เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 มีนาคม 2024, 15:26:18
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 37 พิมพ์
ผู้เขียน Re: รวบรวมกระทู้การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาเชียงราย  (อ่าน 439814 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 02 กุมภาพันธ์ 2010, 22:54:51 »

เชียงรายเล็งขยายถนน4เลน รองรับสะพานข้ามแม่น้ำโขง

แนวหน้า 2/02/2010


เชียงราย:นายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนน 4 ช่องจราจร โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงเชียงราย – สะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงของ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง R3E ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาตามกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เชื่อมระหว่าง อ.เชียงของ กับบ้านห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ในฝั่ง สปป.ลาว

โดยคาดว่าจะมีการก่อสร้างในปี 2553 และจะแล้วเสร็จในปี 2555 ซึ่งจะทำให้ปริมาณจราจรบนโครงข่ายเพิ่มมากขึ้น ในอนาคตจึงได้พิจารณาปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงเดิมจาก 2 ช่องจราจร ให้เป็น 4 ช่องทางจราจร ตั้งแต่บ้านหัวดอย ต.ท่าสาย อ.เมือง ไปถึง อ.เชียงของ ระยะทางกว่า 75 กิโลเมตร แต่ยังมีอุปสรรคในหลายด้าน จึงได้หารือร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขเพื่อศึกษารูปแบบการปรับปรุงที่เหมาะสม รวมถึงวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


http://www.naewna.com/news.asp?ID=197711
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2010, 23:17:24 »

ชงครม.เพิ่มวงเงินปฏิรูปรถไฟ 1.6 แสนล้าน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 01:00

คมนาคมเตรียมเสนอครม.เพิ่มกรอบวงเงินแผนปฏิรูปกิจการ ร.ฟ.ท. เป็น 1.6 แสนล้านบาท หลังสศช.ให้นำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลอง19
ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมจัดทำแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระยะเร่งด่วน วานนี้ (3 ก.พ.) ว่า ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอให้กระทรวงคมนาคมบรรจุโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า ระยะทาง 106 กม. มูลค่า 11,348 ล้านบาท ไว้ในแผนปฏิรูปกิจการ ร.ฟ.ท. วงเงิน 1.53 แสนล้านบาท ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงต้องเสนอ ครม.ขออนุมัติขยายกรอบวงเงิน

โดย สศช.ต้องการให้โครงการก่อสร้างของ ร.ฟ.ท.รวมเป็นภาพใหญ่ จากเดิม ร.ฟ.ท.มีแผนก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้าอยู่แล้ว ซึ่งหากนำโครงการดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปกิจการ ร.ฟ.ท. จะทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติได้ภายในเดือน ก.พ.นี้

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะสรุปการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิรูปกิจการ ร.ฟ.ท. โดยจัดลำดับความสำคัญรายโครงการ และแบ่งระยะเวลาดำเนินการ ซึ่งระยะแรก คือ โครงการซ่อมบำรุงหัวรถจักร จำนวน 56 คัน ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการ 15 เดือน และโครงการจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ จำนวน 21 คัน มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โครงการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณไฟสี ทั่วประเทศ จำนวน 223 สถานี และโครงการปรับปรุงจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศ กว่า 2,000 จุด

"กระทรวงคมนาคมได้สั่งให้ ร.ฟ.ท.จัดเตรียมรายละเอียดโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงหัวรถจักร เพื่อดำเนินการได้ทันที หลังได้รับอนุมัติจาก ครม. และจัดทำตัวชี้วัดในแต่ละโครงการด้วย แต่ในส่วนของโครงการด้านความปลอดภัยจะมีตัวชี้วัด ที่ไม่เกี่ยวกับผลตอบแทนการลงทุนจากโครงการ ส่วนโครงการอื่นๆ จะดูจากผลตอบแทน และความคุ้มค่าการลงทุนเป็นหลัก" นายสุพจน์ กล่าว

ขณะที่การดำเนินงานระยะที่ 2 ตั้งแต่ปี 2554-2555 จะประกอบด้วย โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ระยะทาง 2,800 กม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง และเพิ่มโครงข่ายการขนส่งระหว่างภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งโครงการจัดระบบโลจิสติกส์ โดยกำหนดจุดขนถ่ายสินค้าทั่วประเทศ เพื่อจัดตั้งสถานีขนส่งสินค้า โดยมีระบบราง ถนน และท่าเรือรองรับสินค้าเหล่านี้

ส่วนการดำเนินงานระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี 2555-2556 ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง อาทิเช่น กรุงเทพฯ-ระยอง รวมทั้งโครงการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมประเทศเพื่อนบ้าน อาทิเช่น โครงการก่อสร้างทางรถไฟเส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เส้นทางปอยเปต-ศรีโสภณ

http://www.bangkokbiznews.com/home/d...08;™.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 04 กุมภาพันธ์ 2010, 23:20:09 โดย boondham » IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2010, 19:28:54 »

เตรียมยกกอง “ตำนานพระนเรศวร” ร่วมแสดงงานฮันนีมูลรอบสองบนดอยแม่สลอง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 กุมภาพันธ์ 2553 15:20 น.






เชียงราย – เตรียมยกทีมนักแสดง “ตำนานพระนเรศวร” ร่วมงานฮันนีมูนรอบสอง 75 คู่บนดอยแม่สลอง ฉลองเทศกาลแห่งความรัก “ผู้ว่าฯ-ททท.-ท่องเที่ยวและกีฬา”เรียงหน้ายันงาน “น้ำผึ้งพระจันทร์มหัศจรรย์ดอยแม่สลอง” กลางเดือนนี้สุดตระการตาแน่

วันนี้ (5 ก.พ.) ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.เชียงราย นายสุเมธ แสงนิ่มนวล พร้อมด้วยนายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้อำนวยการศูนย์การท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย ,นายอิศรา สถาปนาเศรษฐ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน "น้ำผึ้งพระจันทร์มหัศจรรย์ดอยแม่สลอง" ซึ่งทาง จ.เชียงราย ร่วมกับ อ.แม่ฟ้าหลวง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่สลองนอก และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้นบริเวณพิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ บนดอยแม่สลอง หมู่บ้านสันติคีรี ต.แม่สลองนอก ระหว่างวันที่ 12-15 ก.พ.นี้

