ต่างชาติ-ไทยผวารังสี-สึนามิ - สงคราม!!! “ไทย” เสียบ ดูดเงินนักท่องเที่ยวโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 24 มีนาคม 2554
ทัวร์-โรงแรม ระบุ
เชียงใหม่-พัทยา ยอดกระฉูด
ด้านความเคลื่อนไหวของเอกชน ล่าสุด ประสิทธิ สิงห์ดำรง นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า สงกรานต์นี้ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งปรกติมีสัดส่วนราว 10% จะไม่เดินทางมาในช่วงนี้ ทำให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะลดลง 5-10% เหลือประมาณ 80% คาดว่าปัจจัยหลักนอกจากญี่ปุ่นที่งดเดินทางแล้ว ยังเป็นเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติตลาดหลักอย่างยุโรปนิยมเดินทางไปต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ สมุย มากกว่า การจัดงานสงกรานต์ถนนข้าวสารปีนี้ 4 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 12-15 เมษายน ทั้งนี้ หลังจากผ่านเหตุการณ์ความไม่สงบบนถนนราชดำเนินเมื่อปีที่แล้ว ผู้ประกอบการต่างๆ เริ่มฟื้นฟูธุรกิจระหว่างปีที่ผ่านมา ทำให้ย่านข้าวสารมีห้องพักใหม่เพิ่มไม่ต่ำกว่า 20%
ส่วน สราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าสงกรานต์ปีนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มราว 10% ตลาดที่เพิ่มขึ้นคือ คนไทยและเอเชียจากจีนและเกาหลี ขณะที่ตลาดต่างชาติที่ยังได้รับผลกระทบคืออเมริกา ที่ปรกติมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากภาวะเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับตลาดอันดับ 2 อย่างญี่ปุ่น ที่ปรกติเดินทางเข้ามาเชียงใหม่ราว 1 แสนคนต่อปี จะชะลอการเดินทางช่วงสงกรานต์นี้แน่นอน
ประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ในช่วงสงกรานต์นี้จุดหมายที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ภูเก็ต มีแนวโน้มอัตราเข้าพัก 80-85% ขึ้นไป เนื่องจากได้ชาร์เตอร์ไฟลต์นำนักท่องเที่ยวจากจีน ส่วนเชียงใหม่ยังมีลูกค้าคนไทยเป็นหลัก อัตราเข้าพักราว 70-75% แต่ในภาพรวมทั้งประเทศคาดว่าทุกพื้นที่ทั้งเชียงใหม่ พัทยา จะมีอัตราเข้าพักดีขึ้น 15-20% เทียบกับเมษายนปีที่แล้วซึ่งเกิดเหตุไม่สงบในกรุงเทพฯ
สำหรับอัตราเข้าพักเฉลี่ยเดือนมีนาคม เฉลี่ยทั้งประเทศ 65-70% ส่วนโรงแรมในกรุงเทพฯ อัตราเข้าพักราว 75-80% ซึ่งลดลงกว่าเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายไฮซีซัน แต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม มีโอกาสกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศเพิ่ม หลังจากที่ส่วนหนึ่งไม่สามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้ และเลือกไปจุดหมายอื่น เช่น จีน เกาหลี แทน
เปิด 10 แหล่งท่องเที่ยวแปลกใหม่เอเชีย
จากสถานการณ์ผวากัมมันตภาพรังสีและสึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้บรรดาขาเที่ยวทั้งหลายต้องแสวงหาพื้นที่ใหม่เพื่อจะได้ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ทาง “อโกด้า” บริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์สำรองห้องพักในโรงแรมแบบออนไลน์ยอดนิยม ได้ทำการคัดเลือกแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดแปลกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในเอเชียประจำปี 2554 มา 10 แห่ง ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศ บรรยากาศ วัฒนธรรมที่หลากหลาย และประสบการณ์ท่องเที่ยวครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็น สนุกสนาน โรแมนติก ผจญภัย ผ่อนคลาย เงียบสงบ ให้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
