ปัดฝุ่นโปรเจ็กต์ยุค'ทักษิณ'ผุดนิคมฯเชียงของ
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2011 เวลา 09:36 น.
กนอ. ปัดฝุ่นโปรเจ็กต์ยุครัฐบาลทักษิณ กดปุ่มสตาร์ตนิคมอุตสาหกรรมเชียงของอีกรอบ หลังถูกเบรกไปกว่า 4 ปี เตรียมตีปี๊บระดมทุนไทยผนึกทุนมังกร เร่งพัฒนาพื้นที่ 16,000 ไร่ ดันเชียงรายเป็นประตูเชื่อมอาเซียน-จีน บนเส้นทาง R3A รับเออีซี ตั้งธงเน้นอุตฯสะอาด อุตฯไฟฟ้าฯ ยาง แปรรูปเกษตรและยา เป็นเป้าหมายหลัก ภาคเอกชนขานรับแต่ยังห่วงทุนจีนไม่สนจริง
ดร.วีรพงษ์ ไชยเพิ่ม รองผู้ว่าการ (ยุทธศาสตร์และการเงิน) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้ กนอ. เตรียมที่จะผลักดันโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิต การค้า และบริการขนส่ง รวมถึงเป็นประตูการค้า การลงทุนเชื่อมโยงไปสู่สหภาพพม่า สปป.ลาว และจีน (ยูนนาน)
โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและจีน (ยูนนาน) ครั้งที่ 4 ได้มีการหารือถึงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวนี้และค่อนข้างได้รับความสนใจจากทางการจีน
ทั้งนี้นิคมอุตสาหกรรมเชียงของเป็นโครงการที่จะพัฒนาในลักษณะเอกชนร่วมดำเนินการ ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมเรียบร้อยแล้วแต่ต้องหยุดหยุดชะงักไปกว่า 4 ปี เนื่องจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก ประกอบกับความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ในมาตรา 67 วรรค 2
อย่างไรก็ตาม กนอ. จะเริ่มสตาร์ตโครงการนี้อีกครั้ง เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่สอดรับกับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 ประกอบกับมีความพร้อมในเส้นทางคมนาคมคือเส้นทาง R3A ที่พัฒนาเป็นถนน 4 เลนเชื่อมถึงจีนเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจากจีนด้วย โดย กนอ. จะดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม และเชื่อว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญ
ดร.วีรพงษ์ กล่าวด้วยว่า โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอำเภอเชียงของดังกล่าวเป็นโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียงราย เพื่อรองรับเส้นทางสาย R3A และสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2555 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นหนึ่งในแผนงานพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญของกรอบความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Sub-region: GMS) เพื่อเชื่อมโยงไทย-พม่า-สปป.ลาว-จีนด้วย
ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมเชียงของจะมีพื้นที่ประมาณ 16,000 ไร่ ครอบคลุมตำบลสถาน และตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย มีรูปแบบการพัฒนาโครงการเป็น 2 ส่วน คือ 1. พื้นที่สถานีขนส่งและกระจายสินค้า มีองค์ประกอบหลักคือ สำนักงานส่วนกลาง และพื้นที่สถานีขนส่งและกระจายสินค้า และ 2. พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม มีองค์ประกอบหลักคือ สำนักงานส่วนกลาง พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่สาธารณูปโภค และพื้นที่สีเขียว (Buffer)
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายนั้น จะมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเบื้องต้นมองว่าอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อุตสาหกรรมยาง และอุตสาหกรรมยา ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่จีนต้องการขยายการเติบโต ทั้งนี้การเข้ามาลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการจีน มี 2 รูปแบบ คือ การเข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนานิคมอุตสาหกรรม หรือเข้ามาเป็นผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชียงของจะเป็นไปในลักษณะนิคมอุตสาหกรรมที่เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการ จึงอาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาตามความเหมาะสมด้านการลงทุนซึ่งอาจแตกต่างจากผังเดิมที่ กนอ. ได้ทำการศึกษาไว้ ทั้งนี้หากโครงการดังกล่าวนี้เดินหน้าไปได้และมีผู้สนใจเข้ามาลงทุนอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะใช้เวลาในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมประมาณ 2 ปี
ด้าน นายทวิช เตชะนาวากุล รักษาการเลขาธิการสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด ผู้บริหาร นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค) และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเทค นิทซู (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมานิคมอุตสาหกรรมเชียงของซึ่งมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กระจายสินค้าและบริการโลจิสติกส์ในภาคเหนือใช้เวลาผลักดันโครงการมาค่อนข้างนาน แต่เชื่อว่าหากมีทุนจีนเข้ามาลงทุนจะทำให้นิคมนี้เกิดขึ้นได้
นายยุทธพงศ์ จีรประภาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ กล่าวว่า การเปิดนิคมอุตสาหกรรมเชียงของนั้น ผู้ประกอบการเห็นด้วยกับโครงการและต้องการให้เกิด แต่ต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าทุนจีนให้ความสำคัญมากน้อยเพียงใด เพราะมีข้อมูลจากสายงานเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่าจีนค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเส้นทางขนส่งทางจังหวัดหนองคายมากกว่า เพราะสามารถแยกไปเวียดนามและกัมพูชาได้
นอกจากนี้จากที่มีกระแสต่อต้านกรณีจีนมีแผนจะเข้ามาลงทุนทำศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ในเขตบางนา ประกอบกับไทยมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 67 วรรค 2 ที่ทำให้การลงทุนจะต้องมีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) ยังส่งผลให้จีนต้องคิดถึงประเด็นนี้อย่างรอบคอบหากต้องการเข้ามาลงทุน
อย่างไรก็ตาม มองว่านิคมอุตสาหกรรมเชียงของมีศักยภาพในแง่เส้นทางการขนส่งที่มีทั้งถนนสาย R3A และเส้นทางรถไฟที่เชื่อมจากเด่นชัยถึงเชียงรายซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะขยายถึงเชียงของ เมื่อมีความพร้อมด้านโลจิสติกส์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำนิคมอุตสาหกรรมก็เป็นไปได้ที่นิคมอุตสาหกรรมเชียงของจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เมื่อทุนจีนซึ่งเป็นทุนใหญ่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว ผู้ประกอบการไทยจะสามารถขายอะไรให้กับจีนได้บ้าง เพราะการค้าการลงทุนควรได้ผลประโยชน์ทาง 2 ทาง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,661 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554
http://www.thanonline.com/index.php?...-45&Itemid=417