นายสุเมธ กล่าวว่า เดือนนี้ โดยเฉพาะในวันที่ 14 ถือเป็นวันแห่งความรักและช่วงนี้ก็เป็นเทศกาลแห่งความรักทั่วโลก ซึ่งปีนี้จังหวัด จึงจัดงานนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อรองรับเทศกาล-ส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอันดีงามของดอยแม่สลองไปพร้อมๆ กัน โดยตลอดระยะเวลา 4 วัน 4 คืนของงานจะมีการจัดคู่บ่าวสาวซึ่งอาจจะเคยแต่งงานหรือฮันนีมูนกันมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ประสงค์จะฮันนีมูนรอบสองเข้าร่วมจำนวน 75 คู่เพื่อให้สอดคล้องกับอายุของเมืองเชียงรายที่พ่อขุนเม็งรายมหาราชทรงสร้างมาได้นาน 750 ปี ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมพิธีฮันนีมูนและการแสดงต่างๆ บนดอยแม่สลองได้อย่างเต็มอิ่ม

ด้านนายพรหมโชติ กล่าวว่า งานในวันที่ 12 ก.พ.จะมีขบวนแห่ของชนเผ่าต่างๆ ทั้ง 7 ชนเผ่าบนดอยแม่สลอง ได้แก่ จีนยูนนาน อาข่า ลีซู ไทใหญ่ ลาหู่ เมี่ยน และลัวะ โดยมีพิธีเปิดในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ณ บริเวณจัดงานดังกล่าว จากนั้นตั้งแต่วันที่ 13-14 ก.พ.จะมีการประกวดการประกอบอาหารจากใบชาและอาหารชนเผ่า และจะมีการแสดง แสง สี เสียง "ย้อนรอยดอยแม่สลอง"

โดยในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากทางจังหวัดในการให้คณะผู้สร้างและนักแสดงเรื่อง "ตำนานพระนเรศวร" เข้าไปดำเนินการจัดการแสดงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พ.ท.วันชนะ สวัสดี ผู้แสดงเป็นพระนเรศวร ซึ่งจะไปรับบทการแสดงบนเวทีเป็นนายพลต้วน ซีเหวิน ผู้นำของทหารจีนคณะชาติผู้เป็นบรรพบุรุษของชาวจีนที่อาศัยอยู่บนดอยแม่สลองในปัจจุบัน ,พ.ท.วินไท สุวารี ผู้แสดงเป็นพระเอกาทศรส รับบทเป็นนายพลหลุ่ย ยีเถียน เป็นต้น

ขณะที่นายอิศรา กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.พ.คู่บ่าวสาวที่เข้าร่วมงานทั้ง 75 คู่จะเข้าพักที่โรงแรมใน อ.เมืองเชียงราย และเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน จ.เชียงราย จากนั้นเช้าวันที่ 14 ก.พ.จะเดินทางขึ้นสู่ดอยแม่สลองเพื่อชมสวนชา การผลิตชาพันธุ์ดี และชิมชา ก่อนจะขึ้นขบวนแห่วัฒนธรรมการแต่งงานชนเผ่า โดยเฉพาะเผ่าคนจีนจะมีการให้คู่บ่าวสาวขี่ม้าไปกับขบวนอย่างตระการตา จากนั้นมีการจัดพิธีการแต่งงานแบบชนเผ่าของชาวจีนและลาหู่ รับประทานอาหารเลี้ยงฉลองร่วมกันและชมการแสดงบนเวทีดังกล่าว ทั้งนี้คู่บ่าวสาวที่ประสงค์จะเข้าร่วมงานซื้อตั๋วร่วมงานเป็นลักษณะเพ็คเก็จคู่ละ 3,499 บาท ติดต่อได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย 053-717433

ด้าน พ.ท.วินไทย กล่าวว่า การจัดการแสดงจะแบ่งการแสดงออกเป็น 6 องค์ โดยเริ่มลำดับตั้งแต่การเป็นผืนป่าบนแผ่นดินสยามของดอยแม่สลอง การก่อกำเนิด 7 ชาติพันธ์และเกิดสงคราม จากนั้นเกิดการสร้างชาติและสามัคคี เกิดอาณาจักรล้านนาบนแผ่นดินสยามและทุกชนเผ่าอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ก่อนที่พ่อหลวงจะแผ่พระเมตตาและประชาชนต่างร่วมกันอนุรักษ์สืบสานโครงการพระราชดำริพร้อมกัน กระทั่งช่วงท้ายเป็นการแสดง "ภูมิพล-พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์ของปวงชนทุกชาติ" โดยการแสดงจะใช้เทคนิคพิเศษที่กำหนดสีสันของการแสดง สามารถเปลี่ยนโทนสีให้เป็ฯไปตามท้องเรื่องและเหตุการณ์อย่างสมจริง ใช้เทคนิคลำแสงพิเศษ ใช้สื่อผสมที่สร้างมิติของภาพแสงและการแสดง ฯลฯ รับรองไม่ผิดหวัง

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000016879
__________________
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
ap.41
ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19,008


ไม่มีเทพไม่มีโปร..มีแต่เราที่จะก้าวไปพร้อมกัน...


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2010, 05:58:31 »

เอารูปพื้นที่การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่4 มาฝากครับ ที่เชียงของ


* DSC00345.JPG (79.24 KB, 751x570 - ดู 1762 ครั้ง.)

* DSC00351.JPG (136.02 KB, 751x570 - ดู 1719 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2010, 15:29:59 »

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4184 ประชาชาติธุรกิจ


แห่ยึดทำเลฮอตริมฝั่งโขงเชียงของ-เตือนอย่าผลีผลามโหมลงทุน


คลื่นการลงทุนโรงแรม ที่พัก เกสต์เฮาส์พาเหรดยึดทำเลทองริมแม่น้ำโขงด้านอำเภอเชียงของ ระบุส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนนอกถิ่น หวั่นห้องพักโอเวอร์ซัพพลาย เตือนอย่าผลีผลามเร่งลงทุนเร็วเกินไป เหตุจัดเก็บข้อมูลของรัฐและเอกชนไม่ชัดเจน


นายพรหมโชติ ไตรเวช ผู้อำนวยการสำนักการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย เปิดเผยถึงสถานการณ์โรงแรมใน จ.เชียงราย ว่ามีการก่อสร้างโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการซื้อขายกิจการกันอย่างคึกคักทั้งในกลุ่มนักลงทุนคนไทยและต่างชาติ ส่งผลให้การจัดเก็บข้อมูลจำนวนโรงแรมและนักท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย ทำได้ไม่ชัดเจน ปัจจุบันจากข้อมูลที่สำรวจได้พบว่ามีโรงแรมในเชียงราย 170 แห่ง จำนวนห้องพักประมาณ 18,000 ห้อง