จุดหมายปลายทางบางแห่งเป็นเมืองที่คึกคัก บางแห่งเป็นเกาะซึ่งอยู่ห่างไกล แต่ทุกแห่งล้วนมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมเฉพาะตัวที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง
สำหรับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่แห่งปี 2554 ประกอบด้วย
1.เกาะฟู้ก๊วก ประเทศเวียดนาม เกาะฟู้ก๊วกเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาอยู่ท่ามกลางป่าเขตร้อน ในเดือนกรกฎาคม 2553 อุทยานแห่งชาติฟู้ก๊วกได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในเขตสงวนชีวมณฑลโลกขององค์การยูเนสโก เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้และระบบนิเวศทางทะเลอันหลากหลาย
2.ทาคายามา ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโตเกียว ในบริเวณเทือกเขาของจังหวัดกิฟุ สถานที่แห่งนี้มักเรียกกันในชื่อฮิดะทาคายามา เป็นเมืองประวัติศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สูงของเทือกเขา มีอากาศสดชื่นและท้องฟ้าแจ่มใส
3.สุรากาตาร์ (โซโล) ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในเกาะชวาตอนกลาง 60 กิโลเมตรจากยอร์กยากาตาร์ เป็นที่รู้จักมากกว่าในชื่อโซโล (Solo) เป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 800,000 คน ที่แม้จะไม่ถึงขนาดเป็นขุมทรัพย์แห่งการท่องเที่ยว แต่โซโล ก็เป็นเมืองที่มีความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวมีโอกาสมากมายในการได้ศึกษาประวัติศาสตร์และประเพณีของชวาอย่างละเอียด ศิลปะการทำผ้าบาติกหยั่งรากลึกในวัฒนธรรมโซโล จนถึงกับมีการจัดเทศกาลผ้าบาติก (Solo Batik Carnival) ขณะที่นอกเมืองก็มี Prambanan สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของฮินดูที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก
4.เกาะหลีเป๊ะ ประเทศไทย เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะเล็กๆ แห่งทะเลอันดามัน ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล 5.บาเกียว ประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ระยะทาง 730 กิโลเมตร เป็นเมืองแห่งป่าสนภูเขาที่มีอากาศเย็นสบาย มหาวิทยาลัย เหมืองแร่ นาขั้นบันได และถนนที่คดเคี้ยวตัดผ่านทิวเขา
6.นูวารา เอลิยา ประเทศศรีลังกา อยู่บริเวณตอนกลางของศรีลังกา สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,900 เมตร ถือเป็นเมืองบนเขาสไตล์โคโลเนียลในอดีต ตั้งอยู่ใจกลางศรีลังกา ประเทศแห่งชา ห่างจากเมืองแคนดี 40 กิโลเมตร และจากเมืองหลวงโคลัมโบ 180 กิโลเมตร ทางรถยนต์
7.เชจู ประเทศเกาหลีใต้ เกาะเชจูอยู่ในคาบสมุทรเกาหลี ตอนใต้ของประเทศเกาหลีและทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น เป็นเกาะภูเขาไฟที่มีภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อน ป่าดิบ ถ้ำลาวา น้ำตก ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟแห่งเดียวของประเทศ และภูเขาฮัลลา (Halla) ที่สูงที่สุดในเกาหลี
8.จันทบุรี ประเทศไทย ตั้งอยู่ริมอ่าวไทย มีพรมแดนติดกับกัมพูชา และติดกับจังหวัดระยองและตราด เป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางภูมิประเทศและมีสินแร่ที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยสวนผลไม้ น้ำตก ภูเขาและถ้ำหินปูน ป่าดิบชื้น และชายหาดเป็นแนวยาว นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ยังมีตลาดและร้านจำหน่ายอัญมณี วัด เจดีย์ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์และทางศาสนาอีกหลายแห่งเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว
