นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ กนพ. ได้เห็นชอบให้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก หรือนำร่องของไทย ใน 5 พื้นที่ชายแดน เพื่อให้ก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ในปี 58 คือ จ.ตาก จ.สระแก้ว จ.ตราด จ.มุกดาหาร และ จ.สงขลา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 1,000,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 15 ของปริมาณการค้ารวมของทั้งประเทศ ให้เพิ่มมากขึ้น
เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป เพราะล่าสุดแม้ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกจะติดลบที่ร้อยละ 1.2 แต่พบว่ามูลค่าการค้าชายแดนไทยกลับเติบโตมากขึ้นร้อยละ 10 - 15 การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 5 เขตดังกล่าวนั้น จะเน้นการตอบสนองต่อการเป้าหมายการพัฒนา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มการจ้างงาน และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน แก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามายังพื้นที่ตอนใน ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายจากเพื่อนบ้าน และปัญหาความแออัดตามด่านชายแดน
ทั้งนี้ในที่ประชุมหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ย้ำว่า หากมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาแล้ว ต้องเพิ่มรายได้ และอาชีพ ให้เกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งต้องส่งเสริมให้มีโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรตามแนวชายแดน เพื่อรองรับการใช้วัตถุดิบจากเพื่อนบ้าน ก่อนการส่งออกด้วย รวมทั้งกำชับให้ดูแลปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าว ให้เข้าระบบและเป็นมาตรฐาน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักเกณฑ์ และวิธีการสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษใน 4 เรื่องคือ เรื่องสิทธิประโยชน์ สำหรับการลงทุนที่จะเป็นไปตามกฎหมายการส่งเสริมลงทุน (บีโอไอ) และเขตปลอดภาษีของกรมศุลกากร การให้บริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ การสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าว และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และด่านศุลกากรในพื้นที่ เพื่อให้รองรับกิจกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงประเทศในภูมิภาค ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 3 ชุด เพื่อเสนอแนวทางดำเนินการต่อไป โดยกำหนดให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป ด้วยการกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจ
http://news.springnewstv.tv\