พื้นที่ที่มีการลงทุนขยายตัวมากคือ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของกลุ่มทุนนอกพื้นที่ ไม่ใช่กลุ่มทุนท้องถิ่น สภาพเช่นนี้คล้ายกับการเติบโตของธุรกิจโรงแรมที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีโรงแรม 746 แห่ง นักท่องเที่ยวปีละกว่า 5.6 ล้านคน แต่ธุรกิจทั้งหมดเป็นของต่างชาติถึง 70% ส่วนอีก 30% เป็นของกลุ่มทุนไทย

การเติบโตในลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เพราะนอกจากคนในพื้นที่จะไม่ได้รับประโยชน์มากนักแล้ว ยังทำให้การจัดเก็บข้อมูลด้านต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนพัฒนา ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ในปัจจุบัน จ.เชียงราย มีงบประมาณเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว 290 ล้านบาท แต่ไม่สามารถ นำไปจัดสรรเพื่อพัฒนาได้ทั้งหมด เพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน จึงทำได้เพียงกระจายงบประมาณไปยังโครงการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความชัดเจนเท่านั้น

นายพรหมโชติเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมายังมีการลงทุนที่คึกคักในกลุ่มบ้านพักเกสต์เฮาส์ รีสอร์ตขนาดเล็ก โฮมสเตย์ และห้องชุด โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองเชียงราย น่าจะเกิดขึ้นใหม่ไม่ต่ำกว่า 40 แห่งแล้ว ราคาที่พักคืนละ 500-600 บาท ซึ่งห้องพักเหล่านี้ไม่มีการแจ้งตัวเลข เพราะยังไม่มีการจดทะเบียนเป็นสถานประกอบการอย่างเป็นทางการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้

ด้านนายสมเกียรติ ชื่นธีระวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย และนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย กล่าวว่า ปัญหาตัวเลขไม่ชัดเจนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวแน่นอน ซึ่งต่อไปสมาคมจะสนับสนุนให้โรงแรมขนาดกลางและเล็ก เกสต์เฮาส์ รีสอร์ต โฮมสเตย์ มีการรวมตัวกัน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือ หรือการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อนำไปพัฒนากิจการของตนเอง

"ถ้าไม่ดำเนินการใด ๆ เลย ในอีก 30 เดือนข้างหน้าเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำโขง อ.เชียงของ-สปป.ลาว เชื่อมถนนอาร์สามเอระหว่าง ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ แล้วเสร็จก็จะไม่ทันการ เพราะนักท่องเที่ยวจะทะลักไปตามถนนอาร์สามเอ กลุ่มทุนที่ได้ประโยชน์คือผู้ที่มีความพร้อมมากกว่าทั้งกลุ่มทุนจีน ทุนยักษ์ใหญ่จากกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ ๆ ส่วนทุนเล็ก ๆ ที่ กระจัดกระจายอย่างพวกเราก็จะแข่งขันกันเองและค่อย ๆ ตายไปทีละราย" นาย สมเกียรติกล่าวและว่า

ถ้ารวมตัวกันได้นอกจากจะได้ยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ถูกต้องแล้วยังมีพลังในการร่วมกับประเทศต่าง ๆ เช่นมณฑลหยุนหนาน จีนตอนใต้ สปป.ลาว พม่า จัดทำสินค้าหรือแพ็กเกจนำเที่ยวรับประโยชน์ร่วมกันได้
นายเอกชัย หาญสุวรรณชัย เจ้าของ ภูชี้ฟ้ารีสอร์ท อ.เทิง กล่าวว่า สาเหตุที่มีห้องพักขนาดเล็กเกิดขึ้นมากเกิดจากหลายปัจจัย เช่น เศรษฐกิจฟื้นตัว ถนนอาร์สามเอ สะพานข้ามแม่น้ำโขง นักท่องเที่ยวจีนจะทะลักลงมามาก ฯลฯ แต่สภาพที่แท้จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะสิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ปัญหาจึงเกิดจากข้อมูลที่ได้รับจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับโครงการพัฒนาดังกล่าวไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการที่รับข้อมูลรีบลงทุนไปก่อน

ดังนั้นขอให้มีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนทันเหตุการณ์กับผู้ประกอบการ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาการลงทุนเกินกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ทำให้ต้องแข่งขันตัดราคากันเองจนต้องยุบกิจการไปทีละรายในที่สุด

หน้า 23

http://www.prachachat.net/view_news....day=2010-02-15
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2010, 09:10:03 »

งสือพิมพ์บ้านเมือง -- อังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 09:27:43 น.

นายวิชาญ คุณากูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการ โครงการก่อสร้างถนน จ.เชียงราย ว่าเพื่อสนับสนุนระบบขนส่งของภาคเหนือตอนบน พัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคมขนส่งทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการแผนร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อให้การคมนาคมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการให้มีการเชื่อมโยงภาคการขนส่งให้ครบวงจรด้วยอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ทช.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อส่งเสริมโครงข่ายของพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พัฒนาพื้นที่โครงข่ายถนนเพื่อให้ประชาชนสามารถขนส่งลำเลียงสินค้าจากชายแดนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รวมทั้งรองรับปริมาณการจราจรที่กำลังจะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ(ตอนเหนือของไทย พม่า ลาว และตอนใต้ของจีน) ใน อนาคต พัฒนาการท่องเที่ยว การค้า การคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งรองรับนักท่องเที่ยวที่จะใช้เส้นทางสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ซึ่งกรมฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างทางดังกล่าว นอกจากนี้ ทช.ได้พัฒนาโครงข่ายทางไปสู่ท่าเทียบเรือเชียงแสน จ.เชียงราย แห่งที่ 2 เพื่อส่งเสริมการคมนาคมขนส่งให้ขยายตัวอย่างมีระบบสะดวก ปลอดภัย เพิ่มศักยภาพในการขนส่ง ตลอดจนกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค

http://www.ryt9.com/s/bmnd/795503
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
vjmu
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 212



« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2010, 06:43:17 »

รถไฟเชียงราย(ขออนุญาตท่าน boondham นะครับ พอดีไปเจอมา)

http://www.thairath.co.th/content/eco/65714
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2010, 06:48:46 โดย vjmu » IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2010, 19:00:03 »

เอาลงเลยครับ บอร์ดเป็นของทุกคน ครับ.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2010, 00:31:16 »

เตือนคนเชียงรายเตรียมพร้อม-รับผลกระทบ“บวก-ลบ”หลังพรมแดน 4 ชาติเปิด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กุมภาพันธ์ 2553 16:02 น.