9.กวนตัน ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย ประมาณ 200 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัวลาลัมเปอร์ ชายหาดของกวนตัน มัสยิดประจำเมืองกวนตัน มาเลเซียเป็นสถานที่พักผ่อนที่วิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยหน้าผาและหาดทรายขาวอันเงียบสงบ ในตัวเมืองมีประชากรประมาณ 600,000 คน และยังคงมีบรรยากาศแบบเมืองชนบทเล็กๆ
10.จูไห่ ประเทศจีน ตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล พรมแดนทางทิศใต้ติดกับมาเก๊า เป็นเมืองริมทะเลที่สะอาดและสวยงาม ด้วยทางเดินเลียบริมน้ำที่น่าดึงดูดใจ ชายหาด เกาะ และทิวทัศน์ยามเย็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ
แหล่งเที่ยวทะเลไทยมั่นใจยอดนักเที่ยว
ภูเก็ต พัทยา กระบี่ ยืนยันนักท่องเที่ยวยังเดินหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล พร้อมมั่นอกมั่นใจผลกระทบจะกลายเป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
สมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผลกระทบจากสึนามิของญี่ปุ่นเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากเขามองว่าเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตมีการซักซ้อมในเรื่องสึนามิเป็นอย่างดีจึงมั่นใจได้
ส่วนคนไทยนั้นก็อาจจะกระทบกับคนบางกลุ่ม แต่คนที่มีข้อมูลเพียงพออยู่แล้วเขาจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นไม่มีผลกระทบต่อภูเก็ต นอกจากนี้ การที่ไทยเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนไทยรู้จักที่จะตั้งรับ และการมีหอกระจายข่าวเตือนภัยก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยเหลืออย่างหนึ่ง
สำหรับปริมาณนักท่องเที่ยวไทยที่เข้ามาในภูเก็ตช่วงนี้มีประมาณ 10-15% เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นทำให้หาที่พักได้ยาก แต่หลังจากเดือนเมษายนไปแล้วจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวไทยเข้ามามากคาดว่าจะมีตัวเลขอยู่ที่ 20-25%
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวหากต้องการมาเที่ยวทะเลเขาต้องมาที่อ่าวไทยหรืออันดามันอยู่แล้ว ดังนั้น คนที่กลัวไม่ว่าจะทำโปรโมชั่นยังไงเขาก็ไม่มา แม้แต่จะให้ฟรีก็ตาม ส่วนคนที่มาเขาอาจจะไม่กลัวกับเหตุการณ์หรือเขามั่นใจในเครื่องเตือนภัยก็เป็นได้ ดังนั้น โปรโมชั่นที่สมาคมฯจะทำเป็นโปรโมชั่นที่กระตุ้นตลาดจะไม่ใช่โปรโมชั่นที่ออกมาเพื่อดึงคนที่กลัวสึนามิให้เข้ามาพัก
อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการที่มีนักวิชาการหรือหมอดูออกมาทำนายว่าประเทศไทยจะเกิดสึนามินั้น ข่าวแบบนี้มีผลต่อการตัดสินใจมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งสิ้นซึ่งให้ภาพทางลบ แต่ก็ให้ภาพทางบวกในแง่ของการเป็นการเตือนให้นักท่องเที่ยวรู้จักการระมัดระวังตัวในการเดินทาง รวมทั้งผู้ประกอบการเองก็ต้องระวังตัว
“จริงๆ แล้วการออกข่าวแบนี้ก็เท่ากับเป็นการเตือนภัยอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ประกอบการเขาก็มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่คอยเตือนภัยไว้แล้ว ซึ่งจะเตือนภัยก่อนที่จะเกิดคลื่นสึนามิได้ล่วงหน้าเป็นชั่วโมง และผู้ประกอบการก็มีการซักซ้อมในเรื่องนี้ตลอดเวลา มีป้ายแนะนำบอกว่าจะหนีไปยัง”
ทั้งนี้ ในช่วงหน้าไฮซีซั่นนี้จะมีนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นชาวสแกนดิเนเวียเข้ามาพัก 70-80% เนื่องจากต่างชาติไม่ค่อยกลัวเรื่องภัยพิบัติ และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ส่วนคนไทยจะมาพักช่วงโลว์ซี่ชั่นหรือหลังสงกรานต์หรือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมประมาณ 10-20% ซึ่งช่วงหน้าไฮซีซั่นจำนวนผู้เข้าพักโรงแรมอยู่ที่ 70-90% จากจำนวนทั้งหมด 15,000 ห้อง
