cr. ປະເທດລາວ Pathedlao 13/10/2562
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #724 เมื่อ: วันที่ 30 กรกฎาคม 2021, 12:30:48 »

กรมทางหลวงเดินหน้าขยายสาย 118 เชียงใหม่-เชียงราย เป็น 4 ช่องจราจรตลอดสาย  ยกระดับโครงข่ายคมนาคมขนส่ง ส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวภาคเหนือเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน



นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  มอบนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐานทางถนนให้กรมทางหลวงขยายทางหลวงหมายเลข 118 เชียงใหม่-เชียงรายเป็นถนนมาตรฐานขนาด 4 ช่องจราจรตลอดเส้นทาง 158.473 กิโลเมตร เพื่อเสริมสร้างโครงข่ายทางหลวงพื้นที่ภาคเหนือให้สมบูรณ์ โดยที่ผ่านมากรมทางหลวงขยายทางหลวงสายดังกล่าวแล้วเสร็จ 48 กิโลเมตร และได้ดำเนินโครงการก่อสร้างอีกระยะทาง 42.8 กิโลเมตร ช่วง อ.ดอยสะเก็ด-ต.แม่ขะจาน ระหว่าง กม.20+200 - กม.63+000 ซึ่งขณะนี้เหลือเพียง ตอน อ.ดอยสะเก็ด-ต.ป่าเมี่ยง ตอน 1  ระหว่าง กม.20+200 - กม.31+700  ระยะทาง 11.5 กม. ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 93  คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน  ปี 2564  จะรวมเป็นระยะทาง 91 กิโลเมตร ทั้งนี้มีบางช่วงที่ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้เส้นทางไปแล้ว

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจึงผลักดันให้เร่งขยายเส้นทางเป็น 4 ช่องจราจรในส่วนที่เหลืออีก 67.473กิโลเมตร   ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายโดยในพื้นที่ ต.บ้านโป่ง-บรรจบทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ระหว่าง กม.91+000 – กม.158+473  ปัจจุบันมีขนาด  2  ช่องจราจร เนื่องจากสภาพเส้นทางมีลักษณะคดเคี้ยว  เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง  จำเป็นต้องปรับปรุงให้เป็นทางหลวงขนาด 4 ช่องจราจรตลอดเส้นทางเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการเดินทาง  ยกระดับความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง และรองรับปริมาณการจราจรและการขยายตัวทางเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค และประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะภาคการขนส่งและการท่องเที่ยว 

     กรมทางหลวง ได้ขานรับนโยบายดังกล่าวเร่งดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบทางหลวงหมายเลข 118 (สายเชียงใหม่-เชียงราย) โดยแบ่งเป็น 2 ตอน คือ

 ▪️ตอน บ.แม่เจดีย์ – อ.แม่สรวย ระยะทาง 50 กิโลเมตร  โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เพื่อศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และจัดทำรายงาน EIA เสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)  และเมื่อหากผ่านการพิจารณาแล้วโครงการจะมีความพร้อมเพื่อเสนอของบประมาณดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณ ปี พ.ศ.2567 แล้วเสร็จปี พ.ศ.2569

 ▪️และ ตอน อ.แม่สรวย - แยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข  1  จ.เชียงราย ระยะทาง 17.473 กิโลเมตร  ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจากแหล่งเงินกู้ (เพิ่มเติม)  โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และหากได้รับงบประมาณจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป  โดยใช้งบประมาณโครงการ  2,000 ล้านบาท  คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณปี พ.ศ. 2565 แล้วเสร็จปี พ.ศ. 2567

 สำหรับโครงการสำรวจและออกแบบทางหลวงหมายเลข 118 ตอน อ.แม่สรวย-แยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข 1 จ.เชียงราย  มีจุดเริ่มต้นบริเวณ กม.141+000 ท้องที่ตำบลแม่สรวย และสิ้นสุดที่จุดตัดทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธินบริเวณ กม.910+123) ที่  กม. 158+473 ท้องที่ตำบลดงมะดะ ระยะทางประมาณ 17.473 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สรวย  อ.แม่ลาว  และ  3 ตำบล ได้แก่  ต.แม่สรวย ต.ดงมะดะ ต.จอมหมอกแก้ว
 โดยรูปแบบการก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตขนาด  4 ช่องจราจร ความกว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2.50 เมตร แบ่งทิศทางการจราจรด้วยแบริเออร์คอนกรีตกว้าง 1.60 เมตร ซึ่งรูปแบบทางแยกมี 4 จุดตัด ดังนี้