เชียงราย – กูรูแนะนักธุรกิจชายแดนปรับตัวรับการค้ากับจีน เตรียมตัวรับผลกระทบทั้งบวก-ลบ หลังสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ “ไทย-พม่า-ลาว-จีน” เปิดมากขึ้น


รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าเมื่อเร็วๆ นี้ หอการค้า จ.เชียงราย นำโดยนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2553 ณ ห้องสักทองโรงแรมทีค การ์เด้น สปา รีสอร์ท ตั้งอยู่ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย โดยเป็นการประชุมเป็นปีแรกหลังจากนายวิรุณ เข้ารับตำแหน่ง

หลังจากมีการประชุมภายในและแจกแจงด้านงบประมาณรวมทั้งการดำเนินการที่ผ่านของคณะกรรมการหอการค้าชุดปัจจุบันแล้ว ได้จัดให้มีการบรรยายพิเศษเรื่อง "เชียงรายจะได้อะไรจากสะพานข้ามแม่น้ำโขง(ถนนR3A)" มีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา และอดีต รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้บรรยายพิเศษ

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ภาคเศรษฐกิจและสังคมชุมชนในเชียงราย จะต้องมีการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยเฉพาะการจะทะลักเข้ามาของสินค้า การคมนาคม รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากปจีน ซึ่งจะมาตามทุกเส้นทางที่สะดวกสบายโดยเฉพาะถนน R3A ไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้

ทั้งนี้คาดว่าเฉพาะผู้คนจากจีนตอนใต้ก็จะทะลักลงมาเป็นจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันคนจากทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการสัมผัสกับสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย-สปป.ลาว-พม่า-ไทย ก็จะเดินทางมาเช่นกัน
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่คนในพื้นที่ต้องเรียนรู้ในการเข้ามาของสิ่งต่างๆ ซึ่งก็จะแฝงมาทั้งข้อดี-ข้อเสีย โดยเฉพาะข้อเสียนั้นเป็นประเด็นให้ขบคิดว่า เราจะดูแลอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้น หรือทำให้ผลกระทบกลายเป็นข้อดีสอดคล้องกับแผนการพัฒนา จ.เชียงราย ส่วนด้านสินค้า จะทำอย่างไรให้มีระบบการตรวจสอบ จัดการและติดตามเพื่อไม่ให้กระทบกับทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม

"สิ่งสำคัญสำหรับเชียงรายคือเราจะใช้ประโยชน์จากเมืองชายแดน ซึ่งเป็นหน้าด่านของเชียงรายได้อย่างไร”

ทั้งนี้ หากประสบความสำเร็จ จะทำให้เชียงรายมีการเติบโตด้านเศรษฐกิจเป็นอันมากพร้อมๆ กับการรักษาพื้นฐานความอบอุ่นทางวัฒนธรรมและเป็นที่รู้จักของชาวโลกด้วย
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า การส่งเสริมของภาครัฐแถบนี้ที่ผ่านมา ได้มีการตกลงในหลักการลดขั้นตอนการผ่านแดน แต่ที่ผ่านมายังไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะยังติดเงื่อนไขบางประการ อีกทั้งที่ผ่านมาคนในพื้นที่ต่างมองว่า ในการตกลงทางการค้ากับจีน เราเสียเปรียบเป็นประจำ
เขามองว่า การเจรจากับประเทศจีนหากจะใช้ข้อของกฎหมายในการเจรจาด้วย คงเป็นเรื่องยากแต่หากใช้ความสัมพันธ์ในฐานะเมืองต่อเมือง น่าจะง่ายกว่า และหากมีการรวมตัวเป็นกลุ่มจังหวัดไปเจรจาต่อรองกับมณฑลต่างๆ ของจีนจะทำได้ผลดีขึ้น

http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000028263
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
Bluebird
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 422


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2010, 17:20:31 »

คุณboondham เจ้า...

อยากฮู้จักอ้ายหน่ะ มีตางใดจะได้อู้ถกเถียงเรื่องถนน สี่เลนแปดเลน etc....เข้าประตู๋เจียงแสนพ่อง?
IP : บันทึกการเข้า
nalismenox
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 846


สุดท้ายก็กลับมายืนจุดเดิม


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2010, 21:32:27 »

รถไฟไปถึงไหนแล้วไม่รู้นะครับ รบกวนติดตามกันต่อด้วย..อิอิอิ
IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2010, 20:54:19 »

ไฟเขียวให้สพพ.ปล่อยกู้ลาวปรับปรุงถนนเชียงราย-คุนหมิง

Posttoday 09 มีนาคม 2553 เวลา 18:39 น.


ครม.ไฟเขียวสพพ. กู้เอ็กซิมแบงก์-ออมสิน 405 ล้านบาท ให้ลาวกู้ปรับปรุงถนน R3 เชียงราย-คุนหมิง พร้อมแบกรับภาระดอกเบี้ยให้อีกว่า 25 ล้านบาท

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 3 (R 3) วงเงิน 405 ล้านบาท โดยให้ สพพ. กู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอ็กซิมแบงก์ และธนาคารออมสิน ไปปล่อยกู้ต่อให้กับลาว คิดดอกเบี้ยที่ 1.5% ระยะเวลาชำระคืนเงินต้นนาน 30 ปี (รวมระยะเวลาปลอดหนี้10 ปี) คิดเป็นดอกเบี้ยที่จะได้รับจากลาวในช่วง 10 ปีแรก เป็นเงินประมาณ 60.75 ล้านบาท

ทั้งนี้ สพพ.กู้ผ่านเอ็กซิมแบงก์ 200 ล้านบาท โดยใช้เงินสะสมของ สพพ. ที่ไม่มีภาระผูกพัน 200 ล้านบาทค้ำประกันเงินกู้ทั้งจำนวน ดอกเบี้ย 0.50 % และกรณีที่ สพพ. ไม่สามารถนำเงินฝากค้ำประกันได้ทั้งจำนวน เอ็กซิมแบงก์จะคิดดอกเบี้ยเฉพาะวงเงินที่ไม่มีการค้ำประกัน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ของ 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ บวก 1.75% ส่วนเงินกู้จากธนาคารออมสิน 205 ล้านบาท ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ตามดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน เฉลี่ย 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ บวก 1.65%

"ภาระดอกเบี้ยที่ สพพ. ต้องจ่ายให้เอ็กซิมแบงก์และออมสินในช่วง 10 ปีแรก คิดเป็นเงิน 86 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 8.6 ล้านบาท โดยภาระส่วนต่างของดอกเบี้ยที่เหลืออีกกว่า 25 ล้านบาท ทาง สพพ. จะนำดอกเบี้ยที่ได้จากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในโครงการอื่น และรายได้สะสมของ สพพ. มาบริหารจัดการเอง เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณ" นายวัชระกล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สปป.ลาวนี้เป็นการปรับปรุงสภาพถนนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและมีความปลอดภัย ซึ่งจะสามารถสนับสนุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทยกับจีนให้ดีขึ้น นอกจากนี้การให้ความช่วยเหลือดังกล่าว ยังเป็นการรักษาชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ให้กู้ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวให้ดียิ่งขึ้น
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 18 มีนาคม 2010, 13:15:16 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ม๊อบเยอะครับ 555+++ยุ่งกับม๊อบอยู่ โครงการมีเยอะ

ขนาดน้องคำแพงแล้วไม่ต้องก็ได้มั่งครับ เป็นเถ้าแก่เนี๊ย สบาย 555++
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 25 มีนาคม 2010, 09:46:18 »

สามเหลี่ยมทองคำคึกคัก-รับงานแข่งโปโลบนหลังช้าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2553 12:56 น.