อย่างไรก็ตาม หากปริมาณนักท่องเที่ยวไทยช่วงโลว์ซีซั่นมีปริมาณลดลงจากปัญหาสึนามินั้น สมาคมฯก็ไม่มองหาการทำตลาดใหม่ๆ ไว้แล้ว โดยตลาดที่จะเข้าไปจับคือตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลย์และสิงคโปร์ ซึ่งจะทำตลาดผ่านงานท่องเที่ยวของเขา ที่ผ่านมาก็มีการทำตลาดนี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
อิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า การเกิดสึนามิที่ญี่ปุ่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไทย แต่ยังส่งผลด้านดีด้วยซ้ำ เพียงแต่กระทบในเรื่องคนญี่ปุ่นไม่มาเที่ยวเมืองไทยเท่านั้นเอง ส่วนคนญี่ปุ่นที่พอจะมีเงินเขาก็ยังบินออกนอกประเทศอยู่ดี
ส่วนการคาดการณ์ว่าจะเกิดสึนามิในไทยนั้น พัทยาเป็นเมืองชายทะเลที่อยู่ด้านอ่าวไทยซึ่งไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอน ถ้าจะมีก็จะเป็นฝั่นอันดามันมากกว่า สำหรับคนไทยที่ต้องการเที่ยวพัทยาก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ เห็นได้จากที่ผ่านมาการจัดกิจกรรมของพัทยาก็ได้รับการตอบรับอย่างดี อย่าง พัทยามิวสิคเฟสติวัล ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวไทยมีสัดส่วน 40% ต่างชาติ 60% ในช่วงไฮซีซั่น ส่วนช่วงโลว์ซีซั่นจะอยู่ที่สัดส่วน 50 ต่อ 50
“เรามั่นใจว่าพัทยาปลอดภัย 99% เพราะถ้าดูตามแนวธรณีวิทยาแล้วพัทยาไม่มีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ แต่เราไม่อยากบอกว่าเรามั่นใจ 100% แต่เราก็มีการเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือกับสึนามิ”
อย่าง การมีหอกระจายข่าว หอเฝ้าระวัง หอตรวจการเมืองพัทยา พัทยาเป็นท้องถิ่นไม่กี่แห่งที่มีหน่วยกู้ภัยทางทะเลถึง 4 แห่ง และมีอุปกรณ์กู้ภัยต่างๆ พร้อม แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำคือการซักซ้อมในการหนีภัยหรืออพยบเท่านั้นเอง
สำหรับการทำโปรโมชั่นนั้นขณะนี้ไม่มีการทำเพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นจะทำอีกทีก็ช่วงโลซีซั่น หรือเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมจะมีการจัดงานพัทยาแกรนด์เซล ซึ่งปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ 1 แถม 1 หรือลด 50% ทั้งห้างสรรพสินค้าและโรงแรม ปีนี้ก็อาจจะปรับเป็นซึ้อ 2แถม 2 ก็ได้ เนื่องจากการลดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ตอบรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
นานาทัศนะ “สึนามิ” กับการท่องเที่ยวไทย
ปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาที่ว่าจะเกิดสึนามิในประเทศไทยนั้น ไม่อยากให้ทุกคนต้องตื่นตระหนก ไม่อยากให้กลัวไปเอง แม้ว่าฝั่งอันนามันจะอยู่ตรงรอยเลื่อนก็ตาม แต่คิดว่าไม่น่าจะสร้างปัญหาให้คนไม่อยากไปเที่ยว
สำหรับความต้องการเดินทางเที่ยวภายในประเทศนั้น เท่าที่ดูจากการจัดงานไทยเที่ยวไทยก็ยังมีคนจองไปท่องเที่ยวกันอยู่มาก และคนก็ยังจองไปเที่ยวทะเลภาคใต้เหมือนเดิม
อดุลชัย รักดำ นายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (ATTO) กล่าวว่า เหตุการณ์สึนามิยังเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในใจคนไทยมาตลอด เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นก็ย่อมส่งผลกับคนไทยเช่นกัน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาการจองเพื่อไปท่องเที่ยวในจังหวัดภาคใต้กับบริษัทนำเที่ยวตอนนี้สงบมาก ไม่มีการขยับเลยโดยเฉพาะจังหวัดกระบี่
ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่ค่อยมีการจองอาจเป็นเพราะสงกรานต์เป็นวันครอบครัว และส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวปัจจุบันนิยมเดินทางไปด้วยตัวเองมากกว่า ดังนั้น จังหวัดที่เขาจะไปจะเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกล และสามารถขับรถไปเองได้ เช่น เที่ยว 2 วัน 1 คืน 3 วัน 1 คืน ทำให้การใช้บริการของบริษัททัวร์ลดลง
นอกจากนี้ เหตุการณ์สึนามิทำให้เขาระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะถ้าไปเที่ยวเขาจะไปกับครอบครัว เขาจึงต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะเดินทาง
ที่สำคัญการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปีนี้ก็มีการหันมาส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวในภาคอีสานโดยเริ่มโครงการเดือนเมษายนถึงกันยายน และมีการส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวภาคเหนือ โดยเริ่มโครงการเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงกรีนซีซันพอดี
สำหรับการส่งเสริมการตลาดของภาคใต้ก็มีการทำอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาเรื่องสึนามิก็ยังฝังใจนักท่องเที่ยวเช่นกัน ดังนั้น ก่อนจะเดินทางไปไหน นักท่องเที่ยวจะศึกษาข้อมูลและคิดไตร่ตรองมากขึ้น
เจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวที่มีแผนจะเดินทางไปญี่ปุ่นได้ยกเลิกการเดินทางหมดแล้ว 100% คาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาอีกครั้งเมื่อกลับสู่ภาวะปรกติแล้ว โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถ้าเขาไม่ยกเลิกการเดินทางเขาก็ขอเปลี่ยนเส้นทางแทน ซึ่งเส้นทางที่เลือกไปแทนก็มีทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลี ยุโรป รัสเซีย หรืออเมริกา
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวว่าต้องการเปลี่ยนไปเส้นทางใด แต่เชื่อว่าปริมาณที่แต่ละเส้นทางรองรับก็มิได้มีมาก อย่างเกาหลี การเดินทางปรกติอยู่ที่ 85% แล้วเส้นทางนี้ก็พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนเส้นทางอีกแค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายในการเดินทางในเส้นทางใหม่ๆ อาจจะสูงกว่าเดินทางไปญี่ปุ่นเล็กน้อย บางแห่งก็อาจจะต่ำกว่า
โดยการจะเลือกเปลี่ยนเป็นเส้นทางใดจะต้องดูงบประมาณและการขอวีซ่าด้วย แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้ก็ไม่น่าจะติดปัญหาเรื่องการขอวีซ่าไปประเทศอื่นๆ ซึ่งคาดการณ์ว่าปีนี้เส้นทางท่องเที่ยวยุโรป และอเมริกาจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากที่ 3 ปีที่ผ่านมาตกต่ำลง เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจของไทยเติบโตขึ้นและค่าเงินบาทที่แข็งตัว
มัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีความเข้าใจและรู้จักการเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวกันมากขึ้น ดังนั้น ถ้ามีข่าวสารอะไรเขาจะเช็กก่อนเดินทาง ถ้าเขามองว่าไปไม่ได้เขาก็จะหยุดการเดินทาง ถ้าไปได้ก็ไปต่อ
“การจะยกเลิกการเดินทางมีต่ำมาก เพราะเวลาเขาซื้อห้องพักไม่ได้มีการระบุวันที่จะไป ไปเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเขาเห็นช่วงนี้ไม่ปลอดภัยเขาก็จะไม่ไป”
สำหรับการทำโปรโมชั่นในช่วงนี้ต้องบอกว่าไม่อยากเห็นการเทกระจาดสินค้าไทย ถ้าทุกคนเทกระจาดกันหมดจะทำให้การท่องเที่ยวไทยเสีย แต่อยากให้ขายสินค้าตามจริง อย่างไรก็ดี เชื่อว่าฤดูร้อนนี้คนยังนิยมท่องเที่ยวทะเลอย่างแน่นอน ส่วนปัญหาเรื่องสึนามิที่จะเกิดขึ้นกับจังหวัดชายทะเลต้องบอกว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวปัจจุบันเขาจะตรวจสภาพอากาศก่อนการเดินทางอยู่แล้ว
http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9540000037363