วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4258 ประชาชาติธุรกิจ
มิติม้าเหล็กไทย(1)
คอลัมน์ หนึ่งคิดหนึ่งทำ
โดย สันติ โยนกพันธ์, ชนายุส ตินารักษ์
แผนการลงทุน 1.76 แสนล้านบาทเพื่อปรับโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย และการจับมือกับจีนสร้างโครงข่ายรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมโยงประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสัญญาณแห่งความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมากที่สุดของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เริ่มดำเนินการมาเมื่อ พ.ศ. 2439 ซึ่งนับถึงปัจจุบันก็กว่า 113 ปี
ผลลัพธ์มนตรา 1.76 แสนล้าน
งบประมาณมหาศาลย่อมหวังผลที่ดีงาม เรื่องที่เห็นได้ง่ายคือคุณภาพใหม่ในการบริการผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าสัมผัสได้ รวดเร็วขึ้น มีความถี่ของขบวนรถไฟมากขึ้น
มาตรฐานใหม่ที่การรถไฟฯมั่นใจว่าทำได้คือ รถไฟเพิ่มความเร็วถึงระดับ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในการขนส่ง ผู้โดยสาร และ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในการขนส่งสินค้า และมีขบวนรถไฟบริการมากขึ้น
ความมั่นใจนี้มาจากการเปลี่ยนไม้หมอนรางรถไฟจากไม้หมอนไม้เป็นไม้หมอนคอนกรีต ปรับปรุงทางวิ่งปรับปรุงสะพาน ติดตั้งอาณัติควบคุมการเดินรถเป็นแบบสัญญาณอัตโนมัติ ติดตั้งเครื่องกั้นการจราจรทางถนนทุกจุดที่ถนนตัดผ่านทางรถไฟ และติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ รวมทั้งผลบวกจากการลงทุนสร้างทางรถไฟทางคู่เพิ่มขึ้นระยะเร่งด่วน 767 กิโลเมตร
เพื่อลดการสับหลีกรถไฟทำให้รถไฟวิ่งได้ต่อเนื่อง การจัดซื้อหัวรถจักรใหม่ ซ่อมหัวรถจักรเดิม จัดซื้อรถโดยสารรุ่นใหม่เพิ่มเติม ทั้งหมดนี้ดำเนินการบนโครงข่ายรางรถไฟขนาดเท่าเดิมกว้าง 1 เมตร และในช่วงเวลาเดียวกันรถไฟไทยเปิดมิติใหม่ในเรื่องการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ไทยจีนใกล้กันแค่นี้เอง
การรถไฟฯมีโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านดังนี้
เส้นทางสายใต้ความยาวประมาณ 1,900 ก.ม. เริ่มต้นที่กรุงเทพฯ ตรงไปสุราษฎร์ธานี แล้วแยกออกเป็น 2 เส้นทาง ทางแรกไปภูเก็ต ส่วนอีกทางผ่านหาดใหญ่ ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ และไปสิ้นสุดที่ประเทศสิงคโปร์
เส้นทางสายเหนือความยาวประมาณ 1,100 ก.ม. เริ่มต้นที่กรุงเทพฯไปนครสวรรค์ ตาก จากนั้นแยกออกเป็น 2 ทาง ทางแรกไปนครย่างกุ้ง อีกทางหนึ่งไปเชียงใหม่ เชื่อมต่อไปยังเชียงราย และเมืองคุนหมิง ประเทศจีนในอนาคต
เส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ความยาวประมาณ 600 ก.ม. เริ่มจากกรุงเทพฯ ผ่านนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคายไปสุด ณ เมืองเวียงจันทน์ สามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองคุนหมิงประเทศจีน และฮานอยประเทศเวียดนามในอนาคต
เส้นทางสายตะวันออก ความยาวประมาณ 800 ก.ม. เริ่มจากกรุงเทพฯ ผ่านฉะเชิงเทราไปยังระยอง ต่อไปเชื่อมถึงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และไปสุดสายที่เมืองโฮจิมินหซิตี ประเทศเวียดนาม
ประเทศจีนสนใจร่วมลงทุนกับไทยในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ สายตะวันออก และสายใต้ ความคืบหน้าในเรื่องนี้มีการสำรวจเส้นทางร่วมกันและ เริ่มต้นกรอบเจรจาความร่วมมือเพื่อให้สภาผู้แทนฯพิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้ทางจีนได้ร่วมทุนกับลาวสร้างทางรถไฟขนาดมาตรฐานจากชายแดนจีนมายังนครเวียงจันทน์แล้ว
เมื่อโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงสร้างเสร็จ จีนกับไทยจะใกล้กันนิดเดียว ความสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ ระหว่างไทย-จีนและประเทศเพื่อนบ้านมีโอกาสพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูงภายในเวลาไม่ถึง 1 วัน
หน่วยธุรกิจหมัดเด็ดการบริหารใหม่
ขณะเดียวกันการรถไฟแห่งประเทศไทยมีการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารใหม่เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานประกอบด้วย 3 หน่วยธุรกิจภายใน (business unit) และ 1 บริษัทลูก ได้แก่ หน่วยธุรกิจการเดินรถ หน่วยธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน หน่วยธุรกิจการซ่อมบำรุง บริษัทดำเนินโครงการ Airport Rail Link โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยถือหุ้นทั้งหมด รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานส่วนกลางที่ดูแลงานโครงสร้างพื้นฐานและอำนวยการการทำงานของ 3 หน่วยธุรกิจภายใน
แนวคิดของหน่วยธุรกิจที่สำคัญคือประสิทธิภาพ โดยมีการวัดผลการประกอบการ และผลสัมฤทธิ์ในการทำงาน ตามภารกิจของแต่ละหน่วยธุรกิจ ทั้งนี้หน่วยธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน ซึ่งบริหารจัดการ "ที่ดินรถไฟ" ได้รับการจับตามองมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาการรถไฟฯมีแผนการเบื้องต้นในการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสัน ย่านพหลโยธิน และย่านสถานีแม่น้ำ รวมทั้งที่ดินบริเวณสถานีรถไฟหัวเมืองสำคัญ เช่น เชียงใหม่และหาดใหญ่ เป็นต้น
เมื่อโครงการการบริหารจัดการใหม่เริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม 2553 นี้ หน่วยธุรกิจการบริหารทรัพย์สินได้เวลาเดินหน้าแผนพัฒนาที่ดินรถไฟเสียที หลังจากเงื้อง่าราคาแพงมาแสนนาน
ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ส่งผลให้ม้าเหล็กไทยที่เก่าแก่ชราภาพ เจ็บป่วย ใกล้ทุพพลภาพ จักมีฤทธิ์มีเดชขึ้นใหม่ เหมือนปลุกเสกม้าแกลบให้เป็นม้านิลมังกร (ม้าของสุดสาครในเรื่องพระอภัยมณี) แต่ม้าต้องมีคนขี่
ดังนั้น จุดสำคัญคือการเตรียมบุคลากรรองรับ ?
หน้า 31
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02hmc02011153§ionid=0220&day=2010-11-01