เชียงราย – สนามแข่งโปโลบนหลังช้างที่สามเหลี่ยมทองคำคึกคัก นักท่องเที่ยวไทย-เทศ แห่ดูเกมการแข่งขันวันแรก ที่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในเช้าวันนี้ (24 มี.ค.)

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า การแข่งขันกีฬาโปโลบนหลังช้าง ชิงถ้วยพระราชทานครั้งที่ 9 ซึ่งมีพิธีเปิดกันเมื่อวาน (23 มี.ค.) และเริ่มแข่งขันกันตั้งแต่วันนี้ (24 มี.ค.) - 30 มี.ค.53 ที่โรงแรมอนันตรา รีสอร์ท แอนด์ สปา โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล ซึ่งตั้งอยู่สามเหลี่ยมทองคำ หมู่บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ร่วมกับมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานที่ จัดขึ้น ณ สนามแข่งขันของโรงแรมอนันตรานั้น คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างประเทศ ที่มาชมการแข่งขัน

นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันที่สนามอย่างเป็นทางการ ซึ่งการแข่งขันวันแรกมีทีมโปโลบนหลังช้างจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันครบครันจำนวน 12 ทีม จาก 8 ประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ฯลฯ

หลังพิธีเปิดทั้งหมดได้ร่วมกันยืนไว้อาลัยแก่ นายจิม เอสเวด ผู้ก่อตั้งการแข่งขันโปโลช้าง ซึ่งเสียชีวิตก่อนที่จะมีการแข่งขันโปโลช้างครั้งนี้เพียง 1 วัน จากนั้นได้เริ่มทำการแข่งขันคู่แรกระหว่างทีมอุดิปีเก้ จากประเทศฝรั่งเศส กับทีมอนันตรา ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมพิธีเปิดและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศอย่างมาก

สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้คณะจัดการแข่งขันครั้งนี้ ได้มีการประชาสัมพันธ์ว่าจะนำเงินรายได้บริจาคให้สถาบันคชบาลแห่งชาติซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.ลำปาง เพื่อดูแลวงการช้างต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการบริจาคเครื่องตรวจเลือดช้างให้กับตัวแทนโรงพยาบาลช้างในประเทศไทย เพื่อนำไว้ใช้ในการตรวจสุขภาพช้างอีกด้วย



http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9530000040924
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 25 มีนาคม 2010, 09:47:24 »

เชียงราย – สป.จีน เล่นบทพี่ใหญ่ ดึง 6 หัวเมืองลุ่มน้ำโขงตอนบน ร่วมทำ MOU พัฒนาเศรษฐกิจการค้าร่วมกันที่จิ่งหง 24 มีนาฯนี้ วางกรอบเบื้องต้นกระตุ้นการเดินทางทั้งคน-สินค้าผ่านเส้นทาง R3 ก่อนขยายความร่วมมือผ่านพม่าตอนเหนือ - เดียนเบียนฟูต่อ
       






       [SIZE="4"]นายสมเกียรติ ชื่นธีระวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย และนายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงรhttp://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000039889
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 25 มีนาคม 2010, 09:48:28 »

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 19:09:04 น. มติชนออนไลน์


"เอสจีเอ"เลื่อนเปิดบิน"เชียงใหม่ -เชียงราย-สิบสองปันนา"เป็นพ.ค.


นายวันชัย ช่วงชัยกิจการ รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดสายการบิน เอสจีเอ (SGA) เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่า หลังจากการเปิดตัวเที่ยวบินเส้นทางใหม่จากเชียงใหม่ -เชียงราย-สิบสองปันนา ปรากฎว่า ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและประชาชนจำนวนมากในการแห่จองตั๋วและเที่ยวบิน โดยกำหนดการเบื้องต้นก่อนหน้านี้ที่มีการวางแผนไว้ว่าน่าจะสามารถเปิดเดินเส้นทางได้ในเดือนเมษายน 2553 นี้ แต่ขณะนี้จำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปอีกประมาณ 1 เดือน เนื่องจากทางสายการบินได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก จึงอาจส่งผลให้เครื่องบินไม่เพียงพอต่อการให้บริการนักท่องเที่ยวและประชาชนที่สนใจได้



ดังนั้นขณะนี้ทางบริษัทจึงได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยได้ขอยืดเวลาการเดินทางออกไปจากกำหนดการเดิมประมาณเดือนเมษายน ไปเป็นกลางเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้แทน เพื่อเตรียมความพร้อมและแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้แล้วเสร็จ เพื่อจะได้รองรับผู้โดยสารอย่างเต็มที่และไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้


ทั้งนี้ เบื้องต้นจะได้เร่งแก้ไขปัญหาเครื่องบินที่อาจไม่เพียงพอต่อการลำเลียงผู้โดยสาร ซึ่งอาจจะล่าช้าในการเดินทาง โดยบริษัทจะได้เร่งดำเนินการจัดเที่ยวบินใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เกิดความสมดุลกันระหว่างเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเบื้องต้นอาจจำเป็นต้องมีการเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ คาดว่าอาจจะต้องดำเนินการจัดทำตารางการบินใหม่ในเบื้องต้นไปก่อน เพื่อให้ทันในการเปิดใช้เส้นทางในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้

http://www.matichon.co.th/news_detai...sid=1269346156 
     
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 25 มีนาคม 2010, 09:49:03 »