    •1)  จุดตัดทางหลวงชนบทหมายเลข ชร.2113 (กม.146+994) ออกแบบเส้นทางสายหลักทางหลวงหมายเลข 118 เป็นสะพานยกระดับ ลดการตัดกระแสของการจราจรบริเวณทางแยกและมีการจัดการทางแยกระดับพื้นดินในลักษณะวงเวียน ออกแบบทางขนานเพื่อแยกการจราจรระหว่างการเดินทางในพื้นที่กับถนนสายหลัก และกำหนดจุดกลับรถใต้สะพานสำหรับความสูงไม่เกิน 5.50 เมตร
    •2)  จุดตัดทางหลวงหมายเลข 1211 (กม.154+647) ออกแบบเส้นทางสายหลักทางหลวงหมายเลข 118 เป็นสะพานยกระดับ ลดการตัดกระแสของจราจรบริเวณทางแยกและมีการจัดการทางแยกระดับพื้นดินในลักษณะวงเวียน ออกแบบทางขนานเพื่อแยกการจราจรระหว่างการเดินทางในพื้นที่กับถนนสายหลัก และกำหนดจุดกลับรถใต้สะพานสำหรับความสูงไม่เกิน 5.50 เมตร

    •3)  จุดตัดถนนเลียบคลองชลประทาน (กม.156+500) โดยรื้อสะพานข้ามคลองชลประทาน บนเส้นทางสายหลักทางหลวงหมายเลข 118 ในปัจจุบันออก เพื่อออกแบบเป็นสะพานยกระดับข้ามคลองชลประทาน โดยออกแบบทางขนานเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในพื้นที่ และแยกกระแสจราจรของรถที่ใช้ความเร็วออกจากกันเพื่อความปลอดภัยบริเวณใต้สะพานออกแบบจัดการจราจรเป็นระบบวงเวียนของถนนเลียบคลองชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง และกำหนดจุดกลับรถใต้สะพานสำหรับความสูงไม่เกิน 4.50 เมตร

     •4) จุดตัดถนนทางหลวงหมายเลข 1 ที่ กม.158+473 แนวเส้นทางตัดกับทางหลวงหมายเลข 1  ที่ กม.910+123 และเป็นจุดสิ้นสุดของโครงการ  สภาพพื้นที่ในปัจจุบันเป็น 3 แยกสัญญาณไฟแบบ channelize แต่เนื่องจากเป็นทางแยกหลักที่เชื่อมโยงระหว่าง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพะเยา ซึ่งปริมาณจราจรที่ผ่านจุดตัดนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้จำเป็นต้องพิจารณาออกแบบปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทางแยกให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยทำการออกแบบทางยกระดับข้ามทางแยก 1 ทิศทาง บนทางหลวงหมายเลข 1 ฝั่งมุ่งหน้าจากจังหวัดพะเยาไปตัวเมืองจังหวัดเชียงราย พร้อมทางขนานทางยกระดับ โดยทิศทางมุ่งหน้าจากตัวเมืองจังหวัดเชียงรายไปจังหวัดพะเยา จะทำการขยายถนนระดับพื้นดิน จากเดิม 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร โดยออกแบบเกาะกลางรูปปีกนกสำหรับแบ่งรถในทิศทางตรงให้สามารถผ่านทางแยกได้คล่องตัว ไม่ต้องติดสัญญาณไฟจราจร ส่วนทิศทางเลี้ยวขวาเข้า – ออก จากทางหลวงหมายเลข 118 จะถูกควบคุมด้วยสัญญาณไฟจราจร ทำให้ลดการตัดกระแสจราจรบริเวณทางแยกและทำให้การจราจรบนทางหลวงหมายเลข 1 เกิดความคล่องตัว

     ทั้งนี้  เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะช่วยเติมเต็มโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งทางหลวงหมายเลข 118 ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ช่วยลดอุบัติเหตุ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถรองรับปริมาณการจราจรที่มากขึ้นจากเดิม 1 - 1.8  หมื่นคันต่อวัน เป็น 3 หมื่นคันต่อวัน ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางระหว่าง จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย จากเดิมที่ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ลดลงเหลือ 3 ชั่วโมง ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนให้สะดวกรวดเร็ว ช่วยส่งเสริมด้านเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย และเกิดโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคเหนือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน


* 0178180E-789D-4B32-993F-C953AD95740F.jpeg (184.14 KB, 1200x675 - ดู 72 ครั้ง.)

* 63E73232-26BC-4C6D-824F-C42EEA32E7D6.jpeg (184.03 KB, 1199x674 - ดู 65 ครั้ง.)

* 4B5E9F96-F463-49E8-9374-B980DAB4E727.jpeg (182.27 KB, 1199x674 - ดู 67 ครั้ง.)

* B6B71F00-2405-409B-9264-E6C4A97483D3.jpeg (184.14 KB, 1200x675 - ดู 65 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
corolado4
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,835


บ้านสวน ดอยพระบาท11 (ธารน้ำกรณ์2)


« ตอบ #725 เมื่อ: วันที่ 11 สิงหาคม 2021, 11:54:11 »

แต่ล่ะภาพทางแยก น่าจะมีตัวหนังสือบอกสถานที่แบบชัดเจน
บางคนน่าจะมองไม่ออกว่าเป็นจุดไหนตรงอำเภอใดนะครับ
ผมมองภาพได้แค่สองภาพ สามแยกสายหลัก (แยกแม่สรวย)
กับ ทางข้ามคลองชลประทาน รร.ดงมะดะ
นอกนั้นต้องเอาหลัก กม. ไปลงพิกัดดูเอาเอง
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 [37] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!