คิกออฟบูม50ปีททท./บินไทย

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2010

คิกออฟกิจกรรมครบรอบ 50 ปี ททท.และเจ้าจำปี อัดฉีดงบร่วม 100 ล้านบาทเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ ททท.ผนึกไชน่า แอร์ไลนส์ บูมทัวริสต์มะกัน ชู 4 จุดขายแนวโน้มใหม่ท่องเที่ยวจัดสัมมนาใหญ่เชิญสื่อมวลชนจาก 250 ประเทศร่วมสัมมนาข้อมูลเชิงลึก ด้านบินไทย จัดกิจกรรมเพียบ ทั้งจัดไฟลต์บินรำลึกประวัติศาสตร์ คลอดโปรโมชันลดค่าตั๋ว 20-25% ทุกเส้นทาง ขณะที่เส้นทางบินในประเทศอยู่ที่ 2 พันบาท
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกาและอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าในขณะนี้ททท.กำลังอยู่ระหว่างการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี โดยททท.ได้ร่วมมือกับไชน่า แอร์ไลน์ส เฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 50 ปี และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอกย้ำภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนบัตรโดยสารระหว่างประเทศให้แก่คณะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 40 ราย ซึ่ง ททท.ลอสแองเจลีส เชิญมาทัศนศึกษาและสำรวจสินค้าที่เป็นจุดขายใหม่ๆ ของไทย
ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าว เป็นการต่อยอดจากโครงการ Thailand Golden Agents ของสำนักงาน ททท.ลอสแองเจลีส โดยคัดเลือกสมาชิกที่มีการขายรายการนำเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อาทิ กลุ่มทั่วไป กลุ่มหลากหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงกลุ่มลาตินอเมริกา นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกที่ผ่านการอบรมให้ความรู้ในการเสนอขายประเทศไทยมาก่อน ได้เดินทางมาสัมผัสเห็นประเทศไทยด้วยสายตาตัวเอง แยกเป็น 2 เส้นทางๆ ละ 20 ราย

ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ -ภูเก็ต-กระบี่-เกาะช้าง-พัทยา และเส้นทางเชียงใหม่ -เชียงราย -กรุงเทพฯ-เกาะช้าง-พัทยา เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2553 เพื่อเปิดโอกาสในการพบปะเจรจาระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการจากสหรัฐอเมริกาและผู้ประกอบการของไทย ทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาคตะวันออกได้ทำความรู้จักและส่งเสริมการตลาดในลักษณะ Table Top Sales

ขณะเดียวกันในช่วงวันที่ 13-25 มีนาคม 2553 สายการบินไชน่า แอร์ไลน์ส ยังสนับสนุนบัตรโดยสารให้แก่คณะสื่อมวลชนที่ ททท.คัดเลือกเชิญจากสหรัฐอเมริกา อีก 15 ราย เข้ามาทัศนศึกษาเส้นทางเชียงใหม่ -เชียงราย -กรุงเทพฯ -เกาะช้าง -พัทยา ก่อนที่จะมาสมทบกับสื่อมวลชนจากทั่วโลกในงานสำคัญของ ททท. "TAT's Golden Jubilee Media FAM Trip"ในวันที่ 23 มีนาคมนี้ และททท.ยังมีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปีเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีในปีนี้ ซึ่งททท.จะครบรอบในวันที่ 18 มีนาคมนี้ ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทสำหรับกิจกรรมครบรอบ 50 ปี

นางจุฑาพร ยังกล่าวต่อว่าในส่วนของโครงการมีเดีย เมกะ แฟมทริปของททท. นั้นว่า ททท.จะเชิญสื่อมวลชนจากต่างประเทศ 250 ราย เดินทางมาประเทศไทยเพื่อสำรวจสินค้าและบริการท่องเที่ยว โดยสำนักงานของททท.ในต่างประเทศ จะนำจุดขาย 50 กิจกรรมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งททท.ได้คัดเลือกขึ้นมา เพื่อนำไปให้สื่อต่างๆเลือกว่าต้องการเดินทางไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใด

รวมทั้งนำไปใช้ในการเสนอขายนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อโปรโมตแหล่งใหม่ๆที่ไม่เคยเดินทางเที่ยวมาก่อน นอกจากนี้ในวันที่ 23 มีนาคม 2553 จะมีการจัดโปรดักต์ สัมมนา ระยะเวลาครึ่งวันให้กับสื่อมวลชนต่างประเทศที่เชิญมา เพื่อเป็นการให้ข้อมูลทางด้านสินค้าหลักที่พร้อมเสนอขายของประเทศไทยในเชิงลึก โดยจะนำเสนอจุดขายด้านการท่องเที่ยวไทยใน 4 เรื่องโดยเชิญวิทยากรที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาร่วมเป็นวิทยากร

ได้แก่ 1.แนวโน้มการท่องเที่ยวแบบเฮลธ์แคร์หรือทัวร์เมคิคัลของไทย บรรยายโดยดร.ซาด็อก เล็มเพิร์ท บริษัทเมดิโค แมเนจเม้นท์ แอนด์ ทราเวิล เซอร์วิสเซส อินเตอร์เนชั่นแนลฯ 2.การท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชน บรรยายโดยนายปีเตอร์ ริชาร์ดส์ จาก Thailand Community-Based Tourism Institute หรือ(CBT-I) 3. ลักชัวรี โปรดักต์ ในประเทศไทย บรรยายโดยนายโสนุ ชีพดาซานี จากซิกซ์เซนส์ รีสอร์ท แอนด์ สปา และ4.ประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวในไทย บรรยายโดยนายแดเนียน มีเนอร์ และนางคริสทิน โกรทเฮาส์ จากบริษัทบางกอก แวนการ์ดส์ฯ ซึ่งงานสัมมนานี้ได้เลื่อนสถานที่จัดงานจากสหประชาชาติ เป็นห้องคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมรามาการ์เด้นส์แทน
ขณะที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ บริษัทจะดำเนินการครบรอบ 50 ปี ดังนั้นการบินไทยจึงได้ใช้โอกาสพิเศษนี้จัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ และพนักงานได้มีส่วนร่วมเฉลิมฉลองในวาระดังกล่าว รวมถึงการจัดกิจกรรมด้านซีเอสอาร์ เพื่อเสริมสร้างสิ่งดีๆแก่สังคม (ตารางประกอบ) โดยจะมีกิจกรรมมากมาย ใช้งบประมาณราว 50 ล้านบาท
ไม่ว่าจะเป็นการจัดเที่ยวบินรำลึกประวัติศาสตร์ 50 ปี ในวันที่1-3 พฤษภาคมนี้ ซึ่งการบินไทยจะนำเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลายสุพรรณหงส์แบบเดียวกับเครื่องบินลำแรกของการบินไทยเมื่อ 50 ปีที่แล้ว(เครื่องบินแบบDC-6)โดยจำลองเที่ยวบินแรกของการบินไทยในเส้นทางกรุงเทพฯ-ฮ่องกง และจัดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแต่งเครื่องแบบย้อนยุค โดยมีการจำหน่ายบัตรโดยสารพร้อมแพ็กเกจทัวร์รอยัล ออร์คิด ฮอลิเดย์ในเที่ยวบินพิเศษนี้ 3 วัน 2 คืน ราคาเริ่มต้นด้วย 19,750 บาท ทั้งยังมีการจัดนิทรรศการ 50 ปีระหว่างวันที่ 7-14 พฤษภาคมนี้ ณ เซ็นทรัล เวิลด์ เป็นต้น

รวมทั้งยังได้จัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขายและตอบแทนลูกค้า อาทิ เส้นทางบินจากออสเตรเลียมาไทย ขายตั๋วในราคา 500 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากญี่ปุ่นบินมาไทย 35,000 เยน จากยุโรปมาไทย 350 ยูโร และราคาสำหรับลูกค้าคนไทยในเส้นทางจากไทยไปญี่ปุ่น 13,500 บาท ไทยไปออสเตรเลีย 15,500 บาท ไปยุโรป 25,500 บาท โดยราคาดังกล่าวบินเที่ยวไปและกลับ ขณะที่เส้นทางในประเทศ จะขายราคา 2,000 บาทต่อเที่ยวบิน ในทุกเส้นทางบิน เริ่มจอง 1 -15 พ.ค.นี้ และสามารถใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค-30 มิ.ย.นี้ โดยโปรโมชันนี้จะถูกกว่าปกติราว 20-25%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,515 21 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2553
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 27 มีนาคม 2010, 23:07:41 »

วันพฤหัสบดี ที่ 25 มีนาคม 2553
ดูแข่งโปโลบนหลังช้างชิงถ้วยพระราชทาน... เชียงรายคึกคัก

มีทีมโปโลบนหลังช้างจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันครบครันจำนวน 12 ทีม จาก 8 ประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ฯลฯ















ดูข้อมูล ครับ ประวัติความเป็นมา วิธีการเล่น

ข้อมูลจากคุณอาคม แวะเข้าไปชมได้ ครับ  http://www.norsorpor.com/go2.php?t=m&u=http%3A%2F%2Fwww.oknation.net%2Fblog%2Fakom%2F2009%2F12%2F21%2Fentry-1

และ http://goldentriangle.anantara.com/Elephant-Polo
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 02 เมษายน 2010, 23:17:59 »

"เอสจีเอ"ยันเปิดบินเชียงราย-เชียงรุ่งแน่เร่งเดินเอกสารขอ"ปักกิ่ง"-เชื่อคนตรึม


เชียงราย - สายการบิน เอสจีเอยืนยันเดินหน้าแผนบินเชียงราย-เชียงรุ่ง เชื่อมั่นอนาคตสดใส หลังจีน อุ้มเต็มที่ด้วยเงื่อนไขฟรีสารพัดค่าธรรมเนียมในระยะแรก แต่อาจต้องเลื่อนกำหนดเปิดบินปฐมฤกษ์จาก 1 เมษาฯเป็นเดือนพฤษภาฯ หลังเอกสารติดขัดที่ "ปักกิ่ง" - นักบินขาด

นายวันชัย ช่วงชัยกิจการ รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดสายการบินเอสจีเอ เปิดเผย ว่า จากกรณีที่สายการบินประชาสัมพันธ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะให้บริการทำการบินโดยสารจากท่าอากาศยานเชียงรายไปยังสนามบินนานาชาติสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ล่าสุดต้องขอเลื่อนออกไปก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากเรื่องการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องภายในประเทศจีน และเรื่องจำนวนนักบิน

ที่ผ่านมาเอสจีเอได้เดินเรื่องเอกสารเกี่ยวกับระเบียบการเข้าออกเมืองไทย-จีนตอนใต้ ที่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน เรียบร้อยไปนานแล้ว แต่ยังติดขั้นตอนที่เมืองหลวงปักกิ่งของจีนอยู่ จึงทำให้แผนงานที่กำหนดไว้ต้องล่าช้าออกไป

นายวันชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องนักบิน ก่อนหน้านี้สายการบินได้ทำการบินระหว่างเชียงราย-เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน เป็นหลัก ต่อมาได้มีการขยายการให้บริการไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะอุดรธานี จึงต้องใช้นักบินไปเติมเต็มเส้นทางการบินใหม่ๆ ภายในประเทศมากขึ้น ดังนั้น จึงอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในด้านนักบินไปพร้อมๆ กัน

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เส้นทางการบินระหว่างเชียงราย-เชียงรุ่ง (จิ่งหง) ในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เอสจีเอจะเดินหน้าต่อไปแน่นอน และมีแนวโน้มว่าจะต้องเพิ่มไฟลต์บินจากวันละ 1 เที่ยวบินเป็น 2 เที่ยวบินด้วยซ้ำ แต่เบื้องต้นคงจะเริ่มต้นที่ 1 เที่ยวบินก่อน ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถทำการบินได้ราวเดือนพฤษภาคม 2553 นี้ ซึ่งจะประกาศชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

นายวันชัย ยังได้ยืนยันอีกว่า ทั้งนี้จากการประสานกับทางการจีนพบว่าทางการจีนยังคงให้การรับรองว่าสายการบินเอสจีเอ สามารถใช้เครื่องบินรุ่น 304 ขนาด 33 ที่นั่งบินจากท่าอากาศยานเชียงรายไปยังสนามบินนานาชาติสิบสองปันนาได้ รวมทั้งยังได้รับการอนุเคราะห์จากทางการสิบสองปันนาในด้านอื่นๆ เป็นอย่างดีเลิศด้วยไม่ว่าจะเป็นค่าลงจอดหรือแลนด์ดิ้ง และอื่นๆ ทำให้ทางสายการบินอาจจะคิดราคาค่าโดยสารเบื้องต้นจากเชียงราย-เชียงรุ่ง เที่ยวละประมาณ 5,000 กว่าบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ เพราะคำนวณต้นทุนแล้วพบว่า ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าแลนด์ดิ้งคงจะไม่มาก เนื่องจากได้รับการอนุเคราะห์จากทางการจีนตอนใต้อย่างเต็มที่ แต่คงจะเสียค่าใช้จ่ายสูงบ้างเมื่อต้นบินผ่านน่านฟ้าของ สปป.ลาว และยังค่าใช้จ่ายภายในประเทศไทยทั้งค่าพนักงาน ค่าเครื่องบินและซ่อมบำรุง รวมทั้งค่าภาษีการเดินทางออกนอกประเทศ เฉลี่ยคนละประมาณ 700 บาท และค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีกประมาณ 2,000 บาท

"เราพยายามจะลดค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ที่พอจะทำได้โดยเฉพาะค่าพนักงาน เพื่อให้ค่าโดยสารจากเชียงราย-จีนตอนใต้ มีราคาถูกลงและทำให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางได้โดยสะดวก เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคมนาคมระหว่างเชียงรายของไทยกับจีนตอนใต้ เพราะในอนาคตจะมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นผ่านเส้นทาง R3a ใน สปป.ลาว และยังจะมีรถไฟเชื่อมมาจาก อ.เด่นชัย จ.แพร่ ด้วย"

เขามองว่า การมีเส้นทางมากๆ ไม่ได้แย่งกัน แต่เป็นการเกื้อหนุนกัน เนื่องจากหากเศรษฐกิจดีและมีกิจกรรมด้านต่างๆ มากขึ้น ผู้คนต้องการทางเลือกในการเดินทางตามเส้นทางต่างๆ มากขึ้นเช่นกัน

นายวันชัย บอกว่า การทำการบินระหว่างเชียงราย-จีนตอนใต้ ยังอาศัยตรรกะของการทำการบินภายในประเทศ เพราะก่อนหน้านี้สายการบินเอสจีเอได้เปิดให้บริการการบินระหว่างเชียงราย-เชียงใหม่ เชียงใหม่-น่าน เชียงใหม่-อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยทำการบินวันละประมาณ 2 ไฟลต์ แต่ต่อมาได้ขยายไปยัง จ.อุดรธานี ผลปรากฏว่าการตอบสนองของผู้โดยสารเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ จนเชื่อว่าโอกาสในเชื่อมโยงการบินระหว่างภาคเหนือกับภาคอีสานของไทยมีอนาคตที่สดใสแน่นอน ดังนั้นการขยายจากภาคเหนือของไทยไปยังจีนตอนใต้ก็ย่อมเหมือนกันหรือคึกคักกว่า

เช่นเดียวกับเส้นทางบินอื่นๆ ที่คึกคักขึ้น โดยในปี 2552 พบว่า ผลลัพธ์การบินระหว่าง เชียงราย-เชียงใหม่ มีผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 40% ของที่นั่งแต่ละไฟลต์ แต่ในปัจจุบันทะลุขึ้นถึง 70-80% แล้ว ซึ่งแม้ว่าเส้นทางนี้อาจจะดูไม่คุ้มทุนมากนักก็ตาม แต่กรณีเส้นทางระหว่าง จ.เชียงใหม่-อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ปรากฏว่าทะลุถึง 100% เช่นเดียวกับการบินจากเชียงใหม่ไปยังอุดรธานีที่คึกคักไม่แพ้กัน

ดังนั้นในขณะนี้เราอาจมองว่าเชียงรายเป็นเพียงยุทธศาสตร์ที่เราต้องทำการบินภายในประเทศ แต่จากยุทธศาสตร์และโครงการพัฒนาต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จึงทำให้อนาคตการบินจากท่าอากาศยานเชียงรายไปยังจีนตอนใต้มีความสดใสอย่างมาก
รายงานข่าวแจ้งก่อนหน้านี้สายการบินเอสจีเอได้เตรียมเครื่องบินรุ่น 304 ขนาด 33 ที่นั่ง จากประเทศออสเตรเลีย เอาไว้จำนวน 2 ลำ เพื่อจะนำมาทำการบินจากท่าอากาศยานเชียงราย-เมืองเชียงรุ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป หลังจากก่อนหน้านี้ใช้เครื่องบินขนาด 12 ที่นั่งทำการบินให้บริการระหว่าง จ.เชียงราย-เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน-น่าน-อุดรธานี

ในช่วงที่ MR.Jiang Pusheng เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำสิบสองปันนา และประธานสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศสิบสองปันนา ไปเยือน จ.เชียงราย ได้รับปากว่า หากสายการบินเอสจีเอ ทำการบินจริงในปีแรกจะยกเว้นค่าใช้จ่ายทุกอย่างทั้งค่าจอด ค่าตรวจ ฯลฯ ส่วนปีที่ 2 จะเก็บในอัตรา 50% ปีที่ 3 เก็บ 80% ปีที่ 4 ขึ้นไปจึงจะเก็บ 100% ซึ่งเงื่อนไขนี้ยังสามารถเจรจากันได้อีก

โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 2 เมษายน 2553 12:47 น
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,112


« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2010, 14:53:10 »

วันที่ 8 เมษายน 2553 04:04สะพานข้ามน้ำโขงที่4 เชียงของ-ห้วยทราย จะวางศิลาฤกษ์20-22พ.ค.


โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

นายวิรัตน์ แสนอุดม ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงรายที่ 2 เปิดเผยว่า แม้ว่าหมายกำหนดการการวางศิลาฤกษ์สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ระหว่างอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว จะยังไม่ชัดเจน แต่จากกำหนดการต่างๆที่ระบุไว้ คาดว่าไม่น่าจะเกินวันที่ 22 พฤษภาคม 2553 นี้แน่นอน ส่วนสาเหตุที่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่ชัดเจนได้ขณะนี้ เนื่องจากว่าอาจมีความคลาดเคลื่อนในหมายกำหนดการเล็กน้อย จึงยังไม่มีการกำหนดวันเวลาที่แน่ชัด เพราะทุกอย่างได้เตรียมการไว้แล้ว อีกทั้ง ขณะนี้เหลือเพียงการการจัดการพื้นที่การเวนคืนที่ดินของชาวบ้าน หากสามารถแก้ไขปัญหานี้แล้วเสร็จ ก็น่าจะสมบูรณ์ทุกอย่าง

สำหรับขณะนี้ได้ทำการปรับพื้นที่เตรียมงานทั้งหมดไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ หรือที่พักต่างๆ ซึ่งเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ตามแบบ จะเหลือก็เพียงแต่การวางศิลาฤกษ์ เพื่อก่อสร้างเท่านั้น และหากวางศิลาฤกษ์เสร็จก็น่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดการอย่างแน่นอน

"กำหนดการวางศิลาฤกษ์ประมาณวันที่ 20-22 พฤษภาคมนี้ อาจจะเป็นวันใดวันหนึ่ง เพราะยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่ชัดเจนได้ขณะนี้ เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นประธานในพิธี จะต้องเสด็จเยือนทางใต้ของ สปป.ลาวในช่วงเดียวกัน จึงยังไม่มีการกำหนดวันเวลาที่แน่นอนออกมาขณะนี้" นายวิรัตน์ กล่าว


http://www.bangkokbiznews.com/home/d....ค..html
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ... 